montriwong

 

 

ขอชี้แจงนิดนะครับในฐานะที่เป็นครูมา สิบปี เริ่มจากแต่ละรัฐบาล แต่ละ รมต.ศึกษามีไอเดียใหม่ๆทุกเทอมจริงๆครับ สั่งมาทุกเทอมให้เน้นแบบนี้อันก่อนยกเลิก ครูก็คือลูกจ้าง ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับแผนใหม่. เหมือนท่านสั่งลูกน้องเปลี่ยนงานทำบ่อยๆ เค้าก็ไปไม่เป็นครับ ตั้งแต่มีคณะกรรมการมาประเมิน รร. เชื่อไหมครับต้องเตรียมงานเอกสารกันเป็นเดือน. งานสอนนะหรอครับ ลดลงอย่างมาก. แล้วไม่ได้มีประเมินแค่รอบเดีวนะครับ. ประเมินภายนอก ภายใน ประเมินจากกบุ่ม เขต อะไรให้มากมายเหลือเกิน แต่ละประเมินก็ดูคนละเรื่อง ปีหนึ่งท่านว่าจะมีเวลาสอนอยู่กับนักเรียนสักเท่าไรครับ. ไหนจะทำผลงานตัวเอง ไหนจะงานธุรการ งานอื่นๆที่ได้รับมอบหมายอีก. บอกตรงๆนะครับ ปชป. เป็นศึกษาธิการ. ครูทำงานหนักเพราะนโยบายเค้าวางเป็นระยะยาว มีแผนให้ทำตาม. แต่พอ พท. มาเป็นบอกเลยครับครูสบาย เพราะมีแต่นโยบายแต่ไม่รู้จะทำยังไง. ก็ตามมีตามเกิดไป. สรุปคือ นโยบายเปลี่ยนตลอด คนทำตามก็ตามไม่ทันกว่าจะเรียนรู้ กว่าจะทำท่านๆเปลี่ยนอีกแล้ว. ปล. พิมพ์อาจจะผิดบ้สงนะครับจาก มือถือ. ครูคืออาชีพของผมครับ

 

ใช่ครับ สิ่งที่ท่านพูดมา มันตรงกะ สิ่งที่ ภรรยา ผมพูดเสมอ

 

นั้นคือ แผนการศึกษา หรือ หลักสูตร ที่เปลี่ยนมันแทบทุกปี 

 

ไหนครูผู้น้อบยัีงไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงอีก

 

เฮ้อ

 

พูดก้อพูดนะ ควรที่จะมีการรื้อระบบการศึกษาใหม่ แทยทั้งหมด ด้วยซ้ำ

 

เพื่อนที่เป็นอาจารย์เห็นมันก็บ่นๆ แนวๆนี้และ ฮาฮา

 

ผมว่า แผนการสอนเนี่ยถึงจะเปลี่ยน มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมาย

คนเป็นครูต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ มีความพร้อม สามารถพลิกแพลงความรู้ได้

ครูดีก็มีเยอะ

แต่ครูไม่ดี ที่สอนไปวันๆ มีเยอะกว่าครับ

เคยได้ยินไหมครับ "ครูประถมความรู้ก็มีแค่ประถม ครูมัธยมก็มีความรู้แค่มัธยม" นี่เป็นตัวอย่างครูที่สอนไปวันๆ ไม่มีการพัฒนาตนเอง ไม่มีการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ

ที่สำคัญคนเก่งๆ มักไปเป็นหมอ วิศวะกร หรืออาชีพอื่นๆ ที่เงินเดือนสูงๆ ครูเงินเดือนน้อยคนที่มาเรียนครูมักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่ง หรืออาจจะมีคนที่เก่งและมุ่งมั่นที่จะเป็นครู แต่ก็น้อยครับ

ผมไม่ได้มองครูในแง่ลบนะครับ

เพราะผมก็เป็นครู และศรัทธาในอาชีพครู ตั้งใจสอนลูกศิษย์ และเวลาว่างๆ ผมก็จะไปดูเด็กๆ บนดอย ไปช่วยให้ความรู้เด็กๆ บนดอย

