blue

ดู  ข้อเสนอแล้ว อภิสิทธิ์ คงไม่มีโอกาสเว้นวรรคแน่ ๆ เพราะฝ่ายรัฐบาลมัน

คงไม่เอาหรอก ฝ่ายกำนันก็ดูจะก้าวข้ามจุดที่อภิสิทธิ์เสนอไปแล้ว

แต่จะก้าวข้ามไปแล้วยังไง ก็ควรสงวนท่าทีไว้ก่อนอย่ารีบไปวิพากษ์วิจารณ์หรือปฏิเสธ

บนเวที ปล่อยให้รัฐบาลมันออกมาปฏิเสธ ฝ่ายเดียว จะได้เพิ่มความชอบธรรมในการ

ลุยกับรัฐบาลขึ้นอีก เพราะมีทางให้เลือกแล้วมันไม่ยอมเลือกเป็นความผิดของมันเอง

แล้วนี่ Phat จะว่ายังไงละเนี่ยะ ธนูดอกสุดท้าย ได้เวลาหรือยัง หรือใจรักอาชีพนั่งยุคนอื่น

กับด่าอภิสิทธิ์เท่านั้น

เตรียมปิดสถานีออกมายืนแถวหน้ากันเลย กู้ศักดิ์ศรีคืนหน่อยอย่าให้อายตำรวจ

เมื่อคืนผมก็ฟังที่สนธิพูด ข่าวอันนี้น่าจะตัดคำพูดออกไปหลายเรื่องแล้วเอามา

เรียบเรียงใหม่ ให้ดูรู้เรื่องขึ้น

ผมมองว่า สนธิ ตกต่ำจริง ๆ เพราะฟังไปผมนึกถึงเจ้า Phat ของเราไปว่า เอ

หรือมันคนเดียวกันวะเนี่ยะ

ฟังที่สนธิพูดแล้วมันเห็นชัดว่า ต้องการดิสเครดิตอภิสิทธิ์อย่างเดียว แต่เรื่องที่ยก

มาดิสเครติดเขามันดูปัญญาอ่อนเอามาก ๆ บางเรื่องก็ไปเอาของเสื้อแดงมาพูด

อย่างเรื่องตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร บางเรื่องก็ปรักปรำเขาแบบไม่อาย เช่น ที่บอกว่า

ตอนชุมนุม 193 วัน อภิสิทธิ์หนุนเต็มที่ แล้วสรุปว่าเขาตีกิน เรื่องนี้เมื่อก่อนพูดแค่ว่า

ตอนชุมนุมมี สส ปชป บางคนไปนั่งอยู่หลังเวที แล้วขยับมาเป็น สส ภาคใต้ออกเงิน

ค่ารถให้ผู้ชุมนุม ตอนนี้ขยับมาบอกว่า หนุนเต็มที่

ผมเชื่อนะว่า มี สส ปชป บางคนไปนั่งหลังเวที มี สส ภาคใต้บางคนจ่ายค่ารถให้ผู้ชุมนุม

แต่ถามว่ามันแปลกตรงไหน ที่ สส บางคนเขาไปให้กำลังใจคุณ มันแปลกตรงไหนที่

ชาวบ้านเขาจะมาชุมนุมกับคุณแต่ไม่มีค่ารถ เลยไปขอ สส ที่เขาคุ้นเคย คนตีกินน่าจะเป็น

สนธิ ที่เอาเรื่องนี้มา ตีกิน ว่าเขาหนุนคุณเต็มที่มากกว่า เพราะอภิสิทธิ์นี่ ผมเห็นเขาไปที่

ชุมนุมของคุณ ตอนตำรวจมันยกพวกเข้าไปตีผู้ชุมนุมเท่านั้น เขาเป็นห่วงประชาชนคุณก็รู้

อยู่แก่ใจ แต่คุณตีกินแบบหน้าด้าน ๆ มากกว่า

ผมว่า สนธิ ต้องระวัง กลับไปคิดไปตั้งสติให้ดี อย่าสักแต่อ้างพ่อแม่ครูอาจารย์ หรือธรรม

เพราะมันเป็นแค่อ้างแต่ลมปาก แต่พฤติกรรมมันตรงกันข้าม แม้คุณจะบอกว่าเป็นสมมุติฐาน

ของคุณ แต่การสมมุติฐานมันก็ควรมีพื้นฐานมาจากความน่าเชื่อถือได้ ไม่ใช่สมมุติฐานส่งเดช

หรือสมมุติฐานตามความรู้สึกที่มันฝังอยู่ในใจแบบอคติ อย่างเช่นเรื่อง อภิสิทธิ์รับไม่ได้ที่

มวลชนไปชื่นชมสุเทพ เพราะนี่มันเป็นความรู้สึกที่ฝังใจของคุณต่างหากที่รับไม่ได้ ใคร ๆ เขา

ก็รู้ คุณจะมาตั้งสมมุติฐานโดยเอาความรู้สึกของตัวคุณเองไปใส่ให้คนอื่นเขา คุณตกต่ำจริง ๆ ว่ะ

