Gregor Samsa

มีลอคอินเทพๆ บางคน ไม่กล้าแม้แต่จะโชว์ตัวตนก็มีนะครับ

ถึงได้มีลอคอินเป็นร้อย

เอาไว้สลับสับเปลี่ยน นอกจากจะได้แสดงให้เห็นว่า แดงขั้นกากมีเยอะแล้ว

 

แต่ยังสามารถเอาไว้แก้ตัวและอำพลางการกระทำบางอย่างได้ด้วย

สารภาพครับ... เคยชื่นชมความคิดของไอ้หมอนี่ ช่วงเลือกตั้ง ผู้ว่า

หลังจากนั้น ก็ห่างๆไป เพราะ ไม่ชอบจิตที่ติดยึดเรื่องหยุมหยิม ไม่ปล่อยวาง

เที่ยวบอกคนอื่นให้เคารพกฏเกณฑ์ แต่ เจือก ละเมิด ซะเอง ไอ้หอกเอ๊ยต้มตรูซะเปื่อย

ขอยาดครับ... ไม่ไหวแร้ว 

 

นั่นน่ะสิเนาะ ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นประเภทรอไม่ได้

ถ้าเป็นเด็ก ก็คงหยิบ marshmallow ก่อนครบกำหนดแน่นอน

มึงก็อย่าแดกข้าวซิ. เพราะคนเสื้อแดงปลูกข้าว. เกลียดนักไม่ใช่เหรอ

กรูปลูกข้าว..... แต่กรูไม่ใช่เสื้อแดง

และคนปลูกข้าวส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เสื้อแดง 

ที่เป็นเสื้อแดง ส่วนใหญ่เป็นพวกรับจ้างถอนกล้า ดำนา ใส่ปุ๋ย ถอนหญ้าข้าว เกี่ยวข้าว และรับจ้างทั่วไป  สามล้อ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง  บางส่วนคือพวกแม่ค้าในตลาด และพวกงานการไม่ทำรอผลาญเงินจากผัวที่ไปทำงานเมืองนอก กินแล้วนอนเวลามีงานก็ซื้อเหล้าเบียร์ไปรอจับเด็กวัยรุ่นหน้าเวทีดนตรี มีการชุมนุมก็ถูกชักชวนจากโฆษกวิทยุเสื้อแดงไปร่วมชุมนุม อีกทั้งงานการไม่ทำจึงมีเวลาว่างมากไปเปิดหูเปิดตา ถลุงเงินที่ผัวส่งมาจากเมืองนอก นอกจากนั้นบางส่วนก็พวกสิงห์เหล้าขาว พวกนักเล่นพนันในหมู่บ้าน และนักเลงหัวไม้ประจำหมู่บ้าน โดยถูกชักชวนจากแกนนำระดับหมู่บ้านให้เข้าร่วมชุมนุม พวกนี้จึงไปร่วมเพราะได้เงินและมีเหล้ากิน  สังเกตได้ชัด พวกผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะเต้นแร้งเต้นกาเวลาดนตรีเล่น พวกกุ๊ยก็จะไปเป็นการ์ดและทำระเบิดเพลิง ระเบิดพลาสติค

ส่วนชาวนา ชาวไร่ที่เขาปลูกข้าวเลี้ยงพวกเรา ส่วนใหญ่เขาไม่สนใจเรื่องการชุมนุม เขาตื่นเช้าก็ทำสวนผัก ทำไร่ ไม่มีเวลามาคิดเรื่องบ้าๆพรรค์นี้หรอกครับ พวกเขาสนใจแต่การทำมาหากินและหารายได้ของครอบครัว ให้ไปชุมนุมก็ไม่ไป เพราะต้องเอาเวลาไปดูแลเรือกสวน ไร่นา สัตว์เลี้ยง อะไรต่อมิอะไร

