Jump to content


gobura

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 11 ธันวาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 11:45
-----

#889216 ด่วนสุเทพ มือใหม่ เสียสัจจะ.....

โดย ปุถุชน on 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 13:58

ขอคาราวะ วันนี้ตัวเองก้คาดเดาผิดหมดเลย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ตะกี้มวลชนสีลมบางส่วนก้กลับไปสามเสน ไม่มีใครรู้เลย. ขอซูฮก

 

 

ไม่แปลกใจ....?

สุเทพประกาศกินข้าวสนามหลวงก่อนกลับบ้าน....

จะกลับไปชุมนุมที่สามเสน ก็ไม่ผิดกติกาใด ๆ....!

 

1. แกนนำ(แม่เหล็ก)ปชป.ไม่ได้กลับบ้านเลย กินข้าวกับมวลชนที่คลอเคลีย...

2.เมื่อตำรวจนอกเครื่องแบบรายงานข่าวไป ขอรับคำสั่งต่อไป จึงบริการนำหน้าม๊อบสามเสนกลับที่ตั้ง...

3. ม๊อบสามเสนไปถึงอนุสาวรีย์โดยการนำของตำรวจ(เหมือนตำรวจนำหน้าม๊อบไพร่เสื้อแดง)จึงพักเหนื่อยอีก อ้อยอิ๋เอียง รอจนคนล้าหลังเดินไปถึง....

4. สุเทพ'มือใหม่'ประกาศว่า มวลชนชอบอนุสาวรีย์ฯ ไม่อยากกลับสถานีสามเสน..... 'มือใหม่'ต้องตามใจ ฝืนความต้องการแบบ'มืออาชีพ'ไม่ได้...

5. ศิริโชค ชวนนท์ที่ สถานี Blue Sky เปิดเผยในรายการสายล่อฟ้า'ภาคพิเศษ' ทันที....

6. ........ฯลฯ.

 

หลังจากนี้ โปรดติดตามต่อไป จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน.....

(อย่าตัดคะแนนผม หากไม่แม่นวันที่.....).........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




#890364 กระทู้นี้เชิญเพื่อนๆรวม "ภาพงดงามของม็อบ" ต้านล้างผิดคนชั่วกันนะครับ

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 03:40

ผมขอเปิดกระทู้ด้วยเซ็ต "ธงชาติไทย" ก่อนเลยครับ

เห็นแล้วหัวใจมันพองโตคับอก น้ำตาจะไหลครับ

 

เซ็ตนี้มาจากม็อบราชดำเนินวันแรกที่เดินทัพครับ  สวยสุดๆเลย

 

ชุมนุมต้านล้างผิด-ธงไทยงดงาม 3.JPEG

ชุมนุมต้านล้างผิด-ธงไทยงดงาม 1.JPEG

มาเพิ่ม #3  ภาพจากกรุงเทพธุรกิจ  สวยงามจับใจ....

ราชดำเนิน 2.jpg

 

 

เซ็ตนี้ที่สีลมครับ

 

ชุมนุมต้านล้างผิด-ที่สีลม แน่นขนัด4.jpg

ชุมนุมต้านล้างผิด-ที่สีลม แน่นขนัด5.jpg

 

 

เซ็ตนี้ม็อบจุฬาครับ  น้ำตาจะไหล

 

ชุมนุมต้านล้างผิด-ธงไทยงดงาม จุฬา.JPEG

ชุมนุมต้านล้างผิด-ธงไทยงดงาม จุฬา2.JPEG

ชุมนุมต้านล้างผิด-ธงไทยสวยน้ำตาซึม.jpg

 

 

มาเพิ่ม #1

ม็อบลุงกำนันตอนเดินเท้าไปราชดำเนินครับ

 

ชุมนุมต้านล้างผิด-ม็อบสุเทพ2.JPEG

 

 

edit มาเพิ่ม #2

ม็อบอัมรินทร์พลาซ่าครับ  ชื่นใจ...

 

ชุมนุมต้าน-อัมรินทร์ ธงไทย 2.JPEG

 

 

ม็อบอุรุพงษ์  ไตรรงค์ยาตรา

 

ม็อบอุรุพงษ์ งดงาม.jpg

 

 

มาเพิ่ม #3

ภาพจากพาดหัวไทยโพสต์ครับ

เครือข่ายนศ..gif  ครับ

 




#367609 ตำนานทียังมีลมหายใจ!!! ขายหุ้นชินคอร์ปไม่เสียภาษีสักบาท ถึงขนาดเป...