ผมว่าคุณ wutthipong น่าจะเข้าใจผิดนะ ที่มองว่าคนที่ด่าแป๊ะลิ้ม วิพากษ์วิจารณ์

แป๊ะลิ้ม คือพวกปกป้องอภิสิทธิ์  ถ้าอภิสิทธิ์ ทำชั่วทำเลว คงไม่มีใครปกป้องหรอกครับ

แต่ที่มันเกี่ยวข้องกับอภิสิทธิ์ก็เพราะเป้าของแป๊ะลิ้มมันพุ่งไปที่อภิสิทธิ์ครับ ที่เรากำลัง

พูดกันอยู่นี้มันคือข้อเท็จจริง ที่ จขกท ถามว่า ทำไมสื่อ manager จ้องลำลายอภิสิทธิ์

แบบเอาเป็นเอาตาย

คำตอบมันก็อาจแตกต่างกันไปของแต่ละคน บางคนขี้เกียจให้เหตุผลเพราะรู้อยู่ว่าสื่อนี้

เป็นแบบนี้มานานแล้ว ก็ด่าเลย แต่คงไม่ได้หมายถึงมีใครไปปกป้องอภิสิทธิ์หรอกครับ

ถ้าสิ่งอภิสิทธิ์เขาทำ มีเจตนาที่จะ เตะตัดขากำนัน อย่างที่สนธิบอก เขาก็ต้องรับผลการ

กระทำของเขาเองแหละครับ แต่สิ่งที่ สื่อของ Manager กำลังทำอยู่ตอนนี้มันเห็นชัดครับ

ว่าเขามีเจตนาอะไร ผมมองว่าเขาไม่หวังต่อทั้ง อภิสิทธิ์ และ กำนัน หรอกครับ

เขาไม่หวังดีต่ออภิสิทธิ เพราะเขาออกมาบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีอภิสิทธิ์ ตั้งแต่แรก ยังไม่รู้

ด้วยซ้ำว่าอภิสิทธิ์จะทำอะไร แต่ปั่นกระแสบิดเบือนก่อนเลยว่า

มันจะเป็นคนกลางในการเจรจา

มันอยากให้มีการเลือกตั้ง

มันมี อ๊อกฟอร์ดดีล

มันได้รับสัญญาณจากใครก็ไม่รู้

มันอยากเป็นนายก

คุณ wutthipong คิดว่าเรื่องที่ manager เอามาพูดนี่ มีเรื่องไหนตรงกับที่อภิสิทธิ์ทำบ้างครับ

เขาไปคุยกับหัวหน้าพรรคการเมือง ก็ด่าเขาเช็ดเลย พรรคการเมืองบางพรรคเขาไม่อยู่ใช้โทรศัพท์

คุยกัน ก็เอามาเยาะเย้ยถากถางว่าเขาไม่ต้อนรับ พูดง่าย ๆ พบก็ด่าไม่พบก็ด่า ว่างั้นเถอะ แบบนี้ 

มีความบริสุทธิใจไหมครับ คงไม่ต้องมีใครไปปกป้องอภิสิทธิ์หรอกครับ เพราะเขาเห็นพฤติกรรม

ของสื่อแบบนี้ เขาก็รู้กันแล้ว

คำพูดของกำนัน ที่คุณ wutthipong ยกมานั้น คุณ wutthipong สังเกตุไหมครับว่า กำนัน เขาพูด

ลักษณะนี้มานานแล้ว ก่อนที่อภิสิทธิ์จะออกมาอีก ไม่สงสัยหรือครับว่า กำนัน เขาพูดทำไมพูดบ่อยด้วย

พูดแทบทุกวันเลย

กำนันพูดเรื่องนี้ทุกวัน เพราะมันมีคนมาติดต่อขอเจรจาครับ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่มันไม่

ปกติก็คือ สื่อ manager นี่แหละ เอาไปเป็นข่าว "มันแอบเจรจากัน" "มันโทรศัพท์คุยกับทักษิณแล้ว"

"พวกนักการเมืองมันไว้ใจไม่ได้หรอก" แบบนี้ผู้ชุมนุมปั่นป่วนไหมครับ ปั่นปวนจน อ เสรี ต้องเขียน

ขอร้องในเฟซบุ๊คว่าขอให้เชื่อใจ กำนัน แบบนี้ไปกันใหญ่ไหมครับ เหตุนี้แหละครับ กำนันแกถึงต้อง

ตะโกนทุกวันว่า "กูไม่เจรจากับใครโว้ย"

อภิสิทธิ์ ออกมาหาทางออกของประเทศ ไม่มีข้อยกเว้นครับ กำนันพูดทุกวันอยู่แล้วยิ่งคนเคยสนิทคุ้นเคย

ยิ่งน่าสงสัย ก็ประกาศสกัดดาวรุ่งไว้ก่อนเพื่อกันผู้ชุมนุมหวั่นไหว และที่สำคัญ จะได้สกัด manager ไม่ให้

เอาไปโจมตีครับ แต่เอาไม่อยู่ครับเพราะมันเอาไปเล่นเละเทะแล้ว แต่งนิทานเอามาเล่ากันเป็นฉาก ๆ อันไหน

ไม่ตรงก็เลิก เปลี่ยนไปประเด็นใหม่ ตอนนี้ดูเหมือนนิทานโกหกจะเลิกหมดแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นเรื่องออกมา

