บังทอง

จริงๆผมมีคำถามส่วนตัวอยากถามถึง "มหาศาสดา" มากกว่า

คำถามเงินล้านเลยนะคำถามนี้

"ใครคือซ้อเจ็ด!!!???"

ขนาดศาสดาและพระอรหันต์ยังแก้กรรมไม่ได้เลย แล้วคนพวกนี้เหนือกว่าศาสดาและพระอรหันต์อีกรึนี่

เรื่องควบคุมความสงบของการชุมนุม เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็เตรียมกันไป ตามขั้นตอนกระบวนการที่ตั้งไว้เป็นมาตรฐาน
แต่เป้าหมายที่แท้จริงของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ และผลลัพท์สุดท้ายที่ต้องการคืออะไร ผมคิดว่ารัฐบาลเขารู้มานานพอสมควรแล้วนะ

กาลามชน เอ๋ย....
อย่ากังวลแทนทักษิณ-ยิ่งลักษณ์.....!

เวลานี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์มี"ตำรวจมะเขือ"คุมสถานการณ์.....

ผู้ชุมนุมเสธ.อ้าย น่าจะหวาดกลัวเหตุการณ์เกิดในรัฐบาลสมัคร-สมชาย....
7 ตุลาคม หน้า บชน.-พระรูปฯ ซ้ำรอยอีกมากกว่า.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หัวละ 2000 รับที่ไหนช่วยชี้เป้าหน่อยราคาดีเหลือเกิน

ถ้าควายแดงจะเปลี่ยนใจมารับ 2000 ก็ได้นะอย่าเขิน

ราคาดีๆอย่างนี้หายาก อย่าไปรอตายแล้วได้ 7 ล้านเลย

ได้ไปก็ไม่ได้ใช้

เสื้อแดงนัดมาตกลงราคา
ถ้าเข้า กทม เที่ยวหน้าราคาเพิ่มเป็นเท่าไร
เพราะเสธอ้ายเค้าจ่ายตั้ง 2000

ราคาเดิมใช้ไม่ได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้กระมั่ง......
แม๊ว เป็ดเหลิม อดุล จารุพงศ์ ขวัญชัย จึงโกรธเสธ.อ้าย....

เชื่อไว้ก่อนได้เลย
ที่ไปชุมนุมกับเสธ.อ้ายครั้งก่อน....
ต้องมีไพร่เสื้อแดงไปร่วมชุมนุมด้วย......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

10,000 คน x 2,000 บาท = 20,000,000 บาท

1,000,000 คน x 2,000 บาท = 2,000,000,000 บาท........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

มีเงินลงขัน 6,000,000,000 บาท ชุมนุมได้ 3 ครั้ง.........ฮา

น่าจะมีผลมาจากช่องบลูสกายประกาศสร้างสถานีข่าวการเมือง 100 % ( เจ๊ปอง ร้อยข่าวยามเย็น )

ประเดิมด้วยการถ่ายทอดสดม้อบเสธอ้าย ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.เป็นต้นไป

แป๊ะคงมองแล้ว วันนั้นถ้าไม่ถ่ายทอดสดม้อบเสธ.อ้าย สงสัยเสียลูกค้าให้บลูสกายหมดตูดแน่นอน

แหม คุณ ดอนยอ จะเอาอะไร กับพวกเรานักหนา

ก็พวกคุณเองทั้งนั้นอะ ที่ทำให้เรื่องมันใหญ่โต
-ใครล่ะ จัดกำลังตำรวจ มาเพียบ
-ใครล่ะ ออกมาเรียงหน้า โจมตี เสธอ้าย
-ใครล่ะ ออกไปฟ้อง กล่าวหา เขาเป็นกบฏ
-ใครล่ะ เขียนกระทู้ กล่าวหา เขาต่าง ๆ นา ๆ

ก็เขาแค่จัดชุมนุม เพราะ เห็นว่า นโยบาย เพื่อไทย มันทำให้เศรษฐกิจแย่ คนได้รับผลกระทบมาก ไม่คำนึงถึงการเงินการคลังประเทศ