โดย โจโฉ นายกตลอดกาล on 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:17

....คนรุ่นหลัง จำนวนมากเกิดไม่ทันรู้ ดูไม่ทันเห็น ความชั่วร้ายของชายชื่อทักษิณ ชินวัตร และคณะตระกูลชินวัตร
และดามาพงศ์ แลพลพรรคไทยรักไทย หรือ เพื่อไทย ในปัจจุบัน
เมื่อครั้งมีอำนาจในมือซ้าย ถือกฎหมายในมือขวา
เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
สร้างผลงานโบว์ดำอันลือลั่นสั่นสะเทือนแผ่นดิน ด้วยการใช้อำนาจ และช่องโหว่ทางกฎหมาย
ซื้อขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษีสักบาทเดียว โดยมีกุนซือชื่อ สุวรรณ วลัยเสถียร ดำเนินการให้

ถึงขนาดยุคนั้นมีการเปรียบเปรยแบบปากต่อปากว่า

"คนขายก๋วยเตี๋ยวยังเสียภาษีแบบนับชามก๋วยเตี๋ยวเลย แล้วนายกฯเป็นใครทำไมไม่เสียภาษี"

ถึงไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดจริยธรรมในฐานะที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีที่นำเงินภาษีมาใช้บริหารประเทศ

แต่ตัวเองและตระกูลกลับคิดใช้อำนาจช่องโหว่ หลบเลี่ยงภาษี

หลังจากนี้คือส่วนหนึ่งของข่าวสารที่ชวนคิดในยุคนั้น

เปิด10ปมคาใจขายหุ้นชินคอร์ป

กรุงเทพธุรกิจ l 30 มกราคม 2549 09:52 น.

การขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูล ชินวัตรและดามาพงศ์ ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ สัดส่วน 49.95% ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท พร้อมรับเงิน



7.32 หมื่นล้านบาท ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาไม่ขาดสาย

และก็มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นปัญหายืดเยื้อ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และสถานะทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี หาก "กุนซือ" ที่คิดสูตรพิสดาร ไม่สามารถอธิบายความซับซ้อนของดีลนี้ได้ จะทำให้เงื่อนปมปัญหากลับมาพันให้ตัวเองต้องหาทางแก้ไข

เหตุเพราะเป็นดีลที่มีวงเงินสูงและเป็นบริษัทที่ตระกูลนายกรัฐมนตรีขายหุ้นออก แถมทำให้ซับซ้อนเพื่อหาช่องปลอดภาษี จึงมีปมสงสัย "คาใจ" ทั้งด้าน "จริยธรรม" มาตรฐานของกรมสรรพากร กฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ มาตรฐานการกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ปมแรก ได้บทสรุปออกมาแล้วว่า หากดีลครั้งนี้ ก.ล.ต.ไม่ผ่อนคลายเกณฑ์เทนเดอร์ออฟเฟอร์ คาดว่ากลุ่มเทมาเส็ก ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1.92 แสนล้านบาท

ปมที่ 2 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังไม่มีข้อสรุปออกมาเลยว่า ดีลครั้งนี้มีการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้นหรือไม่ เนื่องจากนับตั้งแต่ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นชินคอร์ป เคลื่อนไหวอยู่เพียง 37 บาท และขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกระแสข่าวการขายกิจการของตระกูลชินวัตรออกมา โดยที่ตลาดไม่ได้ขึ้นเครื่องหมายเตือน เนื่องจากมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพราะเป็นการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น

แต่อาจจะลืมไปว่า ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารในดีลนี้เกี่ยวข้องกันและกัน ทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 มายืนระดับ 48 บาท แน่นอนย่อมมีผู้ได้รับกำไรมหาศาล ที่สำคัญในช่วงก่อน 1 เดือน ผู้บริหารในกลุ่มชินคอร์ปมีการทยอยขายหุ้นออกมาเป็นระยะ

ปมที่ 3 กรณี บริษัท แอมเพิล ริช ขายหุ้นออกมาให้กับ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ ชินวัตร เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 ในราคาหุ้นละ 1 บาท และมาขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กวันที่ 23 มกราคม 2549 แต่ไม่พบการซื้อเกิดขึ้นในวันที่ 20 มกราคม 2549 ซึ่งยังเป็นข้อสงสัยถึงการซื้อขายและเจ้าของที่แท้จริงในบริษัทแอมเพิล ริช ว่าเป็นใคร ถึงใจดีขายหุ้นออกมาในราคา 1 บาท

ปมที่ 4 ต่อเนื่องมาจากกรณีของแอมเพิล ริช ในอดีตเมื่อ 11 มิถุนายน 2542 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แจ้ง ก.ล.ต.ชัดเจนว่า ได้ขายหุ้นชินคอร์ป 32.9 ล้านหุ้น (พาร์ 10 บาท) ให้กับแอมเพิล ริช ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่บนเกาะปลอดภาษี บริติช เวอร์จิน ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้น 100% อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ไต่สวนคดีซุกหุ้นช่วงปี 2543 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ได้โอนหุ้นให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว เท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ถือหุ้นในแอมเพิล ริช แล้ว

เรื่องน่าจะจบเพียงแค่นี้ แต่เมื่อเกิดกรณีวันที่ 20 มกราคม 2549 ขึ้นมา จึงเกิดข้อสงสัยขึ้นว่า โอนให้ใคร เพราะ "ความใจดี" จึงยอมขายหุ้นออกมาในราคา 1 บาท แน่นอนสังคมอาจจะเข้าใจได้ว่า ต้องเป็นบุคคลใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร ถึงจะยอมกระทำเช่นนี้ เพียงแต่ตัวตนผู้ถือหุ้นที่แท้จริงยังไม่ยอมเปิดเผยออกมา

