โดย
on 26 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:02
ในทางการเมือง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร
มาร์ค กับ แม้ว ตกลงกันได้แล้วว่า
จะมีการเลือกตั้ง และให้มาร์ค เป็นนายก 1 ปี ปฏิรูปแล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่
เพราะดีกว่าปล่อยให้ทหารปฏิวัติ หรือ นายก ม.7
มาร์คเลยกระดี้กระด้าใหญ่
แต่ถูกสุเทพ ด่า ว่าอย่าสะเออะ
โดย
on 23 เมษายน พ.ศ. 2557 - 17:29
พวกเสื้อแดง คงไม่เดือดร้อน เพราะ "กิน" อาหารที่ไม่ต้องเสียแวต
โดย
on 23 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:03
สมัยที่พลเอกเปรมฯ เป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องมีมาตรการประหยัดพลังงานต่าง ๆ ออกมา โดยเฉพาะการประหยัดกระแสไฟฟ้า วิธีการหนึ่ง คือ ในเวลากลางวัน ต้องยุติการแพร่ภาพรายการโทรทัศน์ทุกช่อง จนถึงเวลา 19.00 น. ทุกวัน แต่ท่านยังสนับสนุนให้ประชาชนมีการศึกษา และมีความรู้ โดยอนุญาตให้ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งใช้ระบบการศึกษาทางไกล เรียนอยู่ที่บ้านผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ โดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียนตามปกติ ออกอากาศรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ทางช่อง 7 และช่อง 9 ช่วง 17.00 น. - 19.00 น.ได้ ทำให้ นศ.ของ มสธ. และประชาชนได้รับชมรายการเพื่อการศึกษา ซึ่งมีสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์ โดยท่านให้เหตุผลว่า "การให้การศึกษาแก่ประชาชนนั้น ประหยัดไม่ได้"
โดย
on 22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 09:31
พระธรรมกายขนแรงานต่างด้าว
เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งประจำจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ถนน อ.แม่สอด -อ.เมืองตาก เขต ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ได้สกัดรถยนต์และจับกุมรถตู้ 2 คัน พร้อม นายแสวง พรหมมี อายุ 51 ปี และนายสุพรชัย ขันแข็ง อายุ 51 ปี บรรทุกโดยสารบุคคลต่างด้าว สัญชาติพม่า และสวมชุดขาวเป็นการอำพราง จำนวน 30 คน นอกจากนี้ยังมีพระสังกัด วัดธรรมกายอีก 2 รูป นั่งหน้ารถยนต์ตู้มาทั้ง 2 คัน ทราบชื่อว่า พระสุระศักดิ์ สุรวโส อายุ 48 ปี และพระสุรพล บุญศรีพานิช อายุ 53 ปี โดยจากป้ายที่ติดรถยนต์นั้น ระบุชัดเจนว่า สังกัดวัดธรรมกาย ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจสอบแล้วพบว่าชาวพม่าที่แต่งชุดนุ่งขาว ห่มขาวทั้งหมด ไม่มีเอกสารการเข้าเมืองใดๆ
พระสุระศักดิ์ กล่าวว่า นำชาวพม่าทั้งหมดไปทำบุญสังฆทานที่วัดธรรมกาย จากนั้นก็จะเดินทางกลับ แต่ไม่ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ในการให้ชาวพม่าเข้าไป
พ.ต.อ.พงษ์นคร นครสันติภาพ ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ส่งผู้ต้องชาวพม่าและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก เพื่อตรวจสอบเอกสารทางราชการในการเข้าเมือง และสอบปากคำทั้งหมด พบว่าไม่มีเอกสารใดๆ จึงตั้งข้อกล่าวหา ผู้นำพาทั้งหมดที่เป็นคนไทย ร่วมกันซ่อนเร้น ด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ส่วนชาวพม่า ถือว่า เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน กล่าวว่า มีรถยนต์ตู้จากวัดธรรมกายทั้งหมด 28 คัน เดินทางไปกรุงเทพฯ ส่วนรถยนต์ตู้ 2 คันนี้ มีคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอาศัยไปด้วย และทราบว่า ไปรับชาวพม่าทั้งหมด ที่บ้านวาเล่ย์ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก และเปลี่ยนชุดนุ่งขาว ห่มขาวทั้งหมด เดินทางผสมผสานกับรถยนต์คันอื่นๆ เพื่อจะไปยังกรุงเทพฯ
จาก นสพ.คมชัดลึก
โดย
on 18 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:09
โดย
on 18 เมษายน พ.ศ. 2557 - 08:35
ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาสถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งที่ประชาชนเคารพเทิดทูนไว้ล้นเกล้า แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลมีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้เปรียบเสมือนการย่ำยีจิตใจคนไทย ทำให้ภาคประชาชนไม่สามารถอดทนได้จึงรวมตัวกันก่อตั้ง "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน" เพื่อไล่ล่าบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน
ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ หนึ่งในหัวเรือใหญ่ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดินได้สัมภาษณ์เปิดใจต่อ “คม ชัด ลึก” ถึงแนวทางจัดตั้ง ‘องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน’ เพื่อกวาดล้างพวกที่มีพฤติกรรมการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีความเหิมเกริม และมีการท้าทายกันมากหากปล่อยให้มีสถานการณ์แบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ทั้งนี้สถานการณ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ถูกปล่อยปละละเลย และมีการเหิมเกริมมากขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง เดิมทีหน่วยงานของรัฐ หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายคอยดูแล แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาไม่ได้เอาใจใส่อย่างจริงใจ ทำเหมือนเป็นไฟไหม้ฟาง หรือบางครั้งทำตามกระแสสังคม กดดันเป็นครั้งคราวเท่านั้น
"พูดตรงๆ ว่าภาคประชาชนเหลืออดกับพฤติกรรมดังกล่าว จึงทำให้มีการลุกฮือขึ้นมาดำเนินการในการปกป้องสถาบันมหากษัตริย์ไม่ให้ใครมาหมิ่นพระองค์ท่าน ทั้งนี้ การลุกฮือขึ้นมาไม่ได้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อะไรกัน หรือจะมาจัดตั้งศาลเตี้ยเพื่อปลิดชีพกัน แต่การลุกฮือขึ้นมาเพื่อให้เกิดพลังแผ่นดิน หรือเกิดมาตรการต่อต้านทางสังคมขึ้นมา และเป็นมาตรการที่มีส่วนร่วมกับอำนาจรัฐตามหน้าที่กฎหมายในการดำเนินเป็นพลังแผ่นดิน โดยเราจะดำเนินการต่อต้านพวกที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และแนวร่วมทุกคนที่เข้าไปมีส่วนร่วม ทั้งนี้ เมื่อภาคประชาชนเกิดขึ้นมาในลักษณะดังกล่าว ก็จำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อเป็นองค์กรของภาคประชาชน”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ย้ำว่า การจัดตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ไม่ได้เป็นองค์กรลับ หรือ องค์กรเฉพาะกิจ หรือ องค์กรเถื่อนที่จะมาดำเนินการนอกกฎหมาย ทั้งในเรื่องการตั้งศาลเตี้ย แต่จะเป็นองค์กรที่เปิดเผยสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ทั้งนี้การจัดตั้งองค์กรดังกล่าวขึ้นมาจะไม่ได้เป็นเพียงองค์กรชั่วคราวเท่านั้น แต่จะตั้งเป็นองค์กรถาวร องค์กรมหาชน จะไม่เป็นองค์กรที่หวังผลทางรายได้ หรือ ทางธุรกิจ และจะไม่มีการผูกพันทางด้านการเมือง หรือหวังผลทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่มีการรับสนับสนุนจากฝ่ายการเมือง จะเป็นองค์กรของประชาชนแท้ๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐในการเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมพวกที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งนี้เราจะเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายแทรกซึมไปถึงทุกอณูของสังคมเพื่อรณรงค์ความเข้าใจ นอกจากนี้จะส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องอีกด้วย
“องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ เพื่อพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น ที่ผ่านมามีการยุยงปลุกปั่นสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้จะต้องแก้ไขอย่างเป็นระบบบูรณาการทั่วราชอาณาจักร ทั่วโลก ทุกอณูที่มีคนไทยจงรักภักดีอยู่ การดำเนินการเป็นความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติที่จะร่วมกันต่อต้านพวกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้หมดไป ส่วนพวกโลกสวยที่บอกว่า การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์เป็นประชาธิปไตยนั้น ก็คือขยะแผ่นดินด้วยเช่นกัน ผมเป็นอดีตนายทหารเก่า ไม่ได้เป็นผู้นำมวลชนและไม่มีเครือข่ายใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่ได้เกี่ยวพันกับพวกนักการเมือง แต่ผมเป็นผู้นำองค์กรธุรกิจเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้นการจัดตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดินขึ้นมา เพราะเห็นสถานการณ์พวกที่จาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมานานพอสมควรแล้ว ดังนั้น สำนึกของผมคนเดียวคิดว่าขณะนี้ประเทศไทย หรือคนไทยทอดทิ้งพระองค์ท่านมานานแล้ว ดังนั้น เราทนไม่ได้แล้วจึงต้องรวมตัวกันเป็นองค์กรขึ้นมาดำเนินการกับเรื่องนี้ให้หมดไปจากแผ่นดิน”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวต่อว่า การดำเนินการทางกฎหมายถือว่ามีช่องโหว่ ดังนั้นเมื่อกฎหมายมีช่องโหว่ที่จะจัดการกับพวกที่ดำเนินการเหล่านี้จึงไม่สามารถครอบคลุม และทำให้เกิดพฤติกรรมสองแง่สองง่ามขึ้นมา ทำให้รื้อรังมานานและปล่อยให้มาก้าวล้วงจาบจ้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรง ขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่สามารถที่จะฟ้องร้อง หรือปกป้องตนเอง ทั้งๆ ที่มีหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการถวายความปลอดภัยและเทิดพระเกียรติ แต่ก็หาใส่ใจอย่างจริงจัง ฉะนั้นประชาชนจึงต้องรวมกลุ่มกันขึ้นมาเพื่อปกป้อง ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นพลังของแผ่นดินที่เกิดขึ้นมาทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีการเช็กยอดว่าจะมีจำนวนเท่าไหร่ หรือทำบัญชีว่ามีสมาชิกกี่ล้านคน แต่สมาชิกขององค์กรเก็บขยะแผ่นดินคือไม่ต้องมาสมัคร ไม่ต้องลงทะเบียน หรือต้องมาแสดงสัญลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“พวกเราจะมีแต่สัญลักษณ์ของเราคือความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริงที่อยู่ในใจของคนที่รักสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างด้าวก็ตาม และไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกแต่อย่างใด ขอแค่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นก็เพียงพอ ทั้งนี้หลังจากที่ผมได้เปิดเพจ องค์กรเก็บขยะแผ่นดินขึ้นมาอย่างเป็นทางการเมืองกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้มีผู้ที่เข้ามาร่วมกว่า 3-4 หมื่นคน แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีคนจัดตั้งขึ้นมาเหมือนกัน แต่เป็นเพจปลอม สำหรับองค์กรดังกล่าวไม่มีใครเป็นประธาน เพียงแต่ผมเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นมาพร้อมกับเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีผู้ใหญ่ของบ้านเมือง หรือใครก็แล้วแต่มาให้ดำเนินการ แต่ความเป็นรูปธรรมเกิดจากประชาชนทั่วราชอาณาจักรที่มีความจงรักภักดีเท่านั้น ผมจะดำเนินการระดมพลังแผ่นดิน และเครือข่ายเพื่อแทรกซึมพวกหมิ่นสถาบันกษัตริย์ กดดันและกำกับหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายให้ดำเนินการอย่างจริงจัง”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง มั่นใจว่า องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อกวาดล้างพวกหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์จะสำเร็จแน่นอน และจะไปอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อเป็นพลังแผ่นดินทำให้มีกำลังบุคลากรหลากหลายอาชีพ ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือกันถือว่าเป็นศักยภาพของคนไทยที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นความพร้อมในเรื่องสรรพกำลังแบบนี้ หรือ ทุนทรัพย์คงมีมหาศาลในการขับเคลื่อนจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ให้หมดแผ่นดิน ทั้งนี้มีคนที่พร้อมจะบริจาคเงิน แต่ก็ยังไม่ได้รับบริจาค แต่เราต้องการวางระบบให้เรียบร้อยก่อน รวมถึงการตรวจสอบบัญชีทางการเงินที่จะได้มีการตรวจสอบได้อย่างละเอียด แล้วถึงจะเปิดรับบริจาค เงินที่บริจาคเข้ามาจะใช้ในการสืบค้น หาตัวผู้กระทำความผิด และการดำเนินคดีอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การหาตัวผู้กระทำความผิดส่วนหนึ่งจะเป็นเงินรางวัล แต่ขอเรียนว่าจิตอาสาไม่ต้องการเงินรางวัล เพราะคนที่จงรักภักดีไม่ต้องการเอาเงินรางวัล
“การที่ผมออกมาเปิดตัวเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง ผมไม่กลัวอะไรกับคนเหล่านั้น ไม่ได้รู้สึกกลังอะไร ไม่ได้หวั่นไหวอะไรด้วย ดังนั้นผมขอร้องพวกที่หมิ่นสถาบันอย่างเปิดเผย และไม่เปิดเผย และฝากไปแนวรวมที่ให้การช่วยเหลือและคุ้มครองที่สนับสนุนการกระทำความผิด ขอให้หยุดการกระทำเสียที อยากอยู่อย่างสันติไม่ต้องการรบ การที่ออกมาปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้เป็นประเด็นทางการเมือง อย่าเอาเรื่องการเมืองมาพัวพันในเรื่องนี้ พวกผมมีแต่ความจงรักภักดีและปกป้อง การดำเนินการไม่ใช่เรื่องทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น"
...............................
(หมายเหตุ : เปิดใจคุณหมอเลือด'สีน้ำเงิน' ตั้ง'องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน'ล้างพวกหมิ่นสถาบัน : ทีมข่าวความมั่นคง)
โดย
on 17 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:02
โดย
on 15 เมษายน พ.ศ. 2557 - 17:16
โดย
on 10 เมษายน พ.ศ. 2557 - 10:48
ข่าวจากฉบับไหนหว่า
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เมื่อช่วงใกล้ฟ้าสาง วันที่ 8 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุชายถูกยิงที่บริเวณซอยลาดพร้าว 114 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ทเม้นต์ เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดจำนวนมากตกหล่นอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.ลาดพร้าวแล้ว ทราบชื่อคือ นายดวงจันทร์ บัวเขียว อายุ 39 ปี ชาว จ.ยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่สาธารณะ โดนยิงด้วยปืนขนาด .45 เข้าที่ท้องและขารวม 3 นัด บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ 5 ปลอก จึงเก้บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายกับคนร้ายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในเรื่องบางอย่าง กระทั่งมีการด่าทอไปมา จากนั้นคนร้ายลักษณะเป็นหนุ่มใหญ่ร่างท้วมได้วิ่งถอยฉากกลับไป ก่อนจะวิ่งกลับมาอีกครั้งพร้ัอมทั้งนำปืนติดมือมาด้วย ซึ่งพอวิ่งมาถึงจุดที่ผุ้ตายยืนดุ คนร้ายก็ชักยิงบรรจงยิงใส่ทันที แต่ผู้ตายยังผวาปรี่เข้าไปประชิดเพื่อป้องกันตัวทำให้กระสุนปืนพลาดไปถูกแค่ขาซ้าย กระทั่งมีการชกต่อยกันอย่างรุนแรง ไม่นานก็มีหญิงสาวลักษณะน่าจะเป็นแฟนสาวของคนร้ายวิ่งโร่เข้ามาหา พร้อมทั้งขอร้องให้แฟนหนุ่มเลิกรา
แต่เนื่องจากอารมณ์ที่เดือดพล่าน ทำให้คนร้ายตัดสินใจไม่ฟังคำแฟนสาววิ่งย้อนกลับมาหาผู้ตายอีกครั้ง ในจังหวะที่ผู้ตายเพิ่งเสร็จสิ้นจากการเอานำมาล้างหน้าและล้างแผลที่ขา ซึ่งทันทีที่ผู้ตายเห็นคนร้ายวิ่งกลับมาอีกรอบ ด้วยความกลัวจึงพยายามยกมือไหว้ขอชีวิตและเสี้ยววินาทีนี้เองที่คนร้ายไม่ได้ใส่ใจในกริยาและคำอ้อนวอน ใช้นิ้วเหนี่ยวไกปืนจ่อยิงใส่เข้าที่ท้องอีก 2 นัด จนผู้ตายล้มลงและแน่นิ่งไป ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับคนร้ายปืนโหดรายนี้จากศาลอาญาแล้ว ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและคดีอาวุธปืน เนื่องจากกล้องวงจรปิดของอพาร์ทเม้นต์สามารถบันทึกเหตุการณืเอาไว้ได้ทั้งหมด โดยสืบทราบว่ามีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.นครศรีะรรมราช และทำอาชีพเป็นคนค้าขายเสื้อผ้าย่านรามคำแหง ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยไล่ล่าจับกุมตัวมาดำเนินคดีอยู่
.......................จาก นสพ.เดลินิวส์...................
วันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้ามืดวันที่ 8 เม.ย. เวลาประมาณ 03.00 น. พ.ต.ต.สันติ ผิวทองคำ พงส.ผนก. สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุชายถูกยิงที่บริเวณซอยลาดพร้าว 114 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์ภายในซอยลาดพร้าว114 ผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ นายดวงจันทร์ บัวเขียว อายุ 39 ปี ชาวอำเภอเลิกนกทา จังหวัดยโสธร มีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้าง พลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลลาดพร้าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ถูกยิง 3 นัด ท้อง 2 นัด ขาซ้าย 1 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด.45 จำนวน 5 ปลอกตกอยู่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสวนผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกับคนร้าย มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายไปแซวแฟนสาวของคนร้าย แล้วเกิดชกต่อยกันขึ้น โดยคนร้ายสู้ไม่ไหวจึงวิ่งกลับไปเอาปืนมาก่อเหตุ ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนวิ่งไล่กันมาจากบริเวณกลางซอยลาดพร้าว 114 จากท้ายซอยมาปากซอย และมาชกต่อยกันที่บริเวณอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว
หลังชกต่อยกันเสร็จคนร้ายได้วิ่งกลับเข้าซอยไป ส่วนผู้ตายนึกว่าจบเรื่อง จึงล้างหน้าที่ตู้กดน้ำ ทว่าคนร้ายกลับมายังจุดเกิดเหตุอีกครั้งพร้อมกับอาวุธปืน ผู้ตายได้ยกมือไหว้แต่ไม่สำเร็จ ผู้ก่อเหตุยิงใส่จำนวน 5 นัด แล้วหลบหนีไป ต่อมา ตำรวจทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายธีรภัทร์ รัตนพันธ์ ชาว ตำบลป่าระกำ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอาชีพขายเสื้อผ้าอยู่หน้ารามฯ
เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจได้ขออนุญาตออกหมายจับที่ศาลอาญา เลขที่ 596/2557 ลงวันที่ 8 เม.ย. ข้อหาฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่ต้องมีติดตัวและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระแสข่าวว่าคู่กรณีอาจขัดแย้งกันทางการเมือง ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เบื้องต้นพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นการทะเลาะวิวาทส่วนตัวเท่านั้น
......................จาก นสพ.มติชน..................................
โดย
on 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 23:10
สหรัฐฯ คือ ตัวการจี้เครื่องบินลำนั้น แล้วฆ่าผู้โดยสารปิดปาก โดยนำเครื่องบินไปทิ้งบริเวณที่น้ำลึกมาก ค้นหาได้ยากที่สุด และที่สำคัญคือ การทำให้น้ำมันหมด เพื่อไม่ให้เหลือร่องรอย ใครแย่ ใครเลวกว่ากัน
โดย
on 13 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 08:41
กฎหมายใดที่เป็น คุณประโยชน์ กับตัวเองและพวกพ้องก็ยอมรับ
กฎหมายใดเป็นโทษ ไม่ยอมรับ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net
Find content
Not Telling
