ypk

เหอะ เหอะ  อยากรู้เรื่องจริง แวะไปฟังปราศรัยที่บ้านเจ้าพระยาตอนนี้ดูได้

สนธิคิด สุเทพทำ ชัดเจน

สุเทพนัดทหารแล้วไม่มา ให้เพิ่มยอดผุ้ชุมนุมตลอด กำลังด่าทหาร เช็ดเลย

สมัยสุเทพเป็นเลขาพรรค หิ้วกระเป๋าเงินซื้อเสียง เงินของผัวน้องทักษิณ

ตอนนี้กำลังด่าอภิสิทธิ์ สลับกับด่าทหาร

ไม่รู้มันจะชุมนุมช่วย กำนัน หรือทำลายกำนัน ใครอยากรู้ไปฟังดู

เหอะ เหอะ  ดูแนวโน้มแล้ว พรรคนี้ เจริญขึ้นเรื่อย ๆ

เป็น สส อยู่ก็ถูกเรียกร้องให้ลาออกยกพรรค

ถึงเวลาเลือกตั้งก็ถูกเรียกร้องไม่ให้ลงเลือกตั้ง ยกพรรค

ถูกชิงพื้นที่ไป 4 ปี ยังมีความหวังว่าจะกลับคืนได้อีกหรือ

นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับทักษิณเลยนะเนี่ยะ มันนอนอยู่เฉย ๆ แท้ ๆ

เหอะ เหอะ  แกนนำเรียกเป็น ไพร่ ไม่โกรธ แต่เขาบอกว่าคนชนบทยังไม่ค่อย

เข้าใจประชาธิปไตย กลับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงถึงกับประกาศ บอยคอต ไม่ซื้อ

ไปดื่ม แต่ซื้อไปล้างเท้า

นี่ไม่เข้าใจคำว่า บอยคอต ด้วยนะเนี่ยะ

เหอะ เหอะ  ด็อกเตอร์แกเกิดมานานแล้วครับ แถมยังเป็นนักประวัติศาสตร์ด้วย

คงไม่คุ้นกับ ม็อบของสังคมสมัยใหม่ ท่าทางจะคุ้นกับ ม็อบประเภทจับใส่เสื้อสี

พาขึ้นรถมานั่งฟังแกนนำพูดเรื่อง ศักดินา ชนชั้น มากกว่า ไม่รู้ว่าม็อบแบบนี้นอกจาก

ประเทศไทยแล้ว ยังมีเหลืออยู่ในประเทศอื่นอีกหรือเปล่า

จุดอ่อนของนักประวัติศาสตร์ไทยคือ อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ก็มักจินตนาการเอาเอง ทำให้

คนในสังคมสมัยใหม่ สับสนกับประวัติศาสตร์ไทยเหลือเกินเพราะไม่รู้จะเชื่อใครดีเนื่องจาก

มันเป็นประวัติศาสตร์จากจินตนาการซะส่วนใหญ่

สังคมสมัยใหม่เขาไม่ได้สนใจการเมืองเป็นชีวิตประจำวันหรอกครับ เพราะเขาต้องทำเรื่องอื่น ๆ ใน

ชีวิตของเขาอีกมากมาย ชีวิตของเขาไม่ได้ย่ำอยู่กับเรื่อง ศักดินา ชนชั้น แบบหลอกชาวบ้านไป

วัน ๆ หนึ่งเหมือนบางคนครับ

เขาไปร่วมชุมนุมเพราะเขาทนไม่ได้กับรัฐบาลที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล มุ่งทำประโยชน์เพื่อตนเองและ

พวกพ้องมากกว่าทำเพื่อประเทศชาติครับ ถ้าด็อกเตอร์คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือ

มองว่า การเลือกตั้ง คือสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตย โดยไม่สนใจว่า การเลือกตั้งนั้นจะบริสุทธิ

ยุติธรรมหรือไม่ ด็อกเตอร์ก็คงต้องยืนอยู่ในจุดเดิมของด็อกเตอร์นั่นแหละ เพราะสังคมสมัยใหม่

เขาก้าวเลยจุดนั้นไปแล้ว เขาไปถึง ประชาธิปไตยต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ แบบที่อารยะประเทศ

เขาเป็นกันแล้วครับ

"คนที่ไม่ผูกพันอะไร เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยว ขาดความมั่นคง เจอม็อบก็เข้าไปร่วม นั่นคือการแสดงออก