ออกมาแสดงความเห็น พวกคุณยังไม่ยอมน่ะ ทั้ง ๆ เรียก ตัวเองว่า ฝั่งประชาธิปไตยน่ะ

ก็ต้องถองกัน เบา ๆ บ้างน่ะ

ด่วน..ลับสุดยอด
สายข่าวที่บ่อนลาสเวกัสรายงานว่า....มีการลงขัน 6000 million USD ลงขันกัน
หลังจากโอบามาม่ากลับ...จะมีทหาร GI เข้าสนับสนุนเสธฯอ้าย..
และค่อยๆ แทรกซึม..โดยจับนางยกไปลงอ่าง ..
และล้อมพวกรัดตะมนตีและแกนนอนควายแดง
ตอนนี้หน่วย Seal ของเมกา..ได้มีการประกบแกนนำทั่วประเทศไว้แล้ว...
หากมีการเคลื่อนไหว..ก็จะส่งไปอยู่เป็นเพื่อนกับเสธแดงทันที..
ข่าวนอนยันจากหน่วยความมั่นคงสิบตีหม่องโอ๊คท่าขี้เหล็ก..

ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
ไลค์หมด เร็วเหลือเกิน
ติดหนี้ไว้ก่อนนะครับ
พรุ่งนีจะมาต่อครับ

นี่รีบเอาไปรายงานเร็วๆเลยนะ ไอ้พวกสายสืบฟายแดงทั้งหลาย
เสธ.อ้ายเขากำลังถึงขั้นตรวจเช็คเส้นทางหลบหนีเลยนะเนี่ย
ถ้าจะหนี
รีบหนีก่อน 23 นะฮ๊าบบบบบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น มีการปะทะคารมกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ถามคำถามเกี่ยวการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่าทำไมรัฐบาลจึงดูแลแตกต่างกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวหาว่า ‘คุณสมจิตต์ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์’ และพูดย้ำคำว่า “ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์” อีกหลายครั้ง จนนางสาวสมจิตต์ พูดว่า ท่านกล่าวหาแบบนี้หนูฟ้องท่านได้นะคะ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมท้าให้นักข่าวสาวคนดังกล่าวไปฟ้องร้องที่ สน.ดุสิต โดยเมื่อจบการสัมภาษณ์แล้ว ร.ต.อ.เฉลิม ยังย้ำอีกครั้งว่าอย่าลืมไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต ก่อนที่จะเดินเข้าไปเซ็นต์ชื่อในอาคารรัฐสภา

หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม เซ็นต์ชื่อเสร็จ น.ส.สมจิตต์ ได้เปิดประตูและตะโกนเรียก ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.หยุดเดิน ก่อนที่จะถามว่า “ถ้าการที่ท่านกล่าวหาหนูว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้าทักษิณ จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่” คำถามดังกล่าวทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงกับชะงัก และตอบกลับมาว่า “อย่างนี้หมิ่นประมาท” นางสาวสมจิตต์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็สามารถใช้สิทธิแจ้งความที่ สน.ดุสิตได้เหมือนกับที่แนะนำให้หนูไปทำ” ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมอึ้งและมีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ



ที่มา : เพจสายตรงภาคสนาม

ขอบคุณคุณ somebody ผู้นำคลิปมาเสริมให้ครับ...

วันที่ 24 พ.ย. วันคล้ายวันเกิด สุทธชัย หยุ่น

พวก ปชช มาชุมนุม อวยพรวันเกิด มันผิดเหรอครับ

http://th.wikipedia..../สุทธิชัย_หยุ่น

ไม่มีน้ำยาหรอก(มีแต่ขนมจีน)

ถ้ามีน้ำยาคงไม่ดีแต่เห่า ว่าจะกลับมาเดินนำหน้าดอนยอ

ผู้นำไทยได้รับเกียรติอันสูงส่งจากทางการอักฤษ ให้นายกฯไทย เดินทางไปทางไหน ในระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างสมเกียด นับเป็นนายกฯ ไทยในรอบสิบกว่าปี

ผู้นำไทยได้รับเกียรติอันสูงส่งจากทางการอักฤษ
เดินทางไปทางไหน ล้วนเป็นที่สนอกสนใจ ผู้คนต่างรุมกันให้เกียรติยกย่อง ดังในภาพ.....ฮา......
รวมมิตรการเมือง

มาร์คผ่อนผันยังไงครับ จึงไม่ต้องไปแสดงตัว ที่เมษา 2530 ??

ส่วนประเด็นเรื่องการผ่อนผันอย่างไร ถึงไม่ต้องไปแสดงตัวในเดือนเมษา 2530
เรื่องนี้น่าจะถกกันในบอร์ดเสรีไทยจนแทบไม่มีอะไรเหลือให้พูดต่อแล้วนะครับ

ถ้าจะสรุปก็คือ k.อภิสิทธิ์ อ้างว่าได้รับผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ตามหนังสือผ่อนผัน
การเกณฑ์ทหาร (สด.41) เลขที่ 4892/29 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2529 โดยอ้างอิงตาม
สด.20 ของปี 2530 ซึ่งระบุว่าได้รับผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ระหว่างปี 2530-2532
เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท

ประเด็นที่น่าสนใจคือ k.อภิสิทธิ์ อ้างอิงเลขที่ สด.41 อย่างชัดเจน และแสดงเอกสาร
สด.20 อย่างชัดเจน แต่มีปัญหาคือไม่ได้นำ สด.41 ตัวจริงมาแสดง และไม่มีผู้ลงนาม
รับรองเอกสาร สด.20

แต่ขณะเดียวกันทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย และกระทรวงกลาโหม ที่นำโดย พล.อ.อ.สุกำพล
ก็ไม่สามารถหักล้างได้ว่า สด.41 เลขที่ 4892/29 ดังกล่าวไม่มีจริง และไม่สามารถหักล้าง
ได้ว่า สด.20 ปี 2530 ที่ k.อภิสิทธิ์ ใช้อ้างอิง สด.41 นั้นเป็นเอกสารเท็จหรือเอกสารปลอม
และไม่เคยนำ สด.20 ปี 2530 ตัวจริงมาแสดงว่าแตกต่างจากฉบับที่ k.อภิสิทธิ์ นำมาอ้างอิง
เช่นกัน

...

ในเบื้องต้นจึงพอคาดเดาได้ว่าทั้ง k.อภิสิทธิ์ และฝ่ายตรงข้าม ไม่สามารถหาเอกสาร
สด.20 ตัวจริงมาอ้างอิงเป็นประโยชน์กับฝ่ายตัวเองได้ จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่มี
เอกสาร สด.20 ดังกล่าวหลงเหลืออยู่ในหน่วยงานราชการแล้ว

จากเหตุดังกล่าวทำให้ไม่สามารถใช้เอกสาร สด.20 เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือต่อศาล
ในการฟ้องร้องเอาผิด k.จตุพร คดีหมิ่นประมาทได้ เพราะศาลย่อมต้องยกประโยชน์
แห่งความสงสัยให้แก่ผู้เป็นจำเลยในคดี

แต่ในทำนองเดียวกันหากเป็นกรณี k.อภิสิทธิ์ ตกเป็นจำเลย ศาลก็อาจยกประโยชน์
แห่งความสงสัยให้ k.อภิสิทธิ์ ในฐานะจำเลยก็ได้ หากฝายโจทก์ไม่สามารถหักล้าง
ว่า หนังสือผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร (สด.41) เลขที่ 4892/29 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2529
ไม่มีจริง หรือไม่สามารถหักล้างได้ว่า สด.20 ที่ k.อภิสิทธิ์ อ้างอิงนั้นเป็นเอกสารเท็จ

ทำไปทำมาอาจเหลืออยู่กรณีเดียวที่พยายามเอาผิดได้คือใช้เอกสารเท็จ ลงวันที่ผิด
อย่างที่ยกมาอ้างประกอบการปลดออกจากราชการ (แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ) ตามที่
นำมาตั้งเป็นกระทู้นี้ครับ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือหนังสือรับรองฉบับนี้ มีการสะกดชื่อคุณแม่ของ k.อภิสิทธิ์ ผิด
จาก "สดใส" เป็น "สดใจ" ซึ่งประเด็นนี้ k.กมล บันไดเพชร ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย
นำมาแถลงตั้งเป็นข้อสังเกต 1 ใน 3 ข้อว่า "ทำแบบร้อนรนแม้แต่ชื่อแม่ยังเขียนผิด"
และ "กล้ายืนยัน" ว่าหนังสือรับรองนี้เป็นเอกสารปลอม...

