ตุ๊ ต่องแต่ง

..... เรื่องของคุณอภิสิทธิ์  ก็คล้ายเรื่อง ของ คณะรัฐบุคคล

..เพราะจะมีทั้งคนเห็นด้วย.และไม่เห็นด้วย.  แต่เท่าที่ คุย ๆกัน

..ความเห็น เหมือนกันอยู่อย่าง. คือ  คะแนนเสียง ปชป ใน กทม.

..เสียหาย..เหมือนดังที่  รศ.ดร  จงรักษ์  ว่า  ประชาชน จะถึงเส้น-

..ชัยปักธง อยู่แล้ว.. คุณอภิสิทธิ์ มาบอกให้ เบรคก่อน.. คงยาก...

^

^

ตอนนี้น้ำกำลังม้วนตีกันจนขุ่นข้น

คงต้องรอน้ำนิ่งสักพัก ถึงจะใสจนเห็นอะไรเป็นอะไรได้จริงๆครับ

เราคงจำตอนลุงปชป.ออกมาชุมนุมที่สามเสนได้  ตอนนั้นก็โดนด่าระงมแบบนี้ แล้วเป็นไง

ตอนปชป.ลาออก ก็โดนแบบนี้ แล้วเป็นไง

ตอนลุงกำนันออกมา ก็โดนด่าแบบนี้ แล้วเป็นไง

กระแสช่วงแรกยังคงวัดไม่ได้ครับท่าน ต้องอดใจรออีกพักถึงจะรู้ว่าอะไรจริงอะไรเป็นกระแสอารมณ์พาไป

ผมว่า ยากที่สุด น่าจะเป็นตอนที่ อภิสิทธิ์ จะไปหากำนันที่บ้านนั่นแหละ

ดูแล้วไม่น่าจะเข้าบ้าน กำนัน ได้ เพราะ กำนัน แกสั่งมวลมหาประชาชน

ปิดประตูหน้าต่างบ้านหมดแล้ว ขืนปีนขึ้นไปอาจโดนสวนร่วงลงมาได้

โดนสวนร่วงลงมายังไม่พอ ไอ้พวกเสี้ยมที่ยืนชะเง้ออยู่หน้าบ้านกำนัน

อาจรุมตีบให้อีก งานนี้ อ่วมแน่นอนครับ

 

เรื่องที่อภิสิทธิ์ทำอยู่นี้ จะไปหารือกับใครที่ไหน ส่วนใหญ่จะเห็นดีเห็นงาม

ด้วยทั้งนั้นแหละครับ จะมียกเว้นอยู่สองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มรัฐบาล กับ

กลุ่มของกำนัน

 

กลุ่มรัฐบาลนี่ ก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่ากะล่อนตัวเป็นขน มันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเข้า

มาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แต่มันคิดว่ากูเข้ามาค้าขายทำมา

หากิน เพราะฉะนั้นถ้าดูแล้วกูเสียเปรียบ เสียประโยชน์ ขาดทุน ตามวิสัยพ่อค้า

เห็นแก่ได้ มันก็คงส่ายหน้าดิก ๆ ไม่ยอมรับ

 

ส่วนกลุ่มของ กำนัน นี่ ก็อย่างที่บอกแหละครับ ปิดประตูหน้าต่างบ้าน เตรียม

หนังสะติ๊ก รอแล้ว ผมว่าแค่ มาร์ค เดินผ่านก็อาจหัวแตกได้  ยังไม่นับไอ้พวกเสี้ยม

ที่ไล่เตะตัดขาล้มลุกคลุกคลานอยู่นะครับ ตรงนี้ละครับที่ผมมองว่ายากที่สุด

ผมว่าที่ไปหา กกต. แต่โดนท่องคาถาเลือกตั้งธิปไตยกลับมานี่มันก็แสดงออกถึงความล้มเหลวแล้วครับ และทำให้ชาวบ้านเห็นแล้วว่า กกต. ชุดนี้ไม่ได้คิด 5่าอะไรเลยนอกจากรีบเลือกตั้งให้มันจบ ๆ ไป ผมไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหน หรือ กกต คิดว่าอภิสิทธิ์สั่ง กกปส ได้หรือไง หรือวัน ๆ ไม่ได้ ดูข่าว อ่านข่าวอะไรเลย เลยมโนเองเสร็จว่า ปชป ลงเลือกตั้งแล้วจบ

