เรื่องที่ควรทำตั้งมากมายไม่เสนอให้ทำ!!!
- Pa wowrkwest likes this
โดย Siren
on 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:07
โดย Siren
on 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:18
เหมือนกันเลยค่ะ - ชอบจอมโจรคิดด้วยอ่ะแต่ก่อนก่อนออกจากบ้านตอนเช้าก็เปิดดู เช้าข่าวข้นคนข่าวเช้า กลับมาบ้านก็เปิดดูข่าวข้นคนข่าว SMS ก็ส่งบ่อยๆ
เดี๋ยวนี้ไม่ดูแล้ว ไม่ส่ง SMS แล้ว
เลิกดูไปแล้ว ยกเว้น การ์ตูน
การ์ตูนผมก็ดูแต่โคนัน
โดย Siren
on 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:25
โดย Siren
on 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:33
โดย Siren
on 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 20:50
โดย Siren
on 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:49
โดย Siren
on 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 11:32
โดย Siren
on 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 13:18
โดย Siren
on 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:53
โดย Siren
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:17
โดย Siren
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 10:18
โดย Siren
on 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 09:15
โดย พระธรรมเจดีย์ (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เจ้าคณะภาค 13
()
.....ผู้ปกครอง ผู้เป็นใหญ่หรือผู้นำสังคมต้องมีคุณธรรม คือ ความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่เรียกว่าการงานหนึ่ง ความไม่ประมาทหนึ่ง ความมีปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์หนึ่ง ความเป็นผู้จัดแจงการงานหนึ่ง ดังนี้
อันคุณธรรมทั้ง 4 ประการนี้ มีมาแต่โบราณ ท่านวางเป็นหลักการใช้กันมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยว่าถ้าผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ หรือผู้บริหารจัดการสังคมทั้งระดับบนและระดับล่างปฏิบัติตามคุณธรรมเหล่านี้ ความเจริญรุ่งเรือง ความวัฒนาสถาพรของสังคมประเทศชาติจึงจะมีได้ เรียกว่าได้ผู้ปกครอง ผู้นำ ผู้บริหารที่มีคุณธรรมและมีคุณภาพทีเดียว
การพัฒนาสังคมประเทศชาติที่ต้องล้มลุกคลุกคลานไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เป็นเพราะผู้ปกครอง ผู้นำ ผู้บริหารสังคมไร้คุณธรรมและไร้คุณภาพนั่นเอง ประการที่หนึ่ง ความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่เรียกว่าการงานมีอรรถาธิบายว่า ภาวะของน้ำใจที่ตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมที่จะลุกขึ้นทำงานทุกขณะ คิดไปในทางก้าวหน้าตลอดเวลา กล้าที่จะเผชิญกับความลำบากในการทำงาน ไม่ว่างานนั้นจะสูงหรือต่ำ
ธรรมดามนุษย์เราไม่ว่าจะอยู่ในเพศภูมิอย่างไร จะเป็นชาวบ้านหรือชาววัด หากมีความขยันแล้ว เป็นอันว่าขึ้นสู่ทางที่ถูก ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ ด้วยทรัพย์ ด้วยยศและอื่นๆจะเกิดขึ้นตามมาโดยไม่ยาก เพราะเป็นความจริงของโลกที่ว่า คนขยันตกอับไม่มี ส่วนคนเกียจคร้านได้ดีก็ไม่มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่า ความขยันมีแต่คุณอย่างเดียว ไม่มีโทษ ส่วนความเกียจคร้านมีแต่โทษอย่างเดียวไม่มีคุณ
ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ปกครองทุกสังคม จะต้องทำใจเสมอว่าตนเองมีหน้าที่ซื้อความทุกข์ของผู้ที่อยู่ในสังคมหรือหน่วยงานที่ตนรับผิดชอบ ถึงจะลำบากยากเข็ญก็ต้องมีน้ำอดน้ำทน ฝ่าความยากลำบากไปให้ได้ เพราะก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่งแห่งที่เป็นผู้นำ ผู้ปกครอง ผู้บริหารนั้น ต้องปลงใจให้ได้ว่า เราจะซื้อความทุกข์ของผู้อยู่ในสังคมนั้น ๆ มาสู่ตน และจะขายความสุขของตนให้กับผู้อยู่ในสังคมนั้น ๆ ถ้าปลงใจอย่างนี้ไม่ได้หรือใจไม่ยอมปลง กลับคิดว่าเราจะซื้อความสุขของคนในสังคมมาสู่ตน และจะขายความทุกข์ของตนให้ผู้อยู่ในสังคม อย่างนี้แล้วความขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่เรียกว่าการงานย่อมมีไม่ได้
การที่ท่านสอนให้ขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่เรียกว่าการงานก็แปลว่าท่านสอนให้รู้จักหน้าที่และทำตามหน้าที่นั่นเอง ไม่ใช่ขยันนอกหน้าที่ หรือขยันนอกเรื่อง หน่วยงานใดหรือสังคมประเทศชาติใด มีคนประเภทขยันนอกเรื่องอยู่มาก หน่วยงานนั้นหรือสังคมนั้นเติบโตยาก รุ่งเรืองยาก การงานมีแต่คั่งค้างไม่ก้าวหน้า และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือความขยันหมั่นเพียรนี้มีลักษณะเดินหน้าเรื่อยไปไม่หยุด เป็นการกระทำต่อเนื่อง ไม่ใช่ขยันแบบกิ้งก่า วิ่งไปแล้วก็หยุด วิ่งไปแล้วก็หยุด และไม่ใช่ลักษณะพลุ ที่สว่างแวบเดียวแล้วก็หมดกัน
ประการที่สอง ความไม่ประมาท มีอรรถาธิบายว่า ไม่ประมาทในเรื่องเล็กๆน้อยๆ กล่าวคืออย่าเห็นว่าเล็กว่าน้อยในทุกๆเรื่อง และความหมายอีกประเด็นหนึ่งคืออย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อย แท้จริงในทุกเรื่อง ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ได้หรือเสีย ผู้นำ ผู้บริหาร อย่ามองว่าเล็กน้อย เพราะความโตใหญ่ย่อมก่อตัวมาจากเล็กน้อยทั้งนั้น แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงสอนพุทธบริษัทเกี่ยวกับในเรื่องนี้ทั้งในส่วนพระสูตรและส่วนพระวินัย ปัญหาหรือความเดือนร้อน ความทุกข์ยากของผู้อยู่ในความรับผิดชอบ ระดับผู้นำอย่าเห็นว่าเล็กน้อย ต้องเห็นว่ายิ่งใหญ่เสมอหรือมากกว่าปัญหาหรือความเดือดร้อนของตน แล้วหาทางขจัดปัดเป่าหาทางแก้ไขในทางที่ถูกที่ควรต่อไป แต่ถ้าผู้นำเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย นานวันเข้าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งยากเกินกำลังแก้ไขก็ได้
อีกอย่างหนึ่ง ตำแหน่งผู้นำ ผู้บริหาร มักจะได้รับการยอมรับหรือโอนอ่อนผ่อนตามจากผู้อยู่ใต้ปกครองหรือประชาชนในเรื่องต่างๆ และเป็นที่ไหลมาของลาภผลมากมาย เพียงแต่อยู่เฉยๆก็เรียกว่าตามน้ำ หากไม่ระวังใจเป็นคนเห็นแก่เล็กแก่น้อยยิ่งจะประสบความวิบัติเร็วขึ้น เพราะความเห็นแก่เล็กแก่น้อยเป็นมารดาของความทุจริตทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการฉ้อราษฎร์หรือการบังหลวง ดังนั้นสังคมใดประเทศใด มีผู้นำ ผู้บริหารที่ไม่เห็นว่าเล็กว่าน้อยและไม่เห็นแก่เล็กแก่น้อยในทุกเรื่อง สังคมนั้น ประเทศนั้น ย่อมหวังความเจริญวัฒนาสถาพรได้ ความเสื่อมย่อมไม่มี
ประการที่สาม ความมีปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์ มีอรรถาธิบายว่า หนึ่งรู้ทางแห่งความเจริญ หมายถึงรู้ก้าว รู้เกาะ และรู้เก็บ ความก้าวหน้าเป็นเครื่องหมายของความเจริญ การก้าวนั้นถ้าจะไม่ให้พลาดต้องมีเครื่องเกาะ ทั้งเหตุภายนอกและเหตุภายใน ความรู้ ความฉลาด ความสามารถและความปฏิบัติชอบ เป็นเครื่องเกาะเพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือลื่นล้ม ส่วนรู้เก็บตรงข้ามกับรู้ทิ้ง รู้ทิ้งใช้ไม่ได้ ส่วนรู้เก็บเป็นเรื่องสำคัญ
