metaleka

รักกระทู้แบบนี้จริง มีสาระมากมาย

ได้ฟังรุ่นใหญ่แชร์ข้อมูลและความคิดเห็น

สนุกและได้ความรู้กว่าดูสรย้วยเป็นไหนๆ

ทุกชาติเขารักตัวเองเป็นเรื่องปกติ ในอดีตการทูตของเราก็ยอดเยี่ยม เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง แต่พอมีรัฐบาลเฮงซวยอย่างแม้ว หรือชุดปัจจุบันทีไร ประเทศไทยเสื่่อมเสียทุกที (ที่จริงเอกสารเสนอสภาคองเกรสรายงานไว้ชัดว่าแม้วมันทำเลวกับไทยเราไว้แค่ไหน) แต่อย่างว่า ผลประโยชน์ของชาติเขามาก่อน ก็ต้องทนคบไป จีนเองก็กร่างขึ้นเยอะ แต่จีนเองก็มีจุดอ่อนเรื่่องความเหลื่อมล้ำเรื่องการกระจายรายได้ ไหนจะต้องคอยประคองให้เศรษฐกิจดี เพื่อไม่ให้คนหันมาสนใจเรื่องการเมืองและอาจจะลามไปถึงการล้มการปกครองพรรคเดียวของจีนอีก

ไทยเรามันควรจะไปได้ไกลกว่านี้ เพียงแต่เรามีกลุ่มคนที่แย่ที่สุดในโลกเข้ามาบริหารปกครองช่วงนี้

คุณทักษิณทำผิด ทำร้ายประเทศชาติ ที่จัดตั้งมวลชนขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างความแตกแยกให้กับสังคม

ถ้าปชปทำบ้าง ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับคุณทักษิณ ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ

ต่างกันว่ะ ลูกเฮียปุ เพราะ มวลชน ปชป ไม่ได้ออกมาเผาบ้านเผาเมืองและทำผิดกฎหมาย

มันผิด รธน ข้อไหนที่ห้ามจัดตั้งมวลชน มวลชนเหล่านี้ก็ออกมาเลือก ปชป ไม่ใช่เหรอ เลือกเสร็จแล้วจะให้เขาอยู่เฉยๆ หรือ ??? ห้ามประท้วง ห้ามคิดต่าง ประท้วงได้ ก่อม๊อบได้ แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น อย่าทำผิดกฎหมาย แค่นี้ผมก็เห็นดีเห็นงามด้วย


ถามไปหลายหนแล้ว แล้วเฮียปุ ทำไรบ้างว่ะ ที่เป็นชิ้นเป็นอันในสภา นอกจากนั่งหลับ อย่างเอ็งเนี้ยอะ ไร้ค่ามานานแล้ว


เฮียปุ และพรรคของเอ็ง ก็ไม่ต่างกับพรรคลูกหม้อของแม้วเสียเท่าไรหรอก

smsที่คุณว่า ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปส่งมาครับ ส่วนใหญ่เป็นวอรูมจัดตั้งของพรรคการเมือง

เรื่องนี้ผมขอเอาหางเป็นประกัน

พันธมิตรดีไม่ดีไม่รู้นะครับ แต่ที่เห็นวันนี้ เค้าทำหน้าที่ได้ดีมาก
ส่วนที่บางท่านถามว่าเค้ารวมกันหรือเปล่า ตอบได้ว่ารวมครับ
ตอนแรกกันรั้วไว้คนละส่วน แต่ตอนหลังพันธมิตรเค้าเปิดพื้น(ที่เค้าจองไว้)ที่ให้หลากสีกับบลูสกายเข้ามาร่วมกันตรงจุดหน้าประตูเลย
โดยรวมบทบาทของพันธมิตรจะเด่นกว่ากลุ่มอื่นพอสมควร เพราะเครื่องเสียงเค้าดี คนเค้าเยอะกว่ากลุ่มอื่นๆครับ

ปล.หากใครจะไปอย่าใส่คัชชูไปนะครับ โดนรองเท้ากัดมากมาย เพราะมัวแต่เดินหากลุ่มหมอตุลย์
แต่สุดท้ายก็เริ่มคิดได้ว่า อย่าไปแบ่งแยกกลุ่มเลย ต้องร่วมใจกัน จึงจะชนะศึกครังนี้ได้

