Verb

อภิสิทธิ์เลือกที่จะเป็นนายกด้วยการงูเห่า แทนที่จะเป็นนายกด้วยการชนะการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครับ

ผมขอถามเอาความรู้นะครับ ทำไมตอนนั้นพรรคที่อ้างว่าเสียงข้างมากถึงไม่ส่งคนชิงตำแหน่งนายกครับ เห็นว่าทีแรกสมัคร สุนทรเวชแห่งพรรคพลังแดง ลงแต่สุดท้ายทักษิณก็หักหลังไม่ให้ลงนี่ครับ


ปล่อยให้พรรคอันดับสอง อย่างประชาธิปัตย์ส่งนายอภิสิทธิ์ลงชิงตำแหน่งนายกกับนายประชา พรหมนอก แห่งพรรคเพื่อแผ่นดินแทน


ก็ในเมื่อไอ้พรรคเพื่อแดงมันไม่ส่งคนลงชิงตำแหน่งนายกในตอนนั้น แล้วจะมาโหยหวน เห่าหอน ทำไมครับท่าน มันน่ารำคาญ


พรรคเมิงไม่สงคนชิงนายกในตอนนั้นเอง แล้วจะมาบ่นหาพ่องหรอ

อีคำผกา กับไอ้หงอกเจียม นี่น่าจะเป็นเนื้อคู่กันนะ บาปหนา สันดาnหยาบทั้งคู่

อ้าว! ไม่ใช่วันคล้ายวันแบ่งเซลล์เหรอ

พณฯท่านเต้นอายุแค่ 37 ก็เป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี รับผิดชอบงานระดับชาติและระหว่างประเทศแล้ว งานวันเกิดคนมาร่วมเฉลิมฉลองมากมาย ขณะที่มาร์คอายุเท่านี้ยังเป็นแค่วอลเปเปอร์ให้ชวนอยู่เลย ต่างกันจริงๆ กิ้วๆๆๆๆๆๆๆ

คุณ PookLook - ลองตรวจสบความแม่นยำของข้อมูลหน่อยนะ

พ.ศ.2540-2544 คุณอภิสิทธิ์ รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นอายุน่าจะประมาณ 33 - 35 นะคะ

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีผลงานทางการเมืองที่สำคัญ คือการจัดทำพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542^[42] ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับแรกของไทย ที่ดำเนินการจัดทำจนสำเร็จในช่วงเวลาที่อภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี"

คุณอภิสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 สค 2507
เป็น รมต เมื่ออายุ 33
แล้วไม่ใช่ รัฐมนตรีช่วย

อภิสิทธิ์เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ ฉลาดและจิตใจดี มีความเสียสละ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไอ้แม้วไม่มี

การที่อภิสิทธิ์ออกมานำมวลชนเองเป็นสิ่งที่ไอ้แม้วคาดไม่ถึง ส่วนตอนนี้ที่ผมเป็นห่วงคือความปลอดภัยของอภิสิทธิ์ กลัวไอ้แม้วสั่งเก็บเอาดื้อๆ

ผมคิดว่าควรออกมาชี้แจง แต่ไม่ต้องขอโทษ ขี่กระแสเรื่องนี้ต่อไปตีให้แตกให้คนภายนอกรู้กันไปเลยว่าที่มาที่ไปทำไมต้องทำอย่างนั้น

การขอโทษอาจช่วยในเรื่องภาพลักษณ์ แต่ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายรอตีกินอยู่เช่นกัน...

เอาสีขาวไปละเลงสีดำยังไงมันก็ต้องเป็นสีเทาครับ มันไม่มีทางขาวได้หรอก

นี่มันเป็นเรื่องของการเมืองเรื่องของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่กีฬา แพ้ชนะคือผลประโยชน์ของชาติล้วนๆ

อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็คือไม่ถูกต้อง ต้องชัดเจนครับ ถ้าทำแล้วมาขอโทษ ผมบอกเลยว่าถ้าจะขอโทษทำไมไม่คิดก่อนทำ

ดังนั้น กรณีนี้ ผมว่าควรชัดเจนไปเลยว่าตั้งใจทำ แล้วชี้แจงออกมาว่าทำเพราะอะไร

อาจขัดใจกองเชียร์ แต่หลังจากนี้ ผ่านมรสุมไปแล้ว ค่อยออกมาขอโทษที่ขัดใจกองเชียร์ก็ยังไม่สายครับ

‎8 โมงเช้า จากด้านหน้าทุ่งมะขามหย่อง บริเวณปากทางเข้า มีพี่น้องประชาชนเข้าไปจับจองพื้นที่ที่จะได้รับเสด็จใกล้ชิด..เต็มหมดแล้ว
โดย: Kanok Ratwongsakul Fan Page