คำถามจึงตามมาว่า หากหุ้นแอมเพิล ริช ยังอยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด อะไรจะเกิดขึ้น เป็นปมใหญ่แน่นอน เพราะในทางการเมืองอาจจะหยิบมาตั้งคำถาม นำมาซึ่งการ "ซุกหุ้น" ภาคสอง นำไปสู่การเสนอถอดถอนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 216(6) ได้

ปมที่ 5 พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประชุมคณะทำงานติดตามการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร ห่วงว่า หลังจากนี้ครอบครัวของผู้ขายมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น อาจจะใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ซื้ออย่างไรหรือไม่ เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงตามนั้น นอกจากประเทศไทยจะไม่ได้อะไรจากการซื้อขายหุ้นครั้งนี้แล้ว ยังจะมีความเสียหายตามมาด้วย

เหตุเพราะทราบดีว่ากลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ของสิงคโปร์เข้ามาซื้อนั้น เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่ต้องการย้ายทุนออกจากประเทศตัวเอง และประเมินแล้วว่า ไทยมีความขัดแย้งเรื่องเชื้อชาติน้อยกว่า เมื่อเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์

ฝ่ายค้านจึงห่วงว่า เมื่อสิงคโปร์มีความต้องการที่หลากหลายจากประเทศไทย ดังนั้น การซื้อหุ้นส่วนนี้จากครอบครัวนายกรัฐมนตรี อาจเพื่อเจรจาต่อรองขอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งหากมีการมอบสิทธิพิเศษให้แก่สิงคโปร์จริง ก็จะเป็นการกระทำที่มิชอบ เพราะการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่กลับมาพัวพันกับประโยชน์ของชาติ

ปมที่ 6 เรื่องภาษีดูจะเป็นเรื่องอ่อนไหวทางการเมือง แม้ในทางกฎหมาย การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี แต่ให้สิทธิเฉพาะการขายหุ้นของบุคคลธรรมดา

กรณีนี้มีปมอยู่ที่ว่า เทมาเส็กจะให้ความสนใจเอไอเอสเท่านั้น แต่ที่ต้องซื้อชินคอร์ปเพื่อให้ปลอดทางภาษี เหตุเพราะหากซื้อเอไอเอสที่ชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ 42% เท่ากับว่า เป็นการขายของนิติบุคคล แน่นอนชินคอร์ปในฐานะผู้ขาย ต้องจ่ายภาษี ซึ่งมีการประเมินกันว่า ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท และตระกูลชินวัตรซึ่งถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ป ต้องจ่ายภาษีบุคคลธรรมาจากเงินปันผลอีก 2 หมื่นล้านบาท

แต่เมื่อดีลครั้งนี้ซื้อผ่านผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ป ในฐานะบุคคลธรรมดา จึงได้รับสิทธิยกเว้นภาษี แน่นอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกตั้งคำถามถึง "จริยธรรม" เพราะแม้นายกรัฐมนตรีจะไม่มีหุ้นในชินคอร์ป แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ล้วนอยู่ในตระกูลตามกฎหมาย

ปมที่ 7 ปมภาษี ยังขยายผลไปถึงเรื่องในอดีต ที่ถูกเฟ้นขึ้นมาขยายผลอีกครั้ง ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 10 บาท และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ขายหุ้นให้ นายบรรณพจน์ ชินวัตร 26.8 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ 10 บาทเช่นกัน โดยทั้งสองรายการขายนอกตลาด ซึ่งในครั้งนั้น สรรพากรตีความว่าไม่ต้องจ่ายภาษี เนื่องจากขายในราคาทุน ในฐานะผู้ซื้อ หากมีการขายในอนาคตและมีกำไร ต้องจ่ายภาษี แต่เมื่อขายในตลาดหลักทรัพย์ กำไรจะได้รับการยกเว้นภาษี

อย่างไรก็ตาม ในกรณีเดียวกัน สรรพากรกลับเรียกเก็บภาษีของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ได้รับหุ้นทางด่วนกรุงเทพจากบิดาในราคาพาร์ 10 บาท จากราคาตลาดที่อยู่ระดับ 21บาท มีส่วนต่าง 55,000 บาท แต่ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการร้องเรียน สรรพากรกลับยอมรับว่า ผิดพลาดและขอคืนเงินให้ นายเรืองไกร

กรณีนี้ทำให้มองได้ว่า การตัดสินใจคืนเงินของสรรพากร เพื่อไม่ให้เป็นมาตรฐานที่อาจจะส่งผลให้ผลการตัดสินการขายหุ้นของตระกูลชินวัตรก่อนหน้านี้มีปัญหาได้

ปมที่ 8 ยังมีกรณีที่ คุณหญิงพจมานโอนหุ้นชินคอร์ปให้นายบรรณพจน์ 4.5 ล้านหุ้น เมื่อปี 2540 ที่อ้างให้โดย "เสน่หา" ยังเป็นข้อสงสัยอยู่ว่า มูลค่าหรือความหมายแค่ไหน ถึงจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ตามมาตรา 40(10)

ปมที่ 9 ประเด็นที่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อให้ต่างชาติถือหุ้นได้เกิน 25% ก่อนการซื้อขายเพียง 3 วันนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณเองที่แก้ให้ต่างชาติจากเดิมที่ถือหุ้น 49% ปรับลดเป็น 25% เพื่อสกัดการเข้ามาของทุนต่างประเทศในบริษัทคู่แข่ง แต่พอตัวเองเริ่มมีแนวคิดที่จะขายหุ้น ก็เห็นสมควรแก้กฎหมายให้มาอยู่ระดับเดิม คือ 49% โดยเฉพาะเมื่อดูถึงจังหวะในการแก้กฎหมายนี้ ก็มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนที่แก้เพื่อเอื้อการขายหุ้นของครอบครัวตัวเอง

ขณะเดียวกัน ถึงแม้จะเปิดให้ถือหุ้นได้ 49% แต่กรณีของการซื้อขายชินคอร์ป กลุ่มทุนสิงคโปร์ใช้นอมินี ที่เป็นสัญชาติไทยเข้ามาซื้อแทน หากนับจำนวนหุ้นที่แฝงอยู่ในนอมินีคนไทยแล้ว จะพบว่าสัดส่วนหุ้นแท้จริงมากกว่า 70% ด้วยซ้ำ

ปมที่ 10 ว่า ด้วยความมั่นคงและสื่อของชาติ เนื่องจากการเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดาวเทียมของไทย รวมถึงไอทีวี ซึ่งจะเป็นปมปัญหาให้เทมาเส็ก ต้องคิดต่อไปว่า จะดำเนินการสองบริษัทนี้อย่างไร



ปิดตำนานซุกหุ้นชินคอร์ป สรรพากรยุติบี้ภาษีครอบครัว “ทักษิณ ชินวัตร ” – “แก้วสรร” คาใจต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

หลังจากที่คณะกรรมการปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ยึดอำนาจการปกครองของไทยสำเร็จ ในเดือนกันยายน 2549 ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบโครงการต่างๆที่ทำไว้ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
หลายเรื่องถูกดำเนินการไปเรียบร้อย อาทิ โครงการจัดซื้อที่ดินรัชดา, จัดซื้อกล้ายาง, รถดับเพลิง, หวยบนดิน ยกเว้นคดีหลบเลี่ยงภาษีจากการซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ซึ่งเปรียบเสมือนหนามที่แทงกลางดวงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ
นอกจากจะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยังถูกกรมสรรพากรตามไปอายัดทรัพย์สินของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร (โอ๊ค-เอม)อีก 12,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งคู่ได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ไปต่อสู่ในศาลภาษีอากรกลางจนชนะคดี เพราะบุคคลทั้งสองไม่ใช่เจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ตัวจริง ทำให้กรมสรรพากรต้องถอนอายัดทรัพย์สินคืนให้กับโอ๊ค-เอม
ถึงแม้ทั้ง 2 ศาลตัดสินแล้วว่า หุ้นชินคอร์ปฯ ไม่ใช่หุ้นของโอ๊ค-เอม แล้วหุ้นชินคอร์ปฯ เป็นของใคร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ บริษัทแอมเพิลริชที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของ ก็ยังเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตีความกัน ทำให้กรมสรรพากรต้องนำประเด็นนี้มาขอความเห็นจากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่มีนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานฯ ซึ่งนายอารีพงศ์ได้มอบหมายให้นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ แทน
และในที่สุด มหากาพย์การต่อสู้ของคนในตระกูลชินวัตรก็ปิดฉากลง เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยนางเสาวนีย์ กมลบุตร ในฐานะประธานคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้วินิจฉัยกรณีการจัดเก็บภาษีจากการซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ โดยนำคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ และศาลภาษีอากรมาประกอบการพิจารณา ซึ่งคำพิพากษาของศาลระบุว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ไม่ใช่เจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ แต่เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงไม่สามารถวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากจะตัดสินยืนตามคำพิพากษาของศาล
นางเสาวนีย์กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรมาขอความเห็นว่า จะประเมินภาษีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้หรือไม่ คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า เรื่องการจัดเก็บภาษีหรือการประเมินภาษีนั้น น่าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งคณะกรรมการฯ ไม่มีหน้าที่ไปตัดสินว่าจะให้กรมสรรพากรไปเก็บภาษีใคร หรือ ไม่เก็บใคร ประเด็นนี้ อธิบดีกรมสรรพากรจะต้องเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะเก็บภาษี พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่
ด้านนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ได้สรุปผลการวินิจฉัย กรณีการซื้อ-ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ว่า เจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ที่แท้จริง คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ไม่ใช่เจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายปกปิดบัญชีทรัพย์สินที่จะต้องแสดงต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ตกเป็นของแผ่นดินไปหมดแล้ว จากนั้นเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริงนำหุ้นชินคอร์ปฯ ไปขายให้กับกองทุนเทมาเสกผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็จะได้รับยกเว้นภาษีตามกฏกระทรวงฉบับที่ 126
“เรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ ตอนนี้ถือว่าจบแล้ว ต่อจากนี้ไป กรมสรรพากรจะไม่มีการประเมินภาษีคนในตระกูลชินวิตรอีก เนื่องจากผลการตัดสินของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรถือเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งคณะกรรมการฯ ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ยืนตามคำพิพากษาของศาลทั้ง 2 ศาล ส่วนเรื่องการประเมินภาษี พ.ต.ท.ทักษิณ คณะกรรมการฯ มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรเป็นผู้วินิจฉัย เมื่อสรรพากรพิจารณาแล้วว่าไม่ต้องเสียภาษี ตรงนี้ก็ถือเป็นที่สิ้นสุดด้วยเช่นกัน เพราะกรมสรรพากรทำตามผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ” นายสาธิตกล่าว
Posted Image
นายแก้วสรร อติโพธิ(คนกลาง) อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า ผมไม่เข้าใจ ทำไมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร และอธิบดีสรรพากรไปเอาคำพิพากษาจากศาลมาพิจารณา เพราะศาลทั้ง 2 ศาล ก็ไม่ได้ตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ตัวจริง แต่ศาลตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของบริษัทแอมเพิลริชที่ถือหุ้นชินคอร์ปฯ กล่าวคือในปี 2542 พ.ต.ท.ทักษิณได้จัดตั้งบริษัทแอมเพิลริช และมีการโอนหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กับบริษัทแอมเพิลริช และก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเล่นการเมือง ในปี 2543 ได้ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้กับนายพานทองแท้และนางสาวพินทองทาในราคา 1 บาทต่อหุ้น ต่อมา ทั้งคู่ได้นำหุ้นชินคอร์ปฯ ไปขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อที่จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประกาศกระทรวง ฉบับที่ 126 แต่มาถูก คตส. ตรวจสอบพบจึงนำเรื่องนี้ส่งฟ้องศาลฎีกาฯ
“กรมสรรพากรยอมรับหรือไม่ หุ้นชินคอร์ปฯ นั้นเป็นของบริษัทแอมเพิลริช และ พ.ต.ท.ทักษิณคือเจ้าของบริษัทแอมเพิลริช ศาลทั้ง 2 ศาลตัดสินว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ไม่ใช่เจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ตัวจริง ดังนั้นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ ตัวจริงก็คือบริษัทแอมเพิลริชที่มี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของ เมื่อแอมเพิลริชนำหุ้นชินคอร์ปฯ ไปขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประกาศกระทรวง ฉบับที่ 126 เพราะถือว่าเป็นการซื้อ-ขายหุ้นระหว่างบริษัทกับบริษัท ดังนั้น กรมสรรพากรจึงมีหน้าที่ที่จะต้องไปไล่เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล 30% หรือเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับทักษิณที่ได้หุ้นจากบริษัทแอมเพิลริชไปในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด” นายแก้วสรรกล่าว
อนึ่ง คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ตามมาตรา 13 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร จะมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานฯ กรรมการประกอบด้วย อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพสามิต ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3 คน มีอำนาจหน้าที่ดังนี้ 1) กำหนดขอบเขตในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินและพนักงานเจ้าหน้าที่ 2) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลาในการตรวจสอบ และประเมินภาษีอากร 3) วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับภาษีอากรที่กรมสรรพากรขอความเห็น และ 4) ให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแก่รัฐมนตรีในการจัดเก็บภาษีอากร คำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯให้ถือเป็นที่สุด


#887699 ด่วนสุเทพ มือใหม่ เสียสัจจะ.....

โดย ปุถุชน on 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 15:50

ผมกำลังชมข่าวจาก Blue Sky....

รายการสายล่อฟ้า ภาคพิเศษว่า.....

สุเทพหักหลังตำรวจ......

เปลี่ยนการประชุมจาก"สามเสน" เป็น"อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย"..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า




#885063 ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดการ์ตูน

โดย SPDZ on 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 11:36

1441340_572834119449676_640302251_n.jpg




#880405 นกหวีด ดังแล้ว !!!!!!!!!!!!

โดย ตะนิ่นตาญี on 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:43

ถ้าใครไปพบชายกลางคน..หน้าตาดี(มั่กๆ)..ผิวเข้ม..ใส่เสื้อเชิร์ตสีดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าคอนเวิร์สสีแดง สะพายกระเป๋าสีดำ....ทักได้ครับ..ผมเอง55

แล้วพบกันเมื่อถึงเวลา

 

ถ้าใครไปพบ ชายสูงวัย..หน้าตาหล่อเหลือเชื่อ..ผิวเข้ม..ใส่เสื้อเชิร์ตสีดำ กางเกงยีนส์ 

 

ใส่รองเท้า Timberland ดังปรากฏ ตาม ภาพถ่าย ที่แนบมาพร้อมนี้  :lol: 

 

 

131029084123.JPG

 

 

สะพายกระเป๋าสีดำ ทักได้นะครับ...ตะนิ่นตาญี เอง ครับ พร้อมแล้วครับ  :D 

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันอังคารที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

 

เวลา ๒๐.๔๓ นาฬิกา




#876326 ศาสดาชั่วบอกว่า... จะ set zero กันมั้ย???... ไม่งั้นก็ทะเลาะกันต่อไป???

โดย wat on 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 18:43

สัมภาษณ์พิเศษ "ทักษิณ ชินวัตร" ยืนยันเดินหน้านิรโทษ "Set zero" ล้างไพ่ใหม่ ระบุถ้าไม่ทำก็ทะเลาะกันต่อ...

 

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ถึงจุดยืนแนวทางเรื่องการนิรโทษกรรมสุดซอย ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้

 

การนิรโทษกรรม คือ ก็ต้องถามก่อนว่า ถึงเวลา Set Zero (เริ่มต้นกันใหม่) หรือยัง ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่ว่ากัน ทะเลาะกันต่อไป แต่ถ้าถึงเวลา Set Zero ก็ต้องถามว่า อะไรที่มันเป็นผลพวงของความขัดแย้งจนเป็นที่มาของการต่อสู้กัน ใช้กฎหมาย ใช้บุคลากร ใช้การปฏิวัติเพื่อห้ำหั่นกัน ผลพวงสิ่งเหล่านี้มันควรจะต้อง Set Zero อันนี้คือหลักมันง่ายๆ เลย ถามว่าการทะเลาะเบาะแว้งแบบนี้จะให้มีต่อไปหรือไม่ ถ้าเราคิดว่าไม่เป็นไรหรอก อยู่ไปแบบนี้ปล่อยไปเถอะ ก็ไม่ต้องไปทำ กลั่นแกล้งไป ใครได้เปรียบเสียเปรียบ ใครจะล้างแค้นใคร ใครจะลอบทำอะไรต่อไปก็ว่ากันไปแบบนี้ ถามว่าถ้าเบื่อหรือยัง เบื่อแล้ว บ้านเมืองมันไม่ไหวแล้ว ก็ต้องถามว่ามันขัดแย้งกันมานานแล้ว จะเริ่มต้นใหม่ไหม จะหยุดไหม จะ Set Zero มั้ย แล้วเมื่อ Set Zero แล้ว กฎหมายมีหลักความยุติธรรมถูกต้องมั้ย คนเป็นกรรมการจะรักษาความเป็นกลางมั้ย ถึงแม้ว่าใครจะถูกตั้งมาโดยฝ่ายไหนก็ตาม ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งหลักนิติธรรม ถ้าเอาตรงนี้เริ่มต้นได้บ้านเมืองก็จะไปรุ่งเรือง ถามว่าบ้านเมืองจะเข้าสู่ AEC แล้ว เราจะมีการแข่งขันจากนอกประเทศมาแล้ว การแข่งขันจากตรงนู้นตรงนี้มาเต็มไปหมด ถามว่าเราจะยังทะเลาะกันแล้วให้เขามารุมอัดเราอยู่มั้ย หรือว่าเราจะรวมพลังกันต่อสู้จากสิ่งท้าทายภายนอกและภายในประเทศเราให้มันดีมั้ย เอาหลักการแค่นี้ ถ้าหลักการแค่นี้มีก็ต้องมาถามกันว่า จุดไหนที่เราจะเริ่มต้น

 

ความจริงแล้วมันก็เกิดจากการที่ความขัดแย้งทั้งนั้น แล้วความขัดแย้งช่วงนั้นคนไหนได้เปรียบ คนนั้นก็บี้อีกคนหนึ่ง จะบี้ด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ บางคนก็ใช้วิธีบี้ด้วยทหาร บางคนก็บี้ด้วยกฎหมาย บี้ด้วยบุคลากรที่เป็นปรปักษ์ คือ ถามว่าตรงนี้คือความจริง อย่ามาพูดความจริงครึ่งเดียวว่าตอนที่ได้เปรียบแล้วบอกว่า “*คุณ*ไม่ดี” ก็*คุณ*ได้เปรียบนี่หว่า

 

ถามว่าวันนี้จะเริ่มต้น เราจะบอกว่า "เอาล่ะ เฮ้ยได้เปรียบ เสียเปรียบจบหมด ทุกอย่างเลิก เริ่มต้นกันให้ถูกต้อง" Set Zero แล้วเดินหน้า หรือว่ายังจะทะเลาะกันอย่างนี้ ไม่ได้ กูไม่ไป ก็ต่อยกันอย่างนี้ กูก็ไม่ไป ถามว่าจะเอายังไง ผมไม่มีปัญหา ผมจะอยู่ข้างนอกอีก 10 ปี ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร นี่มันชินแล้ว เมื่อก่อนปีสองปีแรกอาจจะคิดมาก ปีนี้ไม่คิดแล้ว อยู่จนไม่เป็นไร ก็ทำตัวเป็นประโยชน์กับประเทศไทยได้ แต่ว่ามันจำกัดหน่อยแค่นั้นเอง

 

http://www.posttoday...zeroล้างไพ่ใหม่

 

-_-  หมายเหตุ... ตามไปอ่านต่อกันเองนะขอรับ กระพ๊มอ่านจบแล้วจะเอามาลงซ้ำทั้งหมด... กลัวจอพัง... จะอัพรูปขึ้นเหมือนทุกโพส ก็เกิดอาการรังเกียจอั ปปรีย์ขึ้นมาตะหงิด เดี๋ยวเสนียดจั ญไรเหี้ ยๆจะมาติดตา หน้าจอกระพ๊ม...

 

<_<  แค่ทนอ่านจนจบ แล้วรู้ว่าขี้ข้าเสนียดแผ่นดินจะตามมาเห่าหอนต่อก็เต็มกลืนพอแล้วขอรับ... เฮ้ออออ เกิดมาเพิ่งเคยเจอ คนที่คำว่าเหี้ ย... ยังน้อยเกินไป...




#861035 พระไชยสุริยา

โดย ตะนิ่นตาญี on 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:42

พาราสาวะถี ใครไม่มีปรานีใคร

 

ดุดื้อถือแต่ใจ ที่ใคร่ได้ใส่เอาพอ

 

ผู้ที่มีฝีมือ ทำดถดื้อไม่ซื้อขอ

 

ไล่คว้าผ้าที่คอ อะไรฬ่อก็เอาไป

 

ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มิได้ว่าหมู่ข้าไทย์

 

ถือน้ำร่ำเข้าไป แต่น้ำใจไม่นำพา

 

หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา

 

ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปราณี

 

 ผีป่ามากระทำ มระณะกำม์เชาบุรี

 

 น้ำป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาศัย

 

 ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล

 

 ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี

 

 

กาพย์พระไชยสุริยา เป็น วรรณคดี ที่ ประพันธ์ โดย ท่านครูใหญ่สุนทรภู่ ได้แต่งไว้ เป็น นิทาน

 

สำหรับ ใช้ในการเรียนภาษาไทย โดย มีบทอ่านเรียงลำดับการสะกดคำไล่มา

 

ตั้งแต่ แม่ ก-กา ตามด้วย กน-กง-กก-กด-กม-เกย ตามลำดับ

 

เล่ากันว่า ท่านครูใหญ่ฯ ได้แต่งไว้เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๘๓ ต่อมาได้มีการบรรจุ กาพย์พระไชยสุริยา

 

ไว้ใน หนังสือมูลบทบรรพกิจ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตะนิ่นตาญี ได้คัดเอาส่วนหนึ่ง ของ กาพย์พระไชยสุริยา

 

มาฝากเพื่อนๆ เพราะเห็นว่าเข้ากับสถานะการณ์ บ้านเมือง ของ เรา ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่อนที่บอกว่า

 

"ผู้ที่มีอาญา...ไล่ตีด่าไม่ปรานี"

 

อ่านแล้วก็สะท้อนใจ เอกยุทธ อัญชันบุตร ตายไปเสียเฉยๆอย่างนั้น

 

หรือ ท่อนที่ร้องว่า

 

"น้ำป่าเข้าธานี...ก็ไม่มีที่อาศัย"

 

ท่านครูใหญ่ฯ ท่านเขียนไว้อย่างกับท่านฯได้เห็นเหตุการณ์ ของ เมืองไทย

 

ใน ปี พุทธศักราช ๒๕๕๖ อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว

 

 นี่ยังไม่ได้ขึ้น แม่กก นะครับ ขึ้น แม่กก เมื่อไหร่ ถ้าเป็นอย่าง ท่านครูฯ ว่าไว้ล่ะก้อ คุณเอ๋ยยย

 

"ขึ้นกกตกทุกข์ยาก...แสนลำบากจากเวียงไชย"

 

บ้านเมือง ก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอนนะครับ คุณยิ่งลักษณ์ฯ ครับ คริคริคริๆๆๆ 555+ :lol:

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

 

เวลา ๒๑.๔๒ นาฬิกา




#859926 ~ ขออภัยครับ พอดีพึ่งมาใหม่ มีข้อสงสัย ~

โดย เช never die on 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 16:23

ต้องไปดูกระทู้มันเถียงผมเรื่องช้างครับ เกรียนสุดๆ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนให้เอ่ยคำขอโทษ 

 

แค่นี้ผมก็ งง มากแล้วว่ามันอยู่เป้นสวะมนุษย์มาได้ยังไงตั้งนาน   :lol:  :lol:




#857632 'ปุถุชน' เป็น 'ไทยเฉย' หรือไม่ ?

โดย ปุถุชน on 30 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:01

1277754_10151869633226999_860581890_o.jp
imagur

 

เห็นภาพนี้ในเฟซบุ๊คแล้ว สงสัยว่าผมเป็น"ไทยเฉย" หรือไม่ ?

 

ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ สมศักดิ์ นิคม และแกนนำพรรคเพื่อไทย ไพร่เสื้อแดง ข้าราชการประจำที่รับใช้พวกเขาแสดงความอหังการ...

1. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ สว.เป็นได้ต่อเนื่องตราบที่ไม่เหนื่อยตายเสียก่อน....!

2. พรบ.เงินกู้ 2,200,000 บาทเพื่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงและโครงการแอบแฝงอื่นๆ โดยไม่ต้องแสดงรายละเอียด...

