ไร้สีไร้กลิ่น

ถ้าคุณอ่านจบ ผมว่าคุณน่าจะคิดอะไรได้ นอกจากว่าคุณไม่มีปัญญา หรือคุณคงเป็นพวกโลกแคบ ไม่รู้จักมองอะไรรอบด้าน คิดอะไรไม่ค่อยเป็น คนอื่นว่าดีก็ดี ต่างชาติเขาว่าดีก็ดี... เฮ้อ

รัฐประหารครั้งนี้มีใครเสียเลือดเนื้อบ้าง และป้องกันไม่ให้มีการเสียเลือดเนื้ออีกตั้งเท่าไหร่

แต่รัฐบาลที่คุณเลือกมา ได้ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายไปกี่คน ทำประเทศชาติพินาศไปมากแค่ไหน

แล้วคุณจะชื่นชมใครล่ะครับ

ปล. ยกตัวอย่างเรื่องยากับพิษไปแล้ว ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่ายานี้เป็นยาดี แต่ถ้าใช้ไม่ถูกก็เป็นอันตราย ส่วนพิษที่หลายๆคนต่างมองว่าอันตรายแต่บางครั้งก็ใช้เป็นยารักษาได้

แล้วทำไมจะต้องไปมองแค่ว่า นี่คือยาเท่านั้น นี่คือพิษเท่านั้น ... หวังว่าน่าจะเข้าใจได้บ้างนะครับ

สู้แบบกปปส. คนตายไปกี่คน แล้วจะต้องตายอีกเท่าไหร่

แต่รัฐประหารครั้งนี้ไม่เสียเลือดเนื้อ 

คุณคิดว่าแบบไหนที่ดีกว่ากัน

เข้าใจครับว่าทุกคนสู้มาอย่างเหนื่อยยากหลายเดือน ย่อมหวังชัยชนะ แต่ถ้ามีวิธีการที่ดีกว่า แม้จะไม่ได้อำนาจมาอยู่ในมืออย่างที่หวังไว้ จะไม่ยอมเลยเชียวหรือ 

ชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ ประเทศชาติก็รอต่อไปไม่ไหว แต่ผมเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ทหารก็จะมอบประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา อย่าด่วนตัดสินใจว่าผิดหรือถูกเพียงเพราะเค้าแก้ปัญหาต่างกับเรา ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างกับเสื้อแดงที่เรียกหาแต่ประชาธิปไตย ทั้งที่ชาติพังพินาศย่อยยับหมด

ปล. ทหารเค้าก็คงอยากแค่ประกาศกฎอัยการศึกเฉยๆ แต่เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงซะก่อน ก็จำเป็นต้องยึดอำนาจเพื่อที่จะจัดการได้เต็มที่ บางอย่างมันก็รอไม่ได้นะครับ 

กี่ครั้งแล้วที่สร้างความเข้าใจผิด ให้ร้ายผู้อื่น แต่ผมไม่เคยเห็นคำขอโทษใดๆจากปานเทพและสื่อนี้ คนแบบนี้ไม่ใช่คนดีหรอกครับ

คนดี ปกครองด้วยระบอบไหนก็ทำให้ชาติเจริญ 

คนชั่ว ปกครองด้วยระบอบดีแค่ไหนชาติก็ล่มจม

ถึงจะไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่คิดว่าถ้าคราวนี้มันจำเป็น และเป็นวิธีเดียวที่จะเยียวยาให้หายขาดจากโรคร้ายได้ก็ยินดีและเป็นกำลังใจให้ทหารหาญครับ

ปล. ดีใจที่มองคนไม่ผิด รู้สึกชื่นชมทุกครั้งที่ประยุทธออกมาให้สัมภาษณ์ นึกแล้วว่าไม่ธรรมดา หลายปัญหาที่คลี่คลายได้เร็วอย่างเหลือเชื่อโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ทั้งที่มีอาวุธแต่ไม่ใช้ทำร้ายใคร 

สำหรับผมคิดว่าไม่ใช่นักการเมืองครับ แต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ที่สามารถเข้ามาแก้ได้ เมื่อแก้เสร็จก็ไปอยู่นอกวงการเหมือนเดิม เหมือนสมัย อานันท์ ปัญญารชุน ที่ไม่ยึดติดอำนาจ แก้จบก็ไป ใครขอให้กลับก็ไม่ยุ่ง

ผมว่าไม่เกี่ยวกับใครเร็วกว่าใคร แต่มันขึ้นกับว่าอำนาจของประธานสว. กับประธานกกต. ใครมีอำนาจมากกว่ากันครับ

ปล. แล้วถ้าให้องค์กรอิสระที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีบทบาทเหนือกว่าสว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ฝ่ายแดงเค้าจะยอมรึ

