UncleSam

ผมถวายสัตย์ ปฏิญาณไปแล้ว และจะจำจนวินาทีสุดท้ายที่หายใจครับ


ต่อคำถามที่ว่าทำไม ผมมองว่าคนในยุคหลัง ไม่ค่อยได้เห็นภาพของพระองค์ ออกปฏิบัติพระราชกรณียกิจแบบรุ่นเราๆ

และประกอบกับสภาพสังคมปัจจุบัน ที่ต้องแก่งแย่งกันตลอดเวลา......รวมไปถึงสังคมแบบวัตถุนิยม...คนในปัจจุบันจึงถูกชักจูงได้ง่าย ด้วยนโยบายประชานิยมของทักษิณ....คนไทยซึ่งรักสบาย ชอบความหรูหรา แต่ไม่ชอบไขว่คว้า ไม่ชอบพยายาม ชอบได้มาฟรีๆ.... จึงถูกใจและหลงงมงายในนโยบายดังกล่าว และถูกชักจูงอย่างง่ายดาย จนลืมภาพสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดเพื่อประชาชนของพระองค์....


จนลืมไปว่า.... ประเทศของเราอยู่มาได้เพราะอะไร.....ทุกครั้งที่มีเหตุวุ่นวายในประเทศ....ใครเป็นผู้ทำให้สงบด้วยคำพูดประโยคเดียว...

คนไทยในปัจจุบันไม่ค่อยรักในหลวง เพราะหลงลืมไปแล้วกระมังว่า

"ในหลวงของพวกเรา ไม่เคยทิ้งประชาชน" .....

วันนี้ ตะนิ่นตาญี มีเจตนา และตั้งใจ ที่จะไป กองปราบฯ ไปเพื่อขอบคุณ คุณครูท่านนั้น

ไปเพื่อที่บอกกับ คุณครูท่านนั้น ว่า ท่านไม่ใช่คนคนเดียวที่อยากทำอย่างนั้น และท่านไม่มีวัน

ที่จะโดดเดี่ยวเป็นอันขาด...กว่าจะไปถึงก็ ๑๐.๐๕ นาฬิกา เพราะรถติดเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่เป็นไร

จอดรถเสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนได้เก็บภาพที่ทำให้สงสัย...สงสัย ว่า ทำไม "คนไทยบางคน" จึงไม่รัก ในหลวง

ทำไมจึงมีผู้สนับสนุน นางคนนั้น ในการกระทำ-ในคำพูด ที่จาบจ้วง ในหลวง ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ จริงจริง

มี คน ของ ธรรมกาย ๓-๔ คน มายืนตีหน้า ปูเลี่ยน-ปูเลี่ยน เห็นแล้วก็น่าสังเวช เด็กเมื่อวานซืน ๓-๔ คนนั้น

ตรงนี้เห็นทีจะต้องถาม ธรรมกาย ทำไมไม่ รักในหลวง ส่งคนมาสนับสนุน นังคนที่จาบจ้วง ทำไม?

จากประสพการณ์ในวันนี้ที่ผ่านมาทำให้ ตะนิ่นตาญี สงสัย "ทำไม คนไทยไม่รัก ในหลวง ?"

ตะนิ่นตาญี

วันอังคารที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๗.๑๘ นาฬิกา

ต้องขอประทานโทษ และขออนุญาต คุณ excell_13 ที่ได้แตกกระทู้

ในเรื่องที่เกี่ยวกับ คุณสุรยุทธ สุทัศนะจินดา เพราะมีประเด็นในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้อง

ปะปน อยู่ด้วย ต้องขออภัย คุณ excell_13 ด้วยครับ

*เห็นด้วยกับคุณตะนิ่นตาญี ครับ ช่อง3ทำธุรกิจเพื่อเงิน สรยุทธ์ยังเป็นตัวเงิน-ตัวเทอง
เรียกแขกได้ย่อมยังอยู่คู่กับช่อง3.ต่อไป
****ถ้าต้องออกจากช่อง3.
*สรยุทธ์ ลงสมัครผู้ว่ากทม.ผมว่าคะแนนคงสูสีกับปชป.
*แต่ผมว่าเขาคงทำสถานีเองครับ มีตันหนุนหลังอยู่แล้วทุนเรื่องจิ๊บๆ