3.ดึงดันขยายโครงการจำนำข้าวต่อไปอีกทั้งที่ประเทศไทยสูญเสีย เสียหายไปมากกว่า 5-600,000 ล้านบาทแล้ว

4.ดึงดันออกพรบ.นิรโทษกรรมให้ทักษิณ นักโทษหนีคุกกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิดใดๆ ผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลปัจจุบันได้

5.โฆษกพรรคเพื่อไทยบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญอย่าคร่อมเลน....

6.สส.เพื่อไทย สามารถงเสียบบัตรแทนกันง โหวตลงมติกฏหมายใด ๆ ก็ไม่มีความผิด...

7.......ฯลฯ

 

http://www.thaipost....ay/290913/79973

 

 

 

วันนี้ผมไม่ยอมยกโทษตัวเอง....

ผมคิดว่าผมไม่ได้ดีกว่า'ไทยเฉย'ทั่วไป....

 

ยกเว้น วันที่ผมอยู่บนถนนร่วมกับสุจริตชนอื่นๆ.....

ผมจึงรู้สึกว่า ผมไม่ได้เป็น"ไทยเฉย".....!

 

วันนี้ผมลืมเลือนการอยู่ในฝูงชน 14 ตุลาคม 2516

วันนี้ผมลืมเลือนการอยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

 

วันนี้ผมไม่กล้ายืนกลางแจ้ง กลางถนนเหมือนม๊อบมือถือ พฤษภาทมิฬ 35...

ว้นนี้ผมไม่สามารถนอนค้างคืนที่มัฆวาน บนถนนราชดำเนินร่วมกับพันธมิตรฯที่เคยทำ

วันนี้ผมโฉบไปร่วม"หน้ากากขาว"ประเดี๋ยวประด๋าว...

วันนี้ผมเดินไปเดินมาใต้สะพานทางด่วนอุรุพงษ์ มองคนที่นั่ง ยืนก่อนหน้าผมด้วยความริษยา ก่อนจะกลับนอนบ้าน....

 

วันนี้ผมตำหนิตัวเองว่าผมไม่กล้าจากบ้านไปร่วม ผมเห็นแก่ตัว ผมกลัวลำบาก ผมกลัวยุงกัดในที่ชุมนุม....!

 

แต่ผมรู้ว่า ผมไม่ยอมเป็นหมาเพื่อเข้าร่วมกับฝายชนะ...

ถ้าฝ่ายชนะเป็นรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์......!




#854271 ...จะสร้างเขื่อน ด้วยxxxxxxxxxxx

โดย อู๋ ฮานามิ on 25 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:20

อย่าแอบอ้าง เบื้องสูง ชักจูงคน

เลิกหวังผล  พระราชดำริ เพื่อบังหน้า

ยามมีสุข จาบจ้วง องค์ราชา

พอถูกด่า รักเจ้า ขึ้นทันที




#732687 อภิรักษ์ของอิชั้น

โดย phoebus on 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 19:50

วอน นอน คุก 

 

 

ถ่ามจิงเหอะ หมู ผิดตึก

 

ไอ้รูปนี้ ไอ้บ้านี่มันชี้ฟ้าทำไมอ่ะ ???

 

 

photo-thumb-18786.jpg?_r=1369656863

 

 

สงสัยจิงนะเนี่ย ถึงถาม

 

-_-  -_-




#832632 เช้านี้ คุณกินอาหารเช้าแล้วหรือยัง???

โดย ตะนิ่นตาญี on 4 กันยายน พ.ศ. 2556 - 07:14

image-ABB4_52267A92.jpg

ของ ตะนิ่นตาญี เป็น ข้าวต้มหมูสับ ใส่ ไข่ ครับ

ตะนิ่นตาญี

วันพุธที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖

เวลา ๗.๑๔ นาฬิกา


#826193 harry potter ภาคใหม่จะออกแล้วนะครับ

โดย yenmanovic on 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 08:40

ตัวละครมีดังนี้

 

ปล จำไม่ได้แล้วว่าเอามาจากไหน ขอโทษที่ไม่ได้ลงเครดูด

 

 YHuhXR.jpg bo8DdZ.jpg yb9YO7.jpg wQT7YE.jpg NhWpfS.jpg oeMqX4.jpg MAablu.jpg XLuP7m.jpg U9oeFc.jpg




#824649 บางทีก็เบื่อนะ มีแต่พวกไพร่ชอบคิดว่า "อำมาตย์" อย่างพวกผมไม่ได้ทุกข์ร...

โดย อาวุโสโอเค on 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 22:02

 

รถหรูๆ และมีข้อความแบบนี้ ยิ่งทำให้คนขับหล่อขึ้น ครับ 
 
 
 
ปล.ผมชอบเสียงรถ ยี่ห้อนี้มาก ครับ เคยได้ยินในอุโมง ดังก้อง หนักแน่น จริงๆ
 
 
:)  :)  :) 


สตาร์ทด้วยเสียงด้วยครับ

 

 

นึกถึงตัวเองเลย พอเมียตะโกนว่า เอารถมา ตอบไปว่า จ้าาาาาา แล้วเดินไปสตาร์รถ -_-