Jump to content


ดราม่า

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 10 มกราคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2555 00:40
****-

Posts I've Made

In Topic: สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

15 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:15

@เจ็ดซ้าย@โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

@ หนึ่งคือซ้ายดัดจริตไร้เดียงสา
อหังการ์เป็นใหญ่ก็ซ้ายได้
สองคือซ้ายซ่าระเบิดเถิดเทิงไป
ได้บาทใหญ่อย่างไม่ได้เคยเป็น

@ สามคือซ้ายมาสายเพิ่งได้รู้
การต่อสู้เพื่อคนผู้ทุกข์เข็ญ
สี่คือซ้ายตกขอบชอบคั้นเค้น
ชูประเด็นทฤษฎีบทชี้นำ

@ ห้าคือซ้ายกลไกแบบไขลาน
เป็นหุ่นยนต์บริการวันยังค่ำ
หกคือซ้ายเจ้าเล่ห์สาริยำ
ทำเพื่อทำประโยชน์ได้แต่ฝ่ายตัว

@ เจ็ดคือซ้ายสามานย์ก่อการร้าย
จนเป็นซ้ายทรราชอุบาทว์ชั่ว
ทั้งเจ็ดซ้ายเจ็ดอสัตย์กัดกันนัว
ล้วนน่ากลัวเพราะเป็นซ้ายที่ไม่จริง

@ ผู้รู้ว่าหนุ่มสาวทันสมัย
ไม่เป็นซ้ายก็ไร้ใจเป็นที่ยิ่ง
แต่แก่แล้วยังเป็นซ้ายไม่ประวิง
ก็เป็นสิ่งไร้สมอง...พึงตรองดู !


เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
พฤ ๑๔/๖/๕๕




ป.ล. ในวรรคสุดท้ายท่านเนาวรัตน์ขยายความไว้ว่า เมื่อยังหนุ่มสาวอ่อนประสบการณ์เป็นซ้ายเพราะใผ่หาความยุติธรรมในสังคมเป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่พออายุเริ่มมากขึ้นแล้ว ก็ควรมีวิจารณญาณว่าเป็นซ้ายอย่างไรถึงจะดีต่อประชาชนส่วนรวม

ท่ายยังพูดต่อไปว่าเมื่อ6ตุลา ศัตรูของประชาชนมี ศักดินา ขุนศึก ทุน แต่ตอนนั้นศักดินาและขุนศึกยังเข้มแข็งเราต้องสู้กับขุนศึกก่อน (ทุนยังอ่อนแอ) แต่หลังปี40 ศักดินาและขุนศึกจบสิ้นไปแล้ว

ประเทศพัฒนาจนตอนนี้ทุนต่างหากที่ครองทุกสิ่งดังนั้น ทุนสามานย์คือศัตรุอันดับหนึ่ง (แต่ท่านบอกว่าทุนสัมมาไม่เป็นไรเพราะเป็นทุนที่มีคุณธรรม คำนึงถึงประชาชน)

ตอนนี้กลายเป็นทุนสามานย์ต่างหากที่เป็นศัตรูต่อประชาชน ดังนั้นเราควรร่วมใจมาจัดการทุนสามานย์ก่อนเป็นอันดับแรก

(ทั้งหมดที่ผมเขียนพึ่งฟังท่านเนาวรัตน์พูดในตอบโจทย์วันนี้ จึงถอดความเท่าที่จำได้ต่อคำอธิบายในบทกวีชิ้นนี้)

*เข้าใจว่าศักดินาในความหมายของท่านเนาวรัตน์คือข้าราชการ ส่วนขุนศึกคือทหาร



นับถือและจะระลึกถึงทุกท่านที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองเสมอ คิดถึงดราม่า ดราม่าอยู่กับท่าน ถ้าฝ่ายของท่านคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคุณธรรม ดราม่าคนนี้อยู่เคียงข้างท่านเสมอ ด้วยความเคารพอย่างสูง ด้วยภาระที่บีบเค้นขอกราบลาทุกท่านที่6395 _/\_

In Topic: ข้อเท็จจริงเรื่องสมศักดิ์เจียม เป็นเด็กซื้อโอเลี้ยง.....

14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:37

ข้างบนเซ็นเซอร์คำตรงประโยคสุดท้าย ผมว่าเสียอรรถรสกวีไป เลยทำเป็นรูปมาให้อ่านกัน(สำหรับคอกวี)
Posted Image

บทกวีนี้ท่านเนาวรัตน์ มุ่งเน้นเสนอวิธีที่เราควรแสดงต่อมิตร ครับ โชคดีทุกท่านครับโพสรองสุดท้ายของผมแล้ว

In Topic: ข้อเท็จจริงเรื่องสมศักดิ์เจียม เป็นเด็กซื้อโอเลี้ยง.....