แล้วสรุปแบบนี้มันโยนขี้ให้ ปชป ชัด ๆ ถ้าหน้าโง่รับขี้นั้นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้นะครับ อย่าไปฟังไอ้ขุมมันมากนัก วิเคราะห์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ มีด้วยเหรอแฟนอภิสิทธิ์น่ะ อภิสิทธิ์มีติ่งแบบยิ่งลักษณ์ที่ออกหน้าแทนตลอดไม่ว่าจะทำเรื่องงี่เง่าแค่ไหนด้วยเหรอ ถ้าใครที่ไหนเขาจะศรัทธาอภิสิทธิ์เขาคงศรัทธาที่การกระทำ ไม่ใช่ศรัทธาคนที่ชื่ออภิสิทธิ์ วันไหนการกระทำเปลี่ยนไป คนที่ศรัทธาก็พร้อมกระทืบอภิสิทธิ์ได้ทุกเมื่อ ไม่เชื่อก็ลองประกาศลงเลือกตั้งทั้งแบบนี้ดูก็ได้

อ.เสรี มีส่วนสำคัญในกปปส. เป็นมวลมหาปชช.คนหนึ่ง ที่รับรู้ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ลำบาก และการสูญเสีย

ล่าสุดข่าวที่แก บริจาคกำนัน 1 ล้าน หมายถึงแกมุ่งมั่นการต่อสู้ครั้งนี้จริงๆแล้วการที่จู่ๆนักการเมืองดันโผล่มาหาทางออก

ที่คนอื่นๆมองไม่เห็น ไม่คิดจะทำ ย่อมกังวล เคลือบแคลงเป็นธรรมดาครับ ที่สำคัญแก......... ปากจัด (แต่ใจดีนะ)

http://www.manager.c...D=9570000047698

ASTVผู้จัดการ - “ดร.เสรี” กังขา “อภิสิทธิ์” เดินสายหาทางออกประเทศ ชี้ไม่ถูกเวลา-กำกวม ทำคนครหาเตะตัดขา กปปส. และกระสันอยากเป็นนายกฯ เผยคนรอบข้างด่าเกือบ 100% ชี้ท่าที “อภิสิทธิ์” พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นแค่นักการเมืองนำการปฏิรูปไม่ได้ แง้มคนประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับกำนัน-กปปส.ตั้งแต่ชัตดาวน์
       
       ช่วงเช้าวันนี้ (29 เม.ย.) นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนชื่อดัง และหนึ่งแนวร่วมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้ให้สัมภาษณ์นายรัชชพล เหล่าวานิช ทาง สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101 Radio Report One ต่อกรณีการเดินสายหาทางออกประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายเสรีกล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่คิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นคนเลว หรือมีข้อตกลงลับอะไรกับใคร แต่ตนเห็นว่าสิ่งที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ถูกเวลาและขาดความชัดเจน
       
       “การปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งมีข้อจำกัด แปลว่าอะไร? คุณอภิสิทธิ์แปลว่าอะไร? แปลว่าตกลงคุณจะให้เลือกตั้งแล้วไปปฏิรูป แต่ถ้าเกิดเราฟังในรายการทีวี ลูกน้องแกเหมือนพยายามจะพูดว่าก็จะมีบางอย่างเริ่มต้นปฏิรูปไปก่อน แล้วก็เลือกตั้ง หลังจากนั้นก็ให้มีความมั่นใจว่าหลังจากเลือกตั้งแล้ว การปฏิรูปจะดำเนินการต่อไป ลูกน้องก็ตีความว่าอย่างนั้น แต่สำหรับมวลมหาประชาชนเราปักใจเชื่อแน่ว่า ถ้าจะปฏิรูปรอบนี้ขออย่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวมาข้องได้ไหม” นายเสรีกล่าว และแจงเพิ่มเติมว่า หลายส่วนของการปฏิรูปที่ภาคประชาชนเสนอ เช่น การแก้กฎหมายให้คดีคอร์รัปชันไม่มีอายุความนั้นเป็นการขัดต่อผลประโยชน์ของนักการเมืองโดยตรง ซึ่งถ้าให้นักการเมืองเข้ามาดำเนินการปฏิรูป การแก้กฎหมายอย่างนี้ก็จะไม่มีทางทำได้
       
