วันก่อนก็พึ่งประมวลเรื่องราวของการหันมาขี่จักรยานให้น้องฟังครับ
จุดเริ่มต้นจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะขี่จักรยาน
ไม่เห็นความเหมาะสมของรูปร่างของตัวเองกับจักรยานเลยสักนิด
หลายปีหลัง ผมออกทองเที่ยวในประเทศบ่อยๆ
โดยเฉพาะทางภาคเหนือ
ครั้งนึง ไปที่ปาย และพักอยู่ที่นั่น 3-4 คืนครับ
เวลาที่ใช้ที่นั่น คือการเที่ยววนอยู่ในบริเวณนั้น
ซึ่งถ้าไกลออกไปหน่อย ก็ต้องเอารถไป ครั้งนั้นผมพักอยู่ไกล้ๆ ถนนคนเดิน
ซึ่งเวลากลางคืน จะไม่สามารถเอารถออกไปได้ ต้องเดินอย่างเดียว
มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่ก็พอเห็นครับ แต่นึกภาพน้ำหนักร่วมร้อยก็ถอดใจครับ
แต่ก็นึกภาพตัวเอง ขี่จักรยานท่องเที่ยวแถบนั้นแล้ว ดูง่ายดี อยากจอดถ่ายรูปตรงไหนก็จอด
ง่ายกว่ารถยนต์เยอะแยะครับ
แวดวงในเฟสบุคของผม เริ่มมีเพื่อนฝูงหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้น
ถึงตอนนี้ มีเพื่อนต่างกลุ่มกัน หันมาปั่นจักรยานกันเป็นสิบกลุ่ม
บ้างก็เข้าก๊วน ทัวร์ริ่ง บ้างก็ปั่นเดี่ยว บ้างก็ปั่นนิดหน่อย แต่บางคนอาจพยายามใช้มันแทนรถยนต์ในชีวิตประจำวัน
ผมเคยขาหักและไหล่หลุดข้างเดียวกันครับ
ทำให้ตรงข้อเท้าของกระดูกซี่หลัง (กระดูกขาจะมี 2 ท่อนคู่กัน) และหัวไหล่ยังมีเหล็กอยู่
จนมาเจอรุ่นพี่ท่านหนึ่ง อายุประมาณเกือบ 50 ที่แกปั่นอยู่เป้นประจำและสม่ำเสมอ
มีก๊วนออกทริปไกลๆ กันบ่อยมาก ซึ่งผมก็ติดตามแกอยู่
จนวันนึง แกโพสต์เล่าอาการเรื่องขามีเหล็กของแก ซึ่งเป็นจุดเดียวกับผมครับ
ผมเลยอินบอกซ์ไปถาม ว่าเหล็กที่ขามีผลอย่างไรต่อชีวิตการปั่นจักรยานบ้าง
แกตอบกลับมาว่าสบายมาก ไม่มีผลอะไรเลย อันตรายน้อยกว่าวิ่งเยอะ
ผมจึงเริ่มหันมาคิดจริงจังกับการจะมีจักรยานสนองความต้องการเล้กๆ นี้สักคัน
โจทย์แรก คงต้องเป็นจักรยานพับ ขนาดล้อ 20 นิ้ว
เพราะจะได้พับใส่ท้ายรถได้
สอบถามรุ่นพี่อีกคนนึง พี่เค้าก็บอกว่า เอ็งไปลดความอ้วนก่อนเถอะ
พี่กลัวเองจะหัวใจวายตายซะก่อน ผมก็ฝ่อลงไปเลยครับ
เงียบไปอีกพัก
จนมาเจอกระทู้นึงในนี้ พูดถึงเรื่องจักรยาน
ผมเลยตั้งกระทู้ถึงเลนจักรยาน เลยทำให้รู้ว่ามีเพื่อนสมาชิกหลายท่านก็ปั่นจักรยานอยู่
เวลานั้น ผมก้เจอเพื่อนอีกคนนึง มาทราบภายหลังว่าเค้าเปิดร้านขายส่งจักรยานมือสองนำเข้าจากญี่ปุ่น
เวลานั้น ก็ด้คุยกับคุณมูนไปด้วย ยังปรึกษาคุณมูนแกว่า อยากได้จักรยาน งบ 6-7000
(เวลานั้น ยังเข้าใจว่าจักยานน่าจะราคาประมาณนั้นอยู่ครับ)
แต่คุณมูนก็แนะนำว่า เพิ่มงบอีกหน่อย เอาซักหมื่นนิดๆ น่าจะดีกับผมและน้ำหนักของผม
ผมก็แอบเหวอไปเหมือนกัน จักรยานอะไรวะ ราคาเป็นหมื่น
เลยตกลงใจจะไปร้านเพื่อนครับ ไปหาดูจักรยานมือสองก่อน
ไปร้านเพื่อน ร้านเค้าเป็นร้านจักรยานที่ขายตามสภาพ ใครมาซื้อก็อาจคัดไปทำเพิ่มเอา
ผมไปวันที่ของสภาพดีๆ หมดไปแล้วพอดี แต่ก็ได้มาเจอคันนี้
เพื่อนก็เตือนว่าสภาพมันเก่านะ โช็คหน้าก็ไม่ดี
ผมม่คิดมาก ก็บอกว่า เอาเหอะ ขี่ได้ก็ขี่ไปก่อนเพราะราคามันไม่แพง
เผื่อวันหลังถอดใจ จะจอดทิ้งก็ไม่เสียดาย
แต่เพื่อนแนะนำว่า ไมาน่าเอารถพับล้อเล้ก เพราะไม่เหมาะกับรูปร่างผม
ถ้าอยากได้รถพับ ก็เอาคันนี้
วันนั้น ผมก็ยกเจ้าเสือภูเขาเชฟโรเลตพับได้ ขนาดล้อ 26 นิ้วใส่ท้ายรถกลับบ้าน
