อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับ vote no
แต่ใครอยากอ่านก็เชิญครับ ความเห็นส่วนตัวแบบบ้านๆของผม ซึ่งไม่ได้เป็นสุดยอดปราชญ์ผู้รอบรู้แต่ประการใด
ต้องเข้าใจว่า สังคมโลกเราถูกครอบด้วย ระบบใหญ่สองอย่างที่เป็นสากล คือ...
ทุนนิยม กับ อำนาจนิยม ที่มีความอยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นๆ...
ปราศจากซึ่งข้อโต้แย้งใดๆแน่นอน ว่าสังคมโลกแทบทุกส่วนเดินไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า ทุนนิยม หรือ ทุนนิยมเสรี...
อีกอย่างนึงก็คือระบบอำนาจในการปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้รูปแบบของสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย...
ทั้งทุนนิยมเสรี ทั้งประชาธิปไตย มีต้นฉบับส่งออกมาจากประเทศตะวันตก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศอเมริกาก็คือตัวนำหลัก...
ไม่ขอนับถึงระบบอีกอย่างก็คือ ศาสนา... เพราะว่ายังไม่เป็นสากล
เนื่องจากแต่ล่ะที่ แต่ละแห่งยังใช้ศาสนาที่แตกต่างกันออกไปอยู่อย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งที่จริงแล้ว สองอำนาจใหญ่ คือ ทุนนิยม หรือ อำนาจนิยม ก็ได้ซึมแทรกเข้ามาครอบงำระบบศาสนานานมาแล้วตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน...
ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ใช้ระบบทุนนิยมเสรีประชาธิปไตย ที่ถูกนำเข้ามาจากตะวันตก
ผมไม่ได้รังเกียจทุนนิยมเสรีประชาธิปไตยแบบหลับหูหลับตาต่อต้าน
ความจริงระบบนี้ก็ยังคงเป็นระบบที่ดี น่าสนใจ ถูกจริตกับธรรมชาติของมนุษย์ จึงเป็นเหตุนึงที่มันถูกเผยแพร่ใช้กันไปทั่วโลกได้
แต่ของมันก็มีสองด้าน มีหลายด้าน มีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย...
ให้จำไว้เลยว่า ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น เดินไป จากใครก็ตาม... ล้วนถูกผลักดันมาจากสิ่งที่เรียกว่า ทุนนิยมเป็นหลัก
พ่วงด้วย(การปกครองที่อ้าง)ประชาธิปไตย จะอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น...
ให้เน้นคำว่า ทุนนิยม หรือ พวกนายทุนผู้หวังแสวงหากำไรผลตอบแทนให้แก่ตนเองและพวกพ้อง...
คนพวกนี้ ส่วนมาก ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจาก ผลประโยชน์ อำนาจของตนเองและพวกพ้องเป็นหลัก...
ไม่มีทั้งสิ้นคำว่า ส่วนรวม ไม่มีชาติ ไม่มีศาสนา ไม่มีสถาบันอื่นใดทั้งนั้น...
หากมีการอ้างถึงก็แค่ เอามาอ้างเพื่อการใดๆเท่านั้น...
ย้ำนะครับว่าสำหรับ คนบางจำพวกเท่านั้น ซึ่งที่จริงเป็นคนจำนวนไม่มาก
แต่มีอิทธิพลสามารถครอบงำคนส่วนใหญ่(ที่ไม่ค่อยไตร่ตรองอะไรให้ถ่องแท้)ให้คล้อยตามได้
ศูนย์อำนาจในประเทศไทยมีอะไรบ้าง... ทุน ก็มาจากทุนที่เกิดจากรัฐ ทุนที่เกิดจากธุรกิจเอกชน...
อำนาจรัฐ ก็มาจากระบบการปกครองที่ใช้รูปแบบประชาธิปไตย (แต่ใช้แบบมั่วๆ ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ)...
ศาสนา ประเทศไทยมีคนส่วนใหญ่ที่ลงทะเบียนเป็น คนพุทธ มาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นมาจะเป็นพุทธแบบไหนนั่นอีกเรื่อง...
แล้วเราก็มีสถาบันกษัตริย์ ซึ่งยังคงอยู่จากอดีตเป็นร้อยเป็นพันปีมาถึงปัจจุบัน
สภาพทุน อำนาจ ในประเทศไทย ก็เหมือนๆกับประเทศอื่น สองอย่างนี้อยู่ควบคู่กันไป
เพราะกลุ่มทุนใหญ่ก็จะกุมอำนาจทางการเมืองไปด้วย
ผมถึงมักจะใช้คำเรียกพวกนักการเมืองว่า นักธุรกิจการเมือง เสมอ เพราะมันสื่อความหมายได้ตรงตัว ชัดเจน ถูกต้องมากกว่า...