       “ทุกคนเขาพูดกันว่า ณ เวลานี้ เราไม่เชื่อใจนักการเมืองแล้ว เราขอได้ไหมสักปีครึ่งสองปี ขอให้เราได้ปฏิรูปกฎเกณฑ์-กติกาต่างๆ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ เวลานี้ ... การที่คุณอภิสิทธิ์ออกมาจังหวะนี้และพูดจาเนี่ย ก็พูดจาแบบนักการเมืองอะนะ คือกำกวม ให้ไปตีความเอาเองว่าอะไร” นายเสรีกล่าว
       
       นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนกล่าวต่อว่า ส่วนการที่มีกระแสข่าวลือออกมาระบุว่า ทางนายอภิสิทธิ์และลูกพรรคประชาธิปัตย์ไปทำข้อตกลงกับฝ่ายระบอบทักษิณ ยกตัวอย่างเช่น “ออกซฟอร์ดดีล” เพื่อที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกฯ ชั่วคราวระยะเวลา 1 ปี หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้ส่วนตัวตนเองจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อาจห้ามสาธารณชนไม่ให้เชื่อข่าวลือดังกล่าวได้
       
       เมื่อผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 นายอภิสิทธิ์ก็เคยให้เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้งทั่วไปว่า เพราะเห็นว่านักการเมืองคือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์จึงขอเว้นวรรคไม่ลงเลือกตั้งครั้งนั้น ทำให้นายเสรีเสริมขึ้นว่า พอวันนี้นายอภิสิทธิ์เดินสายหาทางออกให้ประเทศ จึงทำให้มีคนครหาว่านายอภิสิทธิ์อยากให้มีการเลือกตั้ง-อยากเป็นนายกฯ ขณะที่คนใกล้ชิดหรือคนที่เชียร์นายอภิสิทธิ์ก็จะออกมาแก้ตัวว่า นายอภิสิทธิ์อาจจะโดนลูกพรรคที่อยากลงเลือกตั้งบีบ ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องแสดงท่าทีเดินสายไกล่เกลี่ยกับทุกฝ่ายอยู่ในปัจจุบัน
       
       “อย่างที่พี่โพสต์ในเฟซบุ๊ก พี่ต้องขึ้นประโยคแรกว่าพี่เชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นคนหวังดีต่อประเทศชาติ ความเชื่อนี้พี่ยังมีอยู่ แต่คุณอภิสิทธิ์เดินผิดเส้นผิดทางเพราะความหยิ่งยโสอวดดีที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง ... อย่างพี่ยังมองแกดีข้อหนึ่งว่า ในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจะนั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแกลุกขึ้นมาทำน่ะดีแล้ว แต่ในยามวิกฤตอย่างนี้ต้องทำอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง โปร่งใส ไร้ความอยากรู้อยากเห็นจากสาธารณะ เผอิญสิ่งที่แกทำมันขาดข้อนี้ มันเต็มไปด้วยความกำกวม มันเต็มไปด้วยความลับ มันเต็มไปด้วยข้อน่าสงสัย ไม่ประจักษ์แจ้ง มิหนำซ้ำคำพูดของแกยังตีความไปด้วยว่า แกอยากเลือกตั้งก่อนปฏิรูป” นายเสรีระบุ และว่าถ้าตนเข้าใจผิดก็ขออภัย แต่คำพูดของนายอภิสิทธิ์ทำให้คนคิดไปได้อย่างนั้นจริงๆ และสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำอยู่ ณ ปัจจุบันไม่เป็นผลดีต่อตัวนายอภิสิทธิ์แต่อย่างใด
       
       “เอาเป็นว่าตั้งแต่แก (อภิสิทธิ์) ออกมาจนถึงวันนี้พี่เจอหน้าใครหรือใครที่โทรมาหาพี่ หรือใครที่ไลน์มาถามพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ด่า ส่วนในเฟซบุ๊กที่พี่โพสต์ไป 90 เปอร์เซ็นต์ด่า แล้วอีกประมาณ 3-4 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าดูไปก่อนแล้วกัน แล้วอีก 5-6 เปอร์เซ็นต์ ที่แก้ตัวให้พัลวันด้วยความรักอภิสิทธิ์อย่างสุดซึ้ง” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสื่อและการประชาสัมพันธ์กล่าว
       