แบบนี้ไม่เข้าท่า ไม่มีประโยชน์ ไม่สำเร็จหรอก คุณก็คิดแบบนักการเมืองไม่เห็นหัวประชาชน คุณหมดสภาพ

หัวหน้าพรรคแล้ว ลาออกไปเถอะ

สื่อแบบนี้ เป็นสื่อคุณภาพไหมครับ

เหตุมันมาจากเรื่องคดีนั่นแหละครับ

ตอนอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกใหม่ ๆ มันก็มีข่าวฮือฮาเรื่องการช่วยคดี พธม แล้ว

นักข่าวถึงกับถามตรง ๆ เลยว่า "แล้วจะมีการช่วยคดี พธม ไหมคะ" ไอ้ตู่ นี่

นังกัดกราม กรอด ๆ จ้องตาเขม็งเลย (คงคิดว่ามึงช่วยกันเมื่อไร กูลุยแน่)

ผมได้ยินอภิสิทธิ์ตอบนักข่าวว่า "ถ้าผมทำอย่างนั้นผมก็ไม่ต่างอะไรกับทักษิณซี"

ตั้งแต่นั้นมาผมก็มองว่า นายกคนนี้น่าสนใจว่ะ ก็เลยติดตามมาเรื่อย

แต่เสี้ยมธิ คงไม่ได้คิดเหมือนผม เพราะเห็นเอาเรื่องนี้ไปด่าออกทีวี ปาว ๆ ว่าอภิสิทธิ์

เป็นคนเนรคุณบ้าง เป็นคนคบไม่ได้ ไม่มีใครคบ ไม่มีสังคม ส่วนคดีความมันก็เดินของมัน

ไปเรื่อย หลายคดีทั้งเรื่องการชุมนุม เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการชุมนุมแต่ไปด่าคนโน้นคนนี้จน

เขาฟ้องหมิ่นประมาทก็เยอะ จากความไม่พอใจที่เขาไม่ช่วยก็เริ่มสะสมเป็นความเกลียด

เกลียดแล้วก็อยากจะหาเรื่องมัน เลยไปหยิบเอาเรื่องเขาพระวิหารที่วีระ เขาเล่นเขาอยู่มาเล่นแทน

ยกพวกออกมาชุมนุมประท้วงว่าอภิสิทธิ์ สุเทพ ขายชาติ แต่ปรากฎว่ามันไม่เวิร์ค เพราะข้อมูลมันเป็น

เท็จซะส่วนใหญ่สาวกก็เลยไม่ค่อยร่วมมือ ยิ่งชุมนุมนานคนก็ยิ่งหายไปเรื่อย เลยไปพาลเอาคนในสถานีตัวเอง

ที่เขาก็คงไม่เห็นด้วย เล่นเอาแตกกระเจิงกันไปหลายคน อย่าง อ เจิมศักดิ์ ก็เคยจัดรายการอยู่ ASTV แต่

ไม่ยอมพูดเรื่องเขาพระวิหาร เพราะอ้างว่าไม่ค่อยรู้ข้อมูลเท่าไร ก็ถูกถอดรายการเฉยเลย ผมคิดว่า

เสี้ยมธิ คงรู้ว่า คนอย่าง อ เจิมศักดิ์ นะหรือจะไม่รู้ข้อมูล แต่ที่ไม่ยอมพูดเรื่องนี้เพราะมองว่า มันเป็นเรื่อง

โกหกนั่นแหละ

ผิดหวังจากเรื่องเขาพระวิหาร อาการก็เริ่มทรุด เพราะหลายคนตีตัวออกห่างเนื่องจากเริ่มเห็นความผิดปกติ

ว่ามันไม่น่าจะชอบมาพากลนัก กับพฤติกรรมแบบนี้ ความเกลียดที่มีอยู่เดิมมันก็เลยเปลี่ยนเป็นความแค้น

เพราะคนประเภทนี้ไม่เคยโทษตัวเอง แต่โทษคนอื่นตลอด เหมือนทักษิณนั่นแหละ และเขาก็มองว่าปัญหา

ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา มันมีเหตุมาจากอภิสิทธิ์นั่นแหละ ที่ขอให้ช่วยอะไรไม่ได้เลย

ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าใครที่จะเกลียดอภิสิทธิ์ ก็รีบเกลียดซะตอนนี้ ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาไปเอ่ยปากให้ช่วยอะไร

แล้วเขาไม่ช่วย เลยพาลไปเกลียดเขา เพราะอภิสิทธิ์เขาไม่ได้โตมาจากสังคมอุปถัมภ์เหมือนประเทศไทย เขา 

ไม่มีทางที่จะไปอุปถัมภ์ค้ำจุนอะไรใครไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง จนทุกวันนี้คนเกลียดอภิสิทธิ์มีเยอะครับ

ตั้งแต่ สส ในพรรค นักการเมืองต่างพรรค ตำรวจทหารข้าราชการ นักธุรกิจ ที่ยังฝังหัวอยู่กับระบบอุปถัมภ์ เพราะ

เขาจะมองว่าอภิสิทธิ์เป็นคนประเภท ไร้น้ำใจ ไม่เอาเพื่อนเอาฝูง จะว่าไปแล้ว อภิสิทธิ์ เขาถูกโดดเดี่ยวมาตั้งแต่

