akincana

 

ผมมีข้อสังเกตบางอย่างที่อยากฝากให้ช่วยกันคิดต่อด้วยครับ

*****************************

คำว่า "ปาณาติบาต" แปลเป็นไทยว่า "ฆ่า" ซึ่งมีความหมายไม่ดี (คือแค่ได้ยินก็ชวนให้คิดว่าผิดแล้ว)

ส่วนในภาษาบาลีแปลว่า "ทำให้หมดลมหายใจ" (taking breath) หรือ "ทำให้ชีวิตตกล่วงไป"

ผมขอเรียกง่ายๆ ว่า "ยุติชีวิต" ก็แล้วกัน

ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ

สมมติว่ามีหมาตัวหนึ่งป่วยเป็นโรคหัดระยะสุดท้าย

เชื้อจุลินทรีย์จำนวนมหาศาลรุมแทะทึ้งสมองของมันจนหมดสภาพแล้ว

มันเดินสะเปะสะปะ อาเจียนไป ฉี่ราดไป ชนข้าวของระเนระนาด ถ้ามัดไว้ก็จะดิ้น เพราะมันเจ็บปวดจากข้างใน

สัตวแพทย์บอกว่า ถ้ามัดไว้อย่างนั้นก็คงตะตายไปเอง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่

คำว่า "ไม่รู้เมื่อไหร่" นี่แหละที่ทำให้เจ้าของคิดหนัก

ท้ายที่สุด เจ้าของก็ขอให้หมอให้ยาเพื่อให้มันหลับไป

ที่ขออย่างนั้นก็เพราะเขารักมัน ทนเห็นสภาพที่น่าเวทนาของมันไม่ได้

นี่คือวิธีสุดท้ายที่เขาพยายามปกป้องหมาที่เลี้ยงมันมาอย่างเพื่อนจนถึงที่สุด

ตรงนี้แหละครับที่ผมสงสัยว่า ความสงสารและความพยายามที่จะช่วย "ยุติความทรมานของมัน" เป็นปาณาติบาตหรือไม่?

บางครั้งก็คิดว่าพอจะเห็นคำตอบรางๆ แล้วว่า

"จะเป็นปาณาติบาตได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าของหมารักมันมาก ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมันเลย"

แต่พอกลับไปคิดทบทวนอีกทีก็ไม่แน่ใจ

เพราะคำตอบที่คิดได้ในตอนแรกนั้นคิดโดยเอา "เจตนาของผู้กระทำ" เป็นตัวตั้ง

แต่ความไม่แน่ใจที่เกิดขึ้นในตอนหลังนั้นคิดจาก "ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ"

ผมหวังว่า วันหนึ่ง ถ้าเด็กในครรภ์หรือหมาตัวนั้นพูดได้ ปัญหาแบบนี้ก็คงจะยุติไปเสียที

เราชอบดูช่องทรูเอ็กซพลอร์1 มันจะเป็นช่องรวมสัตว์ สัตว์แพทย์ฝรั่งบางคนแบบคุณหมอ คริส บราวน์ (Bondi vet) น่ารักมากมาย

แต่บางตอน (ซึ่งไม่ใช่คุณหมอคริส) เป็นเรื่องม้าป่วย ปลาวาฬเกยตื้นอะไรเงี้ย..ฝรั่ง เขามีแนวคิดว่า มันจะทรมาน ต้องทำให้มันหลับไปซะ เราก็ยังสงสัยอยู่ในใจ พวกคุณวิชาการล้ำเลิศทำไมต้องไปคิดแทนสัตว์ด้วยฟระ?  มันอาจไม่อยากตายก็ได้ สัตว์ที่คิดฆ่าตัวตายมีน้อยมากๆ เลยนะ ที่มันดิ้นรนคือ ต้องการเอาชีวิตรอดตะหาก

 

ผมก็เคยติดอยู่พักนึง

ดูแล้วมีความสุขไงไม่รู้...บอกไม่ถูกครับ

ผมมีข้อสังเกตบางอย่างที่อยากฝากให้ช่วยกันคิดต่อด้วยครับ

*****************************

คำว่า "ปาณาติบาต" แปลเป็นไทยว่า "ฆ่า" ซึ่งมีความหมายไม่ดี (คือแค่ได้ยินก็ชวนให้คิดว่าผิดแล้ว)

