หากเธอไม่ใช่ราชคณิตกุล จะสนใจเธอไหม?
ผมเห็นเธอโพตมาหลายที่ด้วยอารมย์มากกว่าอย่างอื่น ส่วนตัวแนะนำให้ปล่อยผ่าน เพราะเธออยู่ในอาการที่แย่ แย่คือคุมสติไม่อยู่
- Bookmarks, Kyubey, บุคคลทั่วไป and 5 others like this
Classic hasn't added any friends yet.
โดย sigree
on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 12:07
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
on 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:25
โดย yenmanovic
on 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 22:33
ถ้าเสรีไทยไม่มีในเวป
เองจะอดตายนะเฟ้ย
ขี้ทักษิณกินไม่อิ่มเหมือนเงินที่ฟาดหัวเองมาซื้อข้าปลาแดกเหมือนทุกวันนี้หรอก
โดย alberteno
on 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:33
คงไม่มีใครคิดหรอกครับ ถ้าเขียนให้มันตรงไปตรงมา แต่ก็เห็นด้วยครับว่ามันเป็นที่ "จริต"ของสื่อว่าเขียนไปทางไหน แล้วที่มันหยุมหยิมก็เพราะสื่อนี้มันเลือกข้างกันเห็นๆ อยู่แล้ว แค่ไม่แสดงออก ทำตัวเป็น รัชนกปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
โดย ก๊องส์ไข่กวน
on 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:29
กุว่าแล้วต้องมีมุง ในมู้นี่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอน แต่อยู่ที่ จริต ของสลิ่มที่ ชอบ เรื่อง หยุมหยิม.....
ถ้าคิดซะง่าทุกคนคิดดี... ปัญหาไม่เกิด.... แต่ อคติและความเคยชิน...มันพาคิดไปแบบอื่น...
กลอน หรือ คำ ที่กำกวมจะตีความอย่างไรก็ได้... พยายามให้ตายก็เอาผิดเค้าไม่ได้..
เช่น Shut Up...
จะบอกว่าให้ หุบปากก็ได้...
หรือ จะบอกว่าผู้ฟังประหลาดใจก็ได้...
ที่สำคัญและสลิ่มลืมไปก็คือ... ผมไม่เคยได้ยิน กลอนบทนี้..จนกระทั้ง... จาก สลิ่มดีดดิ้น
นี่แหละ... คิดดูดีๆว่า กำลังช่วยใคร ทำอะไร...โดยไม่รู้ตัว... โดยคิดว่า...
นี่คือการทำดี... เหอๆๆๆ...
ถ้าคิดว่าทำดีอยู่... ก็ share กด like ส่งต่อกันเยอะๆ... อนาถ
โดย idolation
on 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:16
โดย 55555
on 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:54
คอลัมน์: หุ้นส่วน ประเทศไทย
กรีซ: ประชานิยม…แห่ง “ความฉิบหาย” ตอนที่ 1
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
www.facebook.com/doctorweraphong
ผมเคยเขียนบทความที่ชื่อ “กรีซ ประเทศฉิบหาย..ช่างมัน ขอให้ข้า..ชนะก่อน” ลงในโพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 (อ่านได้ที่ http://www.doctorwe....ttoday/20110707 ) ที่ได้พูดถึงบรรดานักการเมืองของกรีซที่ทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ตนเองได้มาซึ่งชัยชนะในการเลือกตั้งให้จงได้ ดังนั้นมาตรการประชานิยมแบบสุดโต่งจึงถูกขุดขึ้นมามาตรการแล้วมาตรเล่า ซึ่งมันได้สร้าง “ความฉิบหาย” อย่างรุนแรงให้แก่ประเทศที่น่าอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ทุกวันนี้ “ความฉิบหาย” ดังกล่าว มันได้แพร่ระบาดเข้าไปเกือบทุกอณูของผู้คนชาวกรีซทั้งประเทศแล้ว ผมจึงอยากขอลำดับเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้คุณผู้อ่านสามารถเข้าใจถึงความหนักหนาอย่างแสนสาหัสของ “ความฉิบหาย” ที่มันเป็นอยู่จริงๆในเวลานี้ ดังนี้ครับ
หนึ่ง ประชานิยม แบบ “สุดโต่ง” เป็นอย่างไร ?