เป็นนายกใหม่ ๆ แล้วครับ ที่เหลือคบหากันอยู่ได้ก็คงเป็น แก๊งค์ไอติม ที่พรรคเพื่อไทยมันว่านั่นแหละ แต่ถ้าเรา

ต้องการระบบอุปถัมภ์จริง ๆ ผมก็มองไม่ออกเหมือนกันว่า แล้วเราจะไปไล่ทักษิณมันทำไม เพราะไอ้นี่คือเจ้าพ่อ

ระบบอุปถัมภ์เลย แต่ที่มันน่าขำก็คือ ไอ้ระบบอุปถัมภ์นี่มันก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่พวกเสื้อแดง

ชอบเอามาตะโกนกันปาว ๆ นั่นแหละ ที่ขำก็คือ ตะโกนแต่ไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในระบบอุปถัมภ์ของทักษิณ ยิ่งลักษณ์

ซึ่งก็ไม่ต่างกับกลุ่มของเสี้ยมธิ นั่นแหละ ที่ชอบพูดถึงเรื่องความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในขณะที่ตัวเอง

ก็วิ่งหาระบบอุปถัมภ์กันขาขวิด

การออกมาไล่ถล่มอภิสิทธิ์ครั้งนี้ ผมมองว่า เดิมเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก ถ้าเราจำกันได้จะเห็นว่าเดิมนั้นเขาไล่

เตะตัดขา กำนัน มาแต่แรก พยายามเข้าไปแทรกแซง เมื่อแทรกไม่ได้ก็ออกมานั่งด่า นั่งเสี้ยมให้เกิดความ

แตกแยกในการชุมนุม ล่าสุดที่เป็นเหตุก็คือ พยายามเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกระหว่างทหารกับผู้ชุมนุม

กรณี ผบ ทบ พูดเรื่องเป็นลูกจ้างนั่นแหละ  จนกำนัน ต้องออกมาพูดว่ามันมีหมามาคอยไล่งับขาอยู่ แต่เวลา

เราพูดกันเราบอกเตะตัดขา กำนันแกเล่นหมาไล่งับขาเลย

หมาไล่งับขา มันคงฝังใจครับ เพราะก่อนหน้านี้เห็นนั่งแก้ตัวกันออกทีวี ว่าไม่ได้หมายถึงเราหรอก เราไม่ใช่หมา

เราคือมิตร เราเห็นว่าอะไรไม่ถูกเราก็พูด สุเทพอย่าหลงตัวเองนะว่าประชาชนที่มาชุมนุมเขามาชุมเพราะสุเทพ

ล่าสุดที่สนธิออกรายการวันศุกร์ของเขานั่นแหละ มันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อภิสิทธิ์ ออกคลิปขึ้นยูทูป พอดี

เขาคงมองเห็นโอกาสที่จะสลัดความเป็นหมาไล่งับขาของเขาออกไปในความรู้สึกของมวลชน จึงฉวยโอกาสนี้

เอาเรื่องอภิสิทธิ์ออกมาโจมตีแบบบ้าคลั่ง ผมเน้นว่าแบบบ้าคลั่ง เพราะเล่นระดมหน้าเก่าหน้าใหม่ออกมาแต่งนิทาน

หลอกสาวกกันเพียบเลย สนธิเองเป็นคนพูดในรายการของเขาว่า พวกเราไม่ได้เตะตัดขากำนัน คนเตะตัดขากำนัน

คือ อภิสิทธิ์ และ ประยุทธ ผบ ทบ

ผมว่ามันชัดนะ เขาแค่ต้องการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น โดยไม่คิดว่าใครจะเสียหายบ้าง หรืออาจคิดแต่ก็ไม่เป็นไร

เพราะไอ้คนเสียหายมันคือคนที่เขาเกลียดและแค้นฝังใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่เขาหันกลับไปเชียร์

กำนันเหยง ๆ แต่ด่าอภิสิทธิ์โครม ๆ

ผมมองว่า มีโอกาสนะครับ แต่ไม่ใช่เพราะ manager มันขึ้นอยู่กับทาง

แกนนำ กปปส มากกว่า เพราะ

แนวทางของอภิสิทธิ์ ไม่ใช่แนวทางของ กปปส ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่แนวทาง

ของรัฐบาลเหมือนกัน

มันขึ้นอยู่กับแกนนำ กปปส จะมองเรื่องนี้อย่างไร ถ้ามองแบบสนธิที่พยายามปั้นน้ำ

เป็นตัวตลอดเวลาว่า อภิสิทธิ เตะตัดขากำนัน แม้ว่าเรื่องที่เขาพยายามเสกสรรค์ปั้นแต่ง

ขึ้นมานั้น ดูแล้วไม่น่าจะตรงกับที่อภิสิทธิ์ทำเลยสักเรื่องหนึ่ง ก็หาได้มีความละอายไม่

