ypk

เหอะ เหอะ  วิธีคิดของสนธิ และพรรคพวกของเขา มันไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตยครับ

เขาคิดโดยเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง แล้วถ่ายทอดออกมา ซึ่งมันเป็นแนวความคิดเชิงเผด็จการมากกว่า 

คนที่เลื่อมใสในตัวเขา หรือเชื่อในตัวเขา ก็ยอมรับในความคิดนั้น แล้วก็พยายามทำให้มันเป็นจริง

แต่มันมีปัญหาคือ เขาไม่สามารถตอบคำถามจากวิธีคิดของเขาได้ โดยเฉพาะกับสังคมในวงกว้าง 

มันทำให้คนที่เห็นด้วยกับความคิดของเขาถูกจำกัดวงอยู่แค่คนที่เลื่อมใส ศรัทธาในตัวเขาเท่านั้น

ปชป เองก็ดูเหมือนมีกลุ่มที่มีแนวความคิดเหมือนสนธิอยู่ไม่น้อย และก็น่าจะมีปฏิสัมพันธ์ลับ ๆ อยู่กับ

สนธิเสมอ สนธิจึงเข้าไปแทรกแซงทางความคิดกับ ปชป อยู่ตลอดเวลา เช่น เรียกร้องให้ ปชป ลาออก

มาต่อสู้ในถนน ซึ่งคนภายนอกดูแล้วอาจมองว่า สนธิ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า ไปยุ่งอะไรกับพรรคเขา

แต่ ผมมองว่า สนธิ เข้าไปยุ่งเพราะคนในพรรคเองนั่นแหละ ที่ยืมปากสนธิ บงการว่า ปชป ต้องทำ

อย่างโน้นอย่างนี้

ตอนนี้ สส ปชป ลาออกไปแล้ว 9 คน ก็ยังมีเสียงเรียกร้องว่าให้ลาออกมาสู้ให้หมด

ผมว่า ถ้ามันยุ่งยากมากนัก ก็ยุบพรรคไปเลยครับ

เหอะ เหอะ  ถ้าตำรวจจับไม่ได้ หรือไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร ผมถือว่าเป็นการสร้างภาพ

เพื่อให้เสื้อแดงไม่พอใจว่าพวกตัวเองถูกทำร้ายนะ เพราะตอนนี้การชุมนุมของเสื้อแดง

มันต่ำกว่าเป้า

มีพยานรู้เห็นเยอะแยะทั้งภาพ และคนที่ถ่ายภาพ แต่ตำรวจปัญญาที่จะไปตามจับมีหรือเปล่า

ถ้าจับไม่ได้ก็สันนิฐานไว้ก่อนว่า มีคนเจตนาทำให้เกิดเรื่องแบบนี้

ผู้ชุมนุมฝ่ายหนึ่งก็มีอีกฝ่ายหนึ่งแฝงตัวเข้าไปร่วมชุมนุม เพื่อก่อเหตุ ก่อกวนให้เกิดความ

เข้าใจผิดตลอดเวลา

เหอะ เหอะ เอาเก้าอี้มากองสุมกันตรงบันใด แบบนี้มันไม่ใช่ทำไว้กันคนขึ้นหรอกครับ

มันน่าจะเอามากองไว้ เผื่อฟลุ๊ก ว่า ถ้ามีใครหลุดเข้าไปจะได้จับเก้าอี้โยนลงมา เพื่อ

ขึ้นไปชั้นบน แล้วจะได้ถ่ายรูปไว้ว่าคนที่บุกรุกเข้าไปทำเสียหายมากกว่า

ผมคิดว่า Sandan คนพวกนี้มันเป็นอย่างนี้นะ เพราะสถานที่ทำงานไม่ใช่บ้านมัน มันจะ

มาป้องกันลักษณะปัญญาอ่อนแบบนี้ มันกันได้แค่ไม่ให้หมาขึ้นไปเท่านั้น มันกันคนไม่ได้หรอก