เพราะงั้น ผมจึงได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย เห็นสภาพความเป็นอยู่ เห็นความเป็นจริง ที่หลายๆ คนคงนึกภาพไม่ออก

บางโรงเรียน เด็กอนุบาลนอนกลางวัน นอนให้ทากดูดเลือดก็ยังมี

การศึกษาไทยยังคงต้องปรับปรุงอีกเยอะ

เอาแค่ว่า การจัดการศึกษาโดยชุมชน  หลักสูตรท้องถิ่น อะไรพวกเนี้ย ผมเห็นมาตั้งนานแล้ว ได้ผลไม่กี่ที่ เพราะอะไร เพราะครูหรือเปล่า เพราะผู้บริหารโรงเรียนหรือเปล่า

ก่อนนี้มีครูจากภาคอีสานมาสอบเป็น ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมภาวนาตลอดระยะเวลา ว่า ขอให้มันย้ายๆ กลับไปบ้านมันเหอะ

โรงเรียนแทบไม่เคยมา

แกล้งทำเป็นแขนหัก แล้วให้จะให้หมอเซ็นต์ว่าหมอที่นี่รักษาไม่ได้ เพื่อมันจะได้ย้ายกลับบ้าน แถมก่อนไปทำให้คนในชุมชนแตกแยก สร้างปัญหาสารพัด เงินก็มีแต่จะเอาเข้ากระเป๋า นี่หรือผู้บริหาร

มันย้ายกลับไปได้ผมดีใจมาก

โอ๊ยปัญหาจิปาถะ... สาธยายไม่หมดง่ายๆ หรอกครับ...

ผมขอยืนยันว่าการศึกษาไทยในปัจจุบันมีปัญหาจริงๆ มีปัญหาเป็นอย่างมาก

อย่ามองเพียงแค่ในเมืองใหญ่ ซึ่งมีโรงเรียนที่โด่งดัง เด็กอยู่ในระดับอัจฉริยะเลยครับ

แต่ขอให้มองโรงเรียนชายขอบซึ่งมีเป็นจำนวนมาก

บางโรงเรียนมีเด็กอยู่ไม่ครบชั้น มี ป.1  ไม่มี ป.2 มี ป.3 ไม่มี ป.4 ประมาณนั้น

เด็กมีอยู่ไม่ถึง 30 ครูมีแค่ 1-3 คน

บางแห่งกว่าครูจะไปถึงโรงเรียนก็ 9 โมง 10 โมง พอไปถึงบางคนต้องไปทำอาหารกลางวัน ทานอาหารกลางวันแล้วก็ปล่อยให้เด็กเล่นภายในโรงเรียน สักบ่าย 2 ก็สอน ไม่งั้นก็ให้เด็กหาเหา เอ้ยหาผมหงอกให้ พอสักบ่าย 3 ก็กลับ

อาหารกลางวัน ผมไม่รู้หรอกนะว่าได้งบหัวละกี่่บาท แต่ที่ผมเห็นน่ะ มีแต่หยวกกล้วยทั้งนั้น ไม่ต่างจากอาหารหมู ถ้วยหนึ่งมีหมูนับชิ้นได้

งบเสื้อผ้า ผมไม่รู้นะว่าได้หัวละเท่าไร แต่ที่ผมเห็น เสื้อผ้าเด็กก็เก่าแล้วเก่าอีก ขึ้นราแล้วขึ้นราอีก ขาดแล้วขาดอีก แล้วงบเสื้อผ้าหายไปไหน

บางโรงเรียนหรูมีทีวี มีคอมพิวเตอร์ มีจานดาวเทียมสอนผ่านสัญญาณโทรทัศน์ทางไกล มีจานดาวเทียมอินเตอร์เน็ต แต่ขอโทษที ไม่มีไฟฟ้าครับ

บางโรงเรียนสอนแต่ภาษาพม่ากับภาษาอังกฤษครับ ไม่มีภาษาไทย

บางโรงเรียนอาคารเรียนไม่เพียงพอ มีแค่สามห้อง เด็กต่างชั้นต้องเรียนด้วยกัน

บางโรงเรียนหยุดบ่อยมากๆ เดี๋ยวครูประชุม เดี๋ยวครูไปอบรม เดี๋ยวครูลา เดี๋ยวครูแข่งกีฬา วันหยุดครูก็หายไปยาวเลย เวรกรรมของเด็ก

ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 12 สิงหานี้เอง ครูนัดทำพิธีวันแม่ แต่ครูไม่มา เด็กรอกันทั้งโรงเรียน แต่คงเอาผิดไม่ได้หรอกครับ ข้ออ้างเยอะครับ น้ำท่วม ทางถล่ม ต้นไม้ล้ม ถนนปิด ฯลฯ

นมโรงเรียนก็มีแต่ผง พึ่งรู้ว่าเค้าเอานมผงมาผสมน้ำให้เด็กกิน อบต.ห่วยแตกพวกนี้ สมัยหน้าอย่าไปเลือกมันเลย

สวนเกษตร แปลงผักบางที่ก็ไม่มีการสอนเด็กปลูกผัก บ่อปลาก็ว่างเปล่า เล้าไก่ก็ไม่มีอะไรเหลือ ดีที่เล้าหมูยังมีขี้หมู แต่ก็ขี้หมูแห้งตั้งแต่ปีไหนก็ไม่รู้ 555

ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ในการดูแลตรวจสอบน่ะเหรอครับ

ผมเคยนั่งอยู่ในห้องประชุมนั้นครั้งหนึ่ง เป็นการประชุมแบ่งกันว่าใครจะไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนไหน

แม่งเกี่ยงกัน โรงเรียนไหนไปยากๆ ไม่มีใครอยากไปหรอกครับ แต่เงินแม่งแย่งกัน

จะไปแต่ละทีมีหนังสือนำ คุณต้องทำอันนั้น  คุณต้องทำอันนี้ คุณต้องดูแลต้อนรับเราเป็นอย่างดี

แล้วมันจะได้รู้ความจริงไหมล่ะ

ทำไมไม่สุ่มไป บางที่ส่งคนไปสังเกตการณ์ห่างๆ ดิ จะได้รู้ว่าแต่ละโรงเรียนเป็นยังไง

นี่แค่เบาะๆ ครับ

อย่าพึ่งพูดถึงด้านวิชาการ

อย่าพึ่งพูดเรื่องความรู้เด็กเลยครับ

แค่พูดว่าครูสอนมั่งไม่สอนมั่ง ครูนอนให้เด็กหาเหา เอ้ย หาผมหงอกให้นี่ก็เจ็บปวดแล้วครับ

รู้สึกเหมือนกะลังเล่นชักกะเย่ออยู่ แล้วมีคนที่กำลังชักกะเย่อคนหนึ่งออกไปนั่งดู โดยที่คนที่ออกไปนั่งดูบอกว่า ถ้าแพ้ถือว่าคนที่ยังชักกะเย่ออยู่ผิด

ตลกดี

 

 

 

เข้ามาดูพวกหวังลมๆ แล้งๆ 

 

ตั้งสติหน่อยครับ อย่าเพิ่งช็อค

 

 

ผมเองก็เคยเป็นอดีตเหลือง ไม่่ช๊อตหรอกครับ แต่รู้สึกสะใจนะที่แป๊ะเลิกไปได้

 

 

 

หากปลอบใจตัวเองแล้วรู้สึกดีขึ้น ก็ทำเถอะครับ 

 

 

ดูเหมือนจะมีความสุข กับการยุยั่วให้คนเกลียดกันนะครับ

เลิกเถอะครับ ยังมีเรื่องดีๆให้ทำมากกว่านี้ ผมไม่รู้ว่าคุณรับจ้างใครมาหรือเปล่า แต่อาชีพแบบทำลายชาติ ทำลายตัวเองแบบนี้

เงินทองที่ได้ไปมันเป็นพิษครับ อย่าทำลายตัวเองเลย

 

หากคุณเห็นต่าง ไม่ได้รับจ้างมา...ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวแบบนี้ก็ได้

