แดงตอแหลในเฟสว่าเป็นสภาพศูนย์ราชการหลังจากม๊อบออกไปแล้ว อยากไปเถียงแต่ไม่มีข้อมูล
รบกวนพี่ๆ ที่นี่ ท่านใดพอจะมีข้อมูลบ้างไหมครับ?
- เกลียดคุณแม้วจังครับ likes this
กวี hasn't added any friends yet.
โดย กวี on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 10:50
แดงตอแหลในเฟสว่าเป็นสภาพศูนย์ราชการหลังจากม๊อบออกไปแล้ว อยากไปเถียงแต่ไม่มีข้อมูล
รบกวนพี่ๆ ที่นี่ ท่านใดพอจะมีข้อมูลบ้างไหมครับ?
โดย กวี on 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 08:23
น่าจะจัดให้ผู้ชุมนุม เล่นจิตวิทยาด้วยการเอาข้าวเที่ยงดีๆ ให้ผู้ชุมนุมกินกันริมกำแพงเป็นแถวๆ ยั่วฝั่งตรงข้ามบ้างนะครับ
ผมว่าฝ่ายโน่นคงใจท้อถอย ไม่อยากฟังผู้บังคับบัญชาหรอกครับ เพราะเป็นตำรวจผสมจากหลายที่ แค่ข่าวอมเบี้ยเลี้ยงก้อถอดใจอยู่แล้ว
กลับกันผมว่าถ้าเราแบ่งอาหารจากฝั่งเราไปให้ตำรวจบ้าง น่าจะเป็นภาพที่สวยงามออกไป และซื้อใจตำรวจระดับล่างได้บางส่วนนะครับ
โดย กวี on 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:51
30. ปลาเลียหิน หากินตะไคร่ที่ขึ้นกับหินตามแหล่งน้ำไหล พบมากในบริเวณแก่งลานนกยูง ปลาสกุลนี้ทั้งหมด ไม่สามารถอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่งได้ครับ
31. ค้อสามแถบเป็นปลาที่พบเฉพาะบริเวณลำธารที่ราบครับ
32. กลุ่มแมลงปอเข็มน้ำตก พวกนี้อยู่กับน้ำไหลเช่นกัน
33. บางตอนของลำน้ำจะแบ่งเป็นแก่งเล็กแก่งน้อย สร้างเขื่อนก็ถมหมดครับ สร้างเขื่อนแล้วแก่งมันจะมาจากไหน?
34. ใครว่าง ลองหาเวลาไปเที่ยวกันครับ
โดย กวี on 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:50
9. ลานนกยูงมีนกยูงจริงไหม? มีสิ มีเยอะด้วย พบเห็นได้ง่ายด้วย และเป็นพันธุ์ไทยแท้แน่นอน หินก้อนนี้อยู่ตรงข้ามกับถนนเลย ไปดูได้ทุกวันครับ ภาพไม่ได้ถ่ายจากที่อื่น
10. หนุ่มนี้ จีบสาวอยู่ข้างลานจอดรถเลยครับ วิธีการจำแนกยูงไทยออกจากยูงอินเดียง่ายๆ คอเขียว แก้มเหลือง จุกตรง ครับ
11. คุณแม่พาคุณลูก(โข่งพอควรแล้ว)ออกหากินอยู่ตรงลานหน้าที่ทำการหน่วยแม่เรวาเลยหล่ะ
12. มาดูป่ากันบ้าง จริงไหมว่าตรงนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม อันนี้เป็นป่าด้านนอก บริเวณที่เคยมีคนอยู่ โล่งนิดหนึ่งครับ
13. ภาพนี้เป็นบริเวณใกล้ๆกับหน่วยขุนน้ำเย็น เป็นป่าด้านในส่วนท้ายสุดของเขื่อน เป็นป่าสักที่สมบูรณ์มาก ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่เต็มไปหมด มีร่องรอยของสัตว์ป่าให้เห็นทั่วไป
14. โป่งเทียมริมถนน พบรอยเท้าสัตว์กีบ พวก เก้ง กวาง และ หมูป่า ครับ
15. ซากอีเห็น น่าจะเป็นผลงานของเสือขนาดเล็ก
16. อึสัตว์กินผลไม้ น่าจะพวกอีเห็นนี่แหล่ะ
17. รอยเท้าสัตว์กีบ ขนาดใหญ่ทีเดียว
18. บรรยากาศป่า
19. กลับมาที่ป่าด้านนอก ป่าบริเวณนี้เคยโดนสัมประทานไม้ครับ เห็นต้นสักแบบที่งอกออกมาจากตอเก่าของต้นแม่แบบนี้อยู่ทั่วไป
20. มาดูพวกแมง/แมลงกันบ้างครับ ผีเสื้อริมลำน้ำ
21. จั๊กจั่นงวง
22. แมลงสาปยังสวย อิ อิ
23. เดินป่าให้สมบูรณ์แค่ไหน คืนหนึ่งเจองูสักตัวสองตัวก็หรูแล้ว คืนนั้นที่เดินเจอสองตัวครับ ตัวนี้งูปี่แก้ว เป็นงูไม่มีพิษครับ
24. งูปล้องฉนวนบ้าน เจอไล่งับกบอยู่ริมลำธาร
25. พืชบางกลุ่มต้องการโขดหินริมลำธารเป็นบ้านครับ