ถึงการไม่มีความสุขในชีวิต"

นี่เป็นการรำพึงรำพันถึงชีวิตตนเองหรือเปล่าครับ หรือเป็นจินตนาการของคนในสังคมยุคเก่าที่ยังก้าวไม่พ้น

ศักดินา ชนชั้น ครับ

"อธิบายตรงนี้คือ เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นมันเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ เมษายน - พฤษภาคม 2553 

และเหตุการณ์ดังกล่าวมันเปลี่ยนมุมมองของคนพอสมควร และคนที่อาจจะเปลี่ยนมากที่สุดก็คือคน

ที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เพราะเข้าถึงข้อมูล และได้เห็นข้อถกเถียงที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์

ดังกล่าว ก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนมาเลือก พท แทน" รศ สิริพรรณ กล่าว

เหอะ เหอะ  อธิบายแบบนี้ ผมถือว่า ยิ่งเรียนสูง ยิ่ง โง่ นะเนี่ยะ

เหอะ เหอะ  ผมว่ามันอยู่ที่คำร้องขอให้เพิกถอนหมายจับมากกว่า ว่าร้องไปอย่างไร

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าเป็นการชุมนุมตามสิทธิที่รัฐธรรมกำหนด เพราะเขาประกาศชัดเจน

ว่าชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตราบใดที่เขายัง

ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ มันก็เป็นไปตามสิทธิที่เขาจะชุมนุมได้

แต่การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ มันไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่ผิดกฎหมาย เพราะชุมนุมที่

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ผิดกฏหมาย อย่างน้อยก็ผิดกฎหมายจราจรแล้ว การเข้าไปชุมนุม

ในสถานที่ราชการมันก็ต้องผิดอยู่ดี แต่การชุมนุมมันก็ยังเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอยู่

ผมไม่ติดใจเรื่องผิดหรือไม่ผิด แต่ผมติดใจเรื่องข้อหากบฎมากกว่า ว่าตามคำร้องของตำรวจที่ขอ

ออกหมายจับนั้น มันเป็นข้อหากบฎได้อย่างไร อ้างข่มขู่จะทำร้ายฝ่ายบริหาร ขู่ตัดน้ำตัดไฟ เจ้าหน้า

ที่กลัวไม่กล้าเข้าไปทำงาน ถือว่าเป็นกบฎแล้วหรือ มันเป็นกันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ

อีกกรณีหนึ่งที่ติดใจก็คือ เรื่องการชุมนุมนี่ การทำความผิดมันเป็นความผิดซึ่งหน้า ที่ตำรวจสามารถ

จับได้เลย การที่ตำรวจไม่จับ แต่ไปขอหมายศาลมาถือไว้ ศาลได้มองในประเด็นนี้หรือเปล่า ว่าตำรวจ

ทำไปเพื่ออะไรทั้ง ๆ ที่ตนเองมีอำนาจอยู่แต่ไม่ทำ การจะอ้างว่าจับไม่ได้เพราะมีผู้ชุมนุมเยอะ แล้วไปขอ

หมายศาลมา มันทำให้จับได้หรือเปล่า

เหอะ เหอะ อ่านแล้วเหมือนอาจารย์คนนี้แกไปทำงานวิจัยในต่างจังหวัด เพื่อจะมาบอกให้

คนใน กทม เปลี่ยนวิธีคิดในการเลือก สส ยังงั้นแหละ

งานวิจัยในต่างจังหวัดของแก ผมยังไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรเลย เพราะผมก็เคยคลุกคลีอยู่ใน

ต่างจังหวัด มองเห็นแง่มุมของการซื้อเสียง จนกระทั่งมีคนมาซื้อเสียงกับตัวผมเองก็เคยมาแล้ว

การซื้อเสียงผมมองว่ามันมีอยู่สองประเภท คือประเภทที่เลือกอยู่แล้วแต่ต้องซื้อเพราะ เส รื อก

ไปสร้างความเคยตัวให้ชาวบ้านไว้ จนต้องซื้อกันเป็นประเพณีไปแล้ว จะจ่ายค่าหัวมากน้อยแค่ไหน

