Nokky Hayden

สนธิ ถ้าเป็นพระ ก็ถูกปรับปราชิก เพราะพูดให้เกิดการแตกแยก

ถ้าเป็นข้าราชการ ก็มีความผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ใช้สื่อในสังกัดด่าคนอื่น

 

ผมถือว่าวิกฤตของประเทศเราทุกวันนี้ ครึ่งหนึ่งมาจากการกระทำของสนธิครับ

เขาไม่ได้เป็นดีเจอย่างเดียวนะครับเป็นผู้บริหารบริษัทมีชื่อเสียง มีสมองมากกว่านายกแน่นอน เขามีกลุ่มเป้าหมาย วางตำแหน่งตัวเองไว้เป็นทางเลือกคนรุ่นใหม่แบบชัดเจน ภาพลักษณ์แปลกแต่ประวัติ ประสบการณ์ไม่ได้เสียหายอะไรเลยนะครับ

มีคนเสนอตัวแข่งขันตามกติกาตรงไปตรงมา น่าจะเป็นเรื่องดีต่อคนกรุงเทพ
จะเลือกไม่เลือกจะได้ดูกันที่นโยบายจริงๆ ดีกว่าเอาโจรมาเป็นผู้สมัครตั้งเยอะ
อย่าไปกลัวว่าปชป จะถูกตัดคะแนนบางส่วน ถ้ากลัวจะแพ้แม้แต่คนแปลกๆ แบบนี้ แสดงว่าไม่มั่นใจในคุณสมบัติของคุณชายเลย

นโยบายจับต้องได้และโดนมากที่สุดแล้ว ถ้าไม่ติดว่าหากไปเลือกพี่โต้ แล้วจะไปตัดคะแนนอดีตผู้ว่า แล้วจูดี้ขึ้นแท่นผมเลือกแกแน่นอน รู้จักกันผ่านๆ ผมคิดว่าแกไม่ใช่นักตีกิน หาเสียงวูบวาบเหมือนเจ้าของอ่าง ไม่ใช่ไม้ประดับสติเฟื่องแน่นอน

เผอิญผมเพิ่งได้รับคำชวน ให้ไปสอบคัดเลือกการสมัครอบรมเป็นเวลาเดือนครึ่ง เกี่ยวกับ

"การสร้างเสริมเศรษฐกิจ ลดความยากจนให้ประชาชน" (Economy Empowerment and Reduce Poverty)

เป็นทุนของสหรัฐครับ  รวมค่าเครื่องบิน ที่พัก อาหาร ค่าเรียน รวมทั้งค่าขนมระหว่างอยู่ที่นั่นด้วย (ดีมาก เพราะผมกำลังจนอย่างเรง)

 

โดยทุนที่ให้นี้ เราต้องไปเรียนที่วอชิงตันดีซีเกี่ยวกับเรื่อง "เพิ่มอำนาจทางเศรษฐกิจและลดความยากจน" โดยเฉพาะ 

(แต่คาดว่าผมคงไม่ได้รับการคัดเลือกแน่ครับ เพราะภาษาปะกิดผมง่อยมาก สำหรับการไปเรียนอะไรที่เข้มข้นขนาดนั้น

ผมเลยทำใจไว้ก่อนว่าตูสอบตกแน่นอน)

 

ทีนี้ในเอกสารการสมัคร เขาให้เราเลือกสาขาความรู้และองค์กรที่เราอยากเข้าไปเรียนเฉพาะทางเลย

ผมก็เขียนไปว่าสิ่งที่ผมต้องการเรียนรู้มากที่สุดคือ กฎหมายการเงิน และการฟื้นฟูสภาพการเงินหลังวิกฤตเศรษฐกิจ

เพราะประเทศไทย กฎหมายการเงินที่เป็นธรรม หรือกฎหมายที่คุ้มครองลูกหนี้ พอไปถึงสภาแล้วถูกโหวตตกทุกครั้ง

ไม่เคยผ่านสภาเลย  ทำให้ประชาชนไทยเสียเปรียบแบงก์เอามากๆ

ซึ่งผมเขียนว่า....สหรัฐเองก็เคยมีปัญหาเรื่องแบงก์เอาเปรียบลูกหนี้อย่างมากมาแล้ว

จนเขารณรงค์แก้กฎหมายครั้งมโหฬารในปลายยุคบุช ทั้งกฎหมายคุ้มครองสิทธิลูกหนี้ กฎหมายเกี่ยวกับบัตรเครดิต  จนออกมาเป็น "พระราชบัญญัติคุ้มครองลูกหนี้"(Debtors' Right ACT 2008)

 

พอมายุคโอบาม่าที่เศรษฐกิจพังทลาย  เขาก็รณรงค์แก้กฎหมายเรื่องการ"ยึดบ้าน"ครับ

เพราะมีการยึดบ้านแบบไม่จำเป็นและไม่เป็นธรรม เกิดขึ้นเยอะมากจากฝีมือแบงก์  

มีกฎหมายชั่วคราวออกมาเพื่อผ่อนปรนให้กับประชาชนที่กำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัว

กฎหมายเกี่ยวกับภาษี  กฎหมายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ฯลฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นพิเศษ

...

 

ตอนผมเขียนกรอกใบสมัครมั่วๆไป(เพราะปะกิดง่อยมาก)  ผมก็นึกได้ว่า...ผมรู้เรื่องพวกนี้จากไหน?

ผมรู้จากรายการทีวีของสหรัฐที่มาฉายในเคเบิ้ลบ้านเราครับ!

ผมดูจาก MSNBC มีการดีเบทเรื่องนี้ทุกวัน  ผมได้ดูจากรายการโอปราห์ที่อุทิศแอร์ไทม์ให้กฎหมายเรื่องหนี้สินเป็นเดือนๆเลย

เพื่อให้คนรู้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจคราวนี้เกิดจากความโลภของแบงก์อย่างไร  เกิดจากความไม่รู้กฎหมายของคนอเมริกันอย่างไร

และแบงก์มีแทคติกในการผลักภาระให้ประชาชน ผ่านเงื่อนไขสินเชื่อยังไงบ้าง ฯลฯ

 

แล้วผมก็ฉุกใจคิดว่า...ผมไม่เคยเห็นการ "พร้อมใจกันทุ่มเทนำเสนอความรู้ให้คนตาสว่าง" แบบนี้เลยจากสื่อมวลชนในทีวีของไทย

วันนี้เกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้...ผมก็เห็นแต่คนอ่านข่าวแต่งตัวสวยหล่ออ่านข่าวที่บก.ให้มา เจื้อยแจ้วกันไปหน้าจอ

ทำงานเหมือนพีอาร์หน้าห้างสรรพสินค้าไปวันๆ  แทนที่จะทำหน้าที่ขวนขวายหาความรู้มาทำรายการในแต่ละวันในฐานะ "สื่อมวลชน"

ส่วนรายการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการเมือง ก็ไม่ให้ความรู้อะไรเลย แค่เชิญคนมาเสี้ยมเท่านั้น (แบบรายการสรยุทธ์ หรือตอบโจทย์)

 

ผมตกใจจริงๆว่าสื่อมวลชนโทรทัศน์เดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นครับ??? มันน่าตระหนกมากเลยนะ!

เหมือนสื่อมวลชนเดี๋ยวนี้เป็นคนที่ "ไม่รู้จักชีวิต"  เลยเอาแต่ใช้ชีวิตแบบ "สุขสบายตัวเองเข้าว่า"

ไม่รู้เลยว่าประเด็นสำคัญของสังคมคืออะไร  ความทุกข์ยากของประชาชนคือเรื่องอะไร  

ไม่ขวนขวายหาความรู้มาเติมให้ประชาชนไทยเลยว่า...เขาควรจะตระหนักรู้เรื่องไหนบ้าง

 

หรือว่าพวกเขาคิดแต่ว่า...การมาเป็นพิธีกรข่าว การมาประกาศข่าว หรือทำรายการทีวี

นี่คืออาชีพหาเงินเท่านั้น?!!!

 

 

* ยาวไปหน่อยขอโทษด้วยครับ... มันอัดอั้น  

ณ ขณะนี้ เสธ.หนั่นนอนเป็นผักหญ้า
 
ชุมพลยังดูท่า ร่อๆ แร่ๆ
 
ปลอดประศพผู้เลเวลสูงส่งล่ะ น่าจะได้โบนัสพิเศษกว่า 2 คนนั้นนะ
 
ทั้งน้ำ ทั้งสัตว์ป่า เวลา ธรรมชาติเอาคืน นี่ น่าดูนะ น่าดูมากเลย

ชอบคำนี้จัง........."ธรรมชาติเอาคืน"

 

เอาคืนแบบไหนอะ

อยากเห็นอะ

 

จะเป็นในทำนองนี้อ๊ะป่าวหว่า...

ทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีจิตใต้สำนึกไปในแนวไหนเลยนะเนี่ย

คำก็โสเภณี คำก็ ผู้หญิงหากิน

หมกมุ่นกามาแล้วยังหน้าด้านเอามาเป็นเครื่องมือการตลาดให้ตัวเองอีก

ยิ่งสารรูปด้วยแล้ว............

อืมม์....ตอนสมัยผมเป็นนักข่าว เคยสัมภาษณ์ผู้หญิงเยอะประเภทเยอะอาชีพ
มักได้รับคำตอบว่ามีแค่ 3 อย่างที่ผู้หญิงกลัวที่สุด รู้สึกเจ็บปวดชอกช้ำที่สุดคือ

1. ถูกข่มขืน
2. ทำแท้ง
3. เป็นโสเภณี

คือมันเป็นอะไรที่ชีวิตนี้ขออย่าได้เจอ

ผมก็เลยสงสัยว่าคำผกาเธอหมกมุ่นอะไรเรื่องขายตัวมากนัก
พูดเหมือนไม่ใช่ผู้หญิง ดูเป็นเรื่อง "ธรรมดา"
ทั้งที่ผู้หญิงทั่วไปเขารู้สึกแย่มากๆ เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวนะ

ผมไม่อยากเหมารวมว่าเพราะคำผกาเป็นสาวเหนือ เลยเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
เพราะผมก็คนอีสาน ที่ถูกหาว่าผู้หญิงอีสานชอบมาหากินเป็น....ที่กรุงเทพ พัทยา
ทั้งที่ยายผม...สามีตายตั้งแต่สาวๆ มีผู้ชายมาขอส่งเสียเลี้ยงดูยายให้สุขสบายมากมาย(เพราะยายสวยมาก)
แต่ยายผมก็ไม่เคยขายศักดิ์ศรีกิน กัดฟันเลี้ยงลูก 7 คนแบบอดมื้อกินมื้อก็ไม่ยอมขายตัวให้เศรษฐี
ยายขุดมันมาต้มกินกับลูกๆทุกวันแหละครับ เพราะจนมากๆ
ผมฟังเรื่องนี้ทีไรจะรู้สึกยกย่องผู้หญิงมากๆ

ด้วยเหตุฝังใจผมเรื่องยายเป็นแบบนี้ ทำให้ผมรักศักดิ์ศรีแทนผู้หญิง
เลยยิ่งไม่เข้าใจเฟมินิสต์อย่างคำผกา ที่เห็นว่า "ขายตัวนั้นเหนือกว่าโกงกินหรือฆ่าคน" ตรงไหน?

ผมว่าผู้หญิงอย่างคำผกา มีแต่ลดค่าความเป็นลูกผู้หญิงให้ดูต่ำลงนะครับ

ชั่งแม่มัน
บอกใด้คำเดียวว่า
สมน้ำหน้า

เคยอ่านหนังสือของอ.ท่านหนึ่ง ชื่ออ.วรภัทร (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นนักปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อเทียน ท่านก็กล่าวไว้ในหนังสือว่า
สังคมอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นเป็นสังคมที่ค่อนข้างจะแคบ คบหาอยู่แต่กับอาจารย์เหมือนๆกัน แถมยังแตกเป็น
สายๆ ต่างความคิด คนที่ความคิดต่างกันก็จะไม่คุยกัน

เท่าที่อ่านตำราของอาจารย์มหาลัยหลายๆคน อย่างตำราพวกเทคนิค ก็พบว่าตำราส่วนใหญ่โดยเฉพาะพวกตำราคอมพิวเตอร์
เนื้อหาน้อย ตามตลาดไม่ทัน สู้หนังสือเด็กเนิร์ดบ้าคอมก็ยังไม่ได้

ผมก็เลยไม่ค่อยเชื่อความคิดความเห็นของอ.มหาลัยส่วนใหญ่เท่าไหร่ครับ อาจารย์หลายๆคนเป็นพวกน้ำล้นแก้ว
ไม่ถ่อมตัว ไม่ยอมรับความคิดเห็นใหม่ๆ หรือความเห็นอื่นๆ แต่กลับอ้างว่าตัวเองเป็นพวกก้าวหน้า ดูถูกคนอื่นๆว่า
ล้าสมัย อยู่ในกะลา แต่ลืมดูไปว่าตัวเองก็โดนครอบอยู่ในกะลาวิชาการของตัวเองเหมือนกัน แถมอาการหนักกว่า เพราะ
ยึดติดกะลาอยู่อันเดียว ขณะที่คนอื่นๆเขายังมุดไปดูในกะลาคนอื่นดูบ้าง

...พวกนิติราษฎร์ก็เหมือนๆกันน่ะแหละ ผมลองแย็ปๆเพื่อนที่เป็นอาจารย์สอนนิติ ธรรมศาสตร์ เหมือนกันว่าฝากด่าไปถึงพวกนิติราษฎร์หน่อย
เพื่อนมันบอกว่า ”พวกนั้นน่ะ ไม่คุยกันนานแล้วววว”

ค่ำวันที่ 9 ไปงานแต่งงาน



ไหนออกข่าวว่าป่วย...

มองโลกในแง่ดี เรามีกวีใหม่เพิ่มขึ้นแยะเพราะมติชินแท้ๆ

ก.พ. 2011
ปตท.ขู่เลิกขาย NGV ถ้าไม่ปรับราคาขึ้น

12 พ.ย. 2011
ปตท.เผยไตรมาส3กำไรแผ่ว เหตุขาดทุนค่าเงิน

11 ม.ค. 2012
ปตท.แจงขึ้นเอ็นจีวีลดภาระขาดทุน 4 หมื่นล้านบาท

18 ก.พ. 2012
ปตท.ฟันกำไรปี 54 ทะลักกว่าแสนล้าน

ปตท.ปี 54 กำไรทะลักแสนกว่าล้าน เผยแผนลงทุน 5 ปีทุ่ม 9 แสนล้านบาท เผย 10 ปีส่งเงินเข้ารัฐแล้ว 5 แสนล้านบาท ปีนี้ เตรียมออกหุ้นกู้ระดมทุนในประเทศ 2.5 หมื่นล้าน...

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนระหว่างปี 2555-2559 ของ ปตท. และบริษัทในเครือ จะใช้เงินลงทุนรวม 900,000 ล้านบาท ในธุรกิจจัดหาแหล่งพลังงานทั้งในและจากต่างประเทศ โดยในปีนี้จะใช้เงินลงทุน 90,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ปตท.มีรายได้จากการขายรวม 2,428,165 ล้านบาท มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 47,246 ล้านบาท และหากรวมผลการดำเนินงานจากบริษัทในเครือตามสัดส่วนการลงทุนอีก 58,050 ล้านบาท ทำให้ ปตท. มีกำไรสุทธิรวม 105,296 ล้านบาท และในปีนี้ ปตท.สามารถนำเงินส่งรัฐบาลได้ 63,000 ล้านบาท ในรูปของเงินปันผลและภาษีเงินได้ ถือเป็นรัฐวิสาหกิจอันดับ 1 ในการส่งเงินให้กับรัฐบาล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ ปตท. เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2544 จนถึงปี 2554 ปตท.สามารถส่งเงินปันผลและภาษีเงินได้เพื่อให้รัฐบาลนำไปพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้รวม 500,000 ล้านบาท และในปีนี้ ปตท. จะออกหุ้นกู้เพื่อระดมเงินเพื่อการลงทุน 25,000 ล้านบาท และแม้ว่าประเทศไทยจะถูกขึ้นบัญชีดำในการทำธุรกิจทางการเงิน ที่เกี่ยวกับการฟอกเงินและการก่อการร้าย ก็จะไม่กระทบต่อแผนระดมทุน เพราะเป็นการระดมทุนในประเทศ ส่วนการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบที่เป็นแหล่งนำเข้าใหญ่ของไทย คาดว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ตะวันออกกลางที่รุนแรง ราคาจะอยู่ที่เฉลี่ยตลอดปีนี้ ที่ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่หากเกิดการสู้รบที่อิหร่านราคาอาจดีดไปที่ 140 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล.
http://www.thairath....tent/eco/239254

ไม่รู้จะพูดอะไรกับบริษัทพลังงานของประเทศ....

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เมืองอุดรเป็นสภาพดังที่ท่านเห็น มาจากพวกข้าราชการที่วิ่งตามก้นนักการเมืองเพื่อหวังความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ดังที่เราท่านได้รับทราบกรณีนายตำรวจวิ่งเข้าหาบักขวัญเพื่อฝากเนื้อฝากตัว
ในวงการผู้บริหารการศึกษาคือ กลุ่มข้าราชการที่่มีจำนวนมากกว่าทุกกลุ่ม และมีผลต่อการสร้างมวลชนคนเสื้อแดงที่สุด เพราะในชุมชนจะมีครูฝังตัวอยู่มากที่สุด และชาวบ้านก็ให้ความเคารพนับถือมานาน ถ้าผู้บริหารและครูหมู่บ้านใดเป็นแดง ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะแดงไปด้วย พวกนี้มักจะเป็นธุระและคอยอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้าน เช่น เป็นแกนนำระดับหมู่บ้าน เป็นยานพาหนะ เป็นผู้รับบริจาคอาหารช่วยม็อบ เป็นสถานที่ตั้งและฉลองผ้าป่าเสื้อแดง หรือประสาน ส.ส.มางานบุญ งานกีฬา หรืองานชุมชนอื่นๆ แม้งานของกระทรวงสาสุข เช่นงานผู้สูงอายุ รดน้ำดำหัว วัน อสม. เราไม่เชิญ พวกมันยังแอบเชิญกันมา เราไม่เชิญพูด มันยังแอบเชิญกันมาพูด ....และกำลังลามไปยังกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนอื่นๆ เพราะเห็นผลในกรณีโยกย้าย ผู้บริหารที่วิ่งตามก้นนักการเมืองมักจะได้รับการพิจารณาให้ย้ายไปโรงเรียนขนาดใหญ่เสมอ แม้คุณสมบัติทั้งวัยวุฒิหรือคุณวุฒิสู้คนอื่นไม่ได้ก็สามารถข้ามหัวใครต่อใครได้ หรือระดับผู้ปฏิบัติการก็สามารถย้ายได้ตามต้องการ ในขณะที่คนอื่นได้แต่มองด้วยความอิจฉา
สังเกตดูทุกเย็นวันศุกร์ ส.ส.กลับบ้าน จะเห็นผู้บริหารไปชุมนุมทานข้าวกันที่บ้าน ส.ส.ประจำ

แต่ก็มีนะครับ ชาวบ้านที่เขาทันต่อข้อมูลข่าวสารและไม่เห็นดีเห็นงามกับนโยบายขายประเทศของพรรคนี้ ซึ่งเขาก็มักแวะเวียนมาพูดคุยระบายความอัดอั้นตันใจให้ฟังเสมอๆ แต่ก็เพียงหยิบมือแหละครับ

ที่สำคัญ มีภาพตัดไปที่ พวกข้าราชการเป็นลม ต้องมีคนหิ้วนั่งเก้าอี้ ประมาณ สาม สี่ ช๊อต

นั่งดูอยู่ ก็ไม่รู้ คนถ่ายต้องการบอกอะไร

ผมว่าการถ่ายทอดครั้งนี้น่าเกลียด พอสมควร

ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะ

ผมไม่นิยมเธอ แต่ ผมให้เกียรติพิธีการ

คงกลัวว่าปตท.จะขาดทุนกระมัง