26. พวกนกหัวขวานพวกนี้ชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่งสักหน่อย
27. โมกหลวงขึ้นอยู่ริมน้ำเลย
28. สาหร่ายที่เก็บจากลำน้ำแม่วงก์ สามารถนำมารับประทานได้
29. กวาวเครือ เป็นพืชสมุนไพร
โดย กวี on 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 13:49
โดย กวี on 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:46
โดย: ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
บทความอ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 137/2556: 8 ตุลาคม 2556 ย้ำไม่มีเสือในพื้นที่สร้างเขื่อนแม่วงก์
http://www.area.co.t...uncement577.htm
เรื่องป่าบริเวณนี้ไม่สำคัญ
จริงๆเรื่องความสำคัญของป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนแม่วงก์ได้มีผู้เขียนถึงไปเยอะมากว่าทำไมเราถึงต้องรักษาไว้ แต่ในเมื่อท่านยังไม่ได้อ่าน ก็จะเขียนให้ฟังอีกครั้งว่าทำไมเราถึงคิดว่าป่าบริเวณนี้มีความสำคัญ
1. บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำครับ ท่านทำอสังหาริมทรัพย์น่าจะทราบดีว่า พื้นที่ราบริมน้ำเป็นพื้นที่ๆราคาแพง ใครๆก็อยากอยู่ เพราะมันอยู่ง่ายเดินง่าย มีน้ำใช้ตลอดปี สัตว์ป่าก็เช่นเดียวกันครับ พื้นที่ป่าตะวันตกที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีพื้นที่ราบจริงๆ ก็แค่บริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ราบแถวห้วยขาแข้ง และริมลำน้ำแม่วงก์แถวนี้ครับ เราจึงอยากรักษาป่าตรงนี้ไว้ให้สัตว์
2. ตามภาพ จะเห็นว่าริมลำน้ำจะมีป่าหญ้าอยู่ ป่าหญ้าพวกนี้ส่วนหนึ่งจะตายลงในฤดูน้ำหลาก และจะขึ้นมาใหม่เมื่อน้ำลดลง ซึ่งจะเป็นอาหารที่ดีมากของสัตว์กินพืชครับ ลองนึกภาพสัตว์เป็นคนก็ได้ครับ มีบ้านอยู่เป็นป่า มีแหล่งอาหารขึ้นอยู่ชายป่า ถัดไปเป็นแหล่งน้ำ มันเป็นทำเลทองจริงๆครับ ในหลักการการบริหารประชากรสัตว์ป่าให้เพิ่มจำนวนการเพิ่ม Edge ซึ่งเป็นรอยต่อของป่ากับระบบนิเวศเปิดโล่งเช่นทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้าริมลำน้ำ เป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ ขอยกตัวอย่างให้เห็นที่เขาใหญ่ที่มีการถ่างป่าออกบางส่วนและบริหารให้เป็นทุ่งหญ้า จะมีสัตว์กินพืชออกมาใช้พื้นที่เป็นจำนวนมากครับ ไม่ว่่าเสือจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณนี้หรือไม่ก็ตาม การที่ประชากรอาหารของเสือในพื้นที่นี้มีมากและเพิ่มขึ้น ในที่สุดแล้วสัตว์เหล่านี้ก็ต้องกระจายตัวออกไปนอกพื้นที่ให้***ินอยู่ดีครับ
3. มีสัตว์บางชนิดต้องการพื้นที่เฉพาะลักษณะแบบนี้เพื่อการดำรงชีวิต เช่น นกยูง ซึ่งชอบอาศัยอยู่ในป่าริมน้ำที่มีหาดหิน หาดทราย ปลาตะพากส้ม ซึ่งอาศัยอยู่เฉพาะในลำน้ำที่ราบที่น้ำไหล เป็นต้น
ภาพจาก hugaz.com
เรื่องป่าตรงนั้นไม่มีเสือ