ยังคงพยายามชี้นำประชาชนอยู่ตลอดเวลา ว่าอภิสิทธิ์ เตะตัดขากำนัน

ประเด็นของปัญหามันจึงมาอยู่ที่ว่า แนวทางของอภิสิทธิ์กับแนวทางของ กปปส มันเป็น

คนละแนวทาง แต่จุดมุ่งหมายต้องการปฏิรูปประเทศเหมือน แตกต่างกันโดยรายละเอียด

ของวิธีการ

ในภาวะที่ กปปส กำลังมุ่งมั่นเดินหน้าจะดำเนินการตามแนวทางของตน ย่อมเกิดภาวะความ

กดดันรอบข้าง หลายเรื่องหลายอย่างประดังเข้ามา เพราะฉะนั้น ถ้าแกนนำ กปปส มองเรื่อง

ที่อภิสิทธิ์นำเสนอแนวทาง เหมือนเรื่องที่ พลเอก สายหยุด นำเสนอแนวทาง มันก็คงไม่มี

ปัญหาอะไร แต่ถ้าแกนนำ กปปส มองเรื่องที่อภิสิทธิ์ นำเสนอ เหมือนที่สนธิ พยายามจะให้เป็น

อภิสิทธิ์ ก็มีโอกาส ดับเหมือนกัน เพราะตอนนี้กระแสต่อต้านมันถูกปลุกระดมจาก Manager

จนเวทีคู่ขนานของ กปปส ไปหมดแล้ว เหลือแค่เพียงเวทีใหญ่เท่านั้น

ร่องรอยของเวทีใหญ่ที่ปรากฎให้เห็น มันก็เริ่มมีร่องรอยขึ้นมาบ้างแล้ว จาก สนธิญาณ อ เสรี

และ ปอง อัญชลี ซึ่งปรากฎให้เห็นตั้งแต่ข้อเสนอของอภิสิทธิ์ ยังไม่ค่อยชัดเจนนัก บางคนอาจ

พูดเพราะมีอคติอยู่เดิม บางคนพูดเพราะหลงรักไม่อยากให้เป็นอย่างที่เขาเสี้ยม บางคนก็พูดเพราะ

ผีเจาะปากมาให้พูดเท่านั้น

ตอนนี้ ยิ่งลักษณ์ แบะ ออกมารับลูกอภิสิทธิ์อีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้เสนอรายละเอียดออกมา

แต่มันแสดงให้เห็นถึงการแสดงออกทางสังคมว่า เขาต้องการให้ประเทศมีทางออกถ้าเป็นแนวทาง

ที่ดีและสามารถทำได้ ถามว่าได้คะแนนไหม น่าจะได้อยู่นะครับ แล้วแกนนำ กปปส ล่ะ เห็นด้วยหรือ

ไม่เห็นด้วย ถ้าไม่เห็นด้วย ควรโวยวายตาม เสี้ยมธิ หรือควรเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ ลุยของกูไปดีกว่ากูมาแนว

นี้แล้วอะไรก็ฉุดกูไม่อยู่ ตรงนี้อยู่ที่วุฒิภาวะทางอารมณ์แล้วครับ

ผมมองว่าแกนนำ กปปส ไม่จำเป็นต้องรับแนวทางของอภิสิทธิ์ถ้าไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ควรไปเต้นตาม

จังหวะที่เสี้ยมธิมันเคาะให้เต้น เพราะมันจะไม่เป็นผลดีทั้งตัวอภิสิทธิ์ และ การชุมนุมของ กปปส เอง

ถ้าแกนนำ กปปส เอาเรื่องที่อภิสิทธิ์ ไปพูดในเชิงลบ หรือพูดต่อต้านบนเวที ก็แน่น่อนละครับผลลบมันก็

จะตกอยู่กับอภิสิทธิ์ แต่มันคงไม่แค่นั้นหรอก มันจะลบไปถึงการชุมนุมของ กปปส ในแง่ของความระส่ำ

ระสายในการชุมนุม ภาพลบในสายตาของสังคม ที่อาจมองว่า อ้าว เขาเสนอแบบนี้มันไม่ดีหรือ สรุปแล้ว

คุณต้องการอะไรแน่

การประกาศทวงคืนอำนาจของประชาชน ของกำนัน เมื่อคืน มันต้องมีความชอบธรรมด้วยนะครับ ความ

ชอบธรรมมันได้มาจากไหน มันได้มาจากสังคมในภาพรวมที่เขามองว่าชอบธรรมครับ เราพูดเอาเองไม่ได้

ว่าเรามีความชอบธรรม แม้เขาจะไม่ได้ออกมาร่วมชุมนุม แต่เขาก็ไม่ต่อต้านทักท้วงแถมยังคิดอีกว่า เออดี

กระทืบมันเลย อย่างนี้เราก็มีความชอบธรรมแล้วครับ

เพระฉะนั้น การที่ยิ่งลักษณ์ แบะ ออกมารับลูกอภิสิทธิ์ มันก็คือการออกมาหาความชอบธรรมในสังคมตุนไว้

นั่นแหละ แต่ถึงเวลาเขาจะเสียบจริง อาจจะ หุบ ไม่ให้เสียบก็ได้ แกนนำ กปปส จึงควร นิ่ง มอง และคิดให้หนัก

เพราะสิ่งที่อภิสิทธินำเสนอนั้น แม้จะไม่เห็นด้วย และไม่ทำตาม ก็ไม่จำเป็นต้องออกอาการอะไร เพราะมันจะ

สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ทางสังคมในภาพรวมได้ ตอนนางยิ่งลักษณ์ หุบ ไม่ยอมให้เสียบ กปปส ก็อ้างได้ว่า

ก็นี่ไง ขนาดเขาเสนอมาอย่างนี้มันยังไม่ยอมรับเลย จะไม่ให้กูลุยได้ไง

มันเป็นการชิงความชอบธรรมทางสังคมครับ อย่าด่วนสรุปว่า ไม่เอาแล้วต้องด่าเสมอไปเพราะทั้งเสี้ยมธิ และ

รัฐบาล มันกะล่อนทั้งคู่นั่นแหละ

น่าจะเป็นเฉพาะตัวเขานะครับ ที่ไม่ลงเลือกตั้งไม่เกี่ยวกับคนอื่น

เพราะเขาเป็นคนเสนอเรื่องนี้ เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าการเสนอ

ของเขานั้น ตัวเขาไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ มากกว่า

เขาไม่ได้แกล้งทะเลาะกันหรอกครับ เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มันมีคน

พยายาม เสี้ยม บอกว่าเขาทะเลาะกัน

กำนัน เขาก็มีจุดมุ่งหมายที่จะทำตามวิถีทางของกำนัน ด้วยความมุ่งมัน อภิสิทธิ์เขาก็พยายาม

จะทำตามวิถีทางที่เขามองว่ามันน่าจะเป็นไปได้ มันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน แต่อาจแตกต่างกัน 

ในวิธีการ และรายละเอียดบางอย่าง เท่านั้น

แต่มันก็มีคนพยายามบอกว่านี่มันขัดแย้งกัน มันเป็นการเตะตัดขากำนัน เพียงเพราะก่อนหน้านี้

ไอ้คนนี้มันถูกตราหน้าว่าเป็นคนเตะตัดขากำนัน เพราะฉะนั้น เมื่ออภิสิทธิ์ออกมาทำงานนี้ มันก็

เลยปลุกกระแสว่า อภิสิทธิ์เตะตัดขากำนัน ไม่ใช่มัน และยังพ่วง ผบ ทบ เข้าไปด้วยอีกคนหนึ่ง

ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มาทำอะไรร่วมกับอภิสิทธิ์เลย 

คนที่ไม่ศึกษาว่าอภิสิทธิ์เขาทำอะไร บวกกับความเชื่อที่มีต่อ พวกเสี้ยมมาดั้งเดิม ก็แห่กันออกมา

ด่าว่าอภิสิทธิ์ เท่านั้น

คนกลุ่มนี้ไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า การกระทำที่ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นเท่านั้น

ผมว่าอภิสิทธิ์ ไปพบใคร เขาคงพอรู้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้วละครับ แต่เขาต้องการ

ความชัดเจนเพื่อเอาไปสรุปเป็นข้อเสนอของเขา เหมือนไปทำวิจัยนั่นแหละ บางที

เราก็รู้อยู่ว่าคำตอบมันคืออะไร แต่ก็ต้องไปถามเพื่อเป็นหลักฐาน

ผมกลับมองว่าอภิสิทธิ์ออกมาช้าไป และการพบปะกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องมันน้อยเกินไป

ถ้าออกมาทำก่อนหน้านี้สักเดือนหนึ่ง น่าจะมีโอกาสพบปะหารือกับฝ่ายต่าง ๆ ได้มาก

กว่านี้ และก็คงถูกไอ้พวกไม่อ่านชอบหนังสือแต่ชอบด่า ด่ามากกว่านี้แน่นอน

Phat ทำไม เสี้ยมธิ ไม่ยกแก๊งค์ ไปร่วมชุมนุมกับกำนันล่ะ เขาไม่ยอมให้ร่วมชุมนุมด้วยหรือ

เลยต้องมานั่ง เสี้ยม ให้เขาแตกแยกกัน

น่าเห็นใจนะ เข้าที่ไหนบ่อนแตกที่นั่น ไม่มีใครเขาเอา ขนาด คปท ที่ความคิดเดียวกัน เวที

หลวงปู่ ก็ความคิดเดียวกัน เขายังรังเกียจเลย นี่มันไม่รู้ตัวเลยเหรอ หรือหน้ามันด้านเหมือน

พวกแกนนำเสื้อแดงแล้ว

ตีกินม็อบกำนันให้ดีนะ เผื่อฟลุ๊ก ๆ เสร็จงานนี้ อาจได้สาวกกลับไปบ้างละ 555

ผมว่าไอ้พวกนี้มันเป็นแก๊งค์จริง ๆ นะ เพราะสังเกตุดูตั้งแต่ เสี้ยมธิ ออกมา

บอกว่าคนเตะตัดขากำนันไม่ใช่มัน แต่เป็น อภิสิทธิ์ กับ ผบ ทบ

หลังจากนั้นมันก็ระดมพลพรรคออกมา เสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องกันพร้อมหน้าเลย