เหอะ เหอะ มันเป็นเรื่องภายในของกระทรวงเขาครับ หมอที่ขึ้นไปพูดคงเป็นหัวหอกในการ

ต่อต้านเรื่องนี้นั่นแหละ แต่บนเวทีเขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ เขาพูดเรื่องเขาไปบ้านนายก และแถมด้วย

การบริภาษ รมต สาธารณสุข  ผู้ชุมนุมคงรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างนั่นแหละ เพราะมันเป็นเรื่อง

ภายใน

เจ้าของจดหมายคงจะเชียร์ข้าง รมต มากกว่า เพราะถ้าจะอ้างว่า บรรดาหมอชนบทเป็นนักแบล็คเมล์

จึงไม่อยากมาร่วมชุมนุม ผมว่ามันตื้นเกินไป เพราะวัติถุประสงค์ในการชุมนุมมันคนละเรื่องกับที่

เจ้าของจดหมายพูดถึง จึงคงไม่ต้องแสดงความเสียใจอะไรกับผู้รักชาติหรอกครับ เพราะคนที่เขาออกมา

ชุมนุมเขามาเพื่อบอกว่าเขาไม่ต้องการรัฐบาลนอกกฎหมาย แต่ในกระทรวงสาธารณสุข จะไล่ รมต ก็เป็น

เรื่องภายในกระทรวงว่ากันไป ถ้ารัฐบาลอยู่ไม่ได้ รมต มันก็อยู่ไม่ได้นั่นแหละ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแสดงความ

เสียใจครับ ไม่มาร่วมชุมนุมก็ไม่ต้องมา มันเป็นสิทธิ และความสำนึกของแต่ละคนมากกว่า

เหอะ เหอะ  เรื่องที่รัฐบาล หมดความชอบธรรม มีสองเรื่องเท่านั้นครับ

1. ออก พรบ ล้างผิดคนโกงชาติ ล้างผิดพวกเผาบ้านเผาเมือง ก่อวินาศกรรม ฆ่าคนตาย

2. ประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

การเอาประเด็นอื่นเข้ามาปนมั่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปประเทศ ทวงคืน ปตท เขาพระวิหาร

หรือ คอรัปชั่น ทำให้ประเด็นที่รัฐบาลหมดความชอบธรรม มันเบลอไปหมด ทั้ง ๆ ที่ สองเรื่องนั้น

คือจุดตายของรัฐบาล ที่คนทั้งโลกเขายอมรับกันไม่ได้ ถ้าไม่รู้ว่าจุดตายของรัฐบาลอยู่ตรงไหน

รบยังไงก็ไม่ชนะครับ

เหอะ เหอะ  การเข้าไปชุมนุมในกระทรวงการคลัง มันเป็นหนึ่งในวิธีการ ดื้อแพ่ง ต่อรัฐบาล

ที่ขาดความชอบธรรมครับ

คุณกรณ์เขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิด เพราะเขาอาจมีวิธีดื้อแพ่งแบบอื่น แต่ลุงเทือกอาจเลือกวิธี

ดื้อแพ่งแบบนี้เท่านั้น

ชุมนุมปิดถนนก็เป็นการดื้อแพ่ง แต่รัฐบาลอย่างหนาไม่รู้สึก เขาก็ขยับดื้อแพ่งเข้าไปในสถานที่

ถึงหน้าจะหนา แต่ตูดเริ่มร้อนชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ครับ

การดื้อแพ่งต่อรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรม ประเทศที่เขาเจริญแล้ว เขาก็ผ่านการต่อสู้แบบนี้

มาทั้งนั้นครับ  ปัจจุบันที่ประเทศเขาเจริญและมั่นคงได้ก็เพราะเขาใช้ วิธีต่อสู้แบบ ดื้อแพ่ง กับ

รัฐบาลชั่ว มาก่อนทั้งนั้นครับ เขาไม่ใช้วิธี เผาบ้านเผาเมือง ก่อวินาศกรรม ฆ่าตำรวจ ทหาร

