Jump to content


ซุ่มเงียบ

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 2 กันยายน 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 00:30
-----

#849065 คุณคิดยังไงกับการแสดงความคิดเห็นในเฟสบุ๊คของ "เต่านา โสณกุล"

โดย ซุ่มเงียบ on 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 15:04

ปิดชื่อและนามสกุลก็เหมือน "ขี้ข้าอีโง่" ทั่วไปที่หาได้ง่ายมากตามตลาดสดครับ




#848690 รุจน์ โกมลบุตร : 10 วิธีแทรกแซงสื่อ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

โดย ซุ่มเงียบ on 19 กันยายน พ.ศ. 2556 - 10:45

รุจน์ โกมลบุตร : 10 วิธีแทรกแซงสื่อ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

 
 
 
 

วันอังคาร ที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 18:00น.

“...ที่พูดเรื่องนี้เพราะอยากให้พวกเราช่วยกันดู เพราะเรื่องแบบนี้จะเป็นการยุติการทำหน้าที่ของสื่อ ถ้าจับพิรุธแบบนี้ได้ก็ช่วยกันพูดต่อ จะได้มีพลังกันมากขึ้นในการพูดความจริง...”

ruj1.jpg

 (รุจน์ โกมลบุตร)

ระหว่างการงานเสวนาหัวข้อ “เสรีภาพการตรวจสอบกับราคาที่ต้องจ่าย” สืบเนื่องจากกรณีที่กรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) 4 คน ฟ้อง ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กับ น.ส.ณัฎฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในคดีหมิ่นประมาท จากกรณีวิพากษ์วิจารณ์มาตรการขยายเวลาคืนคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในวันนี้ (17 ก.ย.2556)

“นายรุจน์ โกมลบุตร” ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวใน 2 ประเด็น 1.ราคาที่จะต้องจ่ายจากการแทรกแซงสื่อ และ 2.รูปแบบการแทรกแซงสื่อที่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นายรุจน์ออกตัวว่า แม้อาจไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาการเสวนาซะทีเดียว แต่ว่ามีความน่าสนใจ มีรายละเอียด ดังนี้

00000

สำหรับ “ราคาที่ต้องจ่าย” มี 3 เสีย เสียแรก สื่อจะมีความสามารถตรวจสอบกิจการสาธารณะน้อยลง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิที่ซ่อมแล้วซ่อมอีก จำนำข้าวที่ไม่รู้เจ๊งไปเท่าไรและจะเจ๊งอีกเท่าไร แผนน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ไม่รู้ว่าบางโครงการ อย่างเขื่อนแม่วงก์ผ่านมาได้อย่างไร ทำใ้ห้ประโยชน์ระยะยาวจะหายไป เสียสอง เสียชีวิต เช่นพฤษภาทมิฬ ทีวีปิดหูปิดตาตัวเอง มีคนเสียชีวิต และเสียสาม เสียชื่อ เช่น องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน ที่จัดอันดับสื่อ ปี 2545 ต้นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไทยอยู่ที่ 65 จาก 139 ประเทศของโลก อยู่ครึ่งบน แต่พอปี 2549 มาอยู่ที่ 122 จาก 168 ประเทศของโลก หลังจากนั้นเราก็ 100 กว่ามาโดยตลอด การแทรกแซงสื่อจึงถูกนับด้วยว่า เป็นเรื่องเสรีภาพในการนำเสนอข่าว แม้ว่าปีนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะอยู่ที่ 135 ดีขึ้น 2 อันดับก็ตาม

สำหรับ “รูปแบบการแทรกแซงสื่อ” ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีด้วยกัน 10 วิธี

1.การซื้อสื่อ เราจะเห็นท่านๆ ทั้งหลาย ขึ้นปกกันมากมาย มีตัวเลขน่าสนใจ จากการตรวจสอบโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ ในวันนี้ เปรียบเทียบกัน ระหว่างไทยรัฐ เดลินิวส์ และหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ผมไม่ขอเอ่ยชื่อ แต่ทุกคนน่าจะเดาได้ เรียกว่าเป็น “หนังสือพิมพ์เอ็กซ์” ไทยรัฐมีโฆษณาจากภาคเอกชน 48 ชิ้น จากภาครัฐ 0 ชิ้น เดลินิวส์มีโฆษณาจากภาคเอกชน 18 ชิ้น จากภาครัฐ 1 ชิ้น และหนังสือพิมพ์เอ็กซ์ มีโฆษณาจากภาคเอกชน 8 ชิ้น จากภาครัฐ 7 ชิ้น เมื่อมีการซื้อสื่อขนาดนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยที่มีเนื้อหาตรวจสอบรัฐบาลมาโดยตลอด กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

อาจารย์รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ เคยกล่าวเอาไว้เมื่อปี 2548 ว่า กลุ่มทักษิณาธิปไตยผนึกกำลังไม่ใช้จ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับระบอบทักษิณาธิปไตย และผู้ทรงอำนาจในระบอบทักษิณาธิปไตยและกำกับดูแลงบประมาณของหน่วยงานราชการ ให้เฉพาะแต่สื่อที่เป็นเด็กดี และไม่ให้งบประมาณกับสื่อที่เกเร พูดไว้ตั้งแต่ปี 2548 นี่ปี 2556 ก็ 8 ปีผ่านมาแล้ว