วันนี้ทน เสียงปี-เสียงกลอง ที่เชิดแล้วโอด ไม่ไหว ไปดูดูอยู่เหมือนกัน

เส้นทางการเดินของ ตะนิ่นตาญี เริ่มจาก หอสมุดแห่งชาติ ผ่าน บ้านป๋าเปรม

เลี้ยวซ้ายตรงแยก กรมสวัสดิการ เพื่อมุ่งหน้าไปแยกคนสวย สวนทางกับเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์หลายท่านอยู่

ทำเอาใจไม่ดี คิดสงสัยว่า ข้าพเจ้า คงจะหลงอ่านข้อมูลผิดพลาดเสียแล้วกระมัง เพราะจำได้ว่า หลากสี นัดเจอกันที่

แยกคนสวย หน้า วิทยาลัยครูสวนดุสิต เวลา ๑๓.๐๐ น. นี่นา กัดฟันเดินอีกนิดนึกด่าตัวเองอยู่ในใจ ไฉนความจำ ข้าพเจ้า ห่วยเสียเหลือเกิน

ไปจนถึง วิทยาลัยครูสวนดุสิต ก็ไม่เจอผู้ใด หัวใจ ตกไปกองอยู่ที่ ตาตุ่ม เอาวะ...ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว แวะ เติมน้ำ เสียหน่อยแล้วค่อยไปต่อ

เลี้ยวเข้า ๗/๑๑ โชคดีที่ไม่มี เสื้อแดง กำลังปล้น ๗/๑๑ อยู่ ซัดชาเขียวผสมมะนาว ๑ ขวดเต็มเต็ม แล้วมุ่งหน้าไปแยก อู่ทองใน

ตอนนี้เริ่มได้ยินเสียงจาก การชุมนุม เริ่มใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง อ้า...มาถูกทางแล้ว พอถึงแยก ถนนพิชัย ตัด อู่ทองใน ก็พบ รถปราศัย ของ หลากสี

ข้าพเจ้ามาถูกที่แล้ว ยืนฟัง เขาใครก็ไม่รู้ ปราศัย สักพักหนึ่งก็เห็น ส.ส. ของ ประชาธิปัตย์ เข้ามาทักทายผู้ร่วมชุมนุม จำได้แต่ คุณเทพไท เสนพงศ์ คนเดียว

คนอื่นไม่รู้จัก สักพักหนึ่งก็เห็น จ่าพงศ์ สารคาม ขึ้น ปราศัย และมีคนอื่นอื่นตามมา ใครก็ไม่รู้ได้อีก ๒-๓ คน...

จนกระทั่งประมาณเวลา ๑๔.๒๓ นาฬิกา มีการเปิดเส้นทางจราจรจาก แยกซังฮี้ มุ่งตรงมา รัฐสภา ด้าน ประตูเทวาสถิตย์ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จมายังอาคารรัฐสภา

เวลา ๑๔.๓๐ นาฬิกา มวลชนเริ่มเคลื่อนย้ายจาก แยกขัตติยานี มุ่งสู่ อู่ทองใน ไปยังหน้า อาคารรัฐสภา ในขณะเวลาเดียวกันนั้นเอง

มวลชนในกลุ่มของ พันธมิตร ก็เริ่มเคลื่อนย้ายมาบรรจบกันกับ มวลชนในกลุ่มของ เสื้อหลากสี ตะนิ่นตาญี เริ่มออกเดินจากหน้าอาคารรัฐสภา มุ่งหน้าไปยัง ลานพระบรมรูปทรงม้า

สวนทางกับ กลุ่มมวลชนของ พันธมิตร โดยการนำของ พล.ตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งอยู่บนรถกระจายเสียงคันใหญ่ ตอนที่ ตะนิ่นตาญี เดินสวนกับ พันธมิตร นั้น

หัวขบวนอยู่ตรงประตูทางเข้าสวนสัตว์ดุสิต ฝั่งตรงข้ามกับ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อเดินมาเรื่อยเรื่อย ท้ายขบวนของ พันธมิตร อยู่ พระบรมรูปทรงม้า

