หมูสนามจริง

ถ้าโพสต์หยั่งงี้ สงสัยอาบังรวมตัวประท้วงแน่นอน

ปัญญาที่ปลักลากดำนามันหมด จึงซมซานมาหาปัญญากันที่นี่น่ะขอรับ

ข่าววงในรายงานมาว่า อีเห็นนั่งอีแต๊กไปหาข้อมูลที่เขมรอยู่ คาดว่าชาติหน้าตอนบ่ายๆจะกลับมาสู้ต่อ
ช่วงนี้รอให้ท่านโฆแกหายเบลอเสียก่อน คาดว่าเมื่อคืนจะเสียน้ำมาก

ภาพที่เห็นคือพระสงฆ์มาร่วมชุมนุมขับไล่ศาล
รู้อยู่ว่าไม่สมควร
แต่ไม่เห็นแดงจ๋าคนไหนออกมาให้ความเห็น วิจารณ์ ติติงกันสักคน
มีแต่เข้ามาแถไถ เฉไฉ บิดเบือน และกลบเกลื่อนความระยำตำบอน
ถ้าบอกว่านี่เป็นมือหนึ่งจากราชดำเนินแล้ว มันก็น่าให้คนที่นี่เขาดูถูกเว็บราชดำเนินอยู่หรอก
คุณภาพมันต่ำกว่ากันจริงๆ

ต่อให้ผ่าน กบว ก็ไม่สามารถฉายโรงได้หรอก

มันก็แค่หนังอินดี้ที่สร้างขึ้นมาเล่นงานเจ้าโดยตรง

เพราะมันรู้งัยหนังแบบนั้นให้ตายโรงใหนจะเอาเข้าฉาย

เพราะมันรู้งัยว่าจะโดนเเบน

เพราะมันรุ้งัยเมื่อองค์ประกอบครบสาวกจะบูชา

สงครามอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง

ลองอ่านที่มติชินเค้าสัมภาษณ์ผู้กำกับ http://www.matichon....atid=&subcatid=

อ่านเนื้อเรื่องแล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจ พอๆกันกับชื่อเรื่อง
แต่จุดมุ่งหมายจริงๆ อยู่ที่ย่อหน้าสุดท้ายของบทสัมภาษณ์นี่เอง

(ยกมา)"คือผมคิดว่า บ้านเรามีการจัดเรตหนังแล้ว ผมคิดว่า ไม่ควรจะมีการแบนครับ คือถ้ามีการจัดเรตชัดเจนแล้ว
ผมคิดว่าควรจะให้เรตแล้วก็ให้ออกฉาย และผมคิดว่า ควรที่จะให้เกียรติและให้ประชาชน
เป็นคนตัดสินเองว่าหนังเรื่องนี้มีทัศนคติที่ดีหรือแย่ยังไง ไม่ใช่ว่าให้คนไม่กี่คนมาตัดสินใจแทนคนทั้งประเทศ
ซึ่งผมมองว่า ถ้าหนังผมมันมีทัศนคติที่ทำให้คนเข้าใจผิดกันได้ ซึ่งผมคิดว่า สุดท้าย ผลลัพธ์ คนที่ได้ดู
มันน่าจะสะท้อนกลับมาผมเอง ซึ่งผมคิดว่า ควรจะให้เกียรติประชาชนให้ได้คิดเองบ้างครับ"

ก้าวแรกคือล้มระบบเซนเซอร์ให้ได้ ก้าวต่อไปคือการวิจารณ์...อย่างอิสระ

แต่หากเป็นไปได้ผมอยากวอนขอเพื่อนๆ

พี่ๆ สมาชิกงดตอบโต้พวกตัวป่วนเท่าที่ทำได้เถอะครับ

หลังๆมา ผมเห็นชื่อคนโพสท์ก็ไม่อ่านแล้วครับ เมนท์มาก็ไม่อ่าน
เอาเป็นว่า ลงชื่อร่วมมือตรงนี้ด้วยครับ