ส่วนในภาษาบาลีแปลว่า "ทำให้หมดลมหายใจ" (taking breath) หรือ "ทำให้ชีวิตตกล่วงไป"

ผมขอเรียกง่ายๆ ว่า "ยุติชีวิต" ก็แล้วกัน

ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ

สมมติว่ามีหมาตัวหนึ่งป่วยเป็นโรคหัดระยะสุดท้าย

เชื้อจุลินทรีย์จำนวนมหาศาลรุมแทะทึ้งสมองของมันจนหมดสภาพแล้ว

มันเดินสะเปะสะปะ อาเจียนไป ฉี่ราดไป ชนข้าวของระเนระนาด ถ้ามัดไว้ก็จะดิ้น เพราะมันเจ็บปวดจากข้างใน

สัตวแพทย์บอกว่า ถ้ามัดไว้อย่างนั้นก็คงจะตายไปเอง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่

คำว่า "ไม่รู้เมื่อไหร่" นี่แหละที่ทำให้เจ้าของคิดหนัก

ท้ายที่สุด เจ้าของก็ขอให้หมอให้ยาเพื่อให้มันหลับไป

ที่ขออย่างนั้นก็เพราะเขารักมัน ทนเห็นสภาพที่น่าเวทนาของมันไม่ได้

นี่คือวิธีสุดท้ายที่เขาพยายามปกป้องหมาที่เลี้ยงมันมาอย่างเพื่อนจนถึงที่สุด

ตรงนี้แหละครับที่ผมสงสัยว่า ความสงสารและความพยายามที่จะช่วย "ยุติความทรมานของมัน" เป็นปาณาติบาตหรือไม่?

บางครั้งก็คิดว่าพอจะเห็นคำตอบรางๆ แล้วว่า

"จะเป็นปาณาติบาตได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าของหมารักมันมาก ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมันเลย"

แต่พอกลับไปคิดทบทวนอีกทีก็ไม่แน่ใจ

เพราะคำตอบที่คิดได้ในตอนแรกนั้นคิดโดยเอา "เจตนาของผู้กระทำ" เป็นตัวตั้ง

แต่ความไม่แน่ใจที่เกิดขึ้นในตอนหลังนั้นคิดจาก "ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ"

ผมหวังว่า วันหนึ่ง ถ้าเด็กในครรภ์หรือหมาตัวนั้นพูดได้ ปัญหาแบบนี้ก็คงจะยุติไปเสียที

 

 

 

ข้ามตรงไหน ผมว่าตอบตรงนะ

ผมข้ามเขาครับ ไม่ใช่เขาข้ามผม
ข้ามเพราะตรรกะใน argument เขามันไม่ต่อเนื่อง มันขาดการเชื่อมต่อ ผมจึงไม่รู้จะไปตอบเขาได้อย่างไร

คุณจะใช้ argumentation เพื่อหวังผลในทางตรรกะ
แต่เสือกมี ad hominem
แค่นี้ตรรกะคุณก็วิบัติแล้ว
และถ้าอยากโชว์ภูมิ แน่จริงต้องเล่นเวทีเดียวกัน
ผมเสนอให้ไปตั้ง argument โต้กับอภิสิทธิ์เลยดีกว่า
จะได้รู้กันไปเลยว่า ตรรกะของคุณหรืออภิสิทธิ์กันแน่ที่ใช้ไม่ได้

ผมขออนุญาตเห็นต่างนิดนึงครับ

คือผมมีความเห็นว่าสำหรับพวก "กากแดงบัตรเติมเงินกระทู้ละ 25 บาท" พวกนี้ไม่ต้องถึงมือซุปเปอร์สตาร์อย่างคุณอภิสิทธิ์ก็ได้มังครับ ผ่านพวกกระทู้ละสี่แสนห้าโนเนมอย่างพวกผมไปให้ได้แบบยังมีลมหายใจก่อนดีกว่าครับ

เพราะที่เห็น มันต้องเดือดร้อนเจ้าอาวาสวัดกาสรสีชาดพินาศวรารามมาเป็นประธานสวดพระอภิธรรมศพให้กากแดงบัตรเติมเงิน ที่หลับหูหลับตาเดินมามั่วข้อมูลแล้วตายคาบอร์ดไม่รู้กี่ศพแล้วครับ

 

เป็นความเห็นต่างที่เห็นชอบด้วยครับ

ท่านเช 

ผมเสียใจที่จะเรียนให้ทราบว่า...