เอามาเริ่มขี่ไปมาในหมู่บ้าน และขยับออกไปขี่สวนหลวง ร 9 ครับ
ระหว่างนี้ ก็ปรึกษาและพุดคุยกับคุณมูนไปด้วย
ซึ่งคุณมูนคงหวังจะให้ผมได้ประโยชน์จากการปั่นจักรยานให้ได้มากกว่าที่ผมทำอยู่
จึงพยายามตั้งโปรแกรมหลายแบบให้ผมทำตาม เพื่อประโยชน์ในการลดความอ้วนไปด้วย
ผมก็พยายามไปปั่นครับ จากวันละ 10 กิโล เพิ่มเป้น 15 และล่าสุดคือประมาณ 20 กิโลครับ
ระหว่างนั้น มีเพื่อนอีกคนรู้ เลยมาปั่นเป้นเพื่อนครับ
เพื่อนคนนั้น เค้าปั่นจักรยานทัวร์ริ่งครับ
การมาปั่นเป้นเพื่อนผม ก็คือการปั่นมาจากบ้านเค้ากับแฟนที่ระยะ 19 กิโล
ไปกลับก็ 38 ไม่รวมที่มาปั่นอยุ่ในสวนหลวงกับผมอีก
จนมีอยุ่ครั้ง เค้าชวนผมลงถนนครับ
โดยทางสั้นๆ ก่อนในครั้งแรกของผม
คือปั่นจากบ้านผม (สวนหลวง ร9) ไปถึงหัวตะเข้ ลาดกระบัง ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของผม
ระยะทางนับจากบ้านของผมเพียง 19 กิโล เท่านั้น ผมก็รับไป
เพื่อนคงเห้นท่าทางของผม จึงบอกว่าเดี๋ยววันนั้นจะมารับผมที่สวนหลวง
ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟังก็เลยตามเลย
รวมถึงขากลับ เขาก็ยังปั่นมาส่งผมถึงบ้าน โดยให้เหตุผลว่า
ผมยังไม่เคยถนน (ชั่วชีวิตไม่เคยปั่นจักรยานออกถนนจริงครับ เว้นแต่ข้ามถนนมาสวนหลวงเท่านั้น)
รวมทางของเขาที่ถ่อมารับส่งผม เขากับแฟนปั่นได้ประมาณ 80 กว่ากิโล
และผมได้ 41 กิโล ซึ่งคราวนั้นเล่นเอาเกือบตายเหมือนกัน
เพราะเส้นอ่อนนุช-ลาดกระบังมีสะพานเยอะ วันนั้นอากาศร้อนเป้นพิเศษ
และรถผมเกียร์ไม่ดี ผมจึงเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้เลย เลยใช้วิธีเร่งปั่นเพื่อส่งแรง
ระหว่างทางกลับเกือบลมจับไปเหมือนกัน ก็แวะพักมาตลอดทางเหมือนกันครับ
หลังจากนั้น ผมจึงคิดเอารถเข้าเซอร์วิสดู
(คำว่าเซอร์วิสของจักรยาน สำหรับคนไม่รู้นะครับ น่าจะหมายถึงการตรวจเช็คและปรับแต่งบางอย่างให้รถดีขึ้น)
พรุ่งนี้จะไปรับรถครับ ผมให้เค้าปรับโช้คหน้า เค้าบอกว่าคด และจะเปลี่ยนให้ผมใหม่
แต่ปรากฏว่าเปลี่ยนไม่ได้ เลยเอาของเก่าไปเคาะยังไงไม่ทราบนะครับ
เห็นบอกมาว่าโอเคแล้ว เช็คเบรคหน้าหลัง เปลี่ยนสายเบรค เกียร์
เกียร์ปกติที่ติดๆ ขัดๆ เปลี่ยนเกียร์หลังได้ไม่หมดทุกเฟือง ปรับล้อที่เอียงอยู่
เดี๋ยวพรุ่งนี้ คงไปลองเช็คดูครับ ว่าโอเคขึ้นมั๊ย
ตอนแรก จะให้เค้าติดตะแกรงหน้า เพื่อเอาไว้วางกระเป๋ากล้องด้วยครับ
แต่ติดไม่ได้ เพราะไม่มีขนาด เดี๋ยวรอให้มีขนาดเข้ามาแล้วค่อยมาทำเพิ่มครับ
ไปๆ มาๆ จากแค่อยากได้รถพับเล้กๆ ไว้ปั่นเล่นๆ ถ่ายรูป
กลายเป็นการปั่นออกกำลังและเริ่มหัดจะท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมา
ปลายเดือนหน้า เพื่อนชวนไปปั่นตลาดบางน้ำผึ้งครับ โดยปั่นไปจากบ้านผม
ระยะสั้นๆ ประมาณ 12-13 กิโล แต่ต้องวิ่งผ่านเมืองครับ
ยังไม่รวมว่าถ้าไปปั่นอยู่ในกระเพาะหมูนั่นอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ซึ่งระหว่างนี้ คงต้องซ้อมแรงขาไว้หน่อย กลัวไปหมดแรงแล้วอายเค้าครับ
ส่วนที่เพิ่มเติมมาจากความตั้งใจ
มันก็ยังรู้สึกสนุกกับมันอยู่นะครับ
แต่ก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรนัก ไม่หวังว่าจะลดความอ้วนจนรูปร่างเฟิร์มได้
ไม่หวังจะถึงกับออกทริปร้อยกิโลแบบคุณมูน
แต่ถ้าไปเรื่อยๆ แล้วสนุกอยู่ ก็อาจได้ซักวันครับ
เล่าให้ฟังเล่นๆ ครับ