อีกอย่าง กลุ่มทุนในประเทศไทย มันไม่ได้กว้าง มันแคบ มีอยู่ไม่กี่กลุ่ม ไม่กี่ตระกูล ที่ใหญ่และทุนหนาจริงๆ อำนาจผูกขาดจึงมาก
คนรวยมากๆเป็นแค่คนส่วนน้อยในสังคมไทย ส่วนคนไม่รวย หรือ จน มีมากมายก่ายกอง
สิ่งที่น่าเสียใจ ของกลุ่มทุน(กลุ่มการเมือง)ในเมืองไทย ทั้งน้อย ทั้งใหญ่คือ เห็นแก่ตัวมากเกินไป
บางกลุ่มก็เห็นแก่ตัวมาก บางกลุ่มก็มากสุดๆ คำที่บอกว่า มีแต่พรรคที่เลวมาก กับพรรคที่เลวน้อยกว่า ก็คงบ่งบอกสถานภาพได้เป็นอย่างดี...
และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เริ่มจะเห็นแล้วว่าเดี๋ยวนี้ มีพวกที่เห็นแก่ตัวแบบไร้ยางอาย ไร้ซึ่งคำว่าส่วนรวม ไม่มีชาติ ศาสนา หรือสถาบันใดๆเลย
ตัวเองเลวไม่พอ ยังครอบงำ ชี้นำให้คนอื่นๆ และสาวก หลงผิดตามไปด้วย
เรื่องพุทธศาสนา... จุดเด่นของพุทธศาสนาสำหรับวัตรปฏิบัติของคนไทยเท่าที่สังเกต เป็นเรื่องของการทำบุญ ทำทาน ความเมตตา เอื้อเฟื้อช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นคุณค่าที่แข็งแกร่งมากสำหรับสังคมไทย (แต่ชักจะมีมากเกินไปเหมือนกันเรื่องการทำบุญ ทำทาน ที่เกินพอดี ไม่ไตร่ตรองว่าควรให้กับใคร ในเรื่องอะไร ที่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า) อีกอย่างก็เป็นเรื่องของที่พึ่งทางใจ คนหลายคนเข้าวัด เข้าวา แล้วก็ทำให้ได้พักผ่อน สงบ มีสติ ขึ้นมาบ้าง ถือเป็นเรื่องที่ดี...
แต่ พุทธศาสนา นั้นมีคุณประโยชน์มากยิ่งกว่านั้นอีกที่ สังคมไทย เอามาใช้น้อยมาก...
คือ หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ของพุทธศาสนา จะมีชาวพุทธสักกี่คนที่เข้าใจว่า ศาสนาพุทธสอนอะไร
(ตัวผมเองก็พอจะรู้บ้างนะ แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจทะลุปรุโปร่ง เพราะผมยังไม่ได้ศึกษาจริงจังเท่าไร)
คำว่า เข้าใจ คือ รู้ จำได้ ท่องได้ และ เอาไปใช้ประโยชน์ได้...
ผมว่า หลายคนท่องได้ แต่ไม่เข้าใจ เอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้น่ะ..
เช่น มีบางคนมักจะกระแดะออกมาว่า ศาสนา ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ผิดเต็มๆ ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
พุทธศาสนาจะสอนให้คนมีศีล มีสติ มีปัญญาไตร่ตรอง เอาแค่เรื่องศีลน่ะ ห้ามพูดโกหก...
หากให้พระท่านมาเตือนสตินักการเมือง พระที่ดีๆท่านคงต้องบอกว่า โยม ทำไมโยมเอาแต่มุสาอยู่ได้ พูดความเท็จให้น้อยลงหน่อยได้มั้ย พูดความจริงมากๆหน่อย อะไรทำนองนี้... สภาพที่เป็นอยู่ของพุทธศาสนาในเมืองไทยคือ พุทธศาสนาไม่ได้ช่วยอะไรให้การเมืองการปกครองซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจใหญ่อันนึงให้ดีขึ้นได้เลย
เป็นไปได้อย่างไรที่ ชาวพุทธ ยินยอมให้นักการเมืองพูกโกหกหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเป็นหลายสิบปี แล้วยังเลือกตั้งให้พวกโกหกนี้กลับเข้าไปทำงานอีก...
แสดงว่า โครงสร้างองค์ประกอบของพุทธศาสนาไทยมีปัญหาละ
ทั้งตัวของประชาชนที่เป็นชาวพุทธเอง รวมถึงพระ และองค์กรศาสนา
ผมย้ำเรื่อง วาทกรรมว่า “พระ หรือ ศาสนา ไม่ควรยุ่งเรื่องการเมือง” อีกรอบ
ปัญหามันคือ ชาวบ้านต่างคิดกันเอาเองว่าศาสนา คุณพระคุณเจ้า ไม่ควรไปแตะการเมือง
มันก็เป็นเหตุนึงเช่นกัน ที่มีผลทำให้ พระท่านเอง ก็คล้อยตามความเชื่อแบบนั้นไปด้วย
สุดท้าย ทุกคนก็ละเลย ที่จะนำ ศาสนาเข้าไปทำให้การเมืองการปกครองดีขึ้นซะงั้น...