ธรรมกายกำลังต้อนผู้คนกลับไปยังที่ที่พระพุทธเจ้าหนีออกมา

ข้าน้อยขอเสริม...

หลู่ซิ่น (นักเขียนจีน) เคยเขียนเล่าไว้ในหนังสือ "ตะโกนสู้"

ว่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนจีนถูกทหารยุ่นจับข้อหาต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น

ต่อมาก็โดนแห่ประจานไปรอบเมือง สุดท้ายก็โดนตัดหัวหลุดจากบ่าท่ามกลางจีนมุงจำนวนมาก

ในบรรดาจีนมุงเหล่านั้น บางคนมีสีหน้าเฉยชา

บางคนก็หัวเราะ

บางคนก็ปิดตาด้วยความหวาดเสียว

ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หลู่ซิ่นคิดว่าเป็นอันตรายต่อสังคมจีนยิ่งนัก

และอันตรายที่ว่านี้หาใช่มาจากข้าศึกภายนอกไม่

แต่เกิดจาก "วัฒนธรรมเฉยชา" ต่อชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติ ที่แสดงออกในหมู่คนจีนเองนั่นแหละ

คนดี จะขึ้นสู่อำนาจด้วย "วิธีที่ถูกต้อง" เท่านั้น

ขณะที่ คนเลว จะขึ้นสู่อำนาจด้วย "ทุกวิถีทาง"

 

ฉะนั้น

 

วิธีการที่ถูก จะมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไป

แต่วิธีการที่ผิด จะได้คนเลว 100%

"เกมความคิด" ของ wiwat เป็นตรรกะที่จับผิดได้ยาก เพราะล่องลอยอยู่ในจินตนาการ

แต่ไอน์สไตน์เคยบอกว่า เกมความคิดแบบนี้ ถ้าเอามาใช้ในโลกความเป็นจริงอาจจะผิดก็ได้

ลองเปรียบเทียบอย่างนี้ดู

ในวิชาเรขาคณิตแบบยูคลิดสอนว่า "เส้นตรงคือเส้นที่สั้นที่สุดระหว่างจุดสองจุด"

และ "ไม่สามารถลากเส้นตรงระหว่างจุดสองจุดได้มากกว่าหนึ่งเส้น"

นี่คือหลักที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

แต่ทันทีที่เอา "จุดสองจุด" นี้ไปกำหนดพิกัดในโลกความเป็นจริง เช่น ขั้วโลกเหนือ-ขั้วโลกใต้

ก็จะเห็นว่า "เส้นที่เชื่อมระหว่างจุดสองจุดนี้มีได้มากกว่าหนึ่งเส้น"

และ "เส้นสั้นที่สุดก็ไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นเส้นโค้งที่แนบไปตามผิวโลก"

ฉะนั้น...

คำว่า "คนดี-คนเลว" "วิธีที่ถูกต้อง-วิธีที่ไม่ถูกต้อง" ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึง "เส้นตรงเพียงเส้นเดียวที่อยู่ระหว่างจุดสองจุด"

มันอาจจะเป็น "เส้นโค้งหลายเส้นที่แนบไปตามผิวโลก" ก็ได้

ผมเขียนให้ มึ ง เอาไปคิดต่อครับ

ไทย

เทศ

 

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 16:18:36 น.