นั่นก็คือ มวลชน ของ พันธมิตร นั้นมีจำนวนค่อนข้างมาก ประเมินด้วยสายตาเปล่าเปล่า น่าจะได้ใกล้เคียงกับ ๑๐,๐๐๐ คน ทีเดียว

เมื่อเดินเลาะ สนามเสือป่า มาเรื่อยเรื่อย เห็น กองทัพธรรม ตั้งเต็นท์ โรงอาหาร ก็นึกนับถืออยู่ในใจว่า พันธมิตร เขาบริหารจัดการดีจริงจริง สมกับเป็นมืออาชีพด้าน มวลชนจัดตั้ง

จากนั้นก็ค่อยค่อยลากสังขารอันเริ่มที่จะ สะบัก-สะบอม กลับมา หอสมุดแห่งชาติ เพื่อเอารถขับกลับบ้าน เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกดี ได้เห็น-ได้ยิน คนที่ชุมนุม พูดคุยกัน

อย่างที่เรียกว่า ใช้สติปัญญา ก็มาก ใช้อารมณ์ ก็ไม่น้อย อีกประการหนึ่งที่ รู้สึก นั่นก็คือ โดยเนื้อแท้แล้ว คนกรุงเทพฯ อยากมาร่วมในการชุมนุมในครั้งนี้

แต่ด้วย ภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ ต่อครอบครัวของตัวเอง จึงไม่อาจเข้ามาร่วมได้ สังเกตุได้จากคนที่ทยอยกันมาเรื่อยเรื่อย มีทั้งโดย รถรับจ้างสาธารณะ

รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์ส่วนตัว จักรยานยนต์ส่วนตัว ที่ค่อยค่อยทยอยกันมา ในขณะที่ ตะนิ่นตาญี เดินออกมาจากสถานที่ชุมนุม นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กเล็ก

ส่วนเดียวของ คนกรุงเทพฯ เท่านั้น ยังดูว่ามหาศาล หากพวกเขาไม่ติดภาระหน้าที่ ที่ยิ่งใหญ่-ที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว จำนวนจะมหาศาลสักเท่าใด?

นี่ก็ไม่อาจตำหนิพวกเขาเหล่านั้นได้ ที่ดูเหมือนจะละเลยในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศนี้ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว พวกเขามีหน้าที่ต่อความเป็น คน อันยิ่งใหญ่สุดจะประมณได้แล้ว

ตะนิ่นตาญี

วันพุธที่ ๓๐ พฤกษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๒๒.๐๒ นาฬิกา

ผมขอเรียนตรง ๆ ว่า

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา

เรายังประท้วงทางการเมืองกันไม่อิ่มอีกหรือ

เรา ไม่ เคยเรียนรู้ ผลลัพธ์จากการประท้วงทางการเมืองเลยใช่มั๊ย



ผมมีความเชื่อว่าคนในประเทศของเรามีวิธีคิดที่มักง่ายและเห็นแก่ได้

กล่าวคือเวลาที่มีอะไรไม่ได้ดั่งใจ พวกเราก็จะออกมาประท้วงโดยไม่เคยมีใครปล่อยให้มันเป็นไปตามระบบ

เราจะออกมาประท้วง ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องที่เราทั้งหมดและระบบการปกครองสร้างมันขึ้นมา


ถ้าพวกเราออกไปประท้วงด้วยเหตุผลเดิม ๆ ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมาหรอก

ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ

ประเทศไทยเสียหายแน่นอน



ผมเชื่อว่าความยากในการพัฒนาประเทศไทยคือ เราต้องกล้าที่จะอดทนรอคอย ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามกระบวนการ


โดยหลักธรรมชาติ ระบบที่ไม่สมดุล มันต้องล่มสลาย


ไม่ช้าก็เร็ว

งั้นก็ยอมมันไปก่อน
จนลูกหลาน ไม่เหลือจะแหลก


เชิญคิดคนเดียว

โอ้ววววว ผมเพิ่งได้รับสายจาก เสธ. อ ว่านายพล จ. อยากชวนผมไปแก้มืออีกครั้ง

ส่วนเวลาจะนัดภายหลัง ขอดูเวลาว่างก่อน จัดไปหมูจะชนเขียงใครห้ามไม่ได้ 5555

ขออนุญาตเอาเรื่องสบายใจๆ มาฝากกันในบรรยากาศของวันอาทิตย์ที่ร้อนระอุของการเมืองในวันนี้กัน เป็นเรื่องราวเก็บตก ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จยังทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา ทรงสักการะพระบรมราชานุสวารีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ติดตามโครงการตามแนวพระราชดำริ และทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา


ขออนุญาตออกตัวก่อนนะครับว่า แม้เรื่องราวที่ได้รับฟังจากการบอกเล่าจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะผมและท่านทั้งหลายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่ผมเชื่อว่าท่านสมาชิกที่ติดตามการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแล้วนึกภาพตามในขณะห้วงเวลานั้นคงจะเข้าใจและอนุมานได้ว่าเป็นจริงตามนี้หรือไม่ ขออนุญาตเข้าเรื่องครับ

ผู้ปกครองผมท่านได้เล่าให้ฟังในเหตุการณ์มหามงคลครั้งนั้นว่า หลังจากทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับ จากทุ่งมะขามหย่อง ไปยังพระตำหนักสิริยาลัย เพื่อทรงเสวยพระกระยาหารค่ำ เป็นการส่วนพระองค์แล้วนั้น บรรดาข้าราชบริพารตามเสด็จที่มิได้มีหน้าที่เฝ้าฯปฏิบัติสนองงาน ก็พักรอระหว่างทรงเสวยฯ มีข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้ถามสารถีรถพระที่นั่งพระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวว่า " ตอนเสด็จขึ้นรถพระที่นั่งทั้งสองพระองค์แล้วพี่ปิดเปิดไฟทำไม เด๋วพระองค์จะทรงปรับสายพระเนตรไม่ทันนะพี่ "

สารถีรถพระที่นั่งก็ตอบไปว่า " ตอนแรกเมื่อเสด็ลงขึ้นก็จะปิดตลอดละครับ แต่ที่ต้องเปิดอีกครั้งก็เพราะด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระองค์ทรงรับสั่งให้เปิดไฟสว่างไว้ เพื่อให้พสกนิกรประชาชน ที่มารอเฝ้าฯส่งเสด็จ ได้ชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างชัดเจน เพราะแต่ละคนเดินทางมาไกล และมารอกันนาน ".

นี่ละครับถ้าใครสังเกตดีๆ ที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ถ่ายทอดสดช่วงเสด็จกลับ เมื่อทรงประทับในรถยนต์พระที่นั่งซึ่งในขณะนั้นไฟในรถเปิดอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานชาวที่ปิดประตูรถพระที่นั่ง สารถีดับไฟภายในรถครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิด ในเวลาไม่นานนัก เราจะเห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงโบกพระหัตถ์ ลองนึกดีๆนะครับ แล้วประมวลกับเหตุการณ์คำบอกเล่า สำหรับผมจะเรื่องจริงหรือไม่ทราบ แต่ 1.ผมเชื่อว่าผู้ปกครองท่านไม่โกหก 2.เหตุการณ์ประจวบเหมาะเช่นนั้นจริงๆ

นี่คือพระมหากรุณาธฺคุณอันหาที่สุดมิได้อีกคำรบหนึ่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานเครื่องราช ชั้นมหาวชิรมงกุฎ แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นกรณีพิเศษ

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์กรณีพิเศษ

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยชั้นมหาวชิรมงกุฎ ให้แก่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นกรณีพิเศษ

ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

สำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย The Most Noble Order of the Crown of Thailand พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2412 สำหรับพระราชทาน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ประชาชน ชาวต่างประเทศ ปัจจุบันมี 8 ชั้น

ชั้นสูงสุดมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) ประกอบด้วย
1. ดวงตรามงกุฎ ห้อยสายสะพายสีคราม มีริ้วแดง ริ้วขาว อยู่ริมทั้งสองข้าง
2.ดารามงกุฎ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สายสะพายชั้นนี้สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา

Source : News Center

ผมเกรงว่าการจะเอาพระมหากรุณาธิคุณในการที่ทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นั้น มาเป็นตัวชี้วัดคงไม่เหมาะและไม่บังควรมั้งครับ Pooklook เพราะถ้า Pooklook คิดเช่นนั้น ผมว่า ผู้ชายท่านนี้น่าจะมีภาษีควรแก่การยกย่องสรรเสริญมากว่า ผู้หญิงคนนี้ครับ