ที่พันทางผมก็ใช้เลขบัตรปชช.เล่น
ไม่ค่อยสนุก ออกความเห็นไม่มันส์ เพราะไม่รู้ว่าแอดมินเป็บข้างแดงกี่มากน้อย (โดยส่วนตัวที่ผ่านมา เชื่อว่าแดงล้วน)
วันไหนเกิดเขม่น ไปตรวจสอบถึงที่อยู่ที่กิน จะเดือดร้อน
อยู่ดี ๆ ไฟไหม้บ้าน จะหามือที่ทำไม่ได้

เดี๋ยวนี้มาตรฐานตกต่ำถึงระดับเดียวกับเว็บ Go6 แล้วนะนี่

ผมว่า ประเทศไทย คือ ประเทศไทย....ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
กับประเทศไทย เกิดจาก ( นักการเมือง) ไม่ได้ทำเพื่อ ---
ประชาชน...ดังที่ ..พูดจาหาเสียง.(ประชาชนที่ผมพูดนี้ หมาย
ถึงคนทั้งประเทศ. ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง.) ถ้านักการเมือง
ทำเพื่อความเจริญของบ้านเมือง..ประเทศไทย..คงไม่เป็น
อย่างที่เห็น..( กลุ่มธุรกิจการเมือง+ กลุ่มผลประโยชน์ ) นี่
แหละคือตัวทำลาย บ้านเมือง...

พวก(ที่มันคิดว่าตัวเอง)ตาสว่าง มันไม่คิดอย่างนั้น
เสียงส่วนใหญ่มันบอกว่า ยอมรับนักการเมืองโกงได้ ถ้าตัวเองได้ประโยชน์
แล้วก็อ้างว่าต่างประเทศก็มีการคอรัปชั่นเหมือนกัน
แต่ไม่พูดถึงว่านักการเมืองประเทศอื่น เขามีอุดมการณ์ เขารักชาติของเขามาก
ทำอะไรผิดพลาดเล็กน้อย ก็ลาออกแล้ว
แต่ไม่ยักกะสงสัยว่าทำไมมันหาได้น้อยนัก ในการเมืองไทย

เรามีฝ่ายค้านทำหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของประเทศแทนที่จะเป็นฝ่ายรัฐบาล

เรามีฝ่ายค้านทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ประชาชนกลุ่มหนึ่งกลับไม่ชอบ แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาลเอาผลประโยชน์นั้นไปให้เขมร ประชาชนกลุ่มนั้นกลับชื่นชอบที่จะเห็นประเทศไทยเสียผลประโยชน์ให้เขมร

เรามีฝ่ายค้านที่มีมันสมองระดับโลก ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไม่รู้แม้กระทั่งเขมรอยู่ในเอเชียหรือเปล่า

เรามีฝ่ายค้านที่ปกป้องสิทธิของประชาชน (ใน รธน.มาตรา ๖๘) แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับริดรอนสิทธินั้นทิ้งด้วยการแก้มาตรานี้

 

งงโว้ยยย

คุณไม่รู้เหรอ เมืองไทยมีพวก"ตาสว่าง"อยู่เยอะ
พวกที่เลือกผู้แทนเฮงซวยเข้าไปบริหารการโกงทุกวันนี้นี่แหละ
แถมไม่ยอมให้เรียกว่าควายด้วยนะ
เอ้าไม่เรียกว่าควายก็ได้ เรียกว่าพวกตาสว่างนี่แหละ
(ก็ให้เขาแหกตาอยู่ทุกวี่วัน ตาก็เลยสว่างไงล่ะ ฮา)

คงกะจะสร้างตำนาน มานพ ชาญช่างทอง  ก่อนยุคแป๊ะอำพน SMS แต่ขอโทษที โกหกไม่เนียนเลย คงไม่ได้ปรึกษากับสิงห์หมดอายุ....กร๊ากกก

 

 

 

http://www.uddtoday....85#.UWU6pJzpdGc

เปิดชีวิต"มานพ"ซาเล้งชุดดำ-เล่าที่มาภาพถ่ายเดินถือปืน

• โพสต์โดย แดงขั้นเทพ เมื่อ กันยายน 9, 2012 เวลา 7:16am ใน คอลัมภ์การเมืองจากสำนักข่าวต่างๆ
• ดูสนทนา