แล้วไอ้เรื่องที่เคยใส่ร้ายป้ายสีเขาไว้อย่าง ที่ ไพศาล พืชมงคล บอกอภิสิทธิ์

จะเป็นนายกบ้าง เรื่อง อ๊อกฟอร์ดดีล ของพลเรือโทประทีป บ้าง เรื่องสัญญาณ

จากนอกโลกที่ไม่สามารถตรวจสอบสืบหาได้ ของคำนูณ บ้าง

เรื่องพวกนี้ยังเอาอยู่รีเปล่าวะ หรือเลิกไปแล้วเพราะคนไม่เชื่อ เลยเหลือแต่

กุญแจห้าดอกของนพดล

เล่นไปให้ตลอดนะไอ้เสี้ยม อยากดูเหมือนกันว่าสุดท้าย แก๊งค์เอ็งจะเปลี่ยนเป็น

เรื่องอะไรอีก

เรื่องปฏิรูป กำนัน กำหนดไว้ รู้สึกจะ 5 เรื่องที่เร่งด่วน เท่านั้นครับ เห็นบอก

ใช้เวลาประมาณ ปีครึ่ง แต่ผมมองว่า ปีครึ่ง เอาไม่อยู่หรอก เอาแค่ปฏิรูปตำรวจนี่

ผมว่าเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งอยู่ครบ สี่ปี เผลอ ยังเอาไม่อยู่เลย

ปฏิรูปการเลือกตั้ง ที่อภิสิทธิ์เสนอ กกต ก็รู้สึกจะเป็นหนึ่งในห้า ของกำนันเหมือนกันนะ

แต่ดันถูกต่อต้านเฉยเลย

ผมยังมองไม่ออกเหมือนกันว่า กำนัน มีวิธีการอย่างไร รู้สึกมันค่อนข้างเกินสติปัญญาของผม

เพราะผมคิดได้แค่ จับไอ้พวกโกงบ้านโกงเมืองแก้ผ้ามัดไว้กลางสนามหลวง แล้วทำการปฏิรูป

เสร็จเมื่อไรค่อยปล่อยมันเป็นอิสระเท่านั้น

ดู ๆ แล้ว อาจารย์เสรีนี่ แกรักอภิสิทธิ์จริงจังนะนั่น ใครรุมด่าอภิสิทธิ์ทีไร

แกต้องออกมาแนวนี้ทุกที

ไอ้ที่ว่าฉอด ๆ น่ะ แต่ก็บอกว่า ไม่เชื่อหรอกว่าเค้าจะเป้นคนเลว แถมยังไปเอา

หลังฉากหลังเวทีมาแฉอีก 555

ผมว่าแกนนำแต่ละคน ก็คงคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะพูดหรือจะวิพากษ์วิจารณ์

อย่างไรดี ก็เลยเฉยดีกว่า

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่อภิสิทธิ์ออกมาทำไม ออกมาผิดเวลา หรือไม่เห็นด้วย

กับกำนันหรอกครับ แต่ประเด็นมันก็คือ ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังเต้นตาม

จังหวะของไอ้แก๊งเสี้ยม ที่มันเคาะจังหวะให้เต้นนั่นแหละ

ต้องตั้งสติให้ดีครับ โดยเฉพาะแกนนำ หรือผู้ปราศรัย พิธีกร ถ้ายังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้

อย่าเอาไปพูดไปวิจารณ์เรื่อยเปื่อยตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง

แก๊งค์เสี้ยมมันเคาะกะโหลกกะลาอยู่ข้างนอก มันตอบโต้กันได้ แต่ถ้าแกนนำ ผู้ปราศรัย

หรือพิธีกร เอาไปพูดบนเวที เมื่อใด ตอนนั้นแหละ คุณจะเริ่มเห็นความระส่ำระสายในการ

ชุมนุมแน่ ปล่อยกำนันแกสร้างความเชื่อมั่น ให้ผู้ชุมนุมคนเดียวก็พอแล้ว เพราะแกตะโกน

บอกอยู่ทุกคืนทุกวันว่า "กูไม่เจรจากับใครทั้งน้านโว้ย"  คนอื่นไม่ต้องไปช่วยแกตะโกนหรอก

เดี๋ยวมันจะยุ่ง

คิดอะไรไม่ออก ก็สวดอิติปิโส แล้วนั่งนึกตรึกตรองให้ดีว่า ทำไมกูต้องเต้นแร้งเต้นกากับ

การที่อภิสิทธิ์เดินหน้าหาทางออกให้ประเทศวะ มันเกี่ยวอะไรกับการชุมนุมของกูหรือ กูถึง

ต้องเต้น แบบนี้ถ้าเป็นบรรหาร หรือชวลิต บอกจะเดินหน้าหาทางออกให้ประเทศ แล้ว

ไอ้แก๊งค์เสี่ยมมันเคาะจังหวะให้กูเต้นกูจะเต้นไหมเนี่ยะ

ไอ้ปฏิรูปการเลือกตั้ง ก่อนทำการเลือกตั้งที่อภิสิทธิ์เสนอ กกต นี่แหละที่ผมมองว่า

มันเป็นจุดเริ่มต้น เพราะตอนนี้จะว่าไปแล้ว การเลือกตั้งมันจ่อคอหอยการชุมนุมของ 

กปปส อยู่เหมือนกันนะครับ ถ้ามันกำหนดการเลือกตั้งตูมขึ้นมานี่ กปปส ลำบากเหมือนกัน

เพราะถ้ามันกำหนดการเลือกตั้งใหม่ มันก็ต้องหาวิธีแก้ทางแก้ปัญหาเดิมไว้แล้ว

ผมถึงเสียดายว่า เรื่องที่อภิสิทธิ์ไปหารือกับ กกต แทนที่มันจะเป็นกระแสตอบรับ มันกลับ

กลายเป็นกระแสบิดเบือนเพื่อต่อต้านเฉยเลย

ถ้าตรงนี้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นด้วยว่า ใช่ มันต้องปฏิรูปการเลือกตั้งก่อนการเลือกตั้ง มันก็แสดงว่า

กระบวนการปฏิรูปมันขยับเดินหน้าแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งก้าว แต่ดูแล้วเหมือนมันถูกยันถอยหลัง

ทั้งจาก ผู้หวังดียังไงไม่รู้

ผมพยายามมองว่า ที่อภิสิทธิ์ ไปแต่ละที่นั้นเขาหวังผลอะไร แต่ยังมองไม่ออก

ที่มองออกอยู่ที่เดียวก็คือ กกต นี่แหละครับ เพราะเรื่องนี้เขาพูดมาก่อนหน้าที่

จะทำเรื่องนี้แล้ว

เจตนาที่เขาไป กกต ก็คือ อย่าเลือกตั้งบนความไม่สงบเรียบร้อยและไม่บริสุทธิยุติธรรม

ซึ่งตรงนี้ผมมองว่ามันเป็นประโยชน์ต่อ กปปส เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเสียงหนึ่งที่

ไปกระตุ้น กกต ว่าคุณต้องจัดการเลือกตั้งโดยเรียบร้อยและบริสุทธิยุติธรรม ซึ่งมัน

เป็นกฎหมาย เพราะฉะนั้น เมื่อมันมีการชุมนุมอยู่นี่ คุณควรจัดให้มีการเลือกตั้งหรือ

แต่เจตนาตรงนี้มันกลับถูกพวก เสี้ยม เอาไปบิดเบือนว่า เขาอยากให้มีการเลือกตั้งซะงั้น

มันก็เลยมากลบกระแสของความน่าจะเป็นจริงตามความคิดของอภิสิทธิ์ที่ว่า เมื่อบ้านเมือง

มันยังไม่สงบเรียบร้อย คุณจะมาจัดเลือกตั้งได้ไง

นักการเมือง มันแสดงออกได้ตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถไปพูดไปทำอะไรได้

อย่างประชาชนที่ชุมนุมอยู่ได้ เพราะไม่งั้นอาจถูกยุบพรรคได้ มันก็คงทำได้แค่นี้แหละ ว่า

บอกคุณแล้วนะ แต่ถ้าคุณยังจะดันทุรังจัดให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จ ๆ ไป มันก็แก้ปัญหาอะไร

ไม่ได้

ความจริงผมเสียดายตรงนี้มาก เพราะมันน่าจะเป็นกระแสให้คนทั่วไปที่ยังคิดว่า ต้องเดินหน้า

เลือกตั้งจะได้จบ การเลือกตั้งคือทางออกที่ดีที่สุด จะได้ฉุกคิด แต่มันดันถูกกระแสต่อต้าน

การกระทำของอภิสิทธิ์มากลบแทนซะนี่

ผมว่า ยากที่สุด น่าจะเป็นตอนที่ อภิสิทธิ์ จะไปหากำนันที่บ้านนั่นแหละ

ดูแล้วไม่น่าจะเข้าบ้าน กำนัน ได้ เพราะ กำนัน แกสั่งมวลมหาประชาชน

ปิดประตูหน้าต่างบ้านหมดแล้ว ขืนปีนขึ้นไปอาจโดนสวนร่วงลงมาได้

โดนสวนร่วงลงมายังไม่พอ ไอ้พวกเสี้ยมที่ยืนชะเง้ออยู่หน้าบ้านกำนัน

อาจรุมตีบให้อีก งานนี้ อ่วมแน่นอนครับ

เรื่องที่อภิสิทธิ์ทำอยู่นี้ จะไปหารือกับใครที่ไหน ส่วนใหญ่จะเห็นดีเห็นงาม

ด้วยทั้งนั้นแหละครับ จะมียกเว้นอยู่สองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มรัฐบาล กับ

กลุ่มของกำนัน

กลุ่มรัฐบาลนี่ ก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่ากะล่อนตัวเป็นขน มันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเข้า

มาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แต่มันคิดว่ากูเข้ามาค้าขายทำมา

หากิน เพราะฉะนั้นถ้าดูแล้วกูเสียเปรียบ เสียประโยชน์ ขาดทุน ตามวิสัยพ่อค้า

เห็นแก่ได้ มันก็คงส่ายหน้าดิก ๆ ไม่ยอมรับ

ส่วนกลุ่มของ กำนัน นี่ ก็อย่างที่บอกแหละครับ ปิดประตูหน้าต่างบ้าน เตรียม

หนังสะติ๊ก รอแล้ว ผมว่าแค่ มาร์ค เดินผ่านก็อาจหัวแตกได้  ยังไม่นับไอ้พวกเสี้ยม

ที่ไล่เตะตัดขาล้มลุกคลุกคลานอยู่นะครับ ตรงนี้ละครับที่ผมมองว่ายากที่สุด