การหัด ด่าคน ประชดประชัน มันทำให้จิตใจหมกมุ่น ครุ่นคิด เคียดแค้น เป็นทุกข์ใจไปเปล่าๆครับ ยิ่งทำยิ่งเข้าตัว

สุดท้ายจะไม่มีใครช่วยคุณได้ ไม่มีวันทำให้คุณสบายใจขึ้นจริง ไม่มีวันทำให้คุณหายใจคล่องขึ้น

 

ขอบคุณครับ

 

ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของสนธิ ลิ้มทองกุล

 

ที่ว่า พันธมิตรจะยุติความเคลื่อนไหว

 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เป็นแกนนำกู้ชาติ

 

เรียกให้คนรักชาติมารวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลในขณะนั้น

 

ตอนนี้ ท่านไม่รักชาติแล้วหรือ ท่านไม่กู้ชาติแล้วหรือ

 

ไม่เป็นไร ถึงแม้แกนนำจะบอกว่าจะยุติความเคลื่อนไหว

 

แต่ถามบรรดาที่ได้ชื่อว่า เสื้อเหลือง

 

ท่านล่ะ ยังรักชาติอยู่หรือเปล่า??

 

หรือแกนนำบอกจะยุติ ท่านก็จะยุติตาม ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน

 

คิดดูให้ดี

 

ถามตัวเองว่า

 

ท่านยังรักชาติอยู่หรือเปล่า

 

ท่านรักชาติด้วยตัวเอง หรือรักชาติเพราะสนธิ

 

แม้สนธิจะหายไป ท่านก็ยังรักชาติอยู่ใช่หรือไม่???

 

ผมหวังว่า

 

เมื่อใดที่ชาติต้องการ ท่านจะออกมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะกู้ชาติต่อไป

 

 

 

ผมอ่านยังไงผมก็ว่ามันเป็นการประชดประชันกันครับ

ซึ่งผมขอเห็นแย้งตรงนี้ว่า "ไม่ก่อประโยชน์"

คนที่รักชาติ เขาไม่ได้รักหรือสนใจสนธิ เป็นพิเศษหรอกครับ

แต่คนที่รักสนธิ ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาไม่รักชาตินะครับ...

ผมไม่เห็นประโยชน์ที่จะโยงสองประเด็นนี้เข้าด้วยกัน....สนธิมันชั่ว ผมทราบอยู่แล้ว

คนที่เขารักอาจไม่เห็นอย่างผม แต่ผมว่า เขาไม่ได้รักชาติน้อยกว่าผมแน่...ผมจะไม่มองเพื่อนร่วมชาติผมแบบนั้น

ผมไม่ได้โลกสวย แต่ตอนนี้ผมต้องการความร่วมมือ ผมว่าคนไทยต้องการความร่วมมือมากกว่าเวลาไหนๆที่ผ่านมา

เพื่อช่วยกันทำให้ชาติพ้นภัยจริงๆครับ ไม่ใช่ระบอบทักษิณยังไม่จบ ยังจะเพิ่มแป๊ะลิ้มมาอีก

หวังว่าผมคงเข้าใจคุณผิด คุณอาจต้องการกระตุ้น แต่ขออนุญาตแย้งตรงนี้ว่าจะไม่ได้ผลครับ

รังแต่จะกีดกันเพื่อนร่วมชาติแท้ๆไปเป็นฝ่ายอื่นอีก...ซึ่งผมไม่เห็นประโยชน์นะครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รักชาติ

อยากให้หลายๆ คนคิดได้

ว่าปัญหาทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร

ในเมื่อสนธิจะอยู่เฉยๆ ก็ช่างหัวมัน

เพราะช่วงก่อนหน้านี้มันก็แทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

ผมอยากให้คนเสื้อเหลืองที่รักชาติก้าวข้ามสนธิ

ก้าวออกมาสู้เพื่อประเทศไทยอีกครั้ง

เท่านั้นเองครับ

 

เข้ามาดูพวกหวังลมๆ แล้งๆ 

 

ตั้งสติหน่อยครับ อย่าเพิ่งช็อค

 

 

 

 