14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:32

@สามสำคัญ@โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

@ หนึ่งจำแนกแยกมิตรแยกศัตรู
สำคัญต้องรู้ "ศัตรูหลัก"
เพ่งเนื้อหาอย่าเพ่งเพียงรูปลักษณ์
กับจะต้องตระหนัก...สถานการณ์

@ สองจำเป็นต้องรู้ "คู่ขัดแย้ง"
อันสำแดงให้ดูอยู่สองด้าน
ปฏิปักษ์-เอกภาพ...พิสดาร
เพื่อทำงานแนวร่วมรวมมวลชน

@ สามปัญหา "ท่าที" ที่อุทิศ
ต่อศัตรูต่อมิตรอันมีผล
รู้จุดร่วมจุดต่างรู้วางตน
ต่อศัตรูจู่ประจนเข้าโจมตี

@ คือสามเรื่องสามกระบวนที่ควรรู้
พิชิตศึกศัตรูได้ทุกที่
คือ "ศัตรู" "คู่ขัดแย้ง" และ "ท่าที"
ฝากเพื่อนพ้องน้องพี่...พิจารณา

@ เอาประโยชน์ของประชาขึ้นเป็นใหญ่
คือประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า
เอาอำนาจฉ้อฉลปล้นประชา
คือโจราธิปไตย...***เมือง!



เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พ.๑๘/๗/๕๕

ป.ล.ขอความกรุณาได้โปรดอ่านบทกวีของท่านเนาวรัตน์สักสามเที่ยว ด้วยความเคารพสหายร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน

In Topic: ทวงคืนสีแดง กระชับพื้นที่ ของคนตาบอดสี!

14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:06

นายเวรมันไปตามamplepoorถึงกระทู้สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ ทั้งๆที่คุณampก็โพสความเห็นตั้งแต่หน้าแรกแล้ว (ได้ติดดาวด้วย)

นี่แสดงว่ามันไม่เคยอ่าน T T

ยินดีด้วยนะชาวเสรีไทย โพสไปเหอะไอ้เวรมันไม่อ่านหรอก :lol:


เจ้าของจอมโวกระทู้นี้ มีเวลาไปให้ความรู้ งูๆปลาๆ ในกระทู้ผมบ้างนะคับ :lol: :D :lol:

http://webboard.seri...ชับพื้นที่-ของ/




เสื้อแดงนี่ทำไมโชว์โง่ประจำ รู้หนึ่งแต่พูดถึงสามถึงสิบ....เฮ้อ
เอาตรงนี้ก่อนละกัน

แต่แล้วหลังช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการปฏิวัติในจีน สีแดงกลับแปรเปลี่ยนภาพลักษ์ใหม่เป็น "เลือดมวลประชาผู้หลั่งริน" ขอกระชากบัลลังก์จักรพรรดิมิให้ผูกขาดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว สีแดงจึงชูไสวบนธงพรรคคอมมิวนิสต์ หรือหน่วยพิทักษ์แดง (เรดการ์ด) และแน่นอนว่าสีนี้ได้กลายเป็นรหัสสากลที่ใช้ในกลุ่มประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันทั่วทั้งโลก

ยัยนี่เป็นนักประวัติศาสตร์สับสน โยงไปโยงมา สะดุดขาตัวเองหกล้มหัวฟาดพื้น ทีละประโยคเลยนะเจ๊ เจ๊รับให้อยู่ล่ะ
แต่แล้วหลังช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการปฏิวัติในจีน
ซุนยัดเซนเป็นผู้นำการปฎิวัติในปี 1912 นั่นคือศควรรษที่ 20 ไม่ใช่ 19
ศตวรรษที่ 19 หมายถึงปี 1801-1900

สีแดงกลับแปรเปลี่ยนภาพลักษ์ใหม่เป็น "เลือดมวลประชาผู้หลั่งริน"ขอกระชากบัลลังก์จักรพรรดิมิให้ผูกขาดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว
เอาละ สมมติว่าเธอหมายถึงการปฎิวัติของดอกเตอร์ซุน เธอก็ควรจะรู้ว่า ก๊กมินตั๋งไม่ได้ใช้สีแดงเป็นสัญญลักษณ์ แต่ใช้สิ่งนี้ เหอๆๆๆๆๆ
Posted Image