เพราะอะไรนั้นหรือ ก็เพราะว่าท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นกรณีพิเศษในการที่ทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่สามัญชนพึงจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าฯพระราชทานให้ด้วยพระหัตถ์ ดังเช่นภาพที่ปรากฎ

ไม่เหมือนผู้หญิงท่านนี้ ที่ต้องรับพระราชต่อหน้าพระบรมสาทิศลักษณ์

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่ได้เจตนาจะสื่อให้เข้าใจกันว่าใครจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณมากกว่ากัน หรือใครจะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นใด หรือได้รับอย่างไร แต่ผมอยากจะให้มองถึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เป็นเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล ว่าได้ประพฤติปฏิบัติตนได้สมกับพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทานแล้วนั้นหรือไม่ ถ้าคิดตรระกะแบบ Pooklook แล้วผู้ชายคนนี้ละครับ เร่ร่อนเป็นผีไม่มีศาลอยู่ ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงเช่นกันไม่ใช่หรือ

แล้วมืงกับพรรคพวกแยก ข้าว กับ หญ้า ออกรึยังวะ?

ใช้ sun block ยี่ห้ออะไร?

ใช้ทำไมครับ ภูมิัปํญญาชาวบ้านล้วนๆเลยครับ

มาเพราะ การเมืองก็ไปเพราะการเืมือง....
เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ถ้า ทำไม่ได้แบบ ธาริต ... ก็เตรียมเก็บของได้...

ปชป ไม่รู้จักใช้คน แค่ บริหารงาน บุคคลยังไม่เป็น ไม่รู้จักให้คุณให้โทษ... เหอๆ
... ดูนะครับว่า นักบริหาร มืออาชีพ จาก บริษัทมหาชน ในตลาดหลัก ทรัพย์เค้าทำอย่างไร...
ไม่ใช่ เป็น นักบริหารแค่ บริหารพรรค.... เก่าแก่...

สุดท้าย ไม่ทราบว่า คุณ อันชะนี มีความเห็นอย่างไร กับ น้อง เดียร์

ไปเกี่ยวกับ ปชป. ตรงไหน

ต่อมาน.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือ "น้องเดียร์" บุตรสาวพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ Khattiya Sawatdiphol‏@Dear_Khattiya ระบุว่า "คุณปิยสวัสดิ์ หมดเวลาของคุณแล้วคะ เชิญคุณออกจากตำแหน่ง DD การบินไทยคะ 5555..."

เวลาพ่อมันโดนยิง มันก็น่าจะทวิตว่า

เสธแดง หมดเวลาของคุณแล้วคะ เชิญคุณย้ายวิญญาณออกจากร่างกายได้แล้วคะ 5555...

คุณ คางคก

นักเรียนที่มาประท้วงเนี่ย เขาเรียนอยู่บดินทร์เดชาอยู่ก่อนแล้วนะครับ ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งโดยปกติแล้ว ทาง รร. จะรับภายใน 80% (40 คน/ห้อง) รับจากข้างนอกอีก 20% (10 คน/ห้อง) แล้วเด็กที่มาประท้วงเนี่ย ก็เป็นเด็กที่ทำกิจกรรมที่สร้างชื่อให้กับโรงเรียนมาตั้งแต่ ม.ต้น เมื่อไปสอบขึ้นชั้น ม.ปลาย ที่ รร.เดิม ซึ่งปกติแล้ว รร. จะรับนักเรียนที่สอบได้ในอันดับ 1 - 400/ชั้น แต่ปรากฏว่า คนที่สอบได้ในอันดับ 400 - 600 กลับมีสิทธิในการเข้าเรียน แต่ในขณะที่พวกเขา สอบได้ในในช่วง 1 - 400 กลับโดนตัดออก โดยไม่มีการชีแจงเหตุผล?

คุณคิดว่างัยล่ะ จะให้เด็กเหล่านี้ไปหาโรงเรียนใหม่ ทั้งๆ ที่เขามีสิทธิในการเรียนที่เดิมเหรอครับ? สาเหตุที่อยากเรียนที่เดิม คงไม่มีอะไรไปมากกว่าเพื่อน และความผูกพันธ์กับ รร. นะครับ