คุณตาคุณยายวัย 82ปีจากจังหวัดอ่างทอง เดินทางมาจับจองที่บริเวณริมสระน้ำ เพื่อคอยรับเสด็จพระราชดำเนินของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่25พฤษภาคม2555นี้ ณ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Photographer วัชรชัย คล้ายพงษ์ ( Watcharachai Klaipong)



พสกนิกรปักหลักนอนค้างทุ่งมะขามหย่องรอเฝ้ารับเสด็จฯ


พสกนิกรจากทั่วสารทิศ มานอนค้างเฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีหมายกำหนดการจะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระสุริโยทัย ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากทรงหายจากพระอาการประชวร..
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การเตรียมงานรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่จะเสด็จพระราชดำเนิน ณ ทุ่งมะขามหย่อง เรียบร้อย 100% โดยทั้งสองพระองค์จะประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจาก รพ.ศิริราช เวลา 16.30 น. ส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในทุ่งมะขามหย่องให้ประชาชนเข้ามารับเสด็จได้ ประมาณ 20,000 คน โดยทางจังหวัดจะมอบสูจิบัตรที่มีภาพประวัติศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทุ่งมะขามหย่องเป็นที่ระลึกจำนวน 10,000 ชุด มีเลขกำกับทุกฉบับ และประชาชนที่เหลือให้คอยเฝ้ารับเสด็จตามเส้นทางถนนสาย ปทุมธานี-บางปะหัน (347) รวมระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางราว 100,000 คน มีประรำพิธี (เต็นท์) จำนวน 85 จุดให้พระสงฆ์จำนวน 850 รูป เต็นท์ละ 10 รูป เพื่อสวดมนต์ชัยมงคลคาถาถวายในหลวงตลอดเส้นทาง


ส่วนประชาชนที่มารับเสด็จให้ไปจอดรถที่บริเวณทุ่งภูเขาทอง แล้วนั่งรถรับส่งมายังทุ่งมะขามหย่องเป็นการสะดวกแก่การเดินทาง ขณะที่ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่น้อมเกล้าฯถวายที่ดินแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางจังหวัดได้ปักธงขึงเชือกรอบอาณาเขตที่ดินซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 7 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา ซึ่งปัจจุบันปลูกข้าวไว้เต็มแปลงนาต้นกล้าขึ้นสูงประมาณ 1 ศอก ผืนนานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทรงเกี่ยวข้าวเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2539 ถือเป็นแปลงนาประวัติศาสตร


พสกนิกรชาวอยุธยารวมใจถวายเงินจำนวน 9 ล้านบาทสมทบทุนราชประชานุเคราะห์โดยให้พ่อเมืองเป็นตัวแทนทูลเกล้าฯถวาย พร้อมเคียวเกี่ยวข้าวประวัติศาสตร์เมื่อครั้งเสด็จฯเกี่ยวข้าวปี 2539 ซึ่งที่ด้ามสลักชื่อพระนครศรีอยุธยา ไว้ด้วย ส่วนบรรยากาศบริเวณทุ่งมะขามหย่องตลอดทั้งวันนี้ มีประชาชนจากต่างจังหวัดเดินทางมารอเฝ้าฯรับเสด็จ และจับจองที่และมาดูการซ้อมขบวนต่างๆ เป็นจำนวนมาก
นางประภาพร เหยียดกระโทก อายุ 64 ปีอยู่บ้านเลขที่ 286 หมู่ 15 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา บอกว่าตนและเพื่อนบ้านรวม 17 คน ได้เดินทางมาจากโคราชโดยนั่งรถประจำทางมาคอยเฝ้าฯรับเสด็จในหลวงคืนนี้ ต้องนอนค้างที่ทุ่งมะขามหย่องเพื่อที่จะคอยเฝ้าฯรับเสด็จอย่างใกล้ชิด พวกเราทุกคนรักในหลวง และพระราชินี พอทราบข่าวจากทีวีก็ดีใจจึงรีบเดินทางมาก่อน
นายสมาน ดาวเรือง อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ 3 ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บอกว่าพอทราบข่าวในหลวงจะเสด็จฯมาที่อยุธยาตนก็ดีใจได้เดินทางนั่งรถไฟมา เพราะตลอดชีวิตตนรักในหลวงไปไหนมาไหนจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ติดตัวตลอดเวลา และแขวนเหรียญในหลวงติดตัว ขอให้ในหลวงสุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว
ไทยรัฐออนไลน์