เอ็งเมาหรือเปล่า ใครช๊อคอะไรเหรอ มีแต่เขาดีใจกัน  กลุ่มเอี้ยๆ จะปิดตัวลง เขาจะฉลองกันอยู่แล้ว

 

 

ตื่นเถอะเอ็ง อย่าวนเวียนซ้ำซากไร้สาระ แถไปเรื่อย มั่วตลอดเลยนะเอ็งอะ

 

นั่นซิครับ

สนธิจะไปก็ไป

แต่ผมหวังว่า เสื้อเหลืองที่รักชาติ จะสลัดคราบจากการเป็นเสื้อเหลือง และจะยังคงออกมาสู้ด้วยอุดมการณ์ต่อไป

อย่างที่บอก

คนรักชาติ ไม่ได้รักชาติเพราะสนธิ เค้ารักชาติมาก่อนหน้าที่จะมีสนธิแล้ว

สนธิต่างหากที่ใช้ประโยชน์จากความรักชาติของพวกเค้า

และถึงไม่มีสนธิ เค้าก็จะยังคงรักชาติ และออกมาสู้เพื่อชาติต่อไป

เข้ามาดูพวกหวังลมๆ แล้งๆ 

 

ตั้งสติหน่อยครับ อย่าเพิ่งช็อค

 

 

ไม่ได้ช็อคครับ

แค่อยากปลุกเสื้อเหลืองให้ตื่นครับ

ผมเชื่อว่าคนเสื้อเหลืองหลายๆ คน เป็นคนรักชาติ

และไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของสนธิครับ

ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของสนธิ ลิ้มทองกุล

ที่ว่า พันธมิตรจะยุติความเคลื่อนไหว

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เป็นแกนนำกู้ชาติ

เรียกให้คนรักชาติมารวมตัวกันเพื่อขับไล่รัฐบาลในขณะนั้น

ตอนนี้ ท่านไม่รักชาติแล้วหรือ ท่านไม่กู้ชาติแล้วหรือ

ไม่เป็นไร ถึงแม้แกนนำจะบอกว่าจะยุติความเคลื่อนไหว

แต่ถามบรรดาที่ได้ชื่อว่า เสื้อเหลือง

ท่านล่ะ ยังรักชาติอยู่หรือเปล่า??

หรือแกนนำบอกจะยุติ ท่านก็จะยุติตาม ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน

คิดดูให้ดี

ถามตัวเองว่า

ท่านยังรักชาติอยู่หรือเปล่า

ท่านรักชาติด้วยตัวเอง หรือรักชาติเพราะสนธิ

แม้สนธิจะหายไป ท่านก็ยังรักชาติอยู่ใช่หรือไม่???

ผมหวังว่า

เมื่อใดที่ชาติต้องการ ท่านจะออกมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะกู้ชาติต่อไป

ไอ้ที่ว่าจะยุติ

จะยุติจริงหรือเปล่า

ไม่ใช่วันดีคืนดีก็ออกมาด่า ปชป ออกมาด่า อภิสิทธิ์ นะ

แล้วไม่รักชาติแล้วเหรอ

แล้วไม่กู้ชาติแล้วเหรอ

ถ้าคนเรารักชาติจริงๆ มันไม่มีวันที่จะหยุดรักชาติหรอกนะ

ต่อให้มีอะไรต่อมิอะไรอยู่ตรงหน้าเค้าก็ไม่หวั่น

นี่อะไร???

หลายๆ คน ที่ศรัทธาสนธิน่าจะตาสว่างได้แล้ว

ไปได้ก็ดีแล้ว

ต่อไปก็หวังว่าจะดึงคนที่รักชาติออกมาได้นะ

ในกลุ่มคนเสื้อเหลือง มีคนที่รักชาติมากมาย

และคนพวกนี้เค้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสนธิ

คนรักชาติ เค้าไม่มีวันหยุดรักชาติหรอก

ถ้ามีทางไหนที่เค้าจะทำให้ชาติเจริญก้าวหน้า หรือดีขึ้น หรือมีทางไหนที่จะกำจัดคนชั่วได้ เค้าก็เอาด้วยทั้งนั้นแหละ

ทำไม DSI ไม่รับเป็นคดีพิเศษมั่งล่ะ

คนเราเมื่อเป็น สส. เป็นผู้แทนปวงชน การโกหกคือสิ่งต้องห้าม ที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง

แต่.. อาจยกเว้นนักการเมืองไทยมั้ง ?