************
*คุณตะนิ่นตาญีครับ ลูกชายเอา "ลูกไพร"(น้อย อินทนนท์) มาให้
สงสัยครับ "แก" ที่อยู่ในหนังสือ
1.ความหมายคืออะไร ..ผมแปลว่า ผม,เขา แทนชื่อตัวละคร ..มันแปร่งๆครับ
2.รากศัพท์ เป็นของคนหมู่ไหนครับ
*ถ้ายังไม่ได้อ่านก็ขอโทษด้วยครับ

ตะนิ่นตาญี เห็นด้วยกับ คุณพี่ IFai นะครับที่ว่า

คุณสรยุทธฯ เธอยังขายได้สำหรับ ช่อง ๓ ดังนั้นเรื่องที่ ช่อง ๓ จะ "ตัดหางปล่อยวัด" เธอไปนั้น จึงเป็นไปไม่ได้

อีกทั้งเมื่อเช้าของวันนี้ วันที่ ๒๑ กันยายน เธอยังได้ปรารภ ในรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ของเธอ

ถึงเหตุแห่งพฤติกรรม อันเป็นผลให้ถูก ปปช. ชี้มูลความผิด

โดยยืนยันว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปนั้น "เธอไม่ผิด" ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้ว

ผิดหรือไม่ผิดนั้น เธอ รู้อยู่กับตัวของ เธอ เอง ไม่มีความจำเป็น แต่อย่างใด-ใดใด ทั้งสิ้น

ในการแสดงละคร ต่อหน้ากล้องโทรทัศน์ อันเป็นการกระทำเสมือน "แสวงหาแนวร่วม" ผ่านสื่อที่ตนครอบครองอยู่

เมื่อฟังจาก คำปรารภ ของ คุณ สรยุทธฯ แล้ว ตะนิ่นตาญี จึงยังไม่ปักใจเชื่อว่า เธอ จะลงทำงานการเมือง ในช่วง ปี-สองปี นี้

ต่อเมื่อ อัยการ ส่งฟ้องไปแล้ว และเห็นทีท่าไม่ดี คดีนี้อาจทำให้ติดคุกได้ นั่นแหละ เราก็อาจจะเห็น คุณสรยุทธฯ เธอทำงานการเมือง

ขอบพระคุณ คุณพี่ฯ มากครับที่ได้ถาม ตะนิ่นตาญี ถึงนิยายเรื่อง ลูกไพร ของ น้อย อินทนนท์ หรือ ท่านครูมาลัย ชูพินิจ

ลูกไพร ที่ คุณพี่ฯ ได้ถามถึงนั้นต้องเรียน คุณพี่ฯ ตรงตรง ตะนิ่นตาญี อ่านไปแค่ รอบ-สองรอบ เท่านั้น

ตั้งใจว่า อีกสองปี-สามปี หลังเกษียรแล้วก็จะ ลุย อ่านหนังสือที่ตัวเองมี และเก็บไว้ อีกครั้งหนึ่ง

แต่ความตั้งใจนั้นก็ได้ถูกทำลายลงด้วยเหตุแห่ง น้ำท่วมใหญ่ ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔

ดังนั้นจึงขออนุญาต คุณพี่ฯ เล่าตามความทรงจำที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ และถ้าหาก คุณพี่ฯ จะตำหนิว่า.....

ตะนิ่นตาญี นั่งเทียน เขียนเอา ก็ย่อมจะไม่ผิดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงต้องขออภัย คุณพี่ฯ ไว้ล่วงหน้าก่อน

ลูกไพร เป็นเรื่องของ เด็กผู้ชายสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าใช้ศัพท์สมัยนี้ ก็บอกได้เลยว่า ไพร่ กับ อำมาตย์

คนหนึ่งเป็น เด็กกรุงเทพฯ อีกคนเป็น เด็กบ้านป่า ทั้งสองมาพบกันและก่อให้เกิดการผจญภัยครั้งใหญ่

ที่คนทั้งสองต้องจดจำไปนานเท่านาน สำหรับ สรรพนาม ที่ ใช้ในนิยายเรื่องนี้ คุณพี่ฯ ต้องไม่ลืมอย่างหนึ่ง