ขึ้นอยู่กับคู่แข่งครับ ถ้าคู่แข่งสู้ก็ต้องจ่ายมาก ถ้าคู่แข่งหวังเอาความดีสู้ ก็จ่ายค่าหัวน้อยเท่านั้นเอง

อีกประเภทหนึ่ง ต้องซื้อเพราะคะแนนของฐานเสียงสูสีครับ ตัดสินแพ้ชนะตรงคะแนนที่ซื้อนี่แหละ

ชาวบ้านที่นิยมชมชอบ ยิ่งลักษณ์ คงไม่ได้ชอบเพราะโครงการบ้าบออะไรหรอกครับ อย่าหลอกตัวเอง

แต่เขาชอบเพราะกระแสที่เข้าไปปั่นเขาให้ชอบมากกว่า ทั้งจากสื่อ ทั้งจากผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

เงินซื้อเสียงเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น แต่ที่เขาเลือกและนิยมชมชื่นเพราะมันมีการปั่นกระแสให้ชอบ

ด้วยครับ

สื่อ มีบทบาทในการสร้างภาพหลอกลวงประชาชน ให้เห็นว่า คนบางคนเป็นคนดีทั้ง ๆ ที่ชั่วหาตัวจับยาก

หรือสร้างภาพหลอกลวงประชาชนให้เห็นว่า คนบางคนเป็นคนเลว ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนดี

สื่อทำให้คนเลวกลายเป็นคนดี ทำให้คนดีกลายเป็นคนเลว มาเยอะแล้วครับ ซึ่งหมายรวมถึงนักวิชาการเลว ๆ

ก็มีส่วนในการสร้างภาพเหล่านี้หลอกลวงประชาชนด้วย

อิทธิพลในท้องถิ่น ไม่ได้หมายถึงการไปบังคับข่มขู่ชาวบ้านให้ชอบใคร หรือเลือกใคร แต่มันเป็นการ

ใช้อิทธิพลช่วยเหลือชาวบ้านในทางผิด ๆ เช่น ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกจับเรื่องขายยาเสพติด ขาย

หวยเถื่อน เล่นการพนัน ถูกจับเรื่องรถยนต์รถจักรยานยนตร์ ฝากลูกเข้าโรงเรียนเข้าทำงาน การนำ

งบประมาณไปทุ่มให้ชาวบ้านบางกลุ่มที่ถูกจัดตั้งโดยหัวคะแนนของตน 

เรื่องเหล่านี้ต่างหากที่เป็นเรื่องที่ได้ใจชาวบ้าน จากกระแสสื่อ และอิทธิพล

ชาวบ้านถูกบิดเบือนความจริงว่าอะไรดีอะไรเลว จากสื่อที่ไร้สำนึกตลอดเวลา

ชาวบ้านถูกครอบงำโดยอิทธิพลชั่ว จนมองว่าอิทธิพลเหล่านี้คือสิ่งที่พึ่งพิงได้

เรื่องเหล่านี้ คนที่มีอำนาจรัฐเท่านั้นที่จะทำได้ คู่แข่งไม่มีทางไปทำได้หรอก การได้ใจแบบนี้มันทำได้ใน

ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะจังหวัดที่ประชาชนยังค่อนข้างมีรายได้น้อย และมีค่านิยมในทางพึ่งพิง

ภาครัฐสูง ซึ่งมันต่างกับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพเพราะคนในกรุงเทพจะพึ่งพิงภาครัฐน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้อง

พึ่งตัวเองตัวใครตัวมัน ประกอบกับต้องการให้ภาครัฐทำอะไรของคนในกรุงเทพ มันเป็นอีกระดับหนึ่งที่ต่างจาก

คนต่างจังหวัด

เพราะฉะนั้นวิธีคิดในการเลือก สส ของเขามันย่อมแตกต่างไปจากคนต่างจังหวัด อยู่แล้ว คนที่พึ่งพิงภาครัฐน้อย

เขาก็มีวิธีคิดไปแบบหนึ่ง คนที่ต้องพึ่งพิงภาครัฐมากเขาก็มีวิธีคิดไปแบบหนึ่ง มันอยู่ทึ่ภาครัฐจะมีความจริงใจ

กับประชาชนแค่ไหน อยากเห็นประชาชนพัฒนาความรู้ความคิดแค่ไหน ถ้าภาครัฐคิดแต่จะมอมเมาประชาชนให้