เมื่อ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" เดินทางไปพบนายมานพ ชาญช่างทอง คนเก็บของเก่าขาย ซึ่งเป็นบุคคลในภาพที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าเป็นชายชุดดำ โดยพบว่านายมานพพักอาศัยอยู่ที่บ้านใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กับภรรยาและ ลูกๆ รวม 4 คน ภายในบ้านโทรมๆ ที่ปลูกขึ้นเอง ด้วยไม้เก่าแผ่นป้ายโฆษณา มาทำเป็นฝาบ้าน และสังกะสีเก่าๆ ที่เก็บได้มามุงหลังคา นอกจากนี้ ยังเลี้ยงเป็ดและปลูกผักไว้กินเอง และชาวบ้านใกล้เคียงส่วนใหญ่สงสารครอบครัวนายมานพ มักจะนำอาหารและขนมมาให้เป็นประจำ

นาย มานพกล่าวว่าไปร่วมชุมนุมกับนปช. ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2553 เนื่องจากเห็นว่าประชาชนถูกกลุ่มอำมาตย์ปล้นประชาธิปไตยไป จึงต้องการไปทวงคืนกลับมา ทำหน้าที่เป็นการ์ดอาสาช่วยดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องเสื้อแดงที่มาชุมนุม เข้าเวรยามช่วงเที่ยงคืนถึงเช้า อีกทั้งทุกๆ วัน จะมีหน้าที่ซื้อหนังสือพิมพ์ให้แกนนำ เวลาที่เหลือก็จะเดินเก็บขวดน้ำ กระป๋องน้ำอัดลมในพื้นที่ชุมนุม เพื่อนำไปขายหารายได้ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 สถานการณ์ที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศเริ่มตึงเครียด มีเฮลิคอปเตอร์โปรยใบปลิว และโยนแก๊สน้ำตาลงมา พอช่วงเย็นก็เริ่มมีเสียงปืนดังขึ้น

ซาเล้งเก็บของเก่ากล่าวต่อว่า ขณะนั้นทราบมาว่ามีกำลังทหารนำรถถังและรถหุ้มเกราะมาปิดล้อมพื้นที่ด้าน โรงเรียนสตรีวิทยา และแยกคอกวัว แกนนำประกาศบนเวทีขอกำลัง 5,000 คน ไปช่วยผู้ชุมนุมที่คอกวัว จึงเดินทางไปช่วย และใช้เวลาเดินทางนานมาก เนื่องจากทหารปิดถนนหลายสาย ไปถึงเที่ยงคืนกว่า และเสียงปืนก็เงียบลง เห็นกลุ่มทหารกว่า 30 นาย พร้อมอาวุธปืน ตกอยู่ในวงล้อมของผู้ชุมนุมที่บริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา เห็นท่าไม่ดีจึงประสานกับทางแกนนำว่าจะเอาอย่างไรกับทหารกลุ่มนี้ หากปล่อยไว้คงจะอันตราย 

นายมานพกล่าวว่า จากนั้นก็เข้าไปพูดกับนายทหารผู้คุมกำลัง เพื่อขอปลดอาวุธทั้งหมด และจะพาออกไปอย่างปลอดภัย ทหารก็ยอม จึงเข้าไปปลดอาวุธ เป็นปืนทาโวร์ 4 กระบอก และเอ็ม 16 ก่อนจะนำปืนไปมอบให้แกนนำที่เวทีผ่านฟ้าฯ ระหว่างที่นําปืนออกมาก็มีช่างภาพหลายคนเข้ามาถ่ายรูป ขณะลำเลียงปืนไปที่เวที จนกระทั่งถูกกล่าวหาเป็นชายชุดดำ และจำเลยคดีก่อการร้าย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะถือปืนหลายกระบอกมายิงกับทหาร และก็ยิงปืนไม่เป็น ไม่เคยเป็นทหาร จึงขอความเป็นธรรมด้วย