วิธีแบบนี้
ในระดับมหภาค คือการสร้างเรื่องให้นายกอภิสิทธิ์เป็นผู้ร้ายฆ่าคน
เพื่อที่จะ แชร์น้ำหนักความเลวไปให้คนอื่น
วิธีการอ่อนๆ ของเอ็ง ก็ต้องพยายามแชร์การล้มเจ้าไปให้ผู้บริสุทธิ์
เพื่อใช้ประโยชน์ไปให้พรรคพวกที่ล้มเจ้าด้วยกัน
ยิ่งส่อสื่อให้เห็นว่าเอ็งมันเห็นดีเห็นงาม
และพยายามลดความรุนแรงให้พวกล้มเจ้าที่เป็นพวกเดียวกันชัดๆ

ผมว่าหลายๆ คนไม่ถึงกับเป็น "พวกล้มเจ้า"

แต่คิดว่าสถาบันไม่สำคัญ มีก็ได้ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่คนที่เทิดทูนสถาบัน และไม่รังเกียจ "พวกล้มเจ้า" 

 

มองคนที่จงรักภักดีเป็นเหมือนพวกงมงาย นึกว่าตัวเองล้ำสมัย อวดเก่งอวดดี ขี้โม้ทุกเรื่อง (จะว่าไปก็เหมือนทักสินนั่นแหละ)

ไมได้เข้ามานาน อยากรู้เรื่องคุณ No More อะ

ผมชอบอ่านคำตอบเขานะ เกิดอะไรขึ้น

 

ไม่มีอะไรครับ เรื่องมันบ้าบอสุดๆ

 

คือในกระทู้ของผม ตั้งโพลถามเรื่องเสื้อแดงล้มเจ้าในบอร์ด

ลีก็มาตามฟอร์ม คือเริ่มออกนอกกระทู้ ท้าคนนั้นคนนี้ทะเลาะด้วย

คราวนี้ความซวยไปตกที่คุณจักร  ลีไปกล่าวหาเขาก่อนว่า

"เพราะข้อความที่คุณจักรไปต่อว่าคุณ No More ในกระทู้หนึ่ง ทำให้คุณ No More เขาอาย เขาเลยหายไปจากบอร์ด ไม่กลับมาอีกเลย"

 

ประเด็นใหญ่คือ ลีกล่าวหาแบบนี้ซ้ำๆในกระทู้เดียว พูดอยู่นั่น พูดซ้ำซาก

เลยเป็นเรื่องเถียงกันระหว่างคุณจักรและลี  ว่าถ้าคุณจักรเป็นตัวการจริงก็พร้อมขอโทษ และไม่เข้าบอร์ดอีกเลย

ก็มีเพื่อนๆไปบอกว่ากระทู้ผมนั้นมันเรื่อิงแดงล้มเจ้าในบอร์ด  ให้ตั้งกระทู้ใหม่วัดกันไปเลย

ลีก็เลยมาตั้งกระทู้นี้

 

แล้วลีดันพลาด  ดันเอาข้อความต้นฉบับมาแปะเพียงเพื่อย้ำว่าคุณจักรพาดพิงคุณ No More ในทางเสียหาย เขาเลยหายไปจากบอร์ดเลย

แต่กลายเป็นว่าข้อความของลีนั้นยิ่งคอนเฟิร์มว่าคุณจักรไม่ได้พูดอะไรถึงชื่อคุณ No More หรือพาดพิงแม้สักครึ่งคำ

เฮนไตต่างหากที่เป็นคนพูดชื่อขึ้นมาเอง

มิรอง พูดถึง สันปันน้ำที่อยู่ในสนธิสัญญา สองฉบับ ที่ระบุ อยู่ใน mou43 

 

ทำไม ควายเหลืองมองไม่เห็น   ควายเหลืองมองเห็นอย่างเดียวใน mou43 คือ แผนที่ 1 ต่อ สองแสน

มุกมันก็วนไปวนมา พูดกระแนะกระแหน พอเจอสวนหน่อย อุ๊ย บอกโดนเก้าอี้ฟาด

ต้องคิดว่าตัวเองฉลาด ใครรักสถาบันเป็นพวกโง่โดนล้างสมองอยู่ในกะลา

ตูข้าคือ liberal รู้ทันไม่โดนล้างสมองตาสว่างแล้วพวกเอ็งมันโง่ดักดาน

หนีการตอบคำถามโดยการบอกว่าเลิก ม. 112 แล้วจะตอบ

มนุษย์พันธุ์นี้หาได้ทั่วไปตามห้องราชดำเนิน จะแสดงอาการเมื่อมีกระทู้ทำนองนี้ 

ฝังคำทนายคนนี้ผมอยากจะร้องไห้จริงๆครับ

แกแก้ทุกข้อกล่าวหาและสิ่งค้างคาใจทุกอย่างเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหารได้หมดจดจริงๆ