ทั้งนี้ยังไม่นับถึงอิทธิพลของ อำนาจทุน และอำนาจรัฐ ที่เข้าไปครอบงำทำให้ศาสนาเสื่อมถอยลงไปด้วย
สถาบันกษัตริย์... ในอดีตก็คือ ศูนย์กลางอำนาจหลักของรัฐ และได้เปลี่ยนแปลงไป
อำนาจโดยตรงของสถาบันกษัตริย์ได้ถูกลดทอนไป จากรูปแบบการปกครองของประเทศที่ปรับเปลี่ยนเรื่อยมา
แต่ ณ ปัจจุบัน อำนาจในทางการเมืองอย่างนึงของสถาบันกษัตริย์อยู่ในรูปแบบของความจงรักภัคดีของประชาชน
ปัญหาที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันหลายๆเรื่องที่ท้าทายสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นผลที่มาจากความต้องการทำลายหรือลดทอนศูนย์อำนาจตรงนี้...
ต้องเข้าใจในสิ่งที่เคยเกริ่นมาก่อนแล้วว่า คนกลุ่มนึง เขาเล่นในกติกาของทุนนิยม อำนาจนิยม เขาไม่มีคำว่าชาติ ไม่มีศาสนา ไม่มีสถาบันใดๆ
ดังนั้น ศูนย์อำนาจใดที่ยังคงมีอยู่ซึ่งไม่ใช่ของคนพวกนี้ เขาก็ถือว่าเป็น ปรปักษ์ทั้งสิ้น...
จะต้องพยายามครอบงำ หากครอบงำไม่ได้ก็ทำลายเสีย
ประโยคที่ว่า “ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า” ก็บ่งบอกถึงสภาพที่อธิบายได้ชัดเจนมากขึ้นนะ
ความจริงประเทศไทยเรายังมีของดี อย่างเช่น พุทธศาสนา กับ สถาบันกษัตริย์ ที่อยู่คู่กันเป็นหลักให้กับสังคมประเทศชาติ...
น่าเสียดายที่เรามีของดี แต่นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
อย่างที่บอกเรื่อง พุทธศาสนา... คนไทยสักกี่คนที่จะเข้าใจ นำหลักพุทธศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
เรามีสถาบันกษัตริย์ ที่ได้ชี้แนะสิ่งดีให้เราทั้งเรื่องการทำดีเพื่อส่วนรวมประเทศชาติ
การไม่โกงกิน การรู้จักเศรษฐกิจพอเพียง การธำรงไว้ให้ซึ่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมเก่าแก่ของชาติ ฯลฯ
เรารับฟัง แต่น้อมนำมาปฏิบัติหรือไม่ อันนั้นไม่แน่ใจ...
เรามีของดีอยู่กับตัว คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถ่องแท้ ก็ไม่เท่าไร
แต่กลับมีคนจำนวนนึงซึ่งโง่ เง่า เขลา เบาปัญญา
ที่คล้อยตาม ไอพวกที่ใช้ทุนนิยมเสรีประชาธิปไตยแบบถ่อยๆ เป็นไอพวกที่ไร้ซึ่งชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ถูกพวกนั้นหลอกแดรกให้ทำลายในสิ่งมีค่าที่ตนเองมีอยู่
เหมือนถูกพวกผี ปีศาจ ชั่วร้าย หลอกให้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองตนเองได้ไปเสีย
คงไม่ต้องบอกว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร...
สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังจะก้าวไปถึงในโอกาสต่อไป
มองเห็นตัวอย่างใน อิรัก อัฟกัน อียิปต์ ลิเบีย ซีเรีย ฯลฯ ที่มันเละเทะมากน้อยแตกต่างกันแล้วแต่สภาพ
จุดนึงก็มาจากการเปลี่ยนแปลงของศูนย์อำนาจในประเทศ เช่น ถูกทำลาย ถูกเปลี่ยนมือ เปลี่ยนรูป
ไม่ว่าจะในแบบใดๆก็ตาม ทำให้เสถียรภาพทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศถูกทำให้สั่นคลอน
เป็นปัญหาที่ยุ่งยากในการแก้ไขให้กลับเข้ามาในจุดที่มีดุลยภาพ สงบ เสถียร...
กลับมามองที่ประเทศไทยแม้มองในแง่ดี ก็คงยากที่จะเละเทะถึงขนาดประเทศเหล่านั้น
แต่ก็น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าใด กับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า...
ทัศนคติ ความเข้าใจในสภาพการเมือง สังคม เศรษฐกิจของประเทศที่ถูกต้อง
จะชี้นำคนในประเทศให้เดินไปในทางที่ถูก
แต่หากคนในประเทศไม่ใส่ใจ ไม่เข้าใจ ก็จะถูกชักจูง ชี้นำไปในทางที่ผิด และจะก่อเกิดปัญหาตามมา
ซึ่งที่จริงนอกจากจะไปโทษใครอื่นแล้ว ก็ต้องโทษตัวเองด้วยเช่นกัน ที่ก็เป็นส่วนนึงแห่งเหตุปัจจัยของความเสื่อมนั้นๆ
มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ...