สรุปอีกที : เครื่องบินชนตึกที่แข็งแรงขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะทำให้ตึกถล่มได้ เพราะโครงสร้างเป็นเหล็กกล้าแข็งแรงมาก เทียบความแข็งแรงกับตึกบ้านเราแล้ว แข็งแรงกว่าหลายเท่า แล้วการถล่มเป็นระเบียบเหมือนกับการถล่มตึกทั่วไป ที่หลักฐานชัดว่า เสาเหล็กด้านล่างมีรอยตัดด้วยองศาเดียวกับการใช้ Thermate ในการตัดเสาเหล็กเพื่อทำลายตึก เหล็กด้านล่างหลอมละลายเป็นเม็ด ด้วยอุณหภูมิสูง จะใครทำก็ตาม แต่ยอมรับกันเถอะครับว่า เครื่องบินอันบอบบาง มันทำให้ตึกถล่มไม่ได้ ยกเว้นไฟไหม้ด้านบน ซึ่งถ้าตึกจะถล่มเพราะไฟไหม้ด้านบนจริงๆ ก็ต้องไหม้กันนานกว่าตึกจะถล่ม บ้านเราตึกไม่กี่ชั้น ไหม้ตั้งนาน ถ้าไม่โดนน้ำสาดเข้าไปจนหนัก ตึกมันก็พังยากเหมือนกันนะครับ ก็ฟังหูไว้หู วิเคราะห์ให้ดี อย่าด่วนเชื่อ หรืออย่าด่วนปฏิเสธนะครับ ผมไม่ได้ยืนยันว่าข้อมูลตรงนี้จะถูกต้องทั้งหมด แต่แค่พยายามรวบรวมสิ่งที่หลายฝ่ายเขานำเสนอ ว่ามันสมเหตุสมผลแล้วน่าจะจริงหรือไม่อย่างไร
เข้าใจเรื่องจุดวิบัติของวัสดุผิดอย่างมากแล้วมั้งครับ
การที่เราจะทำให้วัสดุใดๆ วิบัติได้นั้น มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุที่ใช้กระทำคืออะไร แต่ขึ้นอยู่กับว่า กระทำด้วยแรงขนาดไหน
ลองนึกเครื่องบินโบอิ้ง 767-200 นํ้าหนักกว่า 150,000 kg. บินเข้าชนตึกด้วยความเร็วอย่างน้อย ก็น่าจะเกิน 370 km/hr แล้วแทบจะหยุดในบัดดล แค่คิดโมเมตัมก็มหาศาลแล้วครับ ดังนั้นไม่ยากเลยที่จะตัดเสาเหล็กบางๆให้ขาดด้วยแรงมหาศาลขนาดนี้
อาคารใดๆล้วนแล้วถูกแบบให้รับแรงกระทำจากนํ้าหนักของโครงสร้าง และนํ้าหนักบรรทุก ซึ่งกดลงพื้น ไม่ใช่เป็นแนวข้างเช่นนี้ แม้ว่าจะมีการออกแบบให้รับแรงลมในตึกสูงบ้าง แต่ก็น้อยมาก เมื่อเทียบกับแรงที่พุ่งชนของเครื่องบินเช่นนี้
โครงสร้างที่เสียหาย มันก็เปราะบางอยู่แล้วครับ กรณีนี้ต่างจากไฟไหม้ปกติ เพราะไฟไหม้ปกตินั้น โครงสร้างยังครบสมบูรณ์อยู่ครับ
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, nunoi and simba like this