       เมื่อถามว่า ในประเด็นเรื่องนายอภิสิทธิ์เดินสาย ภายในหมู่แกนนำ กปปส. มีการพูดถึงว่าอย่างไรบ้าง นายเสรีเผยว่า เรื่องนี้ในหมู่แกนนำ กปปส.ไม่มีใครพูดถึงเลย แม้ว่าตนจะพยายามสอบถามแล้วก็ตาม นอกจากนี้ นายเสรียังเผยด้วยว่าเท่าที่ตนทราบก็คือ แกนนำและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่เห็นด้วยกับ กปปส. ตั้งแต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.ประกาศยุทธศาสตร์ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ในเดือนมกราคม 2557
       
       “หลังเวทีไม่มีใครด่าคุณอภิสิทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครแก้ตัวให้คุณอภิสิทธิ์ คือทุกคนคงจะรู้น้ำเสียงเวลาพี่ถาม ทุกคนก็จะหลีกเลี่ยง และเวลาพี่นั่งรอจะขึ้นเวทีก็ไม่มีใครพูด ไม่มีใครถกเรื่องอภิสิทธิ์เลยแม้แต่น้อย ... พี่อยู่ที่เวทีมาเป็น 6 เดือน พี่เห็นประชาธิปัตย์มาที่นี่เฉพาะ พูดถึงประชาธิปัตย์พวกที่ไม่ขึ้นเวทีนะ มาเฉพาะช่วงราชดำเนิน พอชัตดาวน์เขาหายไปเลย เพราะตอนนั้นพี่บอกได้เลย นี่เอาความลับมาเปิดเผยว่า พวกประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการชัตดาวน์ เหลืออยู่ไม่กี่คนที่มาหรือขึ้นเวที” นายเสรีเผย
       
       ขณะเดียวกัน นายเสรีก็ยังแสดงความเห็นด้วยว่า ดัชนีชี้วัดการเดินสายของนายอภิสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่นั้น สามารถประเมินได้จากเสียงสะท้อนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี หรือลุงยิ้ม ตาสว่าง แนวร่วมคนเสื้อแดงออกมาแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ หรือเสียงที่คนที่เคยเชียร์นายอภิสิทธิ์ออกมาด่าทอการกระทำของนายอภิสิทธิ์จำนวนมากโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์
       
       “พี่ว่าเขา (นายอภิสิทธิ์) คงไม่เห็นด้วย (นายสุเทพ) ตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว ตั้งแต่ 7 เวทีแล้ว คือ คุณอภิสิทธิ์ไม่ว่าเขาจะรักชาติรักแผ่นดินแค่ไหน จะเป็นคนดีคนไม่ดียังไงแค่ไหนก็ตาม เขาก็คือนักการเมือง” นายเสรีกล่าวในช่วงท้าย และว่านายอภิสิทธิ์ต้องรีบเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจน มิฉะนั้นจะเสียคะแนนแม้แต่ในภาคใต้ซึ่งเป็นฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์
       

**********************************************

ไหนใครหรือควายที่ไหนชอบบอกว่าพวกแฟนอภิสิทธิ์แฟนปชป. ด่าไอด้อลไม่ได้ไงล่ะ

ไอ้ที่ใครด่าไม่ได้เลย วิจารณืไม่ได้เลยน่ะ ไอ้แม้วต่างหาก!!

เป็นเจ็ดนาทีสี่สิบหกวินาที ที่คุ้มค่านะครับ เลยนำมาแบ่งปัน

เรื่องคนดี คนเลว ผมว่าเป็นเรื่องการบ้านการเมืองด้วย เลยเอามาโพสท์ในห้องกาแฟ ... 