หลงชอบตนเอง โดยความร่วมมือจากสื่อไร้สำนึกนักวิชาการไร้คุณธรรมข้าราชการฉ้อฉลแล้ว กรรมก็เป็นของ

ประเทศชาติและประชาชนนั่นแหละ

เหอะ เหอะ  ส่งก็ตาย คงไม่ได้หมายถึงถูกยุบพรรคหรอก แต่คงหมายถึง

จะถูกต่อต้านจากคนที่เคยเชียร์ ปชป ค่อนข้างมากนั่นแหละถึงขั้นอาจเป็น

พรรคต่ำสิบไปเลย

ไม่ส่งก็พิการ หมายถึงได้ใจกองเชียร์ แต่ทำอะไรต่อไปไม่ได้เลย ใน 4 ปี

ข้างหน้าที่ พท เป็นรัฐบาลแบบไร้คู่แข่ง

เหอะ เหอะ  ผมก็เรียนรัฐศาสตร์มาเหมือนกันครับ แต่โชคดีที่ไม่ได้จบจากจุฬา ฯ

ที่มีอาจารย์ท่านนี้สอน ไม่งั้นผมก็คงต้องมาตั้งคำถามแบบอาจารย์ท่านนี้แน่เลย

ผมไปร่วมชุมนุมกับ กปปส ครับ ผมตอบแทน กปปส นะครับ

ข้อ 1 สถานะทางกฎหมายของผมคือพลเมืองไทยครับ ถูกรับรองโดยรัฐธรรมนูญไทย

เรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย เพียบเลยครับ ท่านอาจารย์หยุดเล่นเฟสบุ๊คแล้วลอง

ไปหาอ่านดูนะครับ

ข้อ 2 ตามมาตรา 69 แห่งรัฐธรรมนูญไทยครับ เป็นการต่อต้านโดยสันติวิธี ต่อผู้ที่กระทำ

ใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตาม

วิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

กปปส ชี้ว่าเป็นโมฆะ เพราะการกระทำที่รัฐบาลประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญครับ คนที่

ไม่ยอมรับอำนาจศาล นี่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายใช่ไหมครับ ท่านอาจารย์ว่าคนแบบนี้ โมฆะไหมครับ

หรืออาจารย์สอนเด็กว่า เราต้องยอมรับคนที่ทำตนอยู่เหนือกฎหมายครับ ระวังเด็กเป็นขี้ข้านะครับ

ข้อ 3 ข้อ 4 สองข้อนี้ ถ้าท่านอาจารย์เข้าใจคำตอบ ข้อ 2 แล้ว ก็คงไม่ต้องตอบ แต่อาจารย์ควรเอา

สองข้อนี้ไปถาม รัฐบาล ครับ เพราะสองข้อนี้ ของรัฐบาลเต็ม ๆ ครับอาจารย์

เหอะ เหอะ  ก็เพราะเขาอ้างแบบน้านี่แหละ ถึงต้องขอร้องให้น้าช่วย

ถีบออกไปให้หน่อยอ่ะครับ

เหอะ เหอะ  อธิบายได้ชัดเจน แจ่มแจ้ง ครับ

แล้ว ไสหัว มันออกไปได้ยังครับเนี่ยะ ไสหลายทีแล้วมันไม่ไป

น้าแดง อธิบายแล้ว ช่วย ถีบ มันออกไปด้วยนะครับ

เหอะ เหอะ ผมว่าที่พูด ๆ กันอยู่นี่ ดูเหมือนจะไม่ยอมแยก พรรคการเมือง กับการชุมนุม

ของประชาชนออกจากกันนั่นแหละ

การชุมนุมของประชาชนนี่ทำอะไรได้เยอะกว่าที่พรรคการเมืองทำนะครับ เพราะบางเรื่อง

ถ้าพรรคการเมืองมาทำแบบประชาชนแล้ว อาจมีปัญหาถูกยุบพรรคได้ เช่น

ออกมาร่วมกับประชาชนรณรงค์ไม่ให้ไปเลือกตั้ง แบบนี้ผมว่าโดนฟ้องยุบพรรคแน่ ถ้าจะ

ออกมารณรงค์แบบนี้ ต้องลาออกจากการเป็นสมาชิภพรรคไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในพรรคเลย

คือออกมาเป็นประชาชนอย่างเรา ๆ นี่แหละ แต่ถ้ายังเป็นหัวหน้าพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค

เป็นกรรมการอะไรต่ออะไรในพรรค แล้วแค่ไม่ส่ง สส ลงเลือกตั้ง แต่ดันออกมารณรงค์ไม่ให้

คนไปเลือกตั้งนี้ คงโดนฟ้องยุบพรรคแน่นอน

ถ้าออกไปรณรงค์ให้ประชาชนไป Vote no อันนีก้ำกึ่งนะครับ แต่ผมว่าก็โดนฟ้องยุบพรรคแน่นอน

ถ้า ปชป ไม่ลงเลือกตั้งแล้วมาช่วยการชุมนุม มันก็อยู่ในสภาพปัจจุบันนี้แหละ เพราะปัจจุบันเขาก็

ช่วยตามที่กฎหมายเอาผิดเขาไม่ได้อยู่แล้วแต่ที่สำคัญก็คือ แม้ ปชป จะประกาศไม่ลงเลือกตั้งมันก็

ได้กระแสไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่หยุดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะการเลือกตั้ง

มันไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐบาล มันเป็นเรื่องของกฎหมายที่ดำเนินการโดย กกต สุดท้ายมันก็จะถูกบิดเบือน

ไปว่า ปชป ตั้งม็อบขึ้นมาต่อต้านการเลือกเพราะลงเลือกตั้งกี่ครั้งก็แพ้ เลยอยากได้อำนาจทางลัด

ถ้ามันเป็นอย่างนี้ การชุมนุมจะทำยังไงครับ

ผมมองว่า ตอนนี้กระแสที่เขาเห็นด้วยกับการชุมนุมมันกำลังเป็นที่สนใจของคนหลายองค์กรหลายกลุ่ม

ในเรื่องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะเราอ้างมาตลอดว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง เราทำเพื่อประเทศชาติ

แล้วไอ้ที่เรียกร้องบนเวที เรียกร้องกันตาม โซเซียลเนทเวิร์ค นี่ กำลังเรียกร้องพรรคการเมืองหรือเปล่าครับ

ถ้าจะเรียกร้องต้องเรียกร้องทุกพรรคการเมืองครับ ไม่งั้นถูกเอาไปบิดเบือนว่า ปชป ชุมนุมต่อต้านการ

เลือกตั้งแน่นอน ถ้าไม่เรียกร้องทุกพรรคการเมือง ก็ควรสลัด ปชป ทิ้งไปเลย เขาจะลงเลือกตั้งหรือไม่ลง

เลือกตั้ง ก็ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมครับ ให้เขาตัดสินใจเองดีกว่าว่าเขาจะทำอย่างไร

เหอะ เหอะ  ผมดูสถานการณ์แล้ว ปชป จะตัดสินใจอย่างไรก็เสียทั้งนั้นครับ จะเสียถึงขั้น

เจ๊งไปเลยหรือเปล่าก็ต้องคอยดูกันอีกที

ไม่ตามกระแสมวลชน คุณเสียมวลชนแน่นอน ไม่รู้มากน้อยแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามากแน่ ๆ

เพราะมันจะมีคนจ้องปั่นกระแสนี้อยู่แล้ว

ถ้าตามกระแสมวลชน ในอนาคตพรรคคุณถูกตราหน้าแน่ ๆ ว่า เลือกตั้งสู้ไม่ได้ก็ใช้วิธีนอกระบบเลือกตั้ง

ผมมองว่ารัฐบาลมันฉลาดกว่าเยอะ แค่หยิบประเด็นเล็ก ๆ อย่างการเลือกตั้ง มาเล่น มวลชนก็เฮโล

ตามกันจนประเด็นใหญ่ จนลืมแล้วหรือว่าตอนนี้คุณไล่รัฐบาลกันอยู่ แล้วไปสนอะไรกับการเลือกตั้ง

ผมคิดว่ารัฐบาลกำลังรอครับ รอให้ ปชป ประกาศว่าไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เพื่อจะได้ทำลาย

ความชอบธรรมในการชุมนุมได้ถนัด ๆ หน่อย ตอนนี้ก็ส่งบริวารไปปล่อยข่าวว่า การชุมนุมนี้ต้องการ