เรื่องเสือจะมีหรือไม่ในป่าบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อน จริงๆแล้วผมคิดว่าทางผู้วิจัยคือ WWF และกรมอุทยานฯ น่าจะตอบได้ดีกว่าผม(และท่านดร.) แต่ก็ไม่มั่นใจว่าท่านจะมีเวลามาตอบหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วผมเคยพบแต่รอยเท้าเสือขนาดเล็ก(น่าจะเป็นเสือไฟ) อยู่ในบริเวณพื้นที่เขื่อน นอกจากนั้นยังพบรอยเท้าของสัตว์กินพืชที่เป็นอาหารของเสือโคร่งเยอะมาก (เห็นเก้งกับตาหนึ่งครั้ง) คือมีป่า มีน้ำ มีอาหาร เสือมีตีน ทำไมเสือมันถึงจะไม่ลงมาครับ? แต่ถ้าท่านยังยืนยันว่าต้องการหลักฐาน ในกรณีของเสือโคร่ง ครั้งสุดท้ายที่ผมได้คุยกับนักวิจัยผมเข้าใจว่าสามารถดักถ่ายภาพเสือจากพื้นที่สร้างเขื่อนได้แล้ว และเมื่อปีที่แล้วก็ได้ยินว่าดักถ่ายได้ห่างจากจุดที่น้ำจะท่วมถึงเพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้ไกลเลยสำหรับสัตว์ที่มีพื้นที่หากินกว้างอย่างเสือ ผมว่าท่านเลิกยกประเด็นเรื่องป่าตรงนี้ไม่มีเสือเถิดครับ อีกสักพักคงจะมีข้อมูล หลักฐานทางวิชาการออกมายืนยันได้เยอะมากครับ
เรื่องป่าบริเวณนี้ถูกล้อมรอบด้วยชาวบ้านและชุมชน
อีกข้อที่ท่านให้ข้อมูลไม่ตรงนักและเน้นย้ำอยู่ในทั้งสองบทความ คือการใช้คำว่า ป่าตรงที่จะมีการสร้างเขื่อน “ล้อมรอบไปด้วยบ้านชาวบ้านและชุมชนมากมาย” ทำให้คนอ่านคิดไปได้ว่าป่าตรงนี้เป็นเกาะ มีคนอาศัยอยู่ล้อมรอบหมดทุกด้าน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว อย่างน้อย 3 ทิศ คือทิศเหนือ ทิศตะวันตก และทิศใต้ พื้นที่ๆจะถูกสร้างเขื่อนติดป่าสมบูรณ์มีแต่เพียงด้านตะวันออกซึ่งติดกับชุมชนและรีสอร์ทไม่กี่แห่งครับ ภาพพื้นที่ดูได้จากบทความนี้ครับ มีระบุจุดแนวสันเขื่อนอยู่ น้ำจะท่วมไปทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของภาพ) ซึ่งเป็นป่าทั้งสิ้น http://siamensis.org/article/38862
กรณีข่าวเสือที่ท่านยกมาเป็นประเด็นว่าถ้าแม่วงก์มี***็ต้องออกมาขบชาวบ้านแล้ว
ผมได้วิเคราะห์ข่าว Hard fact ของท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ไม่ได้สรุปออกมาเนื่องจากง่วงนอน (ตีสาม) แต่ในเมื่อท่านยังยืนยันใช้ข้อมูลชุดเดิมจึงขออนุญาตวิเคราะห์แต่ละข่าวให้ท่านดังนี้ครับ
1. ข่าว “ชาวบ้าน อ.ประทาย โคราช ออกไล่ล่าเสือโคร่ง หลังพบออกมาหากินในพื้นที่” (www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1374306107)
- ผมดูจาก Google พบว่า อ.ประทายอยู่กลางทุ่ง มีป่าอยู่เพียง 3,000 ไร่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสือขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ
- ในเนื้อหาของข่าว มีส่วนที่ระบุชัดเจนว่าผู้ใหญ่บ้านบอกว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดจากรถขนสัตว์เถื่อน (ท่านดร.ได้อ่านเนื้อข่าวไหมครับ? เพราะผมงงมากที่ผมชี้ให้เห็นจุดนี้แล้วท่านยังยืนยันอ้างอิงข่าวนี้ขึ้นมาอีก)
- ข่าวเดียวกันนี้ในเว็บไซท์ของข่าวสด ลงภาพรอยตีนด้วย ซึ่งจากภาพจะเห็นว่ามีรอยเล็บเท้าชัดมาก รอยตีนเสือโคร่ง/ดาวไม่มีเล็บเท้าครับ จากภาพฟันธงได้เลยว่ารอยตีนหมาครับ http://www.khaosod.c...kl4TURjMU5nPT0=
2. ข่าว “ชาวบ้านพบเสือ 2 ตัว - ผู้ว่าฯ ตาก วอนอย่าล่า (เพราะออกมาจากป่าสมบูรณ์)” (http://hilight.kapยook.com/view/57796)
สองตัวนี้ชัดเจนว่าออกมาจากป่าสมบูรณ์ คงหลงออกมา ไม่ได้ทำอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด ไม่มีข่าวเพิ่มเติมของเสือสองตัวนี้อีกเลย
3. ข่าว “เสือเบตง สิ้นฤทธิ์ จับตายเสือเบตง หลังตะปบชาวบ้านดับ 3 ราย” (http://hilight.kapook.com/view/79574)
ตัวนี้ได้ให้ความเห็นไปแล้วว่าอาจจะเป็นเสือป่าจริงๆ