แถมยังย้อนกลับไปด่าศาลโลกชุดก่อนให้ไทยด้วย 

ซึ้งครับ ขอบคุณจริงๆ

ดร.สมปอง คนที่ออกมาพูดเรื่อง MOU43 มีความรู้ในเรื่องนี้ และเขาไม่ได้เป็นเป็นกองเชียร์ใคร
และเพราะพฤติกรรมของรัฐบาลปชป.ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์หลายอย่างกับปัญหาชายแดน
 
คนไทยส่วนหนึ่งจึงเป็นห่วงเรื่อง MOU43 ว่าจะทำให้เสียดินแดน
 
แต่ถึงตรงนี้ถ้า MOU43 เป็นผลดีกับไทย และไม่มีผลทำให้เสียดินแดน
ก็ถือว่าเป็นความดี ความชอบของปชป. แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของคนที่เป็นห่วงเรื่องนี้ 
คนเป็นห่วง เพราะรักชาติ และเพราะปชป.ก็ได้แสดงให้เห็นพฤติกรรมไม่ซื่อหลายอย่างด้วย
 
และอย่าลืมว่า บทสรุปเรื่องนี้ อยู่ที่ศาลโลกตัดสิน ไม่ใช่ทนายฝ่ายไทยตัดสิน

คุณกรกช ครับ ความเป็นห่วง นั้น ย่อมเป็นเรื่องดี โดยตัวเอง แต่พฤติกรรมที่ตามมากับความเป็นห่วงนั้น เป็นประเด็นที่ควรหาข้อยุติ นะครับ
ผมยกตัวอย่าง อันหนึ่งละกันนะครับ มีเด็กคนนึง ป่วยด้วยไข้สูง ผู้ปกครอง จึงพาไปหาหมอ ๆตรวจแล้ว บอกว่าน่าจะเป็นไข้เลือดออก
จึงทำการเจาะเลือดตรวจ ระหว่างที่รอผลเลือด ก็ให้ยา"พาราเซตามอล" เพื่อลดไข้ แต่ไข้ก็ยังไม่ลงในทันที
ผู้ปกครอง เห็นไข้ไม่ลด ด้วยความเป็นห่วง จึงไปหาความรู้ เกี่ยวกับยาลดไข้ จากหนังสือ และอินเตอร์เนต ซึ่งให้ข้อมูลตรงกันว่า
ถ้าจะให้ไข้ลดเร็วต้องให้ "แอสไพริน" ทราบดังนี้ ผู้ปกครองจึงไปขอคุยกับหมอว่า หมอให้ยาอ่อนไปรึเปล่า ให้ไปแล้วทำไม ไข้ไม่ลด ควรให้ยาแรงกว่านี้หรือไม่

แต่หมอก็ยืนยันว่า ที่ให้ไปนั้นถูกต้องแล้ว โดยมิได้อธิบายเพิ่มเติม อันทำให้ ผู้ปกครองไม่พอใจ จนด่าว่าหมอ และชักชวนให้ผู้อื่น เชื่อว่า หมอไม่มีความสามารถ
แต่หมอก็ คงอดทน รอจนได้ผลการตรวจเลือด ซึ่งปรากฎว่า เด็กเป็นไข้เลือดออกจริง หากให้แอสไพริน แต่แรก เด็กคงมีอาการทรุดหนัก ลงกว่าเดิม
จากตัวอย่างนี้ คุณกรกช เห็นว่า ผู้ปกครองที่เป็นห่วงเด็กนั้น แสดงพฤติกรรมได้เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรครับ

ลองเปรียบเทียบกับกรณีนี้ดูนะครับ ผิดถูกอย่างไร ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง แต่เรื่องในความเป็นจริงนั้น ผมอยากให้ช่วยกันหาข้อยุติ ครับ
ไม่อยากให้กล่าวโทษกันไปมา
ถึง ศาลโลกยังไม่ตัดสิน แต่เท่าที่ตามดูหลายๆกระทู้ ก็ให้เศร้าใจที่เห็น คนไทยหลายท่านได้ตัดสินยกดินแดนไทยให้กพช. ไปเรียบร้อยแล้วละครับ

ได้ดูตลอดจนจบครับ

จึงสังเกตได้ชัดเลย หลังจากอ่านแต่ข้อเขียนของไอ้หงอกอย่างเดียว

 

1. ดู "ภาษากาย" ของไอ้หงอกนะครับ 

นั่งหลุกหลิก ทำมือจะแย้งขอเถียงตลอดเวลาทั้งที่อีกฝ่ายกำลังอธิบายอยู่

แสดงให้เห็นถึง "ความเป็นคนหมกมุ่นแต่การพูดถึงแต่สิ่งที่ตัวคิด จนไม่ยอมฟังใคร"

คนแบบนี้จะ "รู้เยอะ แต่ไม่เติบโต" เพราะไม่ยอมฟังคนอื่นพูด ชอบได้ยินแต่เสียงตัวเองเท่านั้น

 

2. หงอกเป็นคนรู้เยอะจริง ผมยอมรับจากวิธีการคิดและพูดจาของเขานะครับ ว่าเป็นคนฉลาดเป็นกรด

แต่คำพูดของเขามุ่งแต่ทฤษฎีล้วนๆ หากขาด "ความลุ่มลึกของประสบการณ์ และ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่"  

ผิดกับส.ศิวรักษ์คนละขั้วเลย

 

ในสายตาผม ผมเห็นหงอกชัดเจนวันนี้ว่าเหมือน "เด็กฉลาดที่ไม่รู้จักโต" เป็นปีเตอร์แพนในโลกของรัฐศาสตร์

เมื่อเขาคิดอะไรเขาจะหมกมุ่นแต่สิ่งนั้น  เมื่อเชื่ออะไรก็จะเชื่อแต่อย่างนั้น ไม่ยอมเปิดรับอะไรใหม่ๆ และไม่ยอมปรับตัว

(อันนี้ส.ได้เกริ่นไว้บ้างแล้วถึงการค่อยๆทำ ค่อยๆปรับ ประคองกันแล้ว "ไปด้วยกัน")

 

3. หงอกจะเป็นแบบ "วันแมนโชว์ ข้ามาคนเดียว" ไม่เคยคิดไปถึงสังคมทั้งสังคมต้องก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง

เขาคิดแต่ว่าสิ่งนี้ผิด(เขาเชื่อว่า...ผิด) เขาก็จะเปลี่ยนมัน โดยไม่เปิดโอกาสให้สังคมได้ค่อยๆเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเขา

คนแบบนี้อาจอหังการ์คิดเปลี่ยนโลกได้ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเองก่อน...บอกได้เลยว่าเขาจะแพ้โลก

มีแต่แพ้กับแพ้

 

4. หงอกชอบมุ่งแต่จะชี้ว่า "คนอื่นผิด" ทั้งๆที่คนๆนั้นอาจไม่ผิด เพียงแค่ "ทำผิด พูดผิด หรือคิดผิดแผกไปจากที่หงอกคิดเท่านั้น"

หงอกจึงไม่ใช่นักประชาธิปไตยในทางปฏิบัติหรอก  เพราะตัวจริงเผด็จการทางความคิดชิบเป้ง

 

5. ผมว่าหงอกตัวจริงเป็นคนขี้น้อยใจ และเซ้นสิทีฟโคตรๆเลยนะครับ ไม่ใช่คนจิตใจแข็งแรงอะไรหรอก

นี่ดูจากภาษากายที่สื่อออกมาล้วนๆ 

 

6. สรุปสั้นๆ ผมว่าหงอกนี่ "เด็กเกรียน" นี่หว่า  เด็กเกรียนตัวจริงจะเป็นแบบหงอกนี่แหละ

เถียงฉอดๆๆๆแบบคิดว่าตัวเองถูกที่สุดในโลก

 

7. สุดท้าย  ส.แสดงชัดเจนถึงความเป็นคนหัวก้าวหน้า เป็นลิเบอรัลสุดขั้วที่เอาเจ้า และเคารพรักในหลวง

แต่หงอกแสดงชัดถึง "ความเกลียดชังฝังลึก" เสียจนทนไม่ได้ที่เห็นใครชื่นชมบารมีพระองค์ท่าน

คนต้องการวิพากษ์วิจารณ์แบบปกติ ตามสิทธิที่ตนพึงมี จะทำตัวแบบส. 