ปล.2 เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆครับ การจะหานายกคนกลางมันไม่ได้ง่าย ดีแล้วที่ประธานสว.หารือกับหลายๆฝ่าย ไม่ได้เอาความคิดตัวเองเป็นหลัก 

สิ่งที่คุณ Bird เสนอทางออกมา ดูน่าสนใจ แต่ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ที่ประธานสว.ควบตำแหน่งนายกด้วยหรือไม่ 

เพราะเมื่อฝั่งสส.ขาดคน ก็ควรต้องสรรหาคนเข้ามา ในเมื่อยังเลือกตั้งไม่ได้ก็ต้องสรรหาวิธีอื่น แต่การที่สว.ปฏิบัติหน้าที่แทนสส.ไปเลย เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ มันจะเกินอำนาจตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ครับ แล้วที่ผ่านมาเราจะมีสองสภาไปทำไมกัน

ยังไงตอนนี้ผมว่าคงหนีไม่พ้นนายกคนกลาง ซึ่งคงยากที่จะหาคนที่เป็นที่พอใจ/ยอมรับจากทั้งสองฝ่าย แต่ขอให้เป็นคนที่ยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก เพราะไม่ใช่เวลาที่จะต้องไปเอาใจคนชั่ว/คนโกง

ถ้าคนชั่วไม่ยอมรับคนดี แล้วเลือกวิธีอันธพาล ก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะจัดการกันไป  

เห็นด้วยกับคุณ Bird แต่ทางออกคงไม่ได้มีแค่ประธานสว.เป็นนายกรักษาการณ์

ผมว่าประธานวุฒิมีอำนาจความชอบธรรมอย่างเต็มที่ในทางนิติบัญญัติ จะปฏิรูปเอง กำหนดเลือกตั้งเอง หรือจะสรรหาบุคคลขึ้นทูลเกล้าก็ถือเป็นความชอบธรรม แต่ไม่ควรจะโยนภาระดื้อๆไปให้สถาบันเป็นคนสรรหา (แม้จะทำได้แต่ผมว่าไม่เหมาะ) แต่นายกที่ได้มาจากวิธีการนี้ก็ควรจะรู้ว่าตนเป็นรัฐบาลชั่วคราว ขึ้่นมาแก้ปัญหาช่วงสั้นๆ  เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมให้ได้ จึงต้องรู้ว่าจะปฏิรูปที่จุดไหน ยังไง ที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุด 

ไปครั้งนี้ใช้เงินตัวเองหรือเงินรัฐบาล ฝากสตง.ตรวจสอบด้วย

นอกเรื่องหน่อย เห็นจขกท.ใช้ชื่อเกี่ยวกะ ais

เดิมผมใช้เอไอเอส แต่มีปัญหาซิมห่วย ต้องเปลี่ยนมา 2 ครั้ง สัญญาณก็ติดๆดับๆ เลยอยากย้ายค่าย 

-- จ่ายเงิน - เคลียร์บิล - ไปทำเรื่องที่อีกค่าย ได้ซิมมา บอกรอเอไอเอสตัดสัญญาณ แล้วค่อยเปลี่ยนซิม --- สามสี่วันต่อมา ค่ายใหม่โทรมาบอกว่ามียอดค้างชำระ ย้ายไม่ได้ ก็โอเค ไปทำใหม่ แบบเดิม พยายามจะไม่โทรออกอยู่สามวัน สุดท้ายทำไม่ได้เพราะเป็นเบอร์หลัก สักพักค่ายใหม่ก็บอกว่าย้ายไม่ได้เพราะค้างชำระ

วันนี้ไปเคลียร์บิล แล้วถามที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสว่าตัดสัญญาณเลยได้หรือไม่ -- บอกว่าไม่มีอำนาจตัด

เลยถามว่าเปลี่ยนเป็น one-2-call ได้หรือไม่ -- บอกว่าต้องทำสัญญาไม่ย้ายค่ายอย่างน้อยสามเดือน (มีงี้ด้วย ปกติไม่เคยมีการทำสัญญาแบบนี้เลย)

ก็เลยต้องกลับไปทำเรื่องที่ค่ายใหม่แบบเดิมเป๊ะ ...ได้แต่รอว่ามันจะอ้างเหมือนเดิมหรือเปล่า

หมดปัญญาครับ ถามพนักงานทั้งสองค่าย ถาม call center ทั้งสองค่าย ก็ไม่มีใครตอบได้ ว่าจะต้องทำยังไง 

ใครเจอปัญหาแบบนี้บ้าง หรือใครจะรวมตัวเรียกร้องก็บอกได้ ยิ่งถ้าทำผมเสียเวลาแล้วเลยกำหนดได้สิทธิพิเศษลดครึ่งราคานาน 1 ปีจากค่ายใหม่ ผมไม่ยอมแน่