คนหนึ่งเป็น เด็กกรุง อีกคนหนึ่งเป็น เด็กบ้านป่า การที่ เด็กบ้านป่า จะเรียก เด็กกรุง ว่า แก ตะนิ่นตาญี คิดว่าไม่แปลก

ตรงนี้ ตะนิ่นตาญี พูดถึง บริบท โดยรวมน่ะนะครับ เพราะไม่เห็นรูปประโยคที่ คุณพี่ฯ ได้ถามถึง

ผิดถูกประการใด ต้องขออภัย คุณพี่ IFai ไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ตะนิ่นตาญี เขียนจากความทรงจำที่ดูเหมือนว่าจะ

เลือนลางลงไปทุกนาที และขอติดไว้ก่อน เดือนตุลาฯ ที่จะถึงนี้มี งานสัปดาห์หนังสือ จะไปซื้อแล้วมาชวน คุณพี่ฯ คุยใหม่ครับ

ตะนิ่นตาญี

วันศุกร์ที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๖.๓๕ นาฬิกา

สงสัยจริง ๆ jaidee20 รู้ว่าต้องกินน้ำทุกวัน ทำไมไม่กินน้ำเผื่อไปหลาย ๆ วันเลยครับ

สูบเผื่อไปหลายๆวันเลย มันจะได้รองรับน้ำฝนที่ตกมาใหม่ได้
ไม่ใช่สูบวันต่อวัน ท่วมทีก็สูบที ประชาชนเค้าเดือดร้อนครับ
ฝนตกทีไรระบายน้ำไม่ทัน ท่วมมันทุกวัน รถติดมากเวลาน้ำท่วม
ผมว่าบางทีการทำงานเราต้องมองภาพให้ออก มองภาพกว้างๆ
อยากให้ทาง กทม.ปรับปรุงในจุดๆนี้ครับ

ง่่วงจัง

จะเกยตื้นเหรอครับ 5555555++

คุณใจดี20 เริ่มจะใช้ นิสัยเลวทราม อีกแล้วนะครับ

ขอความกรุณาเถอะครับเก็บไว้ใช้กับคนใกล้ตัวคุณเถอะครับ

ตะนิ่นตาญี

วันศุกร์ที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๑๖.๔๖ นาฬิกา

ติดยศ ก็มีแล้ว
คุกเข่า ก็มาแล้ว
***** มาอ๊ะยัง ???

มีแต่กราบไข่ ใช้ได้ป่าว

***ไพร่แดง จอมบิดเบือน

วันนี้ผมมีนัดตีกอล์ฟอีกเช่นเคย หลังจากห่างหายมานานเนื่องจากอาการ

เจ็บหลัง เพราะกล้ามเนื้อฉีกตัว วันนี้ต้องมาตีเพราะ "เพื่อนเก่า" ท่านหนึ่ง

วันนี้เราตีด้วยกันทั้งหมด 4 คน เพื่อนเก่าผมคนนี้ชื่อ "ปู่ จ."

หรือที่ผมเรียกติดปากเสมอว่า "พี่ จ."

วันนี้ตีได้แค่ 9 หลุมก็ไม่ไหว ผมเจ็บหลัง พี่ จ. อ่อนแรงตามวัยหนุ่ม

เลยขึ้นมาทานข้าวรอเพื่อนร่วมก๊วนอีกสองท่าน

และจะได้พูดคุยกันอย่างส่วนตัวให้หายคิดถึงกัน เนื่องจากไม่ได้พบปะกันมานาน

ต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันและกันเสียมิน้อย

พี่ จ. ของผมคนนี้เป็นอดีตหัวหน้าค่ายสีน้ำเงิน เคยเป็นเสนาบดีใหญ่

เคยเป็นถึงรักษาการสมุหนายก แห่งสารขัณฑ์ประเทศ ทำธุรกิจก่อสร้าง

ก็ยิ่งใหญ่ ทำสนามกอล์ฟก็ไม่ด้อยกว่าใคร ยิ่งเสี่ย น. ลูกชาย

ช่วยดูแลด้วย ยิ่งเยี่ยมไปใหญ่

ถึงใครมองว่าค่ายสีน้ำเงินของพี่ จ. เป็นเหลือบไรทางการเมือง

คอยถ่วงรัฐบาลของหัวหน้า M รูปหล่อ แต่ถึงกระนั้นยังมีหลายอย่าง

ที่น่าสนใจจากชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาค่อนชีวิตทั้งธุรกิจ และ การเมือง

ผมจึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคนที่ประสบการณ์โชกโชนขนาดนี้

ผมเริ่มจากส่งภาพถ่ายพื้นที่ของผมที่โดนน้ำท่วมปีที่แล้ว

ให้พี่ จ. ดูว่าตัวผมเองผ่านอะไรมาบ้าง ต่อสู้มามากขนาดไหน

พี่ จ. ใช้เวลาดูภาพของผมนานพอควร ก่อนเอ่ยว่า

ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังคงบริหารจัดการแบบตอนนี้ ก็เตรียมทำใจไว้บ้างเถอะ

ผมบอกเล่าถึงการฟื้นฟู การบากหน้าขอเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นด้วยกัน

พี่ จ. ก็บอกผมราวๆกับสิ่งเล่านี้เคยผ่านในชีวิต พี่ จ. มาแล้ว

และคิดว่าคงจะผ่านชีวิตผมไปไม่ยากเย็นเช่นกัน

พี่ จ. บอกเล่าถึงประสบการณ์ต่างในชีวิตทั้งธุรกิจ การอยู่เบื้องหลังการเมือง

และแนะนำผมว่า ถ้า "พวกเขา" มาขอความช่วยเหลือให้บอกไปได้เลย

ว่าเป็นผู้สนับสนุนของค่ายสีน้ำเงินไปแล้ว พวกเขาจะได้ไม่ยุ่ง

จะสนับสนุนสีน้ำเงินจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ ที่สำคัญอย่าให้เหลือบไรสีแดง

มาคอยดูดกินเงินที่หามาลำบากของเรา นี่คือคำสอนของ พี่ จ.

ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมได้พูดคุยกับ พี่ จ. คิดว่าน่าสนใจ

เดี๋ยวกลับมาต่อ ขอเข้าห้องน้ำแปป

เสียงไห้ทุกราษฎร์ไห้.....ทุกเรือน

อกแผ่นดินดูเหมือน.....จักขว้ำ

บ่เห็นตะวันเดือน.....ดาวมืด มัวนา

แลแห่งใดเห็นน้ำ.....ย่อมน้ำตาคน ฯ

ตะนิ่นตาญี นึกถึง ร้อยกรองบทนี้-ร้อยกรองท่อนนี้ บาทหนึ่งของ ลิลิตพระลอ

วรรณคดี ที่ประพันธ์ไว้ใน เวลา อันเป็น อกาลิโก ไร้แล้วซึ่งขอบเขตแห่ง กาลเวลา

ตะนิ่นตาญี ไม่แน่ใจว่าที่ตนเองจำได้นั้น ถูกหรือผิดประการใด

จึงไป ค้นหา-แสวงหา และได้คัดลอกมาจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ให้เพื่อนเพื่อน ได้อ่านกัน

อ่านกันให้ปวดใจกันไปทั่วทั่ว ในความไม่เอาไหนของ ผู้ที่แอบอ้าง ว่า ตนเองนั้นมาจาก มหาประชาชน

พวกเขาจะได้ยินกันหรือไม่ ใน เสียงร่ำไห้ ของ ราษฎร ทุกครัวเรือน พวกเขาจะเห็นกันหรือไม่

เมื่อ แผ่นดิน-ผืนฟ้า ต้องมืดมัวมหันต์ และเมื่อ เดือนดับ-ดาวอับแสง ทุกแห่งหนที่ได้เห็น น้ำ นั้น

พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่านั่นมาจาก “น้ำตาคน” ที่ท่วมเนืองนอง ท่านรู้หรือไม่เหล่า พณฯลฯ ทั้งหลาย?

ไม่ สำนึก แล้ว ละอาย กันบ้างหรือไร...?