ในอดีต..กรีซมีพรรคใหญ่ที่ยึดครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ 2 พรรคคือ พรรค Panhellenic Socialist Movement ซึ่งมักจะเรียกพรรคนี้ว่า พรรค PASOK และอีกพรรคหนึ่งคือพรรคประชาธิปไตยใหม่ซึ่งมักจะเรียกกันว่า พรรค ND ทั้งสองพรรคต่างใช้นโยบายประชานิยมอย่างเต็มพิกัดเพื่อเอาชนะในการเลือกตั้งตลอดมา เริ่มจาก…
ปี 2539 มีการสัญญาว่า..กรีซจะได้เป็นสมาชิกสหภาพการเงินยุโรป สัญญาว่า..ดอกเบี้ยจะถูก สัญญาว่า..ทุกคนจะมีงานทำ สัญญาว่า..ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม จากนั้นรัฐบาลกรีซก็ได้สร้างปาฏิหารย์โดยการลดอัตราเงินเฟ้อจาก 15 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ และทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจอีกหลายตัวดีขึ้นจนเข้าเกณฑ์ของกลุ่มประเทศในยูโรโซน
ปี 2544 กรีซจึงได้เข้าเป็นสมาชิก และได้ใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลหลักของประเทศ รัฐบาลจึงประกาศ อัตราค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นปีละ 3 เปอร์เซ็นต์ทุกปี มียกเว้นภาษีทั้งหมดสำหรับการซื้อรถยนต์คันใหม่ และไม่มีการขึ้นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อเป็น “การเอาใจ..แบบสุดๆ” แก่ประชาชนชาวกรีซ แต่ภายหลังกลับพบว่า รัฐบาลกรีซ “ตกแต่งตัวเลข” ในเอกสาร ทำให้เข้าเกณฑ์ของสหภาพยุโรป แต่ในความเป็นจริง กรีซ..ยังคงมีเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่
ปี 2547 สัญญาว่า..กรีซจะได้จัดกีฬาโอลิมปิค สัญญาว่า..กรีซจะได้ใช้ “อินเทอร์เน็ตแห่งชาติ” สัญญาว่า..ทุกคนจะมีงานทำ สัญญาว่า..ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม ในปีนี้เองที่ประเทศกรีซได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคสมดั่งใจปรารถนา แต่ค่าใช้จ่ายรวมที่ใช้ในการจัดอยู่ที่ 7 พันล้านยูโร ทะลุงบประมาณเดิมที่ตั้งไว้กว่าสองเท่า ทำให้ในปีนั้นกรีซขาดดุลงบประมาณสูงถึง 5.3 เปอร์เซ็นต์ และก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล แต่ประชาชนมีความสุขเพราะ มีงานทำ…และได้ค่าจ้างสูง…ตรงกับที่สัญญาไว้ นอกจากนั้นรัฐบาลยังใช้งบประมาณต่อไปอย่างไม่ยั้งมือ เช่น โครงการ “อินเทอร์เน็ตแห่งชาติ” ที่ใช้เงินสูงถึง 210 ล้านยูโร และเชื่อว่าจะเป็นระบบอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ดีที่สุดในยุโรป
ปี 2552 ช่วงปลายของรัฐบาลได้มีการออกนโยบายอย่างมากมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณอย่างมโหฬาร รัฐบาลจึงประกาศไม่ขึ้นเงินเดือนและไม่มีการรับข้าราชการเพิ่ม ส่งผลให้ประชาชนของกรีซที่เสพติดกับมาตรการประชานิยมทำการต่อต้าน และท้ายที่สุด…รัฐบาลก็แพ้การเลือกตั้ง
ในปีเดียวกัน พรรคฝ่ายค้านสัญญาว่า..จะมีการขึ้นค่าแรงต่อไป สัญญาว่า..จะไม่มีการลดค่าแรง สัญญาว่า..580 อาชีพจะเกษียณก่อนวัยที่อายุ 50 ปี พรรคฝ่ายค้านจึงชนะการเลือกตั้งและได้เป็นนายกรัฐมนตรี นโยบาย “เกษียณก่อนวัย”..ทำได้จริง ประชาชนกรีซที่มีอาชีพจำนวนกว่า 580 อาชีพ เกษียณได้เมื่อผู้หญิงอายุได้ 50 ปีและผู้ชายอายุได้ 55 ปี และพบว่า กรีซได้จ่ายเงินบำนาญให้แก่ประชาชนสูงถึง 7 แสนคนหรือคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด โดยกรีซมีตัวเลขเฉลี่ยของอายุเกษียณอยู่ที่ 61 ปี ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขเฉลี่ยของคนเกษียณอายุที่ต่ำที่สุดในกลุ่มสมาชิกสหภาพการเงินยุโรป