4. ข่าว “ชาวบ้านขอนแก่นผวา เสือดาวบุกกินไก่ วอน จนท.เร่งล่า” (www.thairath.co.th/content/region/358936)
เป็นอีกกรณีที่เสือโผล่ออกมาอยู่กลางทุ่ง ซึ่งถ้าอ่านข่าวให้ละเอียดก็จะเห็นว่ามีการให้ความเห็นว่าเป็นเสือที่ถูกปล่อยหรือหลุดออกมาระหว่างลักลอบขน เป็นชุดเดียวกับเสือโคราชในข้อ 1
5. ข่าว “ชาวบุรีรัมย์ผวาพบเสือ-รอยเท้าเกลื่อนขณะเข้าป่าหาเห็ด วอน จนท.เร่งจับตัว” (http://www.manager.c...D=9560000096492)
รอยตีนตามภาพข่าวเห็นรอยเล็บชัดเจน ฟันธงอีกครั้ง ตีนหมาครับ
พอจะสรุปได้ว่าใน จำนวน 5 ข่าวของท่านมีเพียง 2 ข่าวที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นเสือออกมาจากป่าจริงๆ และมีเพียงตัวเดียวที่ก่อปัญหาและถูกจัดการไปแล้ว ส่วนอีก 3 ข่าว ไม่เสือหลุด/ปล่อยตามที่ผมชี้ไปแล้วในบทความก่อน ก็หมาน้อยธรรมดาครับ
ส่วนกรณีที่ท่านบอกว่าผม “จับแพะชนแกะ” เรื่องอ้างถึงพื้นที่ป่าของประเทศญี่ปุ่นขอชี้แจงดังนี้ครับ
ตามที่ได้ระบุไว้ในบทความแรกว่าผมอยู่ระหว่างการท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ขับรถมาค่อนข้างไกลพบว่าญี่ปุ่นมีป่าเหลืออยู่มาก (ลูกผมอายุ 6 ขวบยังทักว่าทำไมป่าเค้ากว้างจัง) จำได้คุ้นๆว่าเคยอ่านเจอว่าเป็นประเทศที่มีพื้นที่ป่าปกคลุมประเทศสูงมากประเทศหนึ่งจึงลองค้นดูก็พบว่าสูงมากถึง 67%เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่เหลืออยู่เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วถ้าจะไม่ให้เกิดกรณีน้ำท่วมหลากโดยไม่เป็นธรรมชาติจะต้องมีพื้นที่ป่าอย่างน้อย 66% (สองในสามของพื้นที่) เรียกว่าตัวเลข 30% ของไทยนั้นน้อยเกินกว่าที่จะรักษาสมดุลไว้ได้อีกแล้ว ในพื้นที่เดียวกันของประเทศไทยจึงมีทั้งอุทกภัยและภัยแล้งห่างกันเพียงไม่กี่เดือน
เมื่อประเทศเรายังดิ้นรนจะทำลายป่าเพื่อการพัฒนากันอีก ผมจึงชี้ให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นเค้าใช้พื้นที่ๆมีอยู่น้อยมากให้เกิดประโยชน์สูงได้ ลองคำนวนพื้นที่ใช้สอยที่มีระหว่างสองประเทศแล้วเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวม พบว่าญี่ปุ่นใช้ที่ดินได้มีประสิทธิภาพกว่าเราประมาณ 47 เท่าครับ เราไม่จำเป็นต้องทำลายป่าอีกแล้ว แต่ขอให้ใช้พื้นที่ๆมีให้มีประสิทธิภาพกว่าในปัจจุบัน เราก็สามารถที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของเราต่อไปได้ครับ ผมคิดว่าผมใช้หน่วยเดียวกันและเขียนถึงเรื่องเดียวกันจึงไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงหาว่าผม “จับแพะชนแกะ”
จริงๆตั้งแต่เห็นท่านดร.โสภณ หันมาสนใจเรื่องเขื่อนแม่วงก์ผมก็ดีใจครับ ท่านเป็นนักประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีชื่อเสียง ผมอยากให้ท่านลองประเมินมูลค่าของเขื่อนแม่วงก์ดู โดยที่ไม่ต้องคิดถึงเสือ นกยูง หาดทรายสวยๆไว้ให้เด็กเล่นน้ำ หรือระบบนิเวศใดๆทั้งสิ้นเลยครับ ใช้ตัวเลขล้วนๆ รายจ่าย รายรับของเขื่อน แบบIncome Approach เลย ผมอยากฟังจากท่านจริงๆว่าสมมุตินะครับ สมมุติว่าเป็นโครงการที่ท่านจะลงทุน ท่านจะกล้าลงทุนในโครงการนี้หรือไม่? ผมเชื่อว่าระดับท่านคงหาข้อมูล EIA ทางด้านเศรษฐกิจมาได้ไม่ยากนักครับ หรือถ้าท่านไม่มีผมพร้อมที่จะส่งให้ครับ เป็น EIA ฉบับปี 2555 นะครับ
ขอแสดงความนับถือ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