ประชาชนครับ

ประเทศไหน รัฐบาลชั่วมาก หน้าหนามาก ผู้ชุมนุมต่อต้านก็ต้องออกแรงมากเป็นธรรมดาครับ

เหอะ เหอะ  กระทรวงการคลังเป็นสถานที่ราชการที่มีประชาชนต้องเข้าไปติดต่อ

ในเวลาปฏิบัติราชการล็อคประตูไม่ให้ประชาชนเข้าไปติดต่อ คนที่สั่งให้ล็อคประตู 

ทำผิดหรือทำถูกครับ ข้าราชการที่ไปเปิดประตู ไปต้อนรับประชาชน ทำผิดหรือทำถูกครับ

เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ไม่ต้องมีระดับถึงรัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวง ก็คิดได้ครับว่าอะไรผิดอะไรถูก

เว้นแต่จะเป็นคนประเภท ชอบรับใช้นายคนเดียว มากกว่ารับใช้ประชาชนครับ

เหอะ เหอะ  ประเด็นมันก็คือ รัฐบาล และสภา ประกาศตนเป็นคนนอกกฎหมายไปแล้วครับ

จะให้ประชาชนทำยังไงครับ เมื่อรัฐบาลและสภา ไม่ยอมยึดกฎหมาย

เรื่องแบบนี้ คนไทยทั้งประเทศไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กันหรือครับ อยู่ที่คนทั้งประเทศแล้วครับ

ว่าจะยอมให้พวกนอกกฎหมายนี้ปกครองต่อไปไหม

เหอะ เหอะ  รัฐบาลนี้ พยายามออกกฎหมายล้างผิดให้คนโกงชาติ ล้างผิดให้พวก

เผาบ้านเผาเมือง ฆ่าคนบริสุทธิ ฆ่าตำรวจ ทหาร จนสังคมไทยตื่นตัวออกมาต่อต้าน

กันมากมาย รัฐบาลก็เลยถอย

แค่ไม่ถึงเดือน รัฐบาลนี้ ประกาศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อีกแล้ว

สองเรื่องนี้ ทำลายกระบวนการยุติธรรมทั้งคู่ ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายทั้งคู่

ถามตัวเองดีกว่าครับว่า ยอมรับอำนาจของรัฐบาลแบบนี้กันอยู่หรือเปล่า

ใครที่ยอมรับอำนาจแบบนี้ได้ ลุงเถือกก็ผิด

ใครที่ยอมรับอำนาจแบบนี้ไม่ได้ ลุงเถือกก็ถูก

เหอะ เหอะ  ต้องเข้าใจความคิดลุงเทือกครับ ว่าเขาคิดอย่างไร แล้วทุกคนคิด

เหมือนลุงเทือกหรือไม่

รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลแล้ว เพราะ เป็นรัฐบาลที่ไม่ยอมรับ

กฎหมายสูงสุดของประเทศ คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการปฏิเสธอำนาจศาล

รัฐธรรมนูญ ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายสูงสุดของประเทศ

ผู้รับผิดชอบคือคนที่ออกไปร่วมชุมนุม 1 ล้าน หรือ 2 ล้านคน เมื่อวานนี้ (24 พย 56)

เพราะรับปากกับลุงเทือกแล้วว่า ต้องโค่นระบอบทักสินให้สิ้นซาก

1 - 2 ล้านคนเมื่อวานที่ยุลุงเทือก ต้องออกไปช่วยลุงเทือกไล่รัฐบาลโจร อย่าหยุดนะครับ

เพราะหยุดเมื่อใด นองเลือดเมื่อนั้น

เหอะ เหอะ  ผมว่ากลุ่มของ  นายวรเจตน์ เป็นกลุ่มอาจารย์ที่น่าจะมีปัญหาทางความคิดนะ

เพราะเขาละเลยที่จะพูดถึงพฤติกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรม

ของศาลรัฐธรรมนูญแทน

เขาพยายามแก้ตัวความผิด ความบกพร่องของฝ่ายนิติบัญญัติ แล้วยกความผิดนั้นไปให้ศาล

รัฐธรรนูญ ดังประโยคที่พูดว่า

การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญถือเป็นการขัดต่อหลักประชาธิปไตย

หลักนิติศาสตร์ และหลักนิติธรรม

สิ่งที่เขาพูดดังประโยคข้างต้น ล้วนเป็นพฤติกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติทั้งนั้น เพราะที่ผ่านมาเราจะ

เห็นพฤติกรรมของประธานสภา และ สส ฝ่ายรัฐบาล มาตลอดว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันขัดต่อหลัก

ประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่ว่าการทำตัวไม่เป็นกลางของประธาน การลุแก่อำนาจของประธานโดยให้

ตำรวจสภามาลากตัว สส ฝ่ายค้านออกจากสภา การไม่อนุญาตให้ สส ฝ่ายค้านได้มีโอกาสอภิปราย

การรีบเสนอปิดอภิปราย พฤติกรรมเหล่านี้ขัดต่อหลักประชาธิปไตยหรือไม่ กลุ่มของนายวรเจตน์กลับ

ไม่เคยสนใจ

การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ในกรอบของมาตรา 68 ที่ระบุว่า

บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี

พระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดย

วิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถึทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

กลุ่มของนายวรเจตน์ ควรอธิบายให้ได้ว่า ฝ่ายนิติบัญญัติที่พยายามแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ได้

เป็นการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ใน

รัฐธรรมนูญนี้  ไม่ใช่มาตะแบงว่า การวินิจฉัยของศาลขัดต่อหลักประชาธิปไตย หลักนิติศาสตร์ นิติธรรม

การเสียบบัตรแทนกันของฝ่ายนิติบัญญัติ การสอดไส้ร่างแก้ไข การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สว ที่กำลังจะ

หมดวาระให้สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ต่อไปโดยไม่ต้องเว้นวรรค เป็นการทำเพื่อประโยชน์ตนเองและ

พวกพ้องหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ผิดหลักนิติศาสตร์ ผิดหลักนิติธรรมหรือไม่ ตรงนี้ต้องพูดให้ชัด ไม่ใช่มาแก้ตัว

ง่าย ๆ ว่าเสียบบัตรแทนกันไม่มีผลแพ้ชนะ เพราะมันคนละเรื่อง

ฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้หลักเสียงข้างมากก็จริง แต่ฝ่ายนิติบัญญัติจะใช้เสียงข้างมากเพื่อกระทำในเรื่องที่มัน

ขัดต่อหลักประชาธิปไตย หลักนิติศาสตร์ หลักนิติธรรม ไม่ได้

เพราะฉะนั้น ผมมองว่ากลุ่มของนายวรเจตน์ พยายามตะแบงเอาพฤติกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติมายัดเยียดให้

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมากกว่า

เหอะ เหอะ กิจกรรมย่อย แต่ละกลุ่มเขาเป็นเอกเทศของเขาครับ แต่กิจกรรมหลัก

เขาจะตามแนวของราชดำเนินครับ

การเปลี่ยนสถานที่ น่าจะเพราะคิดว่าเพื่อรองรับคนมากกว่าเพราะเขาก็รอ 24 นี้

ตามราชดำเนินนั่นแหละ เห็นปราศรัยระดมคนกันให้มาวันที่ 24 ทั้งสองเวที เรื่อง

แนวทางรู้สึกว่าระยะหลังนี่ ทั้งสองกลุ่มจะตามราชดำเนินตลอดครับไม่น่าห่วง

ที่น่าเป็นห่วงคือไอ้รัฐบาลนี้มันจะมีแผนโจรอย่างไรมากกว่า

เหอะ เหอะ  ประเด็นมันก็คือ คนที่ไปทำป้าย ขึ้นรูปท่านมีชัย ลงชื่อท่านมีชัย โดยเขียนข้อความ