ตะนิ่นตาญี

วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๒๐.๒๗ นาฬิกา

ขอออกตัวก่อนว่า ผมพูดในฐานะของคนเชียร์ประชาธิปัตย์

ผมเชื่อว่า สนธิไม่ได้รับเงินจากทักษิณ
แต่ก็เป็นอย่างที่พี่กรกชพูด ว่าการหิ้วกระเป๋าเงิน ยังน่าสงสัย
แต่วันนี้ ผมยังสงสัยในพฤติกรรมอีกหลายอย่างของสนธิ

ผมเชื่อว่า สนธิและกลุ่มคนเสื้อเหลือง
ก็มองเห็นพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ดีไปกว่าเพื่อไทย
ตรงนั้น ไม่ใช่ประเด็น
แต่ประเด็นที่ผมเห็นชัดเจน และเกิดข้อสงสัยก็คือ
ทำไม การโจมตี จึงมุ่งให้น้ำหนักไปทางประชาธิปัตย์ มากกว่าเพื่อไทยด้วยซ้ำ
(อาจเฉพาะในเวปเสรีไทยหรือปล่าว ผมไม่ทราบ)
เมื่อโจมตีประชาธิปัตย์ ก็เกิดการโจมตีกลุ่มกองเชียร์ไปด้วย
จนกลายมาเป็นความขัดแย้งของกลุ่มไปโดยชัดเจน ไม่ต่างกับที่เราๆ ขัดแย้งกับกลุ่มเสื้อแดง

ผมเชื่อว่า เสื้อเหลืองหลายท่าน ก็เกิดข้อสงสัยหลายเรื่องในตัวสนธิ
เช่นที่ผมเอง ก็ไม่ได้มั่นใจในความดีเลิศของประชาธิปัตย์
แต่หลายท่านโจมตีคนเชียร์ประชาธิปัตย์เสียเละเทะ หลงหล่อ หรืออะไรไป
มันก็ไม่ได้แตกต่างกับที่พวกท่านเอง ก็เชื่อและคล้อยตาม (แม้แต่ห้ามสงสัย ดังตัวอย่างจากอีกเวป)

ความจริง หากเราไม่นับนักการเมืองและแกนนำของทั้งสองฝั่ง
ผมเชื่อว่า คนเสื้อฟ้า (ขออนุญาติเรียกเป็นสีเสื้อ จะได้ง่ายๆ) และคนเสื้อเหลือง
ก็มุ่งมองทางการเมืองในมุมไม่ต่างกัน รู้สึกนึกคิดไม่ได้แต่างกัน
แต่กลายมาเป็นความขัดแย้ง การทะเลาะกัน หรือหยาบคายเข้าใส่กัน

เกิดคำถามว่า ทำไม

ตัวอย่างเมื่อตอนมีการชุมนุม เด็ก p1 มาเรียกร้องคนที่นี่ให้ออกไปชุมนุม
เมื่อคราวก่อน
เมื่อมีการเรียกร้องให้ออกไปร่วมชุมนุม เพื่อคัดค้านการแก้กฏหมายปรองดอง
นั่นแสดงว่า เรายังมองเห็นความคิด มุมมองที่ยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่
แต่เมื่อการชุมนุมครั้งนั้น ผ่านไป
ก็กลับมาด่ากันเองเช่นเดิม

ขอยกตัวอย่างเด็ก p1 ที่พึ่งโดนแบนไป
ความจริง ผมติดตามเด็กคนนี้มาแต่ไหน
ขออนุญาติพูดถึงเด้กกับลุงแคนสักหน่อยนะครับ หากไม่เหมาะสม ก็ลบความเห็นผมได้ครับ
ความจริง เด็กกับลุงแคน แทบไม่เคยต้องประคารมอะไรกันในกระทู้ไหนๆ สักเท่าไหร่
ลุงแคนก็แทบไม่มายุ่งกับเด้กรุ่นหลานแล้ว
แต่ผมเห็นเด็กเรียกลุงแคน “ไอ้” มาตั้งแต่ไหน จนมาถึงกระทู้ล่าสุดที่ทำให้โดนแบนไป

ผมถามว่า ทำไม เด็กคนนี้ ถึงได้รู้สึกเกลียดชังกับลุงแคนจนทำให้ใช้สรรพนามได้ขนาดนั้น