9 ตุลาคม 2556
โดย กวี on 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 01:29
โดย: ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
Link: บทความ http://prachatai.com...l/2013/10/49084
จากกรณีที่ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ได้เขียนบทความลงในเว็บประชาไท โดยมีชื่อบทความและลิงค์ตามที่ได้อ้างถึงด้านบนนั้น ข้าพเจ้าในฐานะผู้เขียนบทความที่ท่านได้อ้างถึงสองบทความ คิดว่าจะเป็นการเสียมารยาทถ้าหากมีผู้ใหญ่มาตักเตือนแล้วไม่ออกมาไขข้อข้องใจให้ชัดเจน จึงเขียนบทความนี้เพื่อตอบท่าน โดยข้อแบ่งเป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ
1. เขื่อนแม่วงก์ไม่สามารถช่วยเหลือกรณีน้ำท่วมใหญ่ปลายปี พ.ศ. 2554 เนื่องจากเป็นเขื่อนขนาดเล็กและมีปริมาณการกักเก็บน้ำแค่ 1% ของปริมาณน้ำท่วมในคราวนั้นถูกต้องแล้วครับ และทุกครั้งที่ผมได้อ่านหรือฟังการบรรยายของ คุณศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ คุณศศินจะพูดต่อทุกครั้งว่านอกจากช่วยน้ำท่วมใหญ่ไม่ได้แล้ว ยังช่วย อำเภอลาดยาวก็ไม่ได้มากนัก เนื่องจากบริเวณที่สร้างเขื่อนรับน้ำจากผืนป่าที่สมบูรณ์ซึ่งค่อยๆปล่อยน้ำออกมาและมีพื้นที่รับน้ำไม่มากนัก (ในวันที่น้ำหลากท่วมอ.ลาดยาว ภาพถ่ายจากลำน้ำแม่วงก์ตรงจุดที่จะมีการสร้างเขื่อนน้ำยังไม่ได้ไหลแรงอะไรและยังใสอยู่เลยครับ) ในขณะที่น้ำที่ไหลท่วม อ.ลาดยาว จุดที่มีชาวบ้านออกมาเรียกร้องต้องการเขื่อนมากที่สุดนั้น เป็นน้ำหลากมาจากทุ่งฝั่งตะวันตกและเหนือของอำเภอ ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ๆเขื่อนแม่วงก์ช่วยเหลืออะไรได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับข้อมูลของกรมชลฯที่ระบุว่าถึงแม้จะมีเขื่อนแม่วงก์ก็ช่วยอำเภอลาดยาวได้แค่ 20% เมื่อพูดถึงตรงนี้คุณศศินจะพูดต่อว่า ถ้าจะช่วยแค่ 20% ไปขุดคลองให้ระบายน้ำออกจากอำเภอให้ดีขึ้น 20%ได้ใช้อาทิตย์หน้าเลยในขณะที่เขื่อนแม่วงก์ต้องรออีกตั้ง 8 ปี และใช้งบประมาณมากกว่ากันมหาศาล ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องพื้นที่รับน้ำของลำน้ำแม่วงก์มีอยู่ในบทความนี้ครับhttp://siamensis.org/article/38856
2. เรื่องบ้านของเสือ เวลานักอนุรักษ์บอกว่าป่าบริเวณนั้นเป็นบ้านแหล่งใหญ่ที่สุดของเสือ เราไม่ได้มองแต่พื้นที่บริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนแค่ 13,000 ไร่ตามที่ท่านเข้าใจ เราไม่ได้มองแค่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ครับ เรามองป่าตะวันตกทั้งผืน ส่วนอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อะไรทั้งหลายนั้นมนุษย์ไปตีเส้นเอง เสือไม่รับรู้ครับ ป่าผืนนี้เป็นป่าผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เป็นจุดที่มีเสืออาศัยอยู่มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เสือห้วยขาแข้งกับเสือแม่วงก์/คลองลาน จริงๆแล้วก็เป็นเสือประชากรเดียวกัน แต่เสือในป่าแม่วงก์และคลองลานเคยหมดไปเนื่องจากการถูกล่าและบุกรุก เมื่อเราดูแลรักษาอย่างดี เสือจากห้วยขาแข้งจึงกลับขึ้นมาอาศัยอยู่ในแม่วงก์ เสือตัวหนึ่งมีอาณาเขตการหากินกว้างมาก