เหมือนเป็นคำพูดของท่าน มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

ข้อความที่เขาใช้นั้น มันเป็นการเอาเนื้อหาที่ท่านมีชัยพูดอธิบายไปสรุปแล้วสร้างข้อความใหม่ขึ้นมา

แต่การเอารูปของท่านมีชัยไปประกอบแถมลงชื่อท่านมีชัยอีกต่างหาก เมื่อใครมาอ่านเข้า ก็ต้องเข้าใจว่า

ท่านมีชัยพูดแบบนั้น

ผมว่าคนที่ทำป้ายอะไรประเภทนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดีนะว่า ถ้าท่านเอาคำอธิบายอะไรของใคร

ไปสรุปเป็นข้อความสั้น ๆ  ข้อความที่ท่านสรุปนั้นมันคือคำพูดของท่านเอง ไม่ใช่คำพูดของคนที่เขาอธิบาย

ควรลงรูปและชื่อของท่านเอง เพราะท่านเป็นคนพูดข้อความนั้น

แต่ก็แปลกใจจริง ๆ กับสองความเห็นที่มองว่าท่านมีชัยรับใช้ไอ้เหลี่ยม อ่านยังไงถึงแปลความหมายไปอย่างนั้นได้

แล้วถ้า สองความเห็นนี่ ไปทำป้ายแบบนี้บ้าง ไม่ไปกันใหญ่หรือเนี่ยะ

เหอะ เหอะ ผมว่านักกฎหมายพรรคเพื่อไทย นักวิชาการเสื้อแดง เขาแกล้งอ่านรัฐธรรมนูญ

มาตรา 68 ไม่ครบโดยเฉพาะวรรคแรกของมาตรา 68 ที่กำหนดว่า

บุคคลจะใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง

ประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้

เขาจะแย้งอยู่ตลอดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ตรงไหน เขาเคยแย้งว่าการล้มล้างการปกครองในมาตรานี้มันหมายถึงพวกใช้อำนาจนอกระบบ

แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะกลัวเข้าเนื้อสมัยชุมนุมเสื้อแดงไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์

เพราะฉะนั้นการแย้งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจนี่มันจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วแต่จะคิดอะไรได้

คราวก่อนโน้นก็แย้งเรื่องต้องยื่นผ่านอัยการก่อน ศาลไม่มีอำนาจรับเรื่องโดยตรง แต่คราวนี้ไม่แย้งละ

คิดประเด็นใหม่ขึ้นมาได้ว่า ศาลเข้าไปก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติบ้าง ศาลไปละเมิดพระราช

อำนาจบ้าง

ความจริงศาลรัฐธรรมนูญเขามีอำนาจอยู่แล้วตามมาตรา 68 วรรคสองที่บอกว่า

ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิ

เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้

เลิกการกระทำดังกล่าว

วรรคนี้ ชัดเจนในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเลยนะครับ ว่าให้วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว

เขามีอำนาจชัดเจนครับ แต่การที่พรรคเพื่อไทยและนักวิชาการเสื้อแดง พยายามบอกว่าศาลไม่มีอำนาจรับ

เรื่องต่างหากที่เข้าไปก้าวก่ายอำนาจศาล เพราะเขามีอำนาจรับหรือไม่มี เขารู้ครับ ไม่งั้นเป็นศาลไม่ได้หรอก 

นักวิชาการเสื้อแดงและนักกฎหมายของพรรคเพื่อไทยก็พยายามตะแบงต่อว่า ฝ่ายนิติบัญญัติก็มีอำนาจในการ

แก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนกันตามมาตรา 291 แล้วศาลจะมาห้ามไม่แก้ได้ไง อย่างนี้ไม่เรียกว่าก้าวก่ายหรือ

ศาลเขาไม่ได้ก้าวก่ายหรอกครับ เขานั่งอยู่เฉย ๆ แต่มันมีคนไปร้องเขา เขาก็เอาเรื่องที่ร้องมาดูว่าอยู่ในอำนาจเขา

