Jump to content


คนสับปะหลี้

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 6 กันยายน 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2557 07:41
-----

Topics I've Started

ข่าวดีต้อนรับหน้าร้อน รัฐบาลเตรียมกระชากค่าครองชีพอีกครั้งหนึ่ง

19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:27

ครม.ไฟเขียวตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ก่อนทยอยปรับขึ้นราคาไปที่กก.ละ 24 บาท ภายในสิ้นปี"56

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (19 มี.ค.) ได้รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เรื่องก๊าซ LPG ในส่วนของมติ กพช.ที่ให้ตรึงราคาไว้ที่ กก.ละ 18.13 บาท จนถึงวันที่ 31 มี.ค.56 และแนวทางการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ไปที่ กก.ละ 24 บาทภายในสิ้นปี 2556

ทั้งนี้ วิธีการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG นั้น กระทรวงพลังงานต้องรอผลการสำรวจของคณะทีมงานศึกษาก่อน ประกอบกับผลการประชุมของ กบง.ด้วย โดยจะมีการประชุมในเดือน เม.ย. ซึ่งจะมีการศึกษาในเรื่องของจำนวนผู้มีรายได้น้อย พฤติกรรมการใช้ก๊าซหุงต้มของผู้ประกอบการต่อราย เช่น ใช้กี่ถัง, ถังขนาดกี่ กก. เป็นต้น รวมทั้งการช่วยเหลือกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วย/เดือน และกลุ่มแม่ค้าหาบเร่แผงลอยด้วย

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เสนอให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(LPG) ภาคครัวเรือนไว้ที่ 18.13 บาท/กก. ต่อไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.56 ซึ่งหลังจากนั้นรัฐบาลจะมีมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาของกระทรวงพลังงาน

"ไม่ได้หมายความว่าพอถึงสิ้นเดือน มี.ค.แล้วจะขึ้นราคา เพราะเราไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อน ยังมีการดูแลอยู่ กระทรวงพลังงานกำลังสำรวจ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าน้อยหรือไม่มีไฟฟ้าใช้ และกลุ่มหาบเร่แผงลอย" นพ.ทศพร กล่าว

ทั้งนี้ ในกลุ่มของประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำก่า 90 ยูนิต/เดือน หรือกลุ่มที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ซึ่งมีอยู่ราว 8.3 ล้านครัวเรือนนั้น หากภายหลังมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ เพื่อไม่ให้ประชาชนในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซ ส่วนกลุ่มหาบเร่งแผงลอยนั้นมีประมาณ 500,000 ราย ถ้ามีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม รัฐบาลอาจจะชดเชยในรูปแบบของการแจกบัตรหรือคูปองให้สามารถไปซื้อก๊าซหุงต้ม ในราคาถูกได้ อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้กำลังอยู่ในระหว่างรอผลสำรวจจากคณะทำงานของกระทรวง พลังงาน

 

http://bit.ly/WBLqPz

 

กระชากค่าครองชีพไม่หยุดเลยนะ รัฐบาลนี้


วัฒนธรรมชาวพม่า

9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 14:44

พอดีไปอ่านข้อคิดเห็นในเฟสบุคมาครับ น่าสนใจดี ก็เลยเอามาให้อ่านกันดูครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
เขาเขียนหนังสือเชิญชวนนักท่องเที่ยวว่า
"ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อเข้าไปในประเทศพม่า"
เขาเชิญชวนให้ทำตามวัฒนธรรมพม่า
และทำอะไรหลายๆอย่างตามแบบอย่างที่คนพื้นเมืองเขาทำกัน
อะไรที่ทำแล้วคนพม่าจะพอใจ อะไรที่ทำแล้วเขาจะโกรธ น่าชื่นชมตรงที่พม่าเขา
ยังรักษาวัฒนธรรมพื้นบ้านของเขา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย กิริยามารยาท หรือ
เรื่้องราวเกี่ยวกับวัดวาอาวาสศาสนา
เขายังรักษาไว้ได้ในระดับที่ดีทีเดียว โดยเฉพาะผู้นำของเขา
ยังแต่งกายด้วยชุดพม่าต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างสง่างาม
ไม่ได้อับอายชาติไหนในโลก แต่นั่นอาจเป็นเพราะพม่านั้น เป็นเมืองปิดมานาน
เพิ่งจะเปิดรับรู้เรื่องราวจากโลกภายนอกได้ไม่กี่วันนี้เอง
นานไปก็อาจจะถูกกลืนทางด้านวัฒนธรรมไปอีกก็ได้ เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน


ดังเช่นที่ประสบปัญหาในประเทศไทยทุกวันนี้
ความผสมผสานอย่างหลากหลายของวัฒนธรรมต่างแดน ทำให้สังคมไทยแปรเปลี่ยน
และเกิดปัญหาต่างๆตามมาอย่างมากมาย
โดยเฉพาะสังคมวัยรุ่นที่เป็นเยาวชนของชาติ ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วง
เพราะความประพฤติที่ลอกเลียนแบบมาจากวัฒนธรรมต่างแดน
ที่ขาดการกลั่นกรองว่ามีความเหมาะสมหรือขัดต่อวัฒนธรรมไทยที่ดีหรือไม่?
อย่างไร? มิหนำซ้ำยังไม่ใส่ใจที่จะปฏิบัติตน
เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ดีอีกต่างหาก
ยังอาจมองว่าขนบธรรมเนียมประเพณีไทยเป็นของเก่าคร่ำครึโบราณ
เป็นเต่าล้านปีไปเสียอีก

แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง
ทั้งที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และไม่มีหน้าทีเกี่ยวข้อง
ก็พากันเอาหัวไปมุดอยู่แต่ในรูส้วม สูดดมแต่สิ่งสกปรกปฏิกูลโสโครก
ไม่สนใจใยดีที่จะกระตุ้นจิตสำนึกของคนไทยให้เกิดความรักชาติ
ให้ตื่นตัวและร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง
หันมาส่งเสริมให้คนไทยนิยมใช้สินค้าไทย รู้จักประหยัดและอดออม
และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแบบไทยๆ
และศิลปวัฒนธรรมไทยที่สุภาพอ่อนโยนและสวยงาม
รวมทั้งกิริยามารยาทความประพฤติที่ดีงามต่างๆ การแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่
การกราบ การไหว้ การพูด การเจรจาด้วยถ้อยคำสุภาพไพเราะอ่อนหวาน
ถูกต้องชัดเจนตามหลักภาษาไทย การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ความเห็นอกเห็นใจกัน เหล่านี้ ย่อมส่อแสดงถึง
ความมีศีลธรรมจริยธรรมอันดีงามทั้งสิ้น

แต่มันน่าทุเรศสิ้นดี
ที่ข่าวคราวของบ้านเมืองเราทุกวันนี้มีแต่ข่าวการเมืองที่สกปรกโสโครก
สาดโคลนใส่กัน กล่าวหากันไป กล่าวหากันมา ว่าคนนั้นทุจริต คนนี้คอรับชั่น
โครงการนี้ไม่โปร่งใส โครงการโน้นถูกกลั่นแกล้ง เดี๋ยวก็จะแก้รัฐธรรมนูญ
เดี๋ยวก็จะนิรโทษกรรม
เดี๋ยวก็จะกู้เงินเพื่อโครงการยักษ์ใหญ่ต่างๆที่กำลังอ้าปากพะงาบๆๆกันอยู่
คนในระดับผู้นำสำคัญหลายคนก็ล้วนมีปัญหา บางคนก็เป็นเหมือนเด็กปัญญาอ่อน
บางคนก็เผาบ้านเผาเมืองมา ไม่ว่าใครก็เอามาเป็นผู้นำได้ จนคนชักสงสัยว่า
ตรรกะในการเป็นผู้นำของคนไทย มันคืออะไรกันแน่? คงต้องขอบคุณสามครั้ง
สำหรับคนที่เป็นผู้บงการบริหารบ้านนี้เมืองนี้
ที่ทำให้ความต่างระหว่างคนไทยกับสุนัขมันเหลือน้อยเต็มทน