ณ 4ss 

ผมรู้แค่ว่า เรื่องอะไร ที่ อิปู ยินดี เรื่องนั้น ไม่เป็นคุณต่อประเทศ  

ผมว่า ที่ลุง ต้องพูดแบบนั้น

ก็เพราะรู้ว่า เพื่อไทย จะกดดัน อภิสิทธิ

ให้มาคุยกับ กปปส ก่อนไง

เลยออกตัวแต่แรกว่า คนกันเอง ก็ไม่คุย

กปปส ทั้งมวล ก็ไม่ต้อง สับสน

ยังยึดแนวทาง เดิมอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนอภิสิทธิ เค้าก็ทำของเค้า

พยายามไปในจุดที่ กปปส ไม่ได้ให้ความสำคัญ

หรือ เป็นคนกลาง ที่ไม่อยากให้ดู เหมือนเข้าข้าง กปปส

ก็ต้องให้อภิสิทธิ ที่คิดอย่างกลาง ๆ ไปแทน

ก็จะได้รับฟัง ความเห็นครบทุกกลุ่ม

ส่วนที่ว่า อภิสิทธิ ถูกพวกเรากันเอง

ด่าทอ ปนผิดหวัง อันนั้น ก็ช่วยไม่ได้

เพราะว่า พวกเรา ไม่ได้เป็นทาส

เหมือนพวกเสื้อแดง ที่เอาแต่ทักษิณ

มันก็แค่แสดงให้เห็นว่า กปปส

มีดีเกินกว่า จะยึดโยงกับบุคคลใด

หรือพรรคใด แต่ยึดเหนี่ยวกับ อุดมการณ์ เป็นหลัก

ผมเลยมองว่า ตามระบอบประชาธิปไตย

ใครมีความคิดแบบไหน ที่คิดว่า เป็นประโยชน์

กับประเทศ และไม่ได้ก้าวล่วงสิทธิ ของผู้อื่น

ก็ทำไปเถิด เพราะยังไง อภิสิทธิ ก็ยัง

คงเคารพ ในการตัดสินใจ ของลุง และ กปปส

ทุกคนอยู่แล้ว เห็นจากการน้อมรับคำตำหนิ จากทุกคน

ส่วน เอเอสทีวี หรือ พธม เดิม ที่ไม่พอใจ

เราก็ต้องเคารพเค้า เหมือนกัน

เพราะเค้าเอง ก็มีจุดมุ่งหมาย ของเค้า

ซึ่งเห็นว่า ไม่สามารถไว้ใจนักการเมือง ได้เลย

ซึ่งมันมีส่วนถูก แม้ไม่ทั้งหมด

ส่วนตัวผมเอง ถือว่า ผมรับได้กับทุกฝ่าย

ยกเว้น เพื่อไทย กับทักษิณ

ผมไม่ผิดหวัง อภิสิทธิ และก็ไม่ใช่

รับไม่ได้ กับ อาการของ พธม.

เพราะผมเห็นว่า การแสดงออก ตามจุดยืน

ของตัวเอง เป็นการบ่งบอกว่า

ประชาธิปไตย จริง ๆ แล้วคือ การได้

ให้แต่ละคน แสดงออก ซึ่งความคิด

ตนเอง ได้อิสระ แบบนี้ มากกว่า

ที่จะต้องคิดให้เหมือน คนใดคนหนึ่ง

แบบที่ เพื่อไทย หรือเสื้อแดง

ต้องคอยดูว่า ตระกูลชินวัตร จะเอาอย่างไร

ผมมองว่า อภิสิทธิ์เขาก็พูดชัดเจนอยู่แล้วตามสื่อต่าง ๆ ว่าเขาไม่ใช่คนกลางที่จะไป

เจรจาอะไรกับใคร เขาไม่ได้อยากเป็นนากยกอย่างที่ "แก๊งค์เสี้ยม"  พยายามจะเสกสรรค์

ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา เขาไม่สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งที่ไม่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายอย่างที่

พรรคเพื่อไทยกำลังพยายามทำอยู่ การกระทำของเขามันไม่ได้มีอะไรไปขัดขวางการที่

ผู้ชุมนุมอยากปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเลย

แต่สิ่งที่เขาทำอยู่คือการพยายามหาทางออกของเรื่องที่มันเป็นปัญหาเหล่านี้ว่ามันจะมี

ทางออกอย่างไรโดยไม่มีการขัดแย้งเสียเลือดเสียเนื้อระหว่างคนไทยด้วยกันเท่านั้น

ปัญหาที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้ก็คือ การปล่อยข่าวของพรรคเพื่อไทย และ "แก๊งค์เสี้ยม" มัน