จนผมไปเจอกระทู้บางกระทู้ ที่พูดถึงลุงแคนในแง่ไม่ดี (เวปอื่น)
และเด้กคนนี้ก็เป็นสมาชิกอยู่ในเวปนั้น จนทำให้ความเกลียดชังฝังหัว

แปลกใจมั๊ยครับ ที่ลุงแกก็ไม่เคยไปด่าพ่อล่อแม่เด็ก
ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ แต่ทำไมเด็กถึงรู้สึกเช่นนั้น

ผมขออนุญาต ยกตัวอย่างอีกสักท่าน
คือพี่กรกช
พี่กรกช ก็มีมุมมองที่แตกต่างออกไป
อาจมีมุมมองคล้ายคนฝั่งเหลืองอยู่หลายข้อ
และแสดงความเห็นเป็นทางขัดกับคนฝั่งฟ้าอยู่บ้าง
แต่เลือกที่จะใช้วิธีที่เป็นการพูดเชิงข้อมูลเสียมากกว่า
กระทู้ใดๆ ที่พี่กรกชเข้ามาแสดงความเห็น จึงเป็นเพียงแค่การถกเถียงกันด้วยข้อมูลและความเชื่อ
หาได้เป็นการทะเลาะอะไรอันใด (ผมแอบเชื่อว่า พี่กรกชไม่ได้มองคนฝั่งฟ้าในแง่ร้ายแน่ๆ)

ผมอยากเห็นความขัดแย้งของสองฝั่งเป็นแบบนี้มากกว่า (ขออนุญาตไม่นับเสื้อแดง)
ผมยังนึกไปถึงสมัยที่เพื่อนสมาชิกเสื้อเหลืองที่ยังอยู่ที่นี่หลายคน
หลายท่านพูดจาดี มีเหตุผล น่ารัก ไม่บิดเบือนข้อมูลเอามาพูดเหมือนฝั่งแดง
เสียดายมิตรภาพนั้นจริงๆ ครับ

กระทู้นี้ ผมไม่ได้คิดรณรงค์ให้เราหันมาจับมือกับคนเสื้อเหลืองอะไรแต่อย่างใด
เพียงแต่หวังอยากเห็นการพูดคุยที่แตกต่างไปจากการพูดคุยกับเสื้อแดง
เพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรใดๆ ที่จะแลกเปลี่ยนในเชิงข้อมูลเหตุผลอะไรกับคนเสื้อแดงในนี้
(อย่างที่เรารู้กัน ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่าง)
คนพวกนี้ เป็นเพียงทหารเลวกองหน้า ที่ไม่ได้มีอะไรมากกว่าการอมขี้มาพ่น

ยอมรับครับ การเข้ามาของเด้ก p1 ทำให้มุมมองที่ผมรู้สึกไปถึงสนธิและคนเสื้อเหลืองบิดเบี้ยวไปบ้าง
ด้วยเหตุที่เด็กคนนี้ เข้ามาด้วยความเกลียดชัง (ตามที่ศาสดาหวังให้รู้สึก)
วิธีการที่เด็กแสดงออก จนถึงความคิดที่หนักแน่นไปด้วยอคติ จนปราศจากเหตุผลจะพูดคุย
ทำให้ผมเผลอมองคนเสื้อเหลืองไปด้วยสายตาเหมารวมเช่นที่มองเด้กไปด้วย
ทั้งที่ความจริง เราทั้งหมด ยังมีมุมมองเดียวกันอยู่ไม่ต่างกัน
คือการเกลียดชังทักษิณ การรับรู้และเข้าใจถึงความวิบัติที่จะตามหลังมาจากการบริหารประเทศของพวกมัน

ทั้งหมดทั้งสิ้น ผมไม่ได้รณรงค์ให้พวกท่าน งดการด่าทอนักการเมืองฝั่งประชาธิปัตย์ (สำหรับเสื้อเหลือง)
หรืองดด่าทอแกนนำ สนธิ จำลอง ปานเทพ หรือคนอื่นๆ (สำหรับประชาธิปัตย์)
เพียงแต่ขอวิงวอนให้คิดไปถึงเป้าหมายหลักของเรา ว่าเรามุ่งมองไปในทิศทางใด
เราปรารถนาอะไรอันใด
เพื่อที่เราจะได้ถกเถียงกันด้วยเหตุผล ข้อมูล หรือความเชื่อ แต่ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันครับ


* กระทู้นี้ ตอนแรก ตั้งใจจะเพียงแสดงความเห็นในกระทู้
http://webboard.serithai.net/topic/18710-คุณคิดว่าแป๊ะรับเงินแม้วจริ/

แต่ไปๆ มาๆ ก็เขียนยาว และนอกประเด็นกระทู้ไปเยอะ
เลยนำมาตั้งเป็นกระทู้ใหม่เสียดีกว่าครับ

ป ลิง : เชื่อว่า อาจจะมีคนกลางเข้ามาแด กดันเล็กน้อย อิอิ

อย่าลืมว่าช่วงน้ำท่วม การแถลงข่าว "สด" จากผู้ว่า กทม. เพื่อแจ้งการเตือนภัย การอพยพ ถูก รัฐบาลบล็อก
จึงดูเหมือน กทม. แจ้งเตือนล่าช้า ทั้งนี้ ข่าวจะต้องถูกเซ็นเซอร์ และกลายเป็นข่าวแห้งๆไปแจมแปะกับข่าวต่างๆ
ภาพการทำงานออกสื่อจึงดูน้อย


ส่วนเรื่องที่ จขกท ว่า เอ๋อๆ เสร่อๆ เป๋อๆ
ลองฟังคำสัมภาษณ์ของท่านดูดีๆ
ท่านคิดก่อนพูดทุกครั้ง การตอบจึงอาจมีช้าไปบ้าง
แต่ทุกสิ่งที่พูดจึงเป็นความจริง ทำได้จริง
อีกสาเหตุหนึ่งเนื่องจากท่านไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก จึงทำให้กระบวนการการตอบคำถามซึ่งตอบเป็นภาษาไทย (ท่านพยายามเลี่ยงการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษปนไทย) ต้องใช้เวลาในการคิดคำภาษาไทยที่เหมาะสม

ท่านเรียนจบจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก

• ระดับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 2 และปริญญาโท ณ Pembroke College มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เกียรตินิยม สาขา ปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (PPE) (พ.ศ. 2514 - พ.ศ. 2520)
• ระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัย Georgetown ประเทศสหรัฐอเมริกาทางด้าน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (พ.ศ. 2521)

http://politicalbase.in.th/index.php/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C_%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3

คนที่เรียนจบสถาบันระดับโลกนี่เป็น อย่างที่ จขกท ว่าอย่างนั้นเหรอ????

แนะนำ จขกท. กลับไปส่องกระจกดูตัวเองก่อนเถิด



ปล ส่วนตัว มีสิทธิ์เลือก ผู้ว่า กทม. และจะเลือก มรว สุขุมพันธุ์
คุณไม่เลือกก็เป็นสิทธิ์ของคุณ

ถ้าเป็นคนจูงใจได้ 4.5%

บอกตามตรงว่าค่อนข้างเซอร์ไพร์ซตอนเข้ามาในกระทู้นี้นะครับ

ว่ากันตรงๆ กดเข้ามาแล้ว ผมต้องย้อนกลับไปดูหัวกระทู้อีกรอบ แล้วกลับมาดูเนื้อหาว่าเถียงกันขนาดนี้มันเกี่ยวกับประเด็นกระทู้ตรงไหน

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ทั้งสองท่านพอกันก่อนดีกว่าไหมครับ ผมว่าประเด็นมันจะเกินเลยไปไกลเกิน

เดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่องเปล่าๆ

พักสงบสติอารมณ์กันก่อนดีกว่าครับ

กินแตงโมกันครับ

อ่านแล้วมีการใช้คำเท่ห์ๆแทนชื่อไอ่แม๊ว หลายชื่อดี ชอบๆ...

1.ตัวซวย
2.นักโทษทักษิณ
3.คนคอร์รัปชั่น
4.ฆาตกร ๒,๘๐๐ ศพ
5.๑ ใน ๕ คนชั่วของโลก
6.นักโทษหนีคดี
7.นักโทษหนีคุกหนีตราง