สอง รู้ทางแห่งความเสื่อม หมายถึงรู้ทัน รู้แก้ ความเสื่อมไม่มีใครชอบ ต้องรู้กัน แต่บางครั้งทั้งที่รู้กันนั่นแหละยังกันไม่ไหวหรือกันไม่ได้จึงต้องรู้แก้ ทั้งรู้กันทั้งรู้แก้ต้องไปด้วยกันเสมอ
สาม รู้วิธีแก้ไขเหตุการณ์ หมายถึงรู้เท่าทันทั้งทางได้ทางเสีย แท้จริงเรื่องได้เรื่องเสียนี้มีอยู่ประจำโลก ได้ไม่มีเสีย หรือเสียไม่มีได้เห็นจะไม่มีแน่ ส่วนใครจะได้ใครจะเสีย หรือสิ่งใดได้มาหรือสิ่งใดเสียไปนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โบราณท่านสอนให้เทียบเคียงดู คือเทียบได้เทียบเสีย ในการลงไปกระทำอะไรตามหน้าที่ ถ้าเป็นการเสียเพื่อได้ควรทำ เช่นชาวนาลงทุนเอาข้าวไปหว่านในนา แน่นอนต้องเสียพันธุ์ข้าวในเบื้องต้น แต่เป็นการเสียเพื่อได้ข้าวในภายหน้า ส่วนการได้เพื่อเสียเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ตัวเราได้แต่คนอื่นต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล ผู้นำผู้บริหารไม่ควรกระทำเลย
ประการที่สี่ การจัดแจงการดี มีอรรถาธิบายว่า ทำงานรวดเร็ว เรียบร้อย ได้ผลงาน เพราะมีคุณสมบัติสองอย่าง กล่าวคือสามารถทำหนึ่ง สามารถจัดหนึ่ง การงานจึงไม่เสียหาย ไม่เสียเวลาทำงาน ทำได้เหมาะสม ไม่สักแต่ว่าทำ ความสามารถทำและความสามารถจัดเป็นหลักสำคัญที่ขาดไม่ได้ในกิจการทั้งปวง ผู้นำหรือผู้บริหาร ต้องทำได้ด้วย ต้องจัดได้ด้วย ถึงคราวทำต้องทำได้ ถึงคราวจัดต้องจัดได้ เรียกว่ามือเก่งปากเก่ง มือทำได้ ปากสั่งได้ บุคคลบางคนสามารถจัดได้คือสามารถแนะนำได้ว่าต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ แต่พอให้ลองทำดูกลับทำไม่ได้ทำไม่เป็น เข้าตำราที่ว่าดีแต่พูด
การจัดแจงการงานดีนั้น ต้องอาศัยการฝึกฝน ขยันทำงาน หาความรู้ความชำนาญในการทำงานนั้น เป็นคนสู้งาน ไม่หนีงาน เพราะคนหนีงานมักเป็นคนเขลา หนีความรู้ หนีความชำนาญที่ตนควรมีควรได้นั่นเอง ความเป็นผู้สามารถทำได้ด้วยตนเอง เป็นการแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัว ส่วนการเป็นผู้สามารถจัด เป็นการแสดงศักยภาพนั้นให้ปรากฏแก่ผู้อื่น ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง จึงไม่ควรมองข้ามคุณธรรมข้อนี้
จริงอยู่ อันกลไกของการบริหารการปกครองนั้น มีผู้รู้แสดงทัศนะว่าจะให้ตรงอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ต้องคดบ้างงอบ้างตามวิสัยและจังหวะ ไม่ควรตำหนิว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรไปเสียทั้งหมด เพราะในเมือการคดการงอนั้น ดำเนินไปโดยแยบคาย มุ่งหมายประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักสำคัญ ดังคำประพันธ์ของนักปราชญ์ที่ว่า คดเข้าวงตรงได้เส้นงอเป็นฉาก จะเอ่ยปากติกันไม้อันไหน ไม้สามอันนี้เมื่อพิจารณาแล้ว จะติไม้อันไหนได้ จะติว่าคด ก็คดเข้าวง จะติว่าตรง ก็ตรงได้เส้น จะติว่างอ ก็งอเป็นฉาก จึงเป็นเรื่องที่ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ควรพิจารณา
คุณธรรมทั้ง 4 ประการ ดังรับพระราชทานถวายวิสัชนามานี้ เป็นกลไกการปกครองการบริหาร ที่โบราณท่านนำมาอบรมสั่งสอน เพื่อเป็นทุนไว้ในใจของผู้ปกครอง ผู้นำสังคมตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง หากผู้นำ ผู้ปกครองทุกสังคมสามารถปฏิบัติตามได้ เชื่อได้แน่ว่าความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคง ความมั่งคั่ง ความวัฒนาสถาพรจะเกิดมีได้อย่างแท้จริง...
โดย Siren
on 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:46
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net