 

    พระราชวิจิตรปฎิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม แสดงเทศนาธรรมในวันครบรอบ 16ปี ศาลรัฐธรรมนูญ และได้ถามนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยวาจาว่า การขอนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ถูกต้องหรือไม่ โดยขอให้ตอบภายใน 7 วัน

 

พระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ พระสุปฎิปัญโน ไม่นำม็อบไปเบียดเบียนกงศุล ปิดถนน จนคนไทยด่ากันไปทั่ว สาธุครับ

 

 

พระสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ใน "สังคมปิด" ก็เลยถูกทำให้เชื่อเรื่องการเมืองได้ง่าย

อย่างเช่น เชื่อว่าทักษิณเป็นคนดี ถูกกลั่นแกล้ง ฯลฯ

ฉะนั้น ถ้าจะออกมาชี้ถูกชี้ผิด ท่าน ผช. ต้องออกมาจาก "สังคมปิด" ให้ได้ก่อนนะครัช

หนังสือธรรมะบันทึกคำเทศนาของพระป่าอีสานบางเล่ม

อ่านแล้วแข็งๆ สำนวนทื่อๆ ไม่มีชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ แถมยังแจกฟรี

แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่มีค่ายิ่ง

ทำไมเหรอครับ

ก็เพราะหนังสือของท่านมาจากการแลกด้วยชีวิต

เพื่อค้นหา "ธรรมโอสถ" มาแจกจ่ายให้พวกเราคนอ่าน

ต่างจากหนังสือ "อวดศักดา" ของอ้ายนักเขียนพวกนี้โดยสิ้นเชิง

 

 

ผมว่า คำถามของคุณ akincana น่าสนใจครับ

 

คำถามคือ ขอทานที่เอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเลย) ไปซื้อเหล้ากินนั้น

มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่

 

ผมมองว่ามันอยู่ที่เจตนาของเขาครับ เขาให้เงินขอทานเพราะสงสาร นั่นเป็นลักษณะนิสัย

ของเขาที่อาจเป็นคนขี้สงสาร แต่คนเรามันไม่ใช่จะเที่ยวไปสงสารใครต่อใครเขาไปหมดได้

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดความสงสาร เช่นเห็นสารรูปขอทานแล้วเกิดสงสาร หรือจินตนาการ

เอาเองว่าขอทานคนนี้คงอดอยากมาหลายวันแล้ว ก็เกิดความสงสาร ซึ่งความสงสารแบบนี้

มันเป็นความสงสารที่เห็นว่าเขามีทุกข์ และอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่เรามองตามความรู้สึก

ของเรา เราจะมองทุกข์ของขอทานผิด หรือถูกก็แล้วแต่ แต่มันเป็นเจตนาที่ดีครับ เพราะฉะนั้น

เมื่อเจตนาของเราดี การให้เงินขอทานไปมันก็ดี

 

แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้วว่า ถ้าให้เงินขอทานไป ขอทานก็จะเอาไปซื้อเหล้ากิน แต่เขาก็สงสารที่ขอทาน

ไม่มีเงินซื้อเหล้ากิน ก็เลยให้เงินไป อันนี้ความสงสารมันมีเจตนาที่ไม่ดีครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มต้น

มีเจตนาไม่ดี การให้เงินไปมันก็ไม่ดีตามนั่นแหละ

 

แต่ประเด็นที่ท่าน akincana ยกมานั้น ท่านไปพูดภายหลังที่เพื่อนให้เงินไปแล้ว ทำให้มองไม่เห็น

เจตนาที่เขาให้เงินขอทานได้ชัดเจนว่า เขาให้เพราะสงสารขอทานเรื่องอะไร แต่เมื่อท่านบอกเขาแล้ว

เขาก็ยังพูดว่า ไม่เป็นไร สงสาร และแม้กระทั่งเดินออกมาแล้วเห็นขอทานนั่งกินเหล้าอยู่ เขาก็ยังบอกว่า

ไม่เป็นไร สงสาร มันแสดงให้เห็นคุณธรรมในตัวของเพื่อนท่าน akincana ได้เหมือนกันในเรื่องการทำ

ความดีที่เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หวั่นไหวในสิ่งที่ตนเองทำไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงว่า ถ้าเขาไม่รู้แต่แรก

ว่าขอทานจะเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน และเมื่อมารู้ภายหลังเขาก็มิได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไร ยังคงมั่นคง

ในการให้ของเขาเหมือนเดิม ผมว่าคุณธรรมเขาเยอะครับ เพราะถ้าเป็นผมนี่ คงหูร้อนตั้งแต่ท่านบอกในร้าน

กาแฟแล้วครับ ยิ่งเดินออกมาเจอกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ อาจถึงขั้นเอาเท้าเสยปลายคางให้หงายไปเลยก็ได้