สร้างความสับสนให้แก่ผู้ชุมนุม บางส่วนที่ไม่ได้ติดตาม หรือเข้าใจสิ่งที่อภิสิทธิ์ทำ จนกำนัน

ต้องประกาศอยู่ตลอดเวลาว่า "กูไม่เจรจากับใครทั้งนั้น"

ผมว่า ผู้ชุมนุม ต้องมองให้ออกครับ ฟังกำนันอย่างเดียวอย่าว่อกแว่ก ถ้าคิดอะไรไม่ได้ก็มอง

อย่างเดียวว่า อภิสิทธิ์ เขาไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลอะไรที่จะไปเที่ยวเจรจาให้ใครเชื่อเขาได้

โดยเฉพาะกับ "กำนัน" และ "พรรคเพื่อไทย"

 

 ดำเนินคดีตามกฎหมายถูกต้องแล้วครับ.. เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

และไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ สันดอนแบบนี้ปล่อยควายแดงทำฝ่ายเดียวไปดีกว่า

 

เรื่องการเมืองถ้าความอดทนต่ำก็อย่าสนทนากับเสื้อแดงดีที่สุด พวกนี้หน้าทนทาน

เพราะมันไม่ค่อยจะใช้เหตุผลในการเห่าสักเท่าไหร่ มันก็ทำได้แค่ยั่วโมโหไปเรื่อย

ทราบแล้วเปลี่ยน โจรทีมชาติ

 

 

นที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11:25 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


รวบสาวสวมเสื้อ restart thailand - ซุกยาบ้า 50 เม็ด 
 

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.ท.เดชศักดิ์ เชิดชูศักดิ์ หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมตัว นางนิสา หนูผุด อายุ 38 ปี ชาว ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง อาชีพ แม่ค้าขายปลาตามตลาดนัด หลังจากสืบทราบว่า เดินทางไปรับยาบ้า จาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อมาจำหน่ายให้กับผู้เสพยา ในเขตพื้นที่ อ.เมืองระนอง        

 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบตัวขณะกำลังจะขับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ 125 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน สวต กรุงเทพมหานคร 833 จึงเชิญตัว นางนิสา มาสอบปากคำ สุดท้ายสารภาพพร้อมล้วงยาบ้าที่ห่อด้วยเทปกาวสีน้ำตาล ออกจากเสื้อชั้นใน ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยดี เมื่อแกะเทปกาวออกดู พบยาบ้า จำนวน 50 เม็ด บรรจุในหลอดกาแฟสีเขียว จำนวน 5 หลอดๆละ 10 เม็ด

 

จากการสอบสวนเบื้องต้น นางนิสา อ้างว่า ช่วงนี้ขาดเงิน ไม่รู้จะหาหนทางไหน ปกติจะขายปลา ตามตลาดนัดต่างๆ แต่เงินไม่พอใช้จ่าย เพราะเป็นหนี้เงินกู้ จำเป็นจะต้องส่งค่างวดรถยนต์กระบะ และที่ดินของแม่ที่นำไปจำนองไว้ รู้ตัวว่ากระทำผิด แต่สงสารลูกจึงต้องหาทางออกด้วยการจำหน่ายยาบ้า

 

ผมบอกแล้วครับ จับไปดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม... แต่อย่าไปไล่ฆ่าตัดตอนเขาอีกล่ะ แล้วจะมาขอนิรโทษกรรมทีหลัง

หรือจะหนีคดีหัวซุกหัวซุน เหมือนไอ้แม้วดี... เอ หรือจะเป็นเหมือนไอ้หมาตี๋ ที่หางจุกตูดดี

http://www.manager.c...D=9570000046571

“อภิสิทธิ์” น้อมรับคำวิจารณ์ในการหาทางออกให้ประเทศ ยันไม่ใช่คนกลางหรือเป็นกลาง แต่ต้องการหาคำตอบให้ประเทศ โดยมุ่งสู่การปฏิรูปภายใต้ รธน. มีการเลือกตั้งเป็นกลไกหนึ่ง ไม่มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ บอกแม้อาจจะไม่สำเร็จ แต่จะเดินหน้าเจรจาต่อไป
       