ปัญหาพื้นฐานของคนไทยที่หมักหมมมานานนับศตวรรษ
ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการทุจริตในวงราชการ
ปัญหานักการเมืองด้อยประสิทธิภาพ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติดยาม้ายาบ้า
ปัญหาบ่อนการพนันเถื่อน ปัญหาการค้าโสเภณีทั้งเด็กและไม่เด็ก
ปัญหาเรื่องสื่อลามกต่างๆที่ระบาดกระจายอยู่ในทุกวงการ
ปัญหาพฤติกรรมเสื่อมในหมู่วัยรุ่น
ปัญหาชนเผ่าต่างๆที่กำลังไหลทะลักเข้ามาในประเทศ
ล้วนเป็นปัญหาหนักและเป็นภาระกับสังคมไทยทั้งนั้น


โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการตำรวจที่คนไทยหลงรักอย่างสุดจิตสุดใจ
ถึงขนาดก่นด่าสาปแช่งไม่ว่าจะขับรถไปทางไหน
ขออย่าให้เจอไอ้หัวปิงปองมันตั้งด่านเลย ยิ่งถ้าใครมีคดีต้องขึ้นโรงพัก
ก็ยิ่งจะหลงรักตำรวจมากขึ้นอย่างสุดใจขาดดิ้น
กี่คนก็สรรเสริญตำรวจในแบบที่รับฟังไม่ได้ทั้งนั้น
จนหลายคนชักสงสัยว่าตำรวจมันเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์" หรือมันเป็น
"ผู้พิฆาตสันติราษฎร์" กันแน่ หากมีการลงประชามติ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร?
แล้วมีใครคิดที่จะผ่าตัดวงการตำรวจให้มันดีกว่านี้ได้หรือไม่?


แค่วงการตำรวจอย่างเดียว คนไทยก็ชอกช้ำระกำทรวงพอแล้ว
ยังหน่วยงานอื่นๆอีกแทบจะทุกหน่วยงานเต็มไปด้วยการทุจริตคดโกงทั้งนั้น
แล้วอย่างนี้ประเทศไทยจะไปรอดได้อย่างไร?
หากคนไทยไม่รณรงค์ช่วยกันแก้ไขปัญหาของชาติอย่างจริงจัง
งอมืองอเท้ารอแต่จะให้พวกข้าราชการ นักการเมือง
มันเล่นสกปรกกันอยู่อย่างนี้
เห็นทีว่าประเทศไทยอาจถูกกลืนหายไปจากแผนที่โลก
และกลายเป็นประเทศใหม่ในชื่อใหม่ว่าอะไรก็ไม่รู้


การจะแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้
ประเทศไทยต้องมีผู้นำที่เข้มแข็งเก่งกล้าสามารถและเป็นคนดีเท่านั้น
รวมทั้งรัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศก็ต้องเป็นคนเก่งและเป็นคนดี
ตั้งใจทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างจริงจัง
ไม่ใช่รัฐบาลที่มุ่งหวังแต่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์แอบแฝงอย่างใดอย่างหนึ่ง
ตลอดเวลา เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ที่คนไทยทุกคนรับรู้ได้
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน
คนไทยไม่สามารถเลือกผู้นำที่เก่งและดีได้เลย
ทั้งที่คนไทยที่เก่งและดียังมีอยู่อีกมากมาย คนไทยคงได้แต่ฝันว่า
สักวันหนึ่งจักได้ผู้นำที่ทั้่งเก่งและดี จะได้รัฐบาลที่ทั้งเก่งและดี
แต่กว่าวันนั้นจะมาถึง หวังว่ายังคงมีแผ่นดินไทยให้พวกเราได้ยืนอยู่สินะ