หรือไม่ เมื่อเห็นว่าอยู่ในอำนาจเขา เขาก็รับฟ้อง แล้วก็นัดไต่สวนพิจารณา แต่ปรากฎว่าฝ่ายที่ถูกร้องตีรวนแต่แรก

ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าศาลรับฟ้องบ้าง อ้างเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่าศาลไม่มีอำนาจบ้าง เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองทำผิด

ศาลเขาพิจารณาในขอบเขตตามมาตรา 68 นั่นแหละ แต่นักกฎหมายพรรคเพื่อไทยและนักวิชาการเสื้อแดงก็ยังทำ

เป็นไม่รู้ไม่เห็นประเด็นที่ศาลวินิจฉัยสองประเด็นคือ

1. กระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ

โดยวิธีการที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่

2. การแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ มีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ

โดยวิธีการซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่

สองประเด็นนี่ศาลเขาพิจารณาตามมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ท่อนที่เป็นตัวแดงนั่นแหละครับ ท่อนนี้นักกฎหมายพรรคเพื่อไทย

และนักวิชาการแดงไม่ค่อยเอามาพูด พูดแต่ท่อนแรกเพื่อหลอกเสีื้อแดงไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น

ตามมาตรา 3 วรรคสองของรัฐธรรนูญบอกไว้ว่า

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญและหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตาม

หลักนิติธรรม

แล้วผู้ร้องเขากล่าวหาว่าสภา เสียบบัตรแทนกัน มีการสอดไส้ร่างกฎหมาย ใช้วิธีการพวกมากลากไป

การกระทำแบบนี้มันขัดต่อมาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ไหมครับ แล้วทำไมศาลจะรับเรื่องพิจารณาไม่ได้ครับ

ที่สำคัญก็คือ พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาล แก้ข้อกล่าวหาที่เขากล่าวหาอย่างไรครับ นอกเหนือจากที่ท่องเป้น

แผ่นเสียงตกร่องว่า ศาลไม่มีอำนาจ

เหอะ เหอะ ต้องนึกย้อนไปประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมาครับ ตอนลงประชามติ

เรื่องรัฐธรรมนูญ 50 นั่นแหละ

ตอนนั้นมันมีการรณรงค์ทั้งสองฝ่ายครับ

คำพูดว่า ถ้าไม่รับรัฐธรรมนูญ 50 ก็ต้องไปใช้รัฐธรรมนูญฉบับ คมช คำพูดว่า

ควรรับไปก่อน ถ้ามันมีตรงไหนที่เป็นปัญหา ก็ไปแก้ภายหลังได้ มีจริงครับ

แต่มันเป็นการพูดในลักษณะ ชี้ให้เห็นความ โง่ ของพวกรณรงค์ไม่รับ

รัฐธรรมนูญครับ ไม่ใช่เป็นการพูดในลักษณะจูงใจให้มารับรัฐธรรม 50 เพราะ

ตอนนั้น พวกต่อต้านเขาจะเอารัฐธรรมนูญ 40 ครับ เลยแสดงความ โง่ ออกมา

รณรงค์ไม่ให้รับรัฐธรรมนูญ 50

ที่บอกว่าแสดงความ โง่ ก็เพราะรัฐธรรมนูญ 50 มันก็ลอกมาจาก 40 นั่นแหละ

แต่มาเพิ่มเติมเรื่องสิทธิของประชาชนมากขึ้น เน้นการตรวจสอบพวกโกงชาติ

มากขึ้น 

แต่พวกต่อต้านมันเป็นคนประเภทปากอยากได้สิทธิเสรีภาพ แต่ใจเป็นทาสนายทุน

ก็เลยรณรงค์ไม่ให้รับ แต่คนส่วนใหญ่ที่เขาไม่ใช่ทาสนายทุน เขารับ พวกทาสนายทุน

ก็เลยไม่พอใจ และก็ยกคำบางคำที่เขาพูด เหน็บแนมความ โง่ ของตัวเองมาอ้างจน

ทุกวันนี้แหละครับ