สอง ในที่สุด กรีซก็ไม่สามารถหนีพ้น “กรรม..ที่ก่อไว้”
ปี 2553 รัฐบาลเริ่มพบว่า รัฐบาลไม่สามารถหาเงินมาจ่ายสำหรับพันธบัตรของกรีซที่ครบอายุได้ ดังนั้นกรีซจึงขอความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หลังจากการเจรจา 10 วันเต็มได้ข้อสรุปว่าทั้งสองฝ่ายจะให้เงินกู้แก่กรีซเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 110,000 ล้านยูโร
แต่ “เงินกู้จำนวนมหาศาล” ดังกล่าวไม่ได้มาฟรีๆ มันต้องแลกกับการที่กรีซจะต้องลดการขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ และการออกมาตรการในการรัดเข็มขัดอย่างเข้มข้น เช่น การไม่ขึ้นเงินเดือนทั้งภาครัฐ เอกชน และการงดจ่ายเงินโบนัสเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 21 เปอร์เซ็นต์ไปเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ และการเพิ่มภาษีสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
หลังการประกาศมาตรการ… ประชาชนกรีซก็แสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างทันควัน คนนับหมื่นนับแสนในกรุงเอเธนส์หยุดงานและออกมาประท้วงต่อมาตรการดังกล่าว ทั้งเมืองเอเธนส์กลายเป็นอัมพาตหลายต่อหลายครั้ง ปัญหาการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวของกรีซยังคงต้องดำเนินต่อไปจนถึงเวลานี้
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประชาชนชาวกรีซกว่า 25,000 คนก็ได้ร่วมกันแสดงพลังความโกรธแค้นต่อการมาเยือนกรีซเพียง 6 ชั่วโมงของนางแองเจลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กแห่งเยอรมนี โดยมีผู้ประท้วงคนหนึ่งที่ตะโกนออกมาว่า “Merkel, we are a free nation and not your colony” แปลตามความได้ว่า “เมอร์เคิล.. เราเป็นชาติที่มีอิสรภาพ ไม่ใช่อาณานิคมของคุณ” เสียงประท้วงดังกล่าว อาจบอกว่า จงอย่าใช้มาตรการรัดเข็มขัด “เยี่ยงทาส” กับคนกรีซอีกต่อไป
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
on 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:50
ที่ผ่านๆ มาผมไม่เห็นรัฐบาลไทยใส่ใจเรื่องต้นทุนของชาวนากันสักเท่าไร แต่รัฐบาลนี้ยิ่งหนักเพราะผลักทั้งชาวนาและคนงานให้จนหนักกว่าเดิมในขณะที่ต้วเองกอบโกยผลประโยชน์บนความล่มจมของชาติและประชาชน
โดย hentai
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:25
โดย eAT
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:20
โดย sigree
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:14
โดย amplepoor
on 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:04
รางวัล และ เหรียญเกียรติยศ ที่ในหลวงได้รับจากองค์กรนานาชาติ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนไทย และแน่นอนไม่เคยดูข่าวพระราชสำนัก หรือโดน "ล้างสมอง" อย่างที่สมศักดิ์ เจียมและพรรคพวกชอบกล่าวหาว่าคนไทยเป็น
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net