---

เพื่อไทย ตามจิก ปม “มาร์ค” หนีทหาร
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม 2555 เวลา 11:55 น.
http://www.dailynews...politics/137427

นายกมล กล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากนายอภิสิทธิ์ไปสมัครเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.เจ้ากรมสารบรรณทหารบกได้ทำหนังสือถึงเจ้ากรมกำลังพล ทหารบก เพื่อขอหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ถึงสองครั้ง แต่นายอภิสิทธิ์ไม่สามารถหาได้ จึงได้รับทำหนังสือรับรองเพื่อยืนยันถึงการได้รับการผ่อนผัน ไม่ถูกเรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ลงวันที่ 31 ก.ค.2530 ลงนามโดยผู้ช่วยสัสดีกรุงเทพมหานคร ทำการแทนสัสดีกรุงเทพมหานคร ก่อนเข้าจะได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์เพียง 7 วัน ทำแบบร้อนรนแม้แต่ชื่อแม่ยังเขียนผิด ซึ่งกล้ายืนยันว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม เพราะ 1.หนังสือรับรองเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการออกหนังสือ ไม่ใช่สัสดี 2.ในเอกสารดังกล่าวเขียนชื่อมารดา ของนายอภิสิทธิ์ผิด จากนางสดใสเป็นนางสดใจ และ 3.ตั้งข้อสังเกตว่าโดยปกติหากได้รับการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารจริงเหตุใดจึงไม่คัดสำเนาเพื่อนำไปแสดง แต่กลับทำหนังสือรับรองแทนและยังเป็นการนำฉบับจริงไปแสดง ทั้งที่กรณีเช่นนี้โดยปกติจะเป็นการคัดสำเนาไปยื่น

---

แต่พอผมไปตรวจสอบดูเอกสารอื่นๆ ว่าสะกดชื่อคุณแม่ของ k.อภิสิทธิ์ ว่าอย่างไร
ปรากฎว่าในเอกสาร สด.16 วันที่ 7 เม.ย.2530 (ก่อนหนังสือรับรอง 31 ก.ค.2530)
ก็สะกดชื่อคุณแม่ของ k.อภิสิทธิ์ผิดจาก "สดใส" เป็น "สดใจ" เช่นเดียวกันครับ
ผมยังหาภาพประกอบชัดๆไม่ได้ แต่ผมดูสำเนาในหนังสือประชาทรรศน์ ฉบับ 43
ชัดเจนว่าสะกดเป็น "สดใจ" จริงๆ




หนักไปกว่านั้นครับ พอตรวจสอบเอกสาร สด.16 ปีอื่นๆอีกก็พบว่าในปี พ.ศ.2532
สะกดผิดหนักขึ้นไปอีกเป็น "สุดใจ" คราวนี้มีภาพประกอบชัดๆ เลยครับ...



ดังนั้นที่ k.กมล ตั้งข้อสังเกต+กล้ายืนยัน ว่าหนังสือรับรองนี้เป็นเอกสารปลอม
"ทำแบบร้อนรนแม้แต่ชื่อแม่ยังเขียนผิด" จึงไม่มีน้ำหนักนะครับ เพราะสะกดผิด
กันอยู่ทั่วไปในเอกสารอื่นๆด้วย และความจริงเป็นเรื่องธรรมดาในระบบเอกสาร
ของประเทศเรา ขนาด k.สุทธิชัย หยุ่น กับ k.เทพชัย หย่อง เป็นพี่น้องกันแท้ๆ
ยังนามสกุลต่างกันเพราะเจ้าหน้าที่แจ้งเกิดสะกดนามสกุลผิดเลยครับ

ต้องขอโทษ คุณ Tam-mic-ra ด้วยที่เข้ามาตอบช้านะครับ เมื่อคืนก่อนหลังเข้ามาดู
กระทู้ ตอนตี 1 ผมก็ไปตามดูคลิปย้อนหลัง "ผ่าความจริง ปราณบุรี" ยังไม่จบดีก็ง่วง
แล้วเข้านอนไปไม่ได้แวะมาดูกระทู้ เลยไม่รู้ว่ามีการมาตั้งคำถามตอนตี 2 จนทำให้
คุณ Tam-mic-ra บ่นน้อยอกน้อยใจ พอเมื่อวานนี้มีเวลาเข้ามาดูตอนบ่ายก็ปรากฏว่า
เข้าบอร์ดไม่ได้อีก เพิ่งไว้แวะมาดูกระทู้อีกตอนนี้เองครับ

ผมไม่สะดวกค้นข้อมูลเพิ่ม ขออนุญาตเอาข้อมูลเก่าที่เคยตอบในกระทู้คุณ pooyong
ตั้งแต่เดือนสิงหา มาลงให้อ่านไปก่อนนะครับ เกี่ยวกับหนังสือรับรองที่กำลังคุยกัน
สรุปสั้นๆ ก็คือ

"k.อภิสิทธิ์ กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีขณะที่มีการออกหนังสือรับรอง"

ดังนั้นการอ้าง มาตรา 29 (3) ในหนังสือรับรองฉบับนี้จึงไม่ได้อ้างผิดครับ



....

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ตามแถลงของ พล.อ.อ.สุกำพล ระบุว่าข้อความในหนังสือรับรอง
ฉบับนี้ผิดจากความเป็นจริง "ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน
เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร
พ.ศ.2497 มาตรา 29(3)" - ข่าวสดออนไลน์ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
http://www.khaosod.c...qYzVPREU0Tnc9PQ

จากการค้นข้อมูลของผมกลายเป็นว่าในปี พ.ศ.2530 k.อภิสิทธิ์ กำลังศึกษาและมีสิทธิ
ขอผ่อนผันครับ เพราะขณะนั้นกำลังศึกษาอยู่ คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง โดยสมัคร
เข้าเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 มีรหัสนักศึกษา 26103922 และไทยรัฐลงประวัติเมื่อวันเกิด
3 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าเรียนจบปี 2531 http://www.thairath....e/view/pol/5430

ข้อมูลการเรียนที่ ม.รามคำแหง ของ k.อภิสิทธิ์ มาจากข่าวการไปเป็นประธานในพิธีเปิด
สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ เมื่อปี 2552 ครับ
ซึ่ง k.อภิสิทธิ์ ได้พูดชัดเจนว่าสมัครเข้าเรียนรามฯ ระหว่างกำลังศึกษา ป.ตรี ที่อังกฤษ
โดยใช้เวลาช่วงปิดเทอมที่อังกฤษมาเรียนรามฯควบคู่กันไป และใช้เวลาเรียนอยู่ 4-5 ปี
เอาเนื้อข่าวมาลงให้ดูบางส่วนนะครับ...

---

http://www.manager.c...D=9520000075165

วันนี้ (2 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การเมืองไทย ไปทางไหนดี?" โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นร่วมกับนายคิม แสงทองสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ ในปี 2526 ทั้งนี้ งานดังกล่าว นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ มาร่วมงานด้วย

สำหรับเนื้อหาของการปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ มีใจความว่า ตนเคยเข้าศึกษาที่ม.รามคำแหง ในช่วงปี 2526 โดยมีรหัสศึกษา 26103922 ซึ่งในระหว่างที่ศึกษาที่นี่ก็ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษด้วย แต่เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมจึงใช้เวลามาเรียนที่นี่ควบคู่ไปด้วย ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 4-5 ปี ก็สำเร็จการศึกษา ต่อจากนั้นได้มีโอกาสนำความรู้ที่ได้รับกลับมาสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ทั้งนี้ ต้องยอมรับการศึกษาที่ ม.รามคำแหง ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตนจึงมุ่งมั่นอยากสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกคนที่มุ่งใฝ่หาความรู้

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนสนใจการเมืองจากการเริ่มฟังการอภิปรายในสภาที่ถ่ายทอดผ่านทางวิทยุตั้งแต่ ปี 2518-2519 โดยรู้ทันทีว่าหากใครมาทำงานการเมืองแล้วขาดความรู้ทางกฎหมายนับเป็นยากที่จะทำงานได้ แม้ ส.ส.จะจบการศึกษาด้านใดก็ตาม หากมีความรู้ด้านกฎหมายก็จะทำให้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการปฐมนิเทศ ส.ส. คือ ให้ไปศึกษารัฐธรรมนูญ รวมทั้งข้อบังคับการประชุมของสภา เพื่อให้มีความเข้าใจภาครวมการเมืองและวิธีทำงานในรัฐสภา

---

ไทยรัฐก็มีลงข่าว เรื่องการไปเปิดสมาคมศิษย์เก่ารามคำแหง นี้เหมือนกัน
แต่ไม่ลงรายละเอียดเรื่องการเรียนของ k.อภิสิทธิ์ มากนัก อย่างไรก็ตาม-
น่าจะสรุปได้ว่า k.อภิสิทธิ์ กำลังเรียนอยู่ที่ ม.รามฯ ในช่วงนั้นจริงๆ ครับ
http://www.thairath....ntent/pol/16976