เดียร์ ขัตติยา ลูกสาวเสธ.แดง เป็น สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเธอได้อ้างเองตัวว่าเป็นสุภาพสตรีกลางสภาหลายต่อหลายครั้ง

อยากถามเดียร์ว่า ถ้าเป็นสุภาพสตรี ทำไมถึงกล้าโกหกได้อย่างด้าน ๆ ว่าไม่เคยศัลยกรรม ตามข่าวโพสต์ทูเดย์นี้






---------------

ทีนี้เรามาดูที่จมูกของเดียร์กันว่า เธอโกหกหรือไม่ ?


ก่อน 



หลัง




ดั้งที่เคยแหมบ จมูกที่เคยบาน มันอยู่ไหนแล้ว จนกลายเป็นจมูกเชิด





เรื่องการศัลยกรรม ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไรแล้วในยุคนี้

เพราะถ้าโกหกว่าไม่ได้ศัลย์ แต่รูปที่เห็นมันชัดเจนว่าโกหกตอแหล

แบบนี้สมควรหรือ ?

ที่ยังกล้าเรียกตัวเองว่า สุภาพสตรี เรียกตัวเองว่า เป็นสมาชิกรัฐสภา

อ้อ.. ลืมไป การโกหกเป็นคุณสมบัติสำคัญของสมาชิกพรรคเพื่อทุย !!

ที่มา : http://kaeake.blogsp...og-post_22.html

คอยดูต่อไปว่า เดียร์จะออกมาพูดอะไรอีกหรือเปล่า

หรือจะเงียบหายไป

เพราะดูเหมือนยิ่งพูด ก็จะยิ่งเข้าตัว

คอยดูเหอะ เดี๋ยวจะมีคนมาแถๆๆๆๆๆๆๆๆ...

ไม่งั้นก็จะมีคนมาข่มขู่ ใคร Share ใคร Like หรือใครออกข่าว ให้ข่าว จะถูกดำเนินคดี...

เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหายๆๆๆๆๆๆ...

น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ว่า กรณีที่ได้อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่มาของ สว.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวพาดพิง สส.ฝ่ายค้านเรื่องความสวยนั้นเป็นเพราะต้องการลดกระแสความตึงเครียดในที่ประชุม ภายหลังเกิดเหตุการณ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แห่ประท้วงประธานรัฐสภาหน้าบัลลังก์และเกิดเหตุปะทะระหว่าง สส.ปชป.และตำรวจรัฐสภา

น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า ไม่ได้ตั้งใจกล่าวพาดพิงว่าสวยกว่า ใสกว่า นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)เพราะเป็นรุ่นพี่และทราบดีว่าความสวยเทียบอดีตนางเอกไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นจังหวะการอภิปรายที่รับมุขกับนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ที่พูดถึงเรื่องความสวยตอนที่นายนิคมกล่าวระหว่างทำหน้าที่ประธานเท่านั้น

น.ส.ขัตติยา ยังกล่าวยืนยันว่า ไม่ได้ทำศัลยกรรมใบหน้าตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่รูปที่นำมาเผยแพร่นั้นเป็นรูปเก่า ถ่ายไว้นานหลายปีตั้งแต่สมัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล บิดายังไม่เสียชีวิต โดยเมื่อก่อนทำงานบริษัทตามปกติจึงปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้า แต่หลังจากปฏิบัติหน้าที่ สส.พรรคเพื่อไทยต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ทำทรีทเมนต์ใบหน้า และแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง เนื่องจากเป็น สส.ต้องทำงานในสถานที่ราชการ และพบปะผู้คนจำนวนมาก จึงทำให้รูปภาพในปัจจุบันแตกต่างจากภาพในอดีต