แต่แบบอิจฉาตาร้อน ทนไม่ได้ต้องดิ้นปัดๆๆๆทันทีที่เห็นหรือได้ยินชื่อคนที่เราเกลียด จะเป็นแบบไอ้หงอก

ไอ้หงอกนี่ดูดีๆมันคือตัวอิจฉาในละครภาคค่ำช่อง 7 ชัดๆ

 

 

ใครไปเสนาหรือโต้คารมกับมันในเฟซ ช่วยฝากบอกมันหน่อยนะครับว่า...

เวลาออกทีวีแล้วเหมือนตัวร้ายขี้อิจฉาคอยกลั่นแกล้งพระเอกเลย  เป๊ะเว่อร์  

พิชญ์จะคิดยังไงคงห้ามกันยาก

 

เหมือนกับที่คนอื่นจะคิดยังไง คงไม่ใช่เรื่องของพิชญ์

 

และไม่ใช่เรื่องที่พิชญ์จะเที่ยวไปเดือดร้อนแทนคนอื่น

 

ถ้าพิชญ์คุยกับพ่อแม่ จะยืนค้ำหัวหรือเอาเท้าชี้หน้าพ่อแม่ตัวเองเวลาคุยกัน

 

ผมก็ว่าคงไม่มีใครในนี้เดือดร้อนแทนพ่อแม่พิชญ์

 

เพราะงั้นผมว่าพิชญ์ก็ไม่ควรต้องห่วงว่าใครจะไปหมอบคลานที่ไหน

 

จริงไหมครับ

ไอ้โล้นนี่ใช่ป่ะ ที่ตอนนั้นเรื่องกองทุนน้ำมันทำให้ราคาอาหารแพงขึ้นแล้วมันบอกว่า "คุณเอาน้ำมันไปใส่ในข้าวราดแกงหรือ" อะไรประมาณนั้น

ถามว่า คะแนน ปชป ลดลงหรือไม่..และ ทำไม คะแนนเพื่อไทย จึงสูงขึ้น..

ก่อนจะตอบคำถามนี้..อยากให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสักนิดค่ะ

 

สถิติผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.  2551, 2552 และ 2556 

 

- ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง....

ปี 2551.....4,087,329 

ปี 2552.....4,150,103  เพิ่มขึ้น  1.54% 

ปี 2556.....4,244,465  เพิ่มขึ้น  2.28 %  

 

- ผู้มาใช้สิทธิ....

ปี 2551.....2,214,320  คิดเป็น  54.18%

ปี 2552.....2,120.721  คิดเป็น  51.10%

ปี 2556.....2,715,640  คิดเป็น  63.98%

 

- บัตรดี...

ปี 2551.....2,157,599  คิดเป็น  97.44%

ปี 2552.....2,058,219  คิดเป็น  97.05%

ปี 2556.....2,630,890  คิดเป็น  96.88%

 

- บัตรเสีย...

ปี 2551....19,376  คิดเป็น  0.87%

ปี 2552....16,107  คิดเป็น  0.76%

ปี 2556....37,300  คิดเป็น  1.37%

 

- ไม่ลงคะแนน...