ปล. พนักงานเอไอเอสบอกว่าย้ายค่ายไม่ได้เหมือนกัน ต้องเปิดเบอร์ใหม่ เอ่อ เป็นพนักงานแล้วจะย้ายค่าย ควรเชื่อดีมั้ยเนี่ย 

ปล.2 ไม่ต้องแนะนำว่าปิดเบอร์ แล้วเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เพราะมันเป็นสิทธิเสรีภาพของลูกค้าที่จะเปลี่ยนค่ายแต่ใช้เบอร์เดิม จะปล่อยให้ใครมาละเมิดสิทธิเราทำไม 

ผมเองก็เสียดาย แต่ก่อนอ่านมติชนประจำ จนวันนึงสังเกตเห็นความมั่วนิ่มของข้อมูล เลือกข้างอย่างชัดเจนแต่ชอบอ้างว่าเป็นกลาง เคยถึงกับอีเมลไปหาบรรณาธิการ จนสุดท้ายก็รู้ว่าเสียเวลาเปล่า อุดมการณ์คงกินไม่ได้สินะ ไม่งั้นจะพุงปลิ้นขนาดนี้เหรอ

นีก็เป็นอีกเรื่องที่น่าห่วง

ขบวนการล้มเจ้าขยายวงกว้าง เดิมอยู่นอกประเทศ คอยหลอกล่อพวกเด็กที่ไปเรียนเมืองนอก อ้างว่าพวกอยู่ในประเทศโดนปิดหูปิดตา แล้วใส่ร้ายสถาบันต่างๆนานา พอโดนล้างสมอง เด็กนอกพวกนี้ก็จะกลับมาเป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ ปลูกฝังความคิดแบบผิดๆต่อไป

ขบวนการล้มเจ้า ยังทำหนังสือ ทำเวบ ทำซีดีแจก แล้วใครล่ะที่จะรู้ว่าความเป็นจริงคืออะไร อย่างสถานการณ์ในปัจจุบัน เรื่องเดียวกันยังสามารถมองเห็นได้คนละมุมกันสุดขั้ว หลักฐานปลอมหลักฐานจริงถ้าไม่มานั่งคุยแลกเปลี่ยนก็แทบจะแยกไม่ได้ บางที เราอาจต้องไปศึกษาว่าเขาให้ข้อมูลผิดๆกันมาอย่างไรบ้าง แล้วมาแลกเปลี่ยนกัน ให้เขาได้รับข้อมูลที่ถูกต้องบ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นมะเร็งลุกลามไปจนแก้ไขได้ยาก

ผมคิดจนเหนื่อยก็คิดไม่ออกว่าจะทำวิธีไหนให้คนเหล่านี่เกิดความละอายใจ เกรงกลัวต่อบาป ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องการอบรมเลี้ยงดู พัฒนาการด้านศีลธรรมบกพร่องมาแต่เด็ก แล้วยังไง จะให้ย้อนเวลาไปบอกพ่อแม่เขา หรือจะจับมานั่งอบรมเอาตอนนี้ก็คงไม่ได้ประโยชน์

งั้นขอถามจขกท.ตรงๆเลยดีกว่า มีอะไรบ้างที่จะทำให้คุณรู้สึกละอายใจเวลาที่ทำความชั่ว วิธีไหนที่จะทำให้คุณรู้สึกสำนึกแล้วกลับตัวกลับใจได้

เพราะที่ผ่านมา คนด่าก็แล้ว มอดแบนก็แล้ว อธิบายดีๆก็แล้ว ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น หรือถือคติว่า ด้านได้อายอด ยอมทุกอย่างเพียงเพื่อเงินแค่นั้นหรือ (แต่ดูจากทักษิณหรือเฉลิมมันก็ทำทุกอย่างเพื่อเงินจริงๆนะ อย่างเหลิมนี่โดนด่าเป็นขี้ข้าก็ไม่หวั่นไหว)

แล้วจะทำยังไง ในเมื่อกฎหมายก็เอาผิดไม่ได้ จะรอเวรกรรมก็ช้าเหลือเกิน กลับมาดูต้นตอปัญหาก็คือคนเราพึ่งพาวัตถุ เป็นยุควัตถุนิยม จึงยอมทำทุกอย่างให้มีเงินไปซื้อหาสิ่งเหล่านั้น การแก้ปัญหาก็ต้องไปแก้เรื่องศีลธรรม พอมองไปหาศาสนาก็ดันวัตถุนิยมไม่แพ้กันแล้วจะเป็นที่พึ่งได้ยังไง สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำใจยอมรับชะตากรรมของบ้านเมือง

สรุป . ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านได้เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง แนวคิดที่ดีงามแก่สังคมต่อไปละกัน ขนาดเด็กวงโยยังออกมาขอโทษได้(สำนึกรึเปล่าเป็นอีกเรื่อง) สักวันเราคงเห็นคนพวกนี้ปรับปรุงตัวได้เช่นกัน