อย่างไรก็ตาม น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า ตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียลเน็ตเวิร์กระบุว่าตนนำเงินภาษีประชาชน 7 ล้านบาทไปทำศัลยกรรมนั้น จึงขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำศัลยกรรมแล้ว เงินเยียวยา 7.5 ล้านบาทตามนโยบายเยียวยาของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด โดยได้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ จึงอยากเรียนว่าตนสามารถรับฟังความเห็นที่วิจารณ์ในโลกออนไลน์ได้ เพราะถือเป็นเรื่องปกติ และเคยโดนกระแสข่าวโจมตีมากกว่านี้ เพียงแต่ไม่ต้องการให้มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ทราบข้อเท็จจริง 

ที่มา : http://www.posttoday...ังไม่ได้7-5ล้าน

ส่วนนี่มาจากอีกเว็บหนึ่งครับ

เป็นข่าว

เดียร์ ขัตติยา ทำศัลยกรรมจมูก

http://surgecosmetic...ทำศัลยกรรมจมูก/

ไม่รู้ข่าวไหนจริงกันแน่

นอกจากนี้เรื่องเงิน 7.5 ล้าน จนป่านนี้ยังไม่ได้อีกเหรอ อะไรจะนานขนาดนั้น

ห่มเหลืองบางคนใช้ศาสนาเป็นเครื่องกำบังจากการทำผิด

และยิ่งนับวันพวกนี้ก็ยิ่งมีมาก

ด้วยเกิดจากการที่พุทธศาสนิกชนเห็นแล้วไม่จัดการ

เห็นว่าธุระไม่ใช่ และกลัวบาป

การจัดการกับพระนอกรีต พวกมารศาสนา ไม่บาปหรอกครับ

อีกอย่างในสมัยนี้การว่ากล่าวตักเตือนพระ ก็ไม่บาปหรอกครับ เพราะพระหลายๆ องค์ขาดผู้ชี้นำที่ดี

เคยมีคำถาม พระเล่นเน็ต ผิดไหม อันนี้ก็ต้องดูที่เจตนาครับ

ถ้าเพื่อเผยแพร่ธรรมก็คงจะไม่ผิด

แต่พระบางองค์ อาศัยช่องทางนี้คุยกับสีกา จีบกันไปจีบกันมา บางคนคุยสองแง่สองง่าม อันนี้ผิดเต็มๆ ถือว่า อาบัติสังฆาทิเสส

แค่คุยกับสีกาทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ต แม้จะคุยเรื่องธรรม แต่ก็ถือว่าคุยในที่ลับหูลับตา ก็อาจจะ อาบัติปาจิตตีย์ (จริงๆ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงหมายถึงนั่งในที่ลับหูลับตา คือคนอื่นไม่รู้ไม่เห็นด้วย แต่สมัยนี้การที่ไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันก็สามารถคุย หรือสามารถเกี้ยวพาราสีกันได้ โดยทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ต)

สมัยนี้คงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และดำเนินการตามที่เห็นควรครับ

 

ท่านสิกรีมีมารยาทมาก  จึงได้เขียนแนบลิงก์มาดังนี้ครับ

 

ผมไม่ได้นับถือพุทธ คงไม่เหมาะที่จะตำหนิ

 

 

ลิงก์ของเฟซบุ๊กพระเสื้อแดงครับ.... ตามอ่านได้ที่นี่
https://www.facebook.com/edautosport

 

 

ผมได้อ่านแล้ว ผมตอบท่านสิกรีไปดังนี้ครับ

 

ขอบคุณมากๆเลยครับที่ส่งข่าวมาบอก

 

ได้ไปตามอ่านแล้วนะครับ  ได้รู้เห็นอะไรแปลกๆเพิ่มขึ้นดีครับ 

อ่านแล้วก็..งงๆกับแกเหมือนกันนะ  เขียนเหมือนอ่านโพยมาเป๊ะๆเลย

 

แต่เผอิญในบล็อกโอเคเนชั่นเอง ก็มีพระภิกษุที่ท่านสนใจการเมืองเข้มข้นมากด้วย  

ท่านโพสต์บล็อกเกือบทุกวัน แต่ทั้งสองท่านเป็นพรรคสีฟ้าและต่อต้านทักษิณ

(ท่านสิกรีต้องคุ้นกับชื่อหลวงพี่ทั้งสองแน่นอนเพราะเป็นบล็อกเกอร์ที่นั่นด้วย)