จึงไม่แปลกถ้ามันจะลงมาถึงบริเวณที่จะมีการสร้างเขื่อนซึ่งเป็นพื้นที่ราบริมแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีเหยื่อมาก ส่วนข้อมูลจำนวนเสือในป่านั้น ได้มาด้วยการสำรวจโดยใช้กล้องดักถ่ายภาพ แล้วใช้ลายของเสือมาจำแนกเสือแต่ละตัว ซึ่งนักวิจัยพบ “อย่างน้อย” 12 ตัว เป็นไปไม่ได้ที่จะวางกล้องดักถ่ายเสือได้ทั้งป่า ตัวเลขนี้จึงเป็นตัวเลข “อย่างน้อย” ซึ่งการมี***็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องออกมากินหมา กินควาย ขบคนตามที่ท่านจินตนาการ เสือ สัตว์ป่าทุกชนิด กลัวคนโดยสัญชาติญาณ ไม่จำเป็น ไม่ถูกบีบคั้นจริงๆ มันไม่ออกมาหรอกครับ พวกเสือตามข่าวที่ท่านยกมา ส่วนใหญ่ดูสภาพการแล้วว่าน่าจะเป็นเสือหลุด มีตัวที่เบตงที่ไม่แน่ใจเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเสือป่าก็น่าเสียดายเหลือเกินเพราะเป็นเสือโคร่งชนิดย่อยของทางใต้ที่เหลืออยู่น้อยมาก
ในกรณีของเสือนี้ นักอนุรักษ์มิได้ห่วงแต่แค่เรื่องการสูญเสียถิ่นอาศัยจากการสร้างเขื่อนเท่านั้น แต่ห่วงเรื่องการถูกล่าในระหว่างที่มีการก่อสร้างเขื่อน ซึ่งจะมีคนเข้าไปเป็นจำนวนมากในพื้นที่ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นเขตอุทยานชั่วคราว ห่วงทางรถที่จะมีการตัดเข้าไปเพิ่มเติมในป่าเพื่อตัดไม้ว่าต่อไปจะถูกใช้เป็นเส้นทางล่าสัตว์ หวงเรื่องอ่างเก็บน้ำที่จะทำให้การเดินทาง(ทางเรือ)เข้าไปทางตอนในของป่าเพื่อไปล่าสัตว์ง่ายขึ้น
อ้างอิง: http://wwf.panda.org/?211011/-
3. ตัวเลขจำนวนต้นไม้ เป็นตัวเลขที่ผมอ้างอิงจาก EIA ที่จัดทำโดยบริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งได้รับการว่าจ้างโดยกรมชลประทาน ตัวเลขนี้เป็นการประเมินตามหลักวิชาการป่าไม้ของผู้ทำรายงาน ผมมิได้นึกขึ้นมาเองแต่อย่างใดครับ ซึ่งจะขอชี้แจงต่อ ในกรณีที่ท่านเคยถามว่าเอาข้อมูลจากไหนมาต้านเขื่อนในเมื่อยังไม่มีการเผยแพร่ EHIA ขอเรียนว่าโครงการนี้ได้มีการทำการศึกษาEIA ไปแล้วในปีพ.ศ.2555 ซึ่งก็ได้ครอบคลุมเนื้อหาส่วนใหญ่ที่ได้นำมาใช้ในการคัดค้าน ส่วนกรณีของ EHIA เป็นการถูกสั่งให้ไปทำในส่วนของ H หรือส่วนของ Health เพิ่มเติมให้ละเอียดขึ้น ข้อมูลในส่วนเดิมอื่นๆ ซึ่งเป็นเนื้อหาหลักคือทางด้าน กายภาพ ชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และ คุณค่าคุณภาพของชีวิตนั้นเชื่อว่าไม่ได้มีใหม่หรือมีการแก้ไขมากนัก จึงเชื่อว่าใช้อ้างอิงในการคัดค้านได้ครับ ทั้งนี้ถ้ากรมชลประทานจะยอมให้พวกเราช่วยตรวจสอบ EHIA ฉบับปัจจุบันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
4. คลองส่งน้ำมิได้เป็นคำขู่แต่เป็นเรื่องจริงครับ คลองส่งน้ำชุดนี้ มีความกว้าง 50 เมตร มูลค่าก่อสร้างสูงกว่าค่าสร้างเขื่อนครับ ตัวลำน้ำแม่วงก์ตรงจุดที่จะสร้างเขื่อนยังกว้างไม่ถึง 50 เมตรเลยด้วยซ้ำ คงไม่มีลำน้ำคูคลองใดๆในพื้นที่แถวนั้นกว้างขนาดนั้นแล้ว จึงเชื่อได้ว่ามันกินพื้นที่ทำกินชาวบ้านแน่ๆ และก็น่าสนใจว่าถ้าหากทำคลองส่งน้ำกว้าง 50 เมตร สูง 20เมตร ทับลงไปบนเส้นทางน้ำหลากทางระบายน้ำเดิม (ตามที่มีการแนะนำ) น้ำฝนหรือน้ำที่หลากมาจะไหลไปทางไหน คลองส่งน้ำนี้จะกีดขวางการไหลของน้ำทำให้น้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่าปกติหรือไม่? และจะกักให้พื้นที่ๆซึ่งเคยได้รับน้ำหลากไม่ได้รับน้ำหรือไม่?
เรื่องที่ดินทำกินของชาวบ้าน ยังมีตรงบริเวณที่จะใช้ปลูกป่าทดแทนอีก 35,000 ไร่ ซึ่งระบุว่าเป็นพื้นที่รกร้างหรือป่าเสื่อมโทรม แต่ถ้าดู Google Earth จะพบว่าพื้นที่ๆจะใช้ปลูกป่าทดแทนเป็นพื้นเกษตรกรรมทั้งสิ้น ผมเห็นด้วยถ้าหากจะมีการยึดที่ดินป่าที่ถูกบุกรุกคืนมาเพื่อปลูกป่า แต่การจะอ้างว่าจะไม่มีใครเดือดร้อนจากการกระทำดังกล่าว ไม่มีการจ่ายค่าเวรคืน และไม่เคยมีการพูดถึงเลยจากกลุ่มนักการเมืองที่ต้องการสร้างเขื่อน ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและเป็นธรรมกับคนชายขอบเหล่านั้น
อ้างอิงและข้อมูลเพิ่มเติม: http://siamensis.org/article/38862และ http://www.siamensis.org/article/35988
5. เรื่องทุจริต เห็นด้วยกับท่านครับ
ในส่วนเรื่องการล่ารายชื่อเพื่อการคัดค้านการสร้างเขื่อน ซึ่งท่านได้นำไปเปรียบเทียบว่าจะล่ารายชื่อผู้ที่อยากได้เขื่อนนั้น ผมมีข้อสังเกตดังนี้ครับ
1. ป่าแม่วงก์ เป็น “อุทยานแห่งชาติ” ซึ่งเป็นของคนไทยทุกคน เป็นสมบัติของสาธารณะที่เราใช้ร่วมกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ผมจึงคิดว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิ์ในการร่วมตัดสินใจในครั้งนี้ เราไม่สามารถให้สิทธิ์“คนบ้านใกล้” มาตัดสินใจใช้ทรัพยากรส่วนรวมเพียงกลุ่มเดียวได้ เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ก็เหมือนกับคนในซอยบ้านผม วันหนึ่งรุกขึ้นมาบอกว่า จะปิดซอยในบริเวณดังกล่าวเพื่อสร้างเป็นส่วนสาธารณะประจำซอย ผมก็คงไม่สามารถทำได้ แม้นว่าจะเป็นซอยหน้าบ้านผม อุทยานแห่งชาติก็เป็นของสาธารณะอย่างหนึ่งเช่นกัน
2. ผมไม่เชื่อว่าชาวบ้านที่อยากได้เขื่อน ได้รับข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจอย่างครบถ้วน แค่ที่ผมได้ฟังจากคลิปที่มีการปราศัยโดยนักการเมืองกลุ่มที่ต้องการสร้างเขื่อน ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นการนำความจริงแค่ส่วนเดียวมาพูด ผมเคยได้สัมผัสกับชาวบ้านกลุ่มนี้มาแล้วและเชื่อว่ายังมีข้อมูลอีกมากที่พวกเขายังไม่ทราบ แน่นอนว่าถ้ามีคนมาบอกว่ามีเขื่อนแล้วน้ำจะไม่ท่วม จะมีน้ำใช้หน้าแล้ง ใครๆก็ต้องอยากได้ แต่มันเป็นความจริงเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้นถ้าหากได้มีการศึกษารายละเอียดของโครงการอย่างถ่องแท้ บางทีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแต่ไม่ครอบคลุม ก็ไม่ต่างอะไรกับการโกหก
3. กลุ่มต่อต้านเขื่อนพูดอยู่เสมอว่าไม่ใช่ว่าเราจะเอาแต่ป่าแต่สัตว์ ไม่สนใจคน แต่เราเชื่อว่าโครงการนี้ช่วยชาวบ้านไม่ได้ตามที่มีการกล่าวอ้าง เราเชื่อว่ามีโครงการที่สามารถใช้งบประมาณน้อยกว่านี้และช่วยชาวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่านี้ เรื่องน้ำท่วม อ.