ถ้าของแพงเกิดจาก กลไกตลาด เพียงอย่างเดียว ผมเองก็เห็นว่าไม่ควรจะโทษรัฐบาลครับ
แต่ประเด็นคือ นโยบายค่าแรง และนโยบายพลังงานครับ
เริ่มจากนโยบายค่าแรงนะครับ ค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 215 เพิ่มเป็น 300 บาท เพิ่มขึ้น 85 บาท คิดเป็น 39.53% ของค่าแรงเดิมนะครับ
จริงครับที่ค่าแรงขั้นต่ำ 215 น้อยเกินไป ผมคิดว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 230-240 บาท ซึ่งควรจะได้ขึ้นทันทีในปีนี้อย่างน้อย 15 บาท และปีต่อไป อีก 10 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับ กลไกตลาด ซึ่งของจะขึ้นราคาเกือบทุกปีอยู่แล้ว แต่จะขึ้นประมาณ 1-2% ของราคาเดิม ซึ่งจะสอดคล้องกับค่าแรง ที่ควรจะขึ้น ประมาณ 3-5% ของค่าแรงเดิม
แต่ นโยบายของเพื่อไทยกลับทำให้ กลไกตลาด ผันผวนอย่างรุนแรง ด้วยการขึ้นของค่าแรงแบบฉับพลันใน เปอร์เซนต์ที่สูงมาก จนผู้ประกอบการปรับตัว ให้เข้ากับค่าแรงใหม่นี้ไม่ทัน อันมีผลให้ต้องเพิ่มราคาสินค้าในทันที เพื่อรองรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็ต้องลดปริมาณของสินค้านั้นลงเพื่อให้ขายได้ในราคาเดิม หรือในกรณีเลวร้ายที่สุด คือลดจำนวนพนักงาน โดยให้พนักงานที่เหลืออยู่ทำงานมากขึ้น
ต่อไปคือ นโยบายพลังงานนะครับ จะเห็นได้ว่า เพราะการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ในช่วงแรกคือประมาณ ส.ค.-ก.ย. ไม่เก็บเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงทันทีอย่างมาก แต่เพราะกรณีนี้เอง ที่ทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันอยู่ในขั้นที่ไม่สามารถรองรับ ราคาดีเซล และราคาก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ในเวลาต่อมา รัฐบาลจำเป็นต้องปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ และปล่อยให้น้ำมันดีเซล สูงเกินกว่า 30 บาท ซึ่งเมื่อเกิน 30 บาท ก็กระทบกับต้นทุนการขนส่งสินค้า และขนส่งมวลชน ทำให้ราคาสินค้าต้องขึ้นตามต้นทุนขนส่ง และประชาชนต้องมีภาระกับค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้น
นั่นยังไม่พอ เพราะเมื่อราคาอาหารซึ่งเป็น สินค้าที่จำเป็นที่สุดต่อการดำรงชีพเพิ่มสูงขึ้น จากนโยบายค่าแรงและนโยบายพลังงาน ก็กระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน นั่นคือ ประชาชนจะหันมาคำนึงถึงการเก็บออมมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าปัจจัยสี่ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตสูงขึ้น หากไม่เก็บออมในตอนนี้ อนาคตข้างหน้าเมื่อราคาสินค้าส่วนใหญ่ถีบตัวขึ้นอีกจากแรงกดดันของค่าแรงที่จะขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศ อาจส่งผลต่อราคาของสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าซ่อมบำรุงที่อยู่อาศัย หรือค่าเช่า(ในกรณีไม่มีที่พัก) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องระมัดระวังอย่างมาก ถ้าไม่อยากต้องกู้หนี้ยืมสินในภายหน้า
จึงเกิดภาวะ รัดเข็มขัดแบบฉับพลันทันที ซึ่งจะกระทบกับการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ อย่าเห็นว่านี่เป็นเรื่องเล็กนะครับ ผมยกตัวอย่างเพื่อนร่วมงานของผม เขาประกอบอาชีพค้าขายเสริมจากอาชีพหลัก ซึ่งปรากฎว่า สินค้าที่เขาขายเป็นประเภทสินค้าคงทน ทำให้ยอดขาย ณ ปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหาย จนถึงกับขาดสภาพคล่องในธุรกิจ เกิดความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ เมื่อเกิดจากหนึ่งธุรกิจก็กระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อมาเป็นลูกโซ่ อันทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้นักธุรกิจที่จะเกิดใหม่ ไม่มั่นใจและไม่กล้าทำธุรกิจ ขณะที่นักธุรกิจรายเก่าก็ไม่กล้าขยายธุรกิจในช่วงนี้

สรุป นโยบายใดก็ตาม ที่ออกมาโดยไม่คำนึงถึง สภาวะกลไกตลาดที่ควรจะเป็น จะทำให้เกิดผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของธุรกิจและความมั่นคงในการใช้ชีวิตของประชาชน ผู้บริหารที่ดีไม่ควรฝืนใช้นโยบาย ทั้งที่ไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้
พรรคการเมืองที่ใช้นโยบาย ที่คำนึงถึงข้อเท็จจริง โดยไม่ฝืนต่อหลักกลไกตลาดเช่น พรรค ประชาธิปัตย์ ย่อมได้รับการไว้วางใจมากกว่า เมื่อคำนึงถืงจุดนี้

อภิสิทธิพูดอะไรมันก็ว่าผิด
ถ้าอภิสิทธิ์บอกว่าพ่อแม่มันเป็นคน มันก็จะบอกว่าไม่ใช่