ต่อต้านการเลือกตั้งที่ทั่วโลกเขายอมรับกัน ถ้า ปชป โดดลงมาตามคำเรียกร้อง ก็ชัดเลย ไอ้ฝ่ายค้านนี่เอง 

ที่เลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่ได้ใจประชาชน เลยหนุนการชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้งซะงั้น  ที่แท้การชุมนุมครั้งนี้

ก็แค่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการชิงอำนาจทางการเมืองเท่านั้น เจอแบบนี้ เสียนะครับ แล้วแก้ตัวไหวไหม คุ้มไหม 

ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นการต่อสู้ของมวลชนที่ยังมีความชอบธรรมอยู่นะครับ แล้วมันมีความจำเป็นอะไรที่จะไป

ดึงพรรคการเมืองเข้ามาทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมมิทราบครับ รัฐบาลนี้เขาหน้าด้านอย่างเดียว

นะครับแต่เขาไม่โง่ ไอ้ที่พูดกันปาว ๆ บนเวทีน่ะ คิดว่าเขาไม่ได้ฟังหรือ เขาคอยหาช่องโหว่ช่องว่างมาโต้กลับ

ทุกเม็ดครับ ใครมันปากมากก็พลาดให้เขาสวนกลับมาก

ระวังนะครับ มวลชนที่ชุมนุมอยู่จะกลายเป็นการชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้งโดยมีฝ่ายค้านขี้แพ้ สนับสนุน

รู้ว่าการโต้ทางสื่อทั้งในประเทศต่างประเทศเป็นรองเขาเยอะ ก็อย่าเปิดช่องว่างเยอะครับ ถ้าการชุมนุม

ขาดความชอบธรรมเมื่อใด ก็เละเมื่อนั้นแหละครับ

เหอะ เหอะ เรื่อง ปชป ลงสมัครเลือกตั้งนี่ ดูเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เห็นตาม fb ต่าง ๆ

ลุ้นไม่ให้ ปชป ลงเลือกตั้งทั้งนั้น มันเป็นกระแสหรือเปล่า เพราะไม่เห็นมีคำตอบอะไรเลย

ว่า ถ้า ปชป ไม่ลงเลือกตั้งแล้วได้อะไรขึ้นมา ส่วนใหญ่ถ้าถามไปจะด่ากลับด้วยความไม่พอใจ

คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้จะเป็นแนวนี้ คือ ลงกี่ครั้งก็แพ้ถ้ายังไม่มีการปฏิรูป ถ้าจะลงสมัครแล้ว 

ลาออกมาทำไม หรือ ถ้าลงสมัครก็เท่ากับไปรับรองความชอบธรรมให้รัฐบาล มวลชนสู้มา

ขนาดนี้ถ้า ปชป ยังลงเลือกตั้งก็ถือว่าหักหลังมวลชน ถ้าจะลงเลือกตั้งแล้วพูดทำไมว่าประเทศ

ต้องมีการปฏิรูป

เท่าที่ดูแล้ว ไม่มีคำตอบไหนเลยที่บอกว่า ถ้า ปชป ไม่ลงเลือกตั้งแล้ว จะสามารถทำให้ไม่มีการ

เลือกตั้งได้ แสดงว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ปชป จะลงเลือกตั้งหรือไม่ลง การเลือกตั้งมันก็ต้องมีขึ้น

แต่ที่ไม่อยากให้ ปชป ลงสมัครเลือกตั้งก็เพราะ เหตุผลต่าง ๆ อย่างข้างบนนั่นแหละ

ถามว่า หลังเลือกตั้ง มี พท เป็นรัฐบาล มีฝ่ายค้านสองคนคือ ชูวิทย์กับปุระชัย จะทำยังไง

คำตอบ แล้วคิดว่ารัฐบาลมันจะอยู่ได้เกินหนึ่งปี เหรอ

ถามว่า แล้วไม่กลัว พท มันเอาทักษิณกลับบ้านอย่างเท่ ๆ หรือ

คำตอบ กูไม่สน กูยืนยันว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ตามสบายเถอะพ่อเจ้าประคุณ กระแสมันแรง

แล้วถ้าคนนั้นเขาได้กินข้าวผัดไข่ละเป็นระบอบอะไร

เหอะ เหอะ  ถ้าเขากินบนเงื่อนไขที่มีสิทธิ เสรีภาพ เท่าเทียมคนอื่น คือประชาธิปไตยครับ