ลาดยาว ได้ยกตัวอย่างไปแล้วว่าสร้างทางระบายน้ำให้ดีก็ช่วยได้และีเร็วกว่า จะสร้างคลองระบายน้ำอีกสักคลองดักไว้ทางด้านเหนือให้น้ำหลากอ้อมไป ก็คงใช้ที่ดินและงบประมาณไม่มากนัก เรื่องน้ำแล้งต้องชี้แจงว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้แล้ง มีฝนมีน้ำ เพียงแต่ไม่มีที่กักเก็บ ดังนั้นการสร้างบ่อน้ำขนาดเล็ก/กลางไว้ตามหัวไร่ปลายนาเพื่อกักเก็บน้ำหลาก สร้างฝายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กักเก็บน้ำไว้ในลำน้ำเป็นช่วงๆ ก็น่าจะเป็นหนทางที่สามารถทำได้และใช้งบประมาณน้อยกว่าครับ ทั้งนี้ผมไม่ได้เป็นวิศกรชลประทานไม่กล้าออกความเห็นมากไปกว่าที่มีอยู่ใน EIA แต่ก็เชื่อว่าเรามีคนดีมีฝีมือที่แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านในแถบนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งเขื่อนแม่วงก์ครับ
สุดท้ายนี้ขออนุญาตเรียนท่านดร.โสภณ ว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ในสังคมที่มีคนเคารพนับถือมาก การที่ท่านยอมรับว่า"ต้องศึกษาข้อมูลมากกว่านี้" แต่ออกมาเขียนบทความกล่าวหาว่าผู้อื่นว่า โกหก บิดเบือนนั้นไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่อันมีวิจารณญานอันดีพึงกระทำ จึงเรียนมาด้วยความเคารพครับ
ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์
8 ตุลาคม 2556
(เขียนที่เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีพื้นที่ป่าปกคลุมประเทศถึง 67% ก็ยังเจริญได้ เลิกทำลายป่าเพื่ออ้างการพัฒนาเสียทีเถิดครับพี่น้อง)
โดย กวี on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 23:48
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ตอนนั้นพยายามจะสีซอเสียหน่อย แต่กระทู้ดันถูกลบเสียก่อน
โดย กวี on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 01:44
เห็นหน้ากากสีแดงเมดอินเสิ่นเจิ้นแล้วก็ทึ่งปนขำนะครับ นี่ไม่คิดจะคิดอะไรที่เป็นของตัวเองบ้างเลยเหรอ? แต่ก็นับถือความพยายามนะ อยู่อุตสาห์ดึงหน้าจนเหลี่ยม! นี่มันก๊อปเกรดเอชัดๆ ปานประหนึ่งว่าพ่อแม้วมันแต่งหน้าเล่นงิ้วแก้บน ประมานนั้น
โดย กวี on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:29
"ลูกเต้า เหล่าใคร " ไม่เคยพบ ! !
...........................................
"ลูกเต้า เหล่าใคร ไม่เคยพบ"
บัดซบ เหลือรับ สุดสับสน
มิรู้ จำแนก แปลกพิกล
เหตุผล ตรองตรึก นึกระอา
ลูกใคร งี่เง่า ดุจ"เต่าโง่"
อวดโชว์ หลงผิด เป็นมิจฉา
พูดเปรอะ เลอะเลือน เหมือน"เต่านา"
เกิดมา "ลักเพศ" สังเวชใจ !
"หม่อมเต่า" ผู้พ่อ ไม่ฉ้อฉล
เป็นคน ตงฉิน สิ้นสงสัย
"ลูกเต่า อาเพท" เหตุอันใด
ปล่อยให้ รับกรรม "มัน"ทำมา
"ต้นไม้ดี พันผูก ลูกผลดี"
เกิดบัดนี้ ตามอ้าง สร้างกังขา
ได้ลูกเขลา เมามัว เลวชั่วช้า
วลีที่ว่า "เก็บตก ควรยกเว้น" !
.............................................
http://www.oknation....2/12/12/entry-1
โดย กวี on 30 เมษายน พ.ศ. 2556 - 22:56
หนูเบื่อ หนูไม่อยากพิมพ์ตามสคริปแล้วอ่ะ ก็หนูอยากเกรียนบ้างนิ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net