 

ในใจส่วนตัวเอง ผมมองว่านักบวชจริงๆแล้วไม่ควรยุ่งการเมือง เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ 

แต่แม้จะไม่เห็นด้วย  ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ  ยังอ่านบล็อกของสองหลวงพี่มาตลอดเลย   

 

ประเด็นคือ ถ้าผมจับกรณีพระเสื้อแดงคนนี้มาเล่น ผมเกรงว่า..ผมจะ "2 มาตรฐาน" เสียเอง

คือทีพระบล๊อกเกอร์ที่เชียร์สีฟ้า กลับไม่ตำหนิ  พอมีพระเสื้อแดงโจมตีสีฟ้า ดันตำหนิ

ถ้าจะเล่นต้องเล่นทั้งสองฝ่ายสิ  ถ้าตำหนิแดง เว้นฟ้าไว้ เท่ากับเลือกปฏิบัติชัดๆ

 

 

แต่ผมเชื่อว่าเพื่อนสมาชิกท่านอื่นอาจจะเล่นประเด็นนี้ได้ดีกว่าผมครับ

(อย่างที่บอก  ผมติดเรื่อง เลือกปฏิบัติ น่ะเอง)

 

 

 

ผมก็เลยตั้งกระทู้ขึ้นมาตามเจตนารมณ์ของท่านสิกรี  

โดยตัวท่านสิกรีงดการกล่าวตำหนิ ด้วยเหตุผล "ให้เกียรติเพื่อนต่างศาสนา"

และตัวผมงดเว้นการตำหนิอีกหนึ่งคน  ด้วยเหตุผลตามที่อธิบายไปแล้ว คือ "ไม่อยากเลือกปฏิบัติ"

 

แต่เชื่อว่าเพื่อนๆเสรีไทยน่าจะอยากพูดถึงประเด็นนี้กันครับ  ก็เลยเปิดพื้นที่ในกระทู้นี้เลย

 

เรียนเชิญญาติโยม ณ บัดนี้ครับ

 

ตามความคิดผม จะแดง จะเหลือง จะฟ้า จะสีอะไรก็แล้วแต่

ไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะมิใช่กิจของสงฆ์ครับ

พระสงฆ์มีหน้าที่ในการศึกษาและปฏิบัติธรรม

ศึกษาให้รู้จริง รู้แจ้ง ปฏิบัติให้ได้ แล้วจึงสั่งสอนผู้อื่น

และท่านก็ควรจัดการทั้งหมดครับ

อย่างน้อยก็ตักเตือนทั้งหมด ตีแผ่ทั้งหมด หรือดำเนินการทั้งหมด

ใครถูกก็ต้องว่าถูก ใครผิดก็ต้องว่าผิดครับ

..........................................

อ้อ อีกอย่างนะครับ

ในกรณีพระเสื้อแดงนี่ ดูจะเป็นการใช้อารมณ์ ล้อเลียน ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ก็คงได้แค่ตักเตือน

ส่วนอีกสองท่าน อาจจะต้องดู

หากเป็นการเขียนบล็อกเชิงวิชาการ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือใช้ในการสอนธรรม ก็อาจจะไม่ผิดครับ

แต่หากมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเด็ดเผ็ดมันละก็ อาจจะผิดครับ

แต่ก็อาจจะนะครับ ผมว่าท่านพิจารณาได้อยู่แล้วครับ

แต่ขอให้ท่านทำตามหน้าที่ ทำตามที่เห็นสมควร

แต่ก็ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชังนะครับ

ออกป้ายแบบนี้มา

เริ่มส่อว่าคะแนนนิยมเริ่มลดลง

ถึงขั้นต้องทำป้ายแบบนี้ขึ้นมา เพื่อเรียกคะแนน และถล่มฝ่ายค้าน

เพราะถ้าอยู่ดีๆ คงไม่ทำป้ายแบบนี้ขึ้นมาหรอก

แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน