วันศุกร์

I can wait for something worth waiting for. I dont wait on something that I dont care about. So it's not the 'I cant wait' but it's my choice to not to wait

 

 

 

 

 

ไม่รู้เหรอว่า ก่อนหน้านี้ ซูจี ประจานพวกรัฐประหาร  ไทยไว้อย่างไร 

 

วันนึงนึกจะเอามาเป็นประโยคกับตน ก็นึกชมเขา

 

วันนึงก็ด่าเขา

 

สงสัยกินถั่วฝักยาว มากไป เลยสมองเหมือนถั่ว 

 

 

กนกเคยด่าอองซานซูจีที่ไหนเมื่อไหร่ครับ

 

ไอ้ฟาย มีปากก็ร้องมอๆ ไปเรื่อย 

เก็บปากไว้เคี้ยวเอื้องดีกว่ามั้ง

กนก ยกย่องคนที่ด่า ระบอบทีมันเชิดชู 55

 

 

ส.ว.ฉุน"ซูจี"วิจารณ์ไทยทำเสียหายสายตาชาวโลก จี้ตรวจสอบเส้นทางการเงินรับสนับสนุนจากใคร

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ช่วงเปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่วาระ ส.ว.หลายคนได้หารือสถานการณ์บ้านเมือง

 

นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ นางอองซาน ซูจี แกนนำฝ่ายค้านในประเทศพม่า กล่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญและรัฐบาลไทย จนทำให้ประเทศไทยเสียหายในสายตานานาชาติว่า คนที่กำลังจะจมน้ำตา ยแต่เหตุใดกลับมาเอะอะโวยวายสอนให้คนอื่นว่ายน้ำ

 

"ผมจึงรู้สึกผิดหวังมาก เพราะนางอองซาน ซูจีน่าจะเข้าใจประเทศไทยดีกว่านี้ จึงขอให้หาทางตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางอองซาน ซูจี ว่า มีการรับเงินสนับสนุนจากบุคคลใดบ้าง"

 

ที่มา : มติชน ออนไลน์

 

 

สรุปว่าไม่เคย

ถึงว่า คำพูดควายมันหาสาระอะไรไม่ได้

นึกอยากจะพูดอะไรมันก็พูด

ไม่ใด้ใช้สมองตรึกตรองว่าจริงหรือเท็จ

จินตนาการน้ำแตกไปวันๆ 

จิตนาการตรงไหน ใครไปว่า ผลไม้พิษของมัน กนกมันก็ด่าอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องระบุบุคคลก็น่าจะรู้

 

คุณอย่าปากว่าตาขยิบดีกว่า 

"กนกเคยด่าอองซานซูจีที่ไหนเมื่อไหร่ครับ"

กนก มีความคิด ตรงกันข้ามกับซูจี เรื่องรธน รัฐประหาร ก็ย่อมเป็นการด่า ในทางนามธรรม ในตัวเองอยู่แล้ว

 

จบนะ 

คนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเค้าด่ากันนี่คะ อย่างเรากับจิ้งเหลนก็คิดต่างกันเราก็ไม่เคยด่าจิ้งเหลน หรือตามนามธรรมที่จิ้งเหลนบอก เราจะเหมาว่าจิ้งเหลนด่าเราอยู่คะ เพราะคิดต่างกัน

แล้วอย่างนี้ครอบครัวที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนกันก็ด่ากันทุกวัน เค้าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรคะ

การคุยกันในเร่องที่เห็นต่างกัน ไม่ใช่การด่ากันคะ แต่เป็นการรับบฟังความคิดเห็น ในภาษาอังกฤษเค้ามีคำว่า Agree to disagree ซึ่งก็คือ เราเข้าใจว่าเราคิดไม่เหมือนกัน (และนั่นก็เป็นการดี)

วิธีการสอนดีคะ ถ้าทำได้ก็ดี แต่ก่อนทำอยากให้เตรียมตัวให้พร้อม เพราะคนที่ได้รับผลกระทบน่ะ เด็ก นั่นเอง

จริงๆไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ พัฒนาครูให้ดีกว่านี้ เด็กก็จะได้ประโยชน์ไปด้วยแล้ว ค่อยๆทำ เริ่มฝึกให้เด็กตั้งคำถาม คิดเองตั้งแต่อนุบาล ก็จะทำให้เด็กมีพึ้นฐานที่ดีในการอยากเรียนรู้ ต้องเริ่มที่พ่อแม่ด้วยแหละ

 

ถ้านักเรียนไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน  นักศึกษา ไม่ต้องแต่งชุดนักศึกษา จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ลงได้เยอะ

เคยเห็นบางเมือง ตั้งแต่อนุบาลถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย มีเสื้อผ้าอย่างไร ใส่ไปอย่างนั้น

มันขึ้นอยู่กับพ่อแม่และเด็กเลยคะ ถ้าครอบครัวใหนต้องมีเหมือนหรือดีก่าคนอื่น เด็กก็จะต้องแต่งตัวเหมือนหรือดีกว่าเพื่อน เทอมนึงอาจเสียเงินซื้อชุดใหม่ตามแฟชั่นมากกว่าชุดนักเรียน ที่นี่ผู้ปกครองก็ซื้อชุดใหม่ครบชุดให้เด็กเวลาเปิดเรียนใหม่เหมือรกัน เฉลี่ยประมาณ ๕ ชุดต่อคน แล้วก็ซื้อเรื่อยๆทังปี

 

แต่ถ้าครอบครัวใหนไม่เป็นก็จะถูกกว่า

 

แต่ที่นี่มีเสาร์อาทิตย์นึงที่ Tax free (Tax free weekend) เพือนักเรียน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเรียนได้หมด เสื้อผ้า หนังสือ คอม อย่างอื่นอีกเยอะ ก็ช่วยผู้ปกครองได้บ้าง ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เศรฐกิจสะพัดเทียบได้กับช่วงคริสมาสหรือ Black Friday (วันหลัง Thanksgiving ) ซึ่งจะเป็นเวลาช๊อบที่บูมที่สุดของปี เอามาเทียบให้ดูว่าถึงไม่มีชุดนักเรียน คนก็ช๊อบกันกระจาย

 

ฟังเหมือนว่าใส่ชุดไปรเวทจะเปลืองกว่าแบบฟอร์มนะคะ  เพราะสัปดาห์หนึ่งเด็กก็ไม่อยากใส่ซ้ำในห้าวัน

หากใส่แบบฟอร์มมันก็เนียนๆไปทุกวันเพราะมันเหมือนกันทุกวันที่ใส่ แค่ซักรีดให้สะอาดเรียบร้อย

บางทีฝนไม่ตกซักแล้วแห้งมีสองชุดสลับยังได้  คิดงี้ถูกมั้ยคะ พอดีไม่มีลูก  แต่น้องสาวมี 3 ชุดและชุดพละ 2

เพราะสัปดาห์หนึ่งมีพละสองคาบ แบบฟอร์มดูเหมือนไม่เปลืองนะคะ

มันก็ใช่คะ  ที่นี่ลองไปดู ซึ่งเป็น ของที่นี่ คนระดับกลางถึงล่างเลยที่ช๊อบที่นี่ ก่อนเปิดเทอมนี่เหยีบกันบาดเจ็บก็มีแล้ว เค้าไม่ได้ซื้อเสื้อกันสองสามตัวหรอกคะ

พ่อแม่ที่คุยด้วยที่มีลูกยู่เอกชนที่มีเสื้อนักเรียนเค้าชอบกว่าคะ ทั้งถูกกว่าและไม่ต้องปวดหัวว่าเด็กอยากใส่อะไรไปโรงเรียนตอนเช้า

แต่ก็ถ้าเป็นบางครอบครัว อาจประยัดกว่าคะ แต่เด็กก็เป็นเด็กที่อยากมีอยากได้เหมือนเพื่อน ถ้าไม่มีจะถูกล้อหรือเปล่า เด็กทนได้มั้ย เค้าจะหาทางทำอย่างไรให้มีเหมือนเพื่อนั้ย อายมั้ยถ้าไม่มี แค่ตรงนี้ตอนนี้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเสื้อผ้า ยังมีให้เห็นในเรื่องอื่นเลยคะ

ถ้านักเรียนไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน  นักศึกษา ไม่ต้องแต่งชุดนักศึกษา จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ลงได้เยอะ

เคยเห็นบางเมือง ตั้งแต่อนุบาลถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย มีเสื้อผ้าอย่างไร ใส่ไปอย่างนั้น

มันขึ้นอยู่กับพ่อแม่และเด็กเลยคะ ถ้าครอบครัวใหนต้องมีเหมือนหรือดีก่าคนอื่น เด็กก็จะต้องแต่งตัวเหมือนหรือดีกว่าเพื่อน เทอมนึงอาจเสียเงินซื้อชุดใหม่ตามแฟชั่นมากกว่าชุดนักเรียน ที่นี่ผู้ปกครองก็ซื้อชุดใหม่ครบชุดให้เด็กเวลาเปิดเรียนใหม่เหมือรกัน เฉลี่ยประมาณ ๕ ชุดต่อคน แล้วก็ซื้อเรื่อยๆทังปี

แต่ถ้าครอบครัวใหนไม่เป็นก็จะถูกกว่า

แต่ที่นี่มีเสาร์อาทิตย์นึงที่ Tax free (Tax free weekend) เพือนักเรียน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเรียนได้หมด เสื้อผ้า หนังสือ คอม อย่างอื่นอีกเยอะ ก็ช่วยผู้ปกครองได้บ้าง ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เศรฐกิจสะพัดเทียบได้กับช่วงคริสมาสหรือ Black Friday (วันหลัง Thanksgiving ) ซึ่งจะเป็นเวลาช๊อบที่บูมที่สุดของปี เอามาเทียบให้ดูว่าถึงไม่มีชุดนักเรียน คนก็ช๊อบกันกระจาย

ประทับใจกับความมุ่งมั่นของคุณมากคะ

ขอฝากไว้เรื่องนึง เพราะเห็นมาเยอะ จากเด็กที่พ่อแม่หวังดีไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนเรา ทำให้ลูกไม่รู้ว่าพ่อแม่ลำบาก และกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักความเสียสละ อาจถึงกับกลายเป็นคนเอาแต่ใจเมื่อโตขึ้น และรับความผิดหวังของชีวิตไม่ได้

อันนี้แค่ฝาข้อคิดคะ ไม่ได้บอกว่าเด็กเป็นแบบนี้หมด เด็กที่เห็นว่าพ่อแม่พยายามทำให้เด็กมากและกลายเป็นคนที่มุมานะเพื่อตอบแทนก็มีให้เห็นเยอะคะ แ่เห็นแบบแรกเยอะกว่า

เด็กรุ้นนี้ที่เมกาแย่มากคะ เพราะพ่อแม่โตมาจากการไม่เคยต้องต่อสู้อะไร สบายเคยตัว ได้อะไรง่ายๆ ก็เลยไม่มีอะไรจะสอนลูก กลายป็นพวกไม่มีความอดทน ไม่รู้จักมารยาทอะไรเลย เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง

อุ๊ย ขอโทษคะ พาออกทะเล พอดีไม่ต้องคิดเรื่องเครื่องแบบ แต่ต้องสอนให้ลูกเป็นตัวของตัวเองและไม่ต้องตามใครหรือตามแฟชั่น ไม่งั้นหมดตัวคะ

If I can use other thing to verify, that's ok. If mod wants to call the US to verify, that's ok too

Just please make sure that you do not exclude those that doesnt live in Thailand...

ส้วมนั่งแบบกดมีโถน้ำเก็บ ใช้น้ำเปลืองมาก ถ้าไม่ใช่แบบใช้น้ำน้อยซึ่งก็แพง แล้วยังต้องมานั่งรอน้ำเต็มก่อนกดครั้งต่อไปอีก อันนี้ก็ต้องมีแรงดันน้ำดีๆอีกถึงจะเต็มไว ไม่งั้นก็รอกว่าน้ำจะเต็มอีกครั้ง เฮ้อ

คนทั้งประเทศเป็นหนี้เพื่อคนกรุงเทพมีผักถูกๆกิน?

คนเมืองที่มารายได้สูงจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยให้ตัวเองมีผักซึ่งตัวเองไม่สามารถปลูกเองได้มากิน
เกษตรกรเขาแทบไม่ได้จ่ายภาษีอยู่แล้ว แต่เขาจะได้ขายผักให้คนในเมืองกินได้มากขึ้น แพงขึ้น

ผักแพงขึ้นไมได้หมายความว่าเกษตรกรได้กำไรมากขึ้น ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นเค้าต้องเอากำไรไปโปะตรงนั้น แถมขึ้นค่าผัก ถ้าขึ้นมากก็ขายไม่ออก น่าจะได้กำไรน้อยลงเพราะต้องเอาเงินจ่ายค่าขนส่งที่แพงขึ้นแล้วมาเอากับลูกค้าได้ไม่เยอะเท่าที่ต้องเพิ่มทุนเพราะเดี๋ยวไม่มีลูกค้าซื้อ

จะกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีคนใช้มากกว่าเพราะต้องการคงฐานลูกค้าและไม่ต้องการแบกภาระค่าขนส่งจนรถไฟขาดทุนไปเอง

เหมือนเพิ่มต้นทุนจากค่าแรงขั้นต่ำน่ะ

จริงๆก็คล้ายกับการขนส่งทางเครื่องบิน เพราะแค่ผู้โดยสารอย่างเดียวไม่พอ ต้องพ่วงการขนส่งอยางอื่นไปด้วย ไม่งั้นขาดทุนมาก แต่เราต้องดูด้วยว่าความต้องการ จำเป็นใหมสำหรับเมืองไทยที่ก็ไม่ได้ใหญ่มากและเกือบทุกอย่างสามารถปลูกได้เกือบทุกภาคเหมือนกันอยู่แล้ว และค่าโดยสารจะอยู่ในระดับใหน

จริงๆสนับสนุนนะเรื่องรถไฟ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องกู้แบบนี้ และน่าจะสามารถพัฒนาได้ถูกกว่านี้ แค่มีรถไฟ มีรางที่ดีกว่าเก่าก็น่าจะลดเวลาได้แล้ว ไม่ต้องเป็นความเร็วสูงแบบนี้หรอก

เมกาแย่แล้ว ผักส่งมาจากแม็กซิโกทั้งนั้น หยวนๆหน่อยก็ทางใต้ของเมกา แต่ผักใบเขียวนี่จากต่างประเทศทั้งนั้น (60% of the year of cold weather) ไม่มีรถไฟความเร็วสูงด้วย แถมระยะทางไกลกว่าอีก ทำไงดี

สามีเป็นคนฉลาดในการวางแผน มีบ้านที่ขายถูกๆทีก็ซื้อไว้แล้วซ่อมแล้วขายไป มีเงินนิดเดียวก็ซื้อบ้านที่ถูก แบบว่าถูกกว่าซื้อรถมือสองอีก พอทำไปเรื่อยๆก็มีเงินพอที่จะซื้อบ้านที่ใหญ่ขึ้นและให้กำไรมากขึ้นก็ขยับขยายไปโดยไม่เคยได้กู้เงินเพื่อการนี้เลย แล้วก็มองหาธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมโดยที่ไม่ต้องลงทุนมากหรือต้องกู้เลย อันนี้เราเรียกเศรษฐกิจพอเพียง ทำเท่าที่มี ไม่แบกภาระโดยไม่จำเป็น ขยับขยายโดยไม่มีภาระการเงินเพิ่มมาก

ส่วนเราก็ทำงานประจำ ทำให้การเงินมั่นคง ถ้าธุรกิจสามีไม่ดีเราก็ยังมีเงินเข้าจากทางเรา ไม่ประมาท

I like your idea. I've seen this somewhere before.. have to think of where...

Anyway, it might be difficult because we need to accommodate disable people (old, people with children, people with lots of bags...) too, so the cross ways to the bus stop at the middle of the road have to have elevators, which will be very expensive if you have to do it for all the stops.

น้าเย็นครับ ไม่เถียงหรอกว่าของมันหาซื้อถูก หาซื้อง่าย (แต่ของยุโรป ส่วนใหญ่ห้างจะปิดวันอาทิตย์ วันเสาร์เปิดครึ่งวัน)

 

แต่อุปกรณ์ในการทำของมันนะซี แม่งใช้ยากใช้เย็นฉิบห.. ทั้งหม้อ ไห จาน ชาม กระทะ เตาไฟ ไมโครเวฟ ฯลฯ

 

ที่สำคัญมัน ถ้าไปอยู่เดี่ยวๆ ไม่ได้ไปอยู่กับครอบครัวคนไทยละก็งานงอก ชุดมินิคิทเช่นในอาพาทเมนต์มันไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าให้นะครับ (เพราะฝรั่งมันกินแต่ขนมปัง) แล้วถ้าใครไม่เคยหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ ไอ้ที่หอบๆมาจากในห้างมาหน่ะ แม่มขยะดีๆนี่เอง เพราะไม่กี่วันหลายๆอย่างต้อบหอบไปทิ้งถังขยะอ่ะน้า แล้วก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยในเมือง สะดวกกว่า (แต่โคดแพง)

 

ฝรั่งเดี๋ยวนี้กินข้าวกันเยอะคะ

หุงข้าวโดยไม่ใช้หม้อหุงข้าว ได้สามี(ฝรั่ง)สอนคะ(อาย) ใส่ข้าวใส่น้ำในหม้อปกติ ตั้งไจนเดือดแล้วมาหรี่ไฟจนต่ำสุด ทิ้งไว้ ๒๐ นาทีปิดไฟ ได้ข้าวไว้กิน ไม่ยากคะ

อาหารที่นี่นำเข้าส่วนใหญ่คะ เลยต้องมีวิธีเก็บดีเพราะจะเสียระหว่างทางไม่ได้ จริงๆเลยไม่ค่อยสดเท่าบ้านเราหรอกคะ เพราะเค้าต้องไปแช่เย็นใส่นู่นนี่กว่าจะถึงมือเรา

Costco or Sam's ก็ดีคะ เหมือนแม๊กโคร แต่เราไม่ชอบเพราะซื้อทีไม่มีที่เก็บ ถ้าเป็นอาหารก็เยะซะกินจนเบื่อแล้วเบื่ออีก แต่ถ้าครอบครัวใหญ่จะถูก พอดีไม่ต้องการของเยอะขนาดนั้นเลยไม่ชอบไปคะ

ชอบกลุ่มโขนเด็กจัง ป้ายน่ารักมาก อยากให้คุณชายไปดู หนูเก่งนะ น่าร๊ากอะ

เราไม่มีสิทธิเลือกหรอกแต่ครอบครัวเรามีก็จะเลือก ๑๖ คงจะเหมือนว่าทำไมถึงเลือกโอบามาอีกครั้งนั่นแหละ เพราะเค้าทำอะไรให้ประเทศ (กรุงเทพ)ไว้มากเหมือนกัน สำเร็จไปแล้วบ้างยังไม่เสร็จบ้างแต่จะทำต่อ ที่ทำเสร็จไปแล้วก็ให้ผลที่น่าพอใจถึงเราไม่ได้สำผัสด้วยตัวเองแต่มันก็คือผลงาน การเลือกให้คนเดิมที่ดีอยู่แล้วมาสานต่องานตัวเองให้สำเร็จ นั่นเป็นการดีสำหรับประเทศ (กรุงเทพ) เองที่งานไม่หยุดชะงักไป การเลือกมาอีกก็เป็นการให้กำลังใจคนทำดีไว้ให้ได้ทำต่อไป

โอบามาผลงานโดยตรงน้อยกว่าคุณชายอีกเพราะถูกอีกฝ่ายต้านซะเยอะ เกือบไม่มีให้เห็นเลยที่เดียวแต่เค้าก็พยายามสู้ถึงผลสุดท้ายจะไม่ผ่านการโหวดก็เถอะ (ประหลาดใจใหมที่ประธานาธิปดียังแพ้คองเกรส ไม่ได้ใหญ่สุดสั่งได้)