ผมมองว่า เพื่อของท่าน akincana มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคน คือ สังควัตถุ 4 อยู่นะครับ คือ

ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา

 

เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า ขอทานเอาเงินไปซื้อเหล้ากิน จะลบล้างความดีของเพื่อนที่ให้เงินขอทานหรือไม่นั้น

ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่เขาให้เงินขอทานไปครับ ถ้าเขาให้ด้วยเจตนาที่ดี ความดีที่เขาทำมันจบแล้วครับ ส่วน

ขอทานจะเอาเงินไปทำไม่ดี ก็เป็นความไม่ดีของขอทานครับ แม้ถ้าเป็นผมที่ไปเสยปลายคางขอทานเพราะดัน

เอาเงินไปซื้อเหล้ากิน มันก็เป็นความเลวของผมเพิ่มขึ้นที่ไปเสยปลายคางขอทาน แต่ความดีที่ผมให้เงินขอทาน

ก็ยังมีอยู่ครับ 

ขอบคุณท่าน blue สำหรับความเห็น

เพื่อนผมคนนี้ศึกษาพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมมาพอสมควร (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอกันแล้ว)

จำได้ว่า หลังจากวันนั้น ผมมีโอกาสได้ถามไถ่ในเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เพื่อนผมขยายความว่า สำหรับมัน "ความดีสิ้นสุดในตัวเอง"

ทันทีที่ให้เงินขอทานเพราะสงสาร ความดีก็ได้เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในตัวแล้ว

ส่วนเงินที่ให้จะถูกขอทานเอาไปทำอะไรนั้นไม่เกี่ยวกับความดีที่ทำไป (และสุดวิสัยที่มันจะรู้ได้จริงๆ)

 

 

 

ตรงกับความคิดของเราเลย

เมื่อเราทำอะไรหรือให้อะไรใครแล้ว  ก็สิ้นสุด ณ ตรงนั้น เพราะถือว่าได้ทำแล้ว และให้แล้ว

ไม่คิดสงสัยว่า ผู้ที่ได้รับไป จะเอาไปทำอะไร

 

อนุโมทนาสาธุครับ

ผมกับเพื่อนเคยเดินไปกินกาแฟด้วยกันในห้างแถวสีลม

บนสะพานลอย ผมเห็นขอทานคนหนึ่งก้มหน้าหมอบอยู่

ข้างหน้ามีกระป๋อง ในนั้นมีเงินอยู่ไม่กี่เหรียญ

เพื่อนผมเลยควักแบงก์ 20 หย่อนลงไปในกระป๋องใบนั้น

ขอทานพูดว่า "ขอบพระคุณครับ"

พอถึงร้านกาแฟ ผมพูดกับเพื่อนว่า "ให้ทำไม พวกนี้ขี้เกียจทำงาน มือไม้ก็ปกติ ได้เงินก็เอาไปกินเหล้า"

เพื่อนตอบว่า "สงสาร...ไม่มีอะไร"

กินกาแฟเสร็จ ตอนเดินกลับ ผมเห็นขอทานคนเดิมกำลังนั่งกินเหล้าจริงๆ ท่าทางกำลังเมา

ผมรีบชี้ให้เพื่อนดู ถามว่า "เห็นมั้ย" (กูว่าแล้วไม่ผิด)

เพื่อนตอบว่า "เห็นแล้ว...ไม่เป็นไรหรอก"

!!!!!!

คำถามคือ ที่ขอทานเอาเงินจากความสงสาร (ไม่ได้คิดอะไรเยอะ) ไปซื้อเหล้ากินนั้น มีผลลบล้างความดีของเพื่อนผมหรือไม่??