"ในวันเกิดเหตุ ผมใส่เสื้อดำและสวมไอ้โม่งดำจริง เพราะเห็นคนอื่นใส่เท่ดี จึงใส่บ้างไม่ได้คิดร้ายอะไร และที่ใส่ถุงมือก็เพื่อไว้จับกระป๋องแก๊สน้ำตาที่ทหารโยนใส่ผู้ชุมนุมเท่า นั้น อีกทั้งไอ้โม่งดำคลุมหัว ก็เพราะเป็นคนหัวล้าน หากรู้มาก่อนว่าใส่ไม่ได้ก็คงไม่ทำ" นายมานพ กล่าว

นาย มานพกล่าวอีกว่า ส่วนวันที่ 19 พ.ค.2553 สถานการณ์ตึงเครียดทั้งวัน หลังแกนนำประกาศบนเวทียุติการชุมนุม และให้ผู้ชุมนุมไปหลบภายในวัดปทุมฯ ตนก็เข้าไปหลบอยู่ด้านในวัด ไม่ได้ออกมา แต่ได้ยินแต่เสียงปืนดังอยู่ด้านนอก และในวัดขณะนั้นก็มีคนถูกยิงบาดเจ็บและตายหลายสิบราย จนกระทั่งเช้าวันที่ 20 พ.ค.2553 ตำรวจนำกำลังเข้ามาช่วยพาตัวผู้ชุมนุมทั้งหมดออกจากวัดและพากลับบ้าน จากนั้นก็กลับที่พักย่านบางบัวทอง ไม่ได้หนีไปไหน และยังคงขับซาเล้งเก็บขวดกระดาษเหมือนเดิม

"หลัง จากอยู่บ้านได้ 2 เดือน ก็มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 30 คน นำหมายจับคดีก่อการร้าย มาบุกจับผมถึงบ้าน นำตัวมาแถลงข่าว โดยจับตามภาพถ่ายขณะที่ผมสวมไอ้โม่ง และสะพายปืน ถูกข้อหาบุกโรงแรมเอสซีปาร์ค ทั้งๆ ที่ไปโรงแรมยังไม่ถูกเลย ผมพยายามอธิบายแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ลองคิดดูหากเป็นชายชุดดำ หรือผู้ก่อการร้ายจริง ผมจะมานั่งเก็บขยะอยู่แบบนี้หรือ หลังถูกจับก็ต้องอยู่ในคุกนานหลายเดือน จนกระทั่งมีผู้ใหญ่นำเงิน 600,000 บาท มาช่วยประกันตัวออกมา ทุกวันนี้ผมก็ยังเก็บขยะขาย รายได้เฉลี่ย 2-3 วัน ประมาณ 300 บาท" นายมานพกล่าว

 

ความจริงมันเจ็บปวดตรงที่ ยึดประชาธิปไตยมาใส่มือแม้วได้แล้ว
ตัวเองยังปั่นซาเล้งเก็บของเก่าขายอยู่เหมียนเดิมน่ะสิ

(ความเห็นส่วนตัว)
ภาพของ ปชป.เคยดีขึ้นเมื่อคราวน้ำท่วม เพราะเห็นผู้แทนลงพื้นที่จริง (อันนี้ไม่เกี่ยวกันกับคุณชาย)
หรือเมื่อคราวที่ทวงคืนเสื้อสีแดง ก็ดูดี (ไม่รู้ทำไมเลิกไป)
ไม่รู้ตรรกะผมจะถูกหรือไม่ แต่เห็นว่าควรจะแยกกันระหว่างการจะอยู่ข้างประชาชน
กับการอยู่ตรงข้ามทักษิณตลอดเวลา
ลองคิดว่าทำยังไงให้ประชาชนรู้สึกเหมือนเพื่อน คอยดูแลกัน

แทนที่จะมุ่งจับผิดพวกตรงข้าม ถ้าประชาชนมีใจให้อีกฝ่ายมากกว่า เขาก็ไม่ฟังเราอยู่ดี

อย่างกรณีเรือคลองแสนแสบสาดคลื่นใส่ประชาชน ถ้าปชป.เข้าไปดูแลบ้าง หาคนรับผิดชอบบ้าง จะดีแค่ไหน

ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนดูแลกันเอง โซเชียลเน็ตเวิร์คประนาม แล้วเรื่องก็หาย...