สีแดงจึงชูไสวบนธงพรรคคอมมิวนิสต์ หรือหน่วยพิทักษ์แดง (เรดการ์ด)
กรรมเลยเพ็ญเอ๋ย....เพิ่งพูดถึงปฎิวัติโค่นจักรพรรดิ 1912 อยู่หยกๆ....ทำไมข้ามเวลามาที่เรดการ์ด ปี 1966 เฉยเลย 54 ปีนี่มันไกลกันมากนะ เรดการ์ดคือเด็กนรกที่เหมาสร้างขึ้นมา หมายกำจัดรากเง่าพวกยึดติดประเพณีนิยมในจรน ซึ่งทำให้ "เลือดมวลประชาผู้หลั่งริน" ประมาณ 100 ล้านคน ต้องด่าวดิ้นไปกับนโยบายสุดปัญญาอ่อน ที่ไม่เห็นชีวิตประชาชนมีค่าเท่ากับใบหน้าหนาๆ ของตัวเอง คิดแค่ว่า กรูสั่งได้ พวกมันก็ต้องทำได้ ปีนี้ต้องการเรือแสนลำ ก็ต้องทำให้ได้แสนลำ ต้องการเหล็กล้านตันก็ต้องถลุงมาให้ครบล้าน....ตายช่างมัน...เหอๆๆๆๆๆ

และแน่นอนว่าสีนี้ได้กลายเป็นรหัสสากลที่ใช้ในกลุ่มประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันทั่วทั้งโลก
ตกลงที่เคยพูดมาตอนต้นๆ ว่าฮินดูก็ใช้สีแดง ฮ่องเต้จีนก็บ้าแดง โบสถ์วิหารไทยก็แต่งแดง.....ก็ต้องเอายัดปากเธอใช่ใหม เพราะความนิยมแดงมันแพร่กระจายไปทั่วโลก นานนมก่อนที่จะมีสีแดงคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นในโลก.....แม้แต่จีวรลามะธิเบตก็ยังแดง....เหอๆๆๆๆๆ แล้วเรดการ์ดน่ะ มาทีหลัง หลังจากโซเวียตใช้สีแดงตั้งห้าสิบกว่าปี...เฮ้อ ยัยนี่เป็นนักประวัติศาสตร์ที่โง่เรื่องปีพ.ศ. มากที่สุดที่เคยเจอแล้วละ

ทำไมเป็นแดงแล้วต้องโง่วะครับ โง่แล้วยังแหกปากโชว์ ส่วนไอ้แดงกระจอก ก็ทำได้แค่คาบมาเห่าต่อ....ไม่รู้เลยว่ายัยเพ็ญน่ะ ปล่อยไก่หมดเล้ามากี่เล้า ในบทความคุณภาพต่ำชิ้นนี้


In Topic: สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 23:33

แต่สุดท้ายถึงรัฐบาลคณะราษฎรชนะคดีฟ้องร.7 แต่ก็ต้านกระแสประชาชนไม่ไหวต้องคืนทรัพย์สู่เจ้าของเดิมในที่สุด

ในหนังสือเจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ ของเขา, “นายหนหวย” ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า :
“วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๘๙ ขณะนั้นเป็นรัฐบาลของพลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐบุรุษอาวุโสได้บันดาลให้เกิดสัญญาประนีประนอมประวัติศาสตร์ขึ้นระหว่างรัฐบาลกับจำเลยที่ ๒ ในคดีที่รัฐบาลเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคือสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และกองมรดกผลประโยชน์ทั้งหลายของเจ้าฟ้าประชาธิปก มีสาระสำคัญว่า บรรดาทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหลายที่ผูกพันกันอยู่นั้น เป็นอันให้เลิกแล้วต่อกัน รัฐบาลได้มาแล้วเท่าไรก็เอาเท่านั้น
นอกจากนี้นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน รัฐบุรุษอาวุโสยังได้แสดงความจริงใจเปิดเผยต่อบุคคลหลายคนและหนังสือพิมพ์ว่า จะคืนวังศุโขทัยที่ตกเป็นของรัฐตามคำพิพากษาคืนให้แก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งยังดำรงพระชนมชีพอยู่ ยิ่งไปกว่านี้ในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน นายปรีดี พนมยงค์ ดำริจะอัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับคืนประเทศไทย ได้มีการติดต่อเป็นทางการสมานรอยร้าวในอดีตกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเป็นที่เรียบร้อยและรู้กันทั่วไป”

อันที่จริง, นอกจากเรื่องจะอัญเชิญพระบรมอัฐิกลับเมืองไทยแล้ว นายปรีดียังมีปรารถนาให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงเข้ามาเป็นประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คณะใหม่ด้วย. อย่างไรก็ตาม, ความพยายามของนายปรีดี พนมยงค์ ก็ไม่ประสบผล. การรัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๐ โดยพลโทผิน ชุณหะวัน กับพรรคพวกทำให้นายปรีดีต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ และไม่มีโอกาสกลับมามีบทบาททางการเมืองอีก.

สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับถึงประเทศไทยในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม. และหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ย้ายออกไปในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๓ แล้ว, ทางราชการก็ได้ถวายวังศุโขทัยคืนแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเพื่อเป็นที่ประทับต่อไป