 

 

 

 

จาฤกบอกว่าเมื่อสุกงอม

นิรโทษแท้ง

ยุบสภา

ล้มเลือกตั้ง

2ล้านๆแท้ง


นี่เน่าคาต้นแล้วนะ รอสุกงอมไรหว่า

อย่าห่วงเรื่องของเสื้อแดงเลยครับ ห่วงสวนลุมฯ โน่น
กี่เดือนแล้ว ชนะไปกี่ครั้งแล้ว จากชัตดาวน์กรุงเทพ
กลายเป็นชัตดาวน์สวนลุมฯ ซะแล้ว

อย่าห่วงสวนลุมเลยครับ ไปช่วยเก็บขยะจากม็อบขยะดีกว่าครับ ไหนว่าห้าแสนไง
ดิ้นพราดๆๆๆๆกันเข้าไปนะ

เท่าไหร่ไม่รู้นะครับ แต่สื่อสาธารณะ บอกว่า "พรึ่บ" "ทะลัก "

แล้วไงครับ จะสื่ออะไรเหรอ หรือแค่คว้าอะไรก็ได้

 

อา...ไอ้ลึกมันกลายเป็นพวกสุกเอาเผากินไปแล้วเหรอเนี่ย

 

 

พอดูได้ไม่ขี้เหร่

 

ไหนว่าจะมาเยอะกว่า กปปส ไง

 

ไหงตอนนี้บอกไม่ขี้เหร่

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

แล้วตอนนี้สวนลุม  มีเท่าไหร่

 

burden of proof อยู่ที่มึ ง

ไอ้ลึก

 

 

ขออนุญาติ ก๊อบจากมู้คุณกบแดงฮะ   อำมาตย์เต้นแกมุ่งมั่นนะฮะ

 

อำมาตย์.............ตรวจเช็คพื้นที่ชุมนุมทุยแดง..

 

 

 

 

ร้อนจะตายห้า ... ทำไมต้องใส่สูทตลอดเวลาฟระ ???

 

"คนโง่สามารถปกปิดความโง่ไว้ได้ภายใต้เครื่องแต่งกายอันหรูหรา ตลอดเวลาที่ไม่พูดออกมา"

หิโตปเทศว่าไว้ครับ

ตัวอย่างที่เขายกมาเปรียบเทียบนั้น จะเข้าท่าหรือไม่เข้าท่า ผมว่ามันเป็นเรื่องหนึ่ง

แต่ต้องมองสาระด้วยว่าเขาต้องการสื่อถึงเรื่องอะไร เพราะตอนนี้ก็มีการนำตัวอย่าง

ที่เขาเปรียบเทียบไปวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บางแห่งถึงขั้นด่าทอก็มี

 

มันก็แค่ตัวอย่างที่เขายกขึ้นมาเปรียบเทียบเท่านั้น แล้วสาระจริง ๆ มันคืออะไร

 

ข้าราชการมันเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐบาล ถ้าเขาจะเปรียบเทียบผิดก็ตรงที่ไปยก

เอาเรื่องลูกจ้างบริษัทมาเปรียบเทียบนั้นแหละ

 

แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือ เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐบาล แล้วจะไปกดดันให้เขา

ไปไล่รัฐบาล ได้ยังไง

 

เราเป็นประชาชน เราจะทำอะไรอย่างไร มันไม่มีกฎระเบียบควบคุมเหมือนข้าราชการ

รัฐบาลนี้เขายังอยู่ได้ตามกฎหมาย เราเป็นประชาชนเห็นว่ามันทุจริตประพฤติมิชอบเราก็ไล่ได้

 

แต่ข้าราชการมันทำอย่างเรายาก เขาจะทำอย่างเราได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลนี้มันสิ้นสภาพตามกฎหมาย

แล้วแต่ยังไม่ยอมออกนั่นแหละ 

 

เพราะฉะนั้นที่เขาต้องการสื่อก็คือ อย่าไปกดดันเขาให้ออกมาไล่รัฐบาล เท่านั้นเอง โดยเฉพาะ

ทหาร ถ้าเขาออกมาแสดงตัวไม่เอารัฐบาลเหมือนที่กระทรวงสาธารณสุขทำ มันก็คือการ ประกาศ

ยึดอำนาจรัฐบาล นั่นแหละ ต้องการให้เขาทำอย่างนั้นกันหรือไร ถ้าเขาทำอย่างนั้นเมื่อใด มันจะ

ยิ่งไม่บานปลายกันใหญ่โตหรือ

argument ได้อยู่

แต่มาพลาดตรงตัวอย่างสนับสนุน argument นี่แหละ

ท่านบิ๊กตู่