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าหลังจากที่ได้เริ่มต้นทำงานในการเจรจาเพื่อหาทางออกของวิกฤตที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองไป 2 วัน ตนต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยได้รับทั้งกำลังใจ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ คำประชดประชันจากหลายๆ ฝ่าย และรับฟังทุกความเห็นและเข้าใจความรู้สึกของหลายๆ คน
       
       อย่างไรก็ตาม ขอย้ำสิ่งที่ทำอีกครั้งว่าตนไม่ใช่คนกลางหรือเป็นกลาง และไม่ใช่ผู้อยู่เหนือความขัดแย้ง แต่ต้องการหาคำตอบให้กับประเทศ เพราะมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการเห็นประเทศเดินหน้าและกลับสู่ความสงบสุขมากกว่าการนองเลือด การปฏิวัติรัฐประหาร หรือการเลือกตั้งแบบเดิมๆ ท่ามกลางบรรยากาศความวุ่นวายและความไม่ไว้วางใจของประชาชน การหาคำตอบจึงต้องมุ่งสู่การปฏิรูปภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งเป็นกลไกหนึ่งของการปฏิรูป ใช้กลไกทางการเมืองและกฎหมายมาแก้ปัญหา และไม่มีส่วนใดในคำตอบไปเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ของใคร โดยเฉพาะเป็นเรื่องคดีความทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น
       
       “รัฐบาลหรือใครจะรับหรือไม่รับข้อเสนอ ผมไม่มีอำนาจไปบังคับได้ และ ข้อเสนอต้องมีทางเลือก และปรับปรุงได้ แต่หลักการไม่สามารถเจรจาได้ ผมเคยเสนอแผนปรองดองในปี 2553 และถูกต่อว่าจากผู้สนับสนุนจำนวนมาก แต่สุดท้ายหลายคนก็เข้าใจ ที่สำคัญสังคมต้องพยายามปรองดองภายหลังเมื่อสายไปแล้ว อย่างไรก็ตามผมอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่จะไม่ทำอะไรเสียหายให้ประเทศและประชาชนผู้รักชาติอย่างแน่นอน จึงยืนยันที่จะเดินหน้าเจรจาต่อไป”

**********************************************************

ผมขอตำหนิคุณอภิสิทธิ์ตรงๆครั้งหนึ่ง คงไม่ว่ากัน

ขอตำหนิไม่เกรงใจว่า..

พี่มากผมออกทีวีสรยุทธ์ อวบระยะสุดท้ายแล้วง่าพี่!

ไม่ไหวแล้วครับ  คางออกเป็น 2 ชั้นแล้ว  แก้มงี้ยุ้ยเชียวพี่มากผม

โอว..... สะเทือนจัย...

ปูลู 1 แต่ถ้านับว่าพี่แกเป็นชายวัย 50  ได้ขนาดนี้ผมว่า..เทพแล้วง่ะ

ปูลู 2  ไม่ได้เกี่ยวรัยกะการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว.....จริงๆ สาบาน  

เอิ๊กกกก คลายเครียดเลย ...

 ช่วงนี้เครียดกับการเมืองมากเลยละครับ    

อาจไม่ซับซ้อนขนาดนั้นครับ..

ถ้าได้ดูคลิป น่าจะชัดเจนนะ..เพราะแกก็บอกอยู่ ที่ควรจะเป็นทางออกจริงๆ อย่างการเจรจาของกำนันกับยิ่งลักษณ์ ดูจากสถานการณ์ คงไม่เกิดขึ้น จบที่ศาลก็คงไม่จบจริงๆ ประมาณนี้

ถ้ามองจากนิสัย..มาร์คก็แค่อยากหาทางออกให้ประเทศจริงๆ..ก็เท่านั้นครับ

แต่วิธียังไง ก็ดูหลังเจรจาครบทุกฝ่ายล่ะครับ

ส่วนช่วยเรียกแขกหรือไม่..ต่อให้มาร์คไม่ออกมา ถ้ากำนันเรียก ยังไงผมก็ไปอยู่แล้วครับ..อีกหลายๆคนก็คงคิดเหมือนผม

..... เขาทำนายกันไว้ว่า. ปปช. หรือ  ศาล รธน..ตัดสิน

.. เมื่อไร. ผบ. ทั้งหลาย  ใครพูดไม่ออก  ให้ถือว่า

.. เขา...อมถั่งเช่า...อยู่.  สวัสดี  กทม...............