ปี 2551.....37,345  คิดเป็น  1.69% 

ปี 2552.....46,395  คิดเป็น  2.19%

ปี 2556.....47,448  คิดเป็น  1.75%

 

- ผลการเลือกตั้ง...พรรคเพื่อไท

ปี 2551.....543,488  คิดเป็น  25.19%  (คุณประภัสร์ ในนามพลังประชาชน)

ปี 2552.....611,669  คิดเป็น  29.72%  (คุณยุรนันท์  ในนามเพื่อไท)

ปี 2552.....334,846  คิดเป็น  16.27%  (หม่อมปลื้ม  ในนามอิสระ)

ด้วยภาพลักษณ์ในขณะนั้น ถ้าจะบอกว่าหม่อมปลื้มมีความคิดไปในแนวเดียว

กับพรรคเพื่อไทก็คงไม่ผิด ดังนั้นคะแนนที่แยกออกเป็น 2 ส่วน มีความเป็นไปได้

ว่าน่าจะมาจากฐานคะแนนเสียงเดียวกัน แต่กลุ่มอายุและกลุ่มอาชีพต่างกัน

ถ้าจะรวมคะแนนผู้สมัครทั้ง 2 ท่าน เข้าด้วยกัน  ผลที่ได้..

ปี 2552......946,515  คิดเป็น  45.99% 

ปี 2556.....1,077,899  คิดเป็น  40.97%  (พล.ต.อ.พงศพัศ ในนามเพื่อไท)

 

- ผลการเลือกตั้ง...พรรคประชาธิปัตย์

ปี 2551.....  991,018  คิดเป็น  45.93%  (คุณอภิรักษ์)

ปี 2552.....  934,602  คิดเป็น  45.41%  (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์)

ปี 2556.....1,256,349  คิดเป็น  47.76% (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์) 

 

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า..

 

ปี 2552  คะแนนโดยรวมของเพื่อไท (คุณยุรนันท์+หม่อมปลื้ม  45.99) สูงกว่าของ

ประชาธิปัตย์ (ม.ร.ว.สุขุมพันธ์   45.41)  ซึ่งจะทำให้เพื่อไท จะมีชัยได้ครองตำแหน่ง

ผู้ว่า กทม..แต่เพราะมีผู้สมัคร 2 ท่านทำให้คะแนนโดนแบ่งเป็น 2 ส่วน..เป็นผลให้

พ่ายแพ้ต่อประชาธิปัตย์..อย่างหมดรูป..

 

ในปี 2556  จากผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ

...เพื่อไท ได้คะแนนคิดเป็น  40.97%  ลดลงจากปี 2552 ประมาณ  5.02% 

...ประชาธิปัตย์ ได้คะแนนคิดเป็น 47.76%  เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ  2.35%

 

จะเห็นได้ว่า...เพื่อไท คะแนนนิยมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ ประชาธิปัตย์

เพิ่มขึ้นเล็กน้อย...ผลต่างที่หายไปประมาณ  2.67% ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนบัตรดี

บัตรเสีย...ที่ลดลงและเพิ่มขึ้นจากปี 2552 (บัตรดี ลดลง บัตรเสียเพิ่มขึ้น)

 

เพื่อไท...คงต้องกลับไปวิเคราะห์ว่า..ปัจจัยอะไรที่ทำให้ฐานเสียงลดลงไปอย่าง

เห็นได้ชัด..ส่วนหนึ่งจะมาจากภาพลักษณ์ที่แยกกันไม่ออกระหว่าง พรรคกับ นปช

หรือ การบริหารราชการแผ่นดินของพรรคเอง

 

ประเด็นที่น่าคิดอีกหนึ่งประเด็นคือ...ไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ โนโหวต ซึ่งลดลง

จากปี 2552   จะสามารถวิเคราะห์ได้หรือไม่ว่า..คนกรุงเทพฯ ที่ครั้งหนึ่งเคยศรัทธา

ต่อกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ได้ตกตะกอนความคิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..อย่างชัดเจน

 

ดังนั้น..คำถามที่ว่า..ทำไม เพื่อไทได้คะแนนมากขึ้น..หรือ ประชาธิปัตย์ ได้คะแนน

ลดลงหรือไม่...ก็คงจะพอหาคำได้ว่า...

 

เพื่อไท...ได้คะแนนมากขึ้น จริงหรือ...

ประชาธิปัตย์...ได้คะแนนลดลง จริงหรือ...

คนกรุงเทพฯ...ลืมง่าย และ เลือกเพราะความกลัว...จริง ๆ หรือ...