ผมมีเพื่อนที่เป็นเสื้อแดงเยอะ เดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยว่าทักษิณให้เข้าหูเขา

แต่จะไถ่ถามชีวิต ความเป็นอยู่ ความลำบากในชีวิต

(บางครั้งจะไล่จนเขาวนเข้าไปว่าระบอบทักษิณเอง แต่ไม่ค่อยมี เพราะส่วนมากจะมองทักษิณคือพระเจ้า)

แต่จะคุยไปเรื่อย ๆ จนเขาคิดได้เอง

และก็ให้ความช่วยเหลือกันตามประสาคนไทย

คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เชื่อว่าทักษิณเก่ง จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้

(แต่ก็เห็นทักษิณแก้ปัญหาของตัวเองด้วยถุงขนมมาตลอด

ส่งถุงขนมไปสลาย ตัดตอนระเบียบ ระบบ กระบวนการต่าง ๆ
ขณะที่ปัญหาของคนเสื้อแดง ทักษิณไม่ควักกระเป๋าตัวเองสักบาท)
เมื่อระเบียบถูกทำลายได้ด้วยเงินตัวเดียว ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความยุติธรรมก็เกิด

สุดท้ายปัญหาสองมาตรฐานก็ย้อนกลับไปหาคนเสื้อแดงอีก เหมือนเดิมไม่รู้จบ

ปัญหาของคนเสื้อแดงจะจบ ก็ต่อเมื่อเลิกเชื่อคนชื่อทักษิณได้เสียที

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

2 พฤศจิกายน 2549

“ผมขอโทษแทนรัฐบาลชุดที่แล้ว และขอโทษแทนรัฐบาลนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดที่แล้ว ผมมาขอโทษแทน ผมอยากยื่นมือออกไปแล้วบอกว่าผมเป็นคนผิด ผมขอกล่าวคำขอโทษด้วยด้วยใจจริง”

นี่คือคำกล่าวบนเวทีปาฐกถาพิเศษของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต่อหน้าผู้สูญเสียและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตากใบ ต่อหน้าประชาชนนับพันคน รวมทั้งผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ประธานและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้นำศาสนา ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่สำคัญเป็นการพูดต่อหน้าผู้สูญเสียสามีและญาติพี่น้องไปในเหตุการณ์ ครั้งนั้น

 

http://www.deepsouthwatch.org/node/39

 

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ 26 พ.ค. 2554

"I admit, being a policeman you are taught to use both iron fist and velvet glove. I used more iron fist and now I regret it. I should use more velvet glove. This is what I will change."

 

อย่างไรก็ตาม  พตท.ทักษิณ ยังยอมรับว่า การกระทำที่รุนแรงต่อชาวมาเลย์มุสลิมในภาคใต้สมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นความผิดพลาด และว่าการเป็นตำรวจ ทำให้ถูกสอนมาว่าต้องใช้ทั้งกำปั้นเหล็กและถุงมือกำมะหยี่  ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ใช้กำปั้นเหล็กมากเกินไป และเสียใจกับสิ่งที่เคยทำมา แต่ในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงไป

หมดกัน. รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ หาดใหญ่ ของผม

ขอถามหน่อยครับน้าโจ แล้วโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย จีนของ ปชป
มีอะไรที่แตกต่างบ้างครับ ผมยังแอบเชียร์เผื่อยังมีโอกาสได้นั่ง
รัฐบาลใหนๆก็เถอะครับ จุดคุ้มทุน บริหารจัดการ ถ้าคิดกันให้ดีดี
เราน่าจะทำได้

"เรื่องของรถไฟความเร็วสูง - แล้วถ้าเป็นประชาธิปัตย์เราจะทำ