2.การสร้างบรรยากาศของความหวาดกลัว ให้เกิดขึ้นในหมู่ผู้ผลิตเนื้อหา จนนำไปสู่การเซ็นเซอร์ตัวเอง เช่น กรณีละครเรื่องเหนือเมฆของช่อง 3 ที่ถูกตัดจบอย่างกะทันหัน หรือกรณีรายงานสกู๊ปข่าวเรื่องบริษัท เควอเตอร์ ของรายการฮาร์ดคอร์ข่าวทางช่อง 5 ที่ถูกตัดกลางอากาศ

3.การฟ้องร้องหรือตั้งข้อหา เท่าที่นับในสองปีที่ผ่านมา มี 6 กรณี เช่นกรณีคุณชัย ราชวัตร กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ฟ้องหนังสือพิมพ์7 ฉบับที่เขียนว่าเมา กรณีคุณเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ที่ถูกตำรวจ ปอท.เรียกไปสอบ และล่าสุด กรณี ดร.เดือนเด่นกับ นส.ณัฎฐา ที่ถูก กทค.ฟ้องร้อง

4.การสปินข่เท่าที่ดูก็มีกรณีเณรคำที่ถูกสปินขึ้นมาในช่วงที่มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากการศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่ผมสอนอยู่ กลับเจอว่าหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เล่นข่าวหน้าหนึ่งกรณีเณรคำน้อยกว่าหนังสือพิมพ์เอ็กซ์ ทั้งๆ ที่หนังสือพิมพ์เอ็กซ์เป็นหนังสือพิมพ์เชิงคุณภาพควรจะเล่นข่าวเณรคำน้อยกว่า

มีอีกกรณีหนึ่งที่สนุกดี ช่วงกลางปี 2547 มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้วิธีสปินข่าวด้วยการบอกว่ารัฐบาลจะซื้อทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล โดย พ.ต.ท.ทักษิณพูดเองว่า ระหว่างข่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจกับข่าวลิเวอร์พูลข่าวไหนจะดังกว่ากัน ถ้าเป็นข่าวลิเวอร์พูลสัปดาห์หน้าจะดังกว่านี้อีก แล้วให้สัมภาษณ์เรื่องลิเวอร์พูลทุกวัน กระทั่งเมื่อถึงวันสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เวลานี้รายละเอียดยังไม่จบ เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นบ้าง ไม่ควรพูดเรื่องนี้ทุกวัน ต้องปล่อยวาง

5.หลีกเลี่ยงการอธิบาย ไม่ยอมอธิบายในสิ่งที่สังคมต้องการ ผมเคยถามนักข่าวสายทำเนียบที่ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า impression ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คืออะไร พวกเขาก็บอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนที่มาทำงานไม่ตรงเวลา เวลานักข่าวจะเข้าไปคุย ก็ต้องเดินคุย แล้วถ้าคุยเรื่องยากมากๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะเดินเข้าตึกหรือขึ้นรถยนต์ไปเลย ส่วนเรื่องที่ยืนคุยนิ่งๆ ก็จะตอบกว้างๆ แล้วจะมีกลุ่มคำอยู่ 2-3 กลุ่มคำที่ใช้บ่อยๆ เช่น ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ กับบูรณาการ แล้วพอนักข่าวซักในรายละเอียด น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะเดินขึ้นรถยนต์ไปทันที นอกจากนี้ยังไม่ค่อยไปตอบคำถามที่สภา

เหมือนงานเสวนาวันนี้ จริงๆ เราเชิญ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค.ให้มาร่วม ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2556 กระทั่งวันที่ 12 ก.ย.2556 ถึงได้ตอบปฏิเสธที่จะมาร่วมงาน

6.โกหก เช่นกรณีคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ไวท์ลาย เรื่องตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือกรณีคลิปถั่งเช่า ที่โฆษกพรรคเพื่อไทยบอกว่าเป็นคลิปปลอมแต่ไม่กี่วันถัดมาแฟนเพจคุณพานทองแท้ ชินวัตร ก็บอกว่าเป็นเสียงของพ่อจริงๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าใครโกหกกันแน่

7.การเลี้ยงดูปูเสื่อสื่อ เช่น กรณีที่ประธานรัฐสภาพานักข่าวในก๊วนไปดูงานที่ประเทศอังกฤษ พอกลับมานักข่าวกลุ่มนั้นก็บอกว่าที่บอกว่าของแพง จริงๆ ไม่ได้แพงขึ้น แต่คนรู้สึกไปเอง หรือกรณีอีเมล์รั่วข้อเสนอวิมถึงท่านพงษ์ศักดิ์ ที่ระบุถึงให้เงินนักข่าว 4 คนเพื่อขอให้ประชาสัมพันธ์พรรคเพื่อไทย

หรือกรณีล่าสุด ที่มีน้องนักข่าวมาเล่าให้ฟังว่า มีกระทรวงเศรษฐกิจกระทรวงหนึ่งจัดงานแต้งก์เพรส แล้วเชิญสื่อไปร้องเพลงบนเวที พอลงมาจากเวทีก็จะยื่นซองให้ พร้อมเงินในซอง 10,000 บาท

8.สร้างความหวาดกลัวให้กับแหล่งข่าว เช่น อธิบดีกรมควบคุมมลพิษจะมาแถลงเรื่อง ปตท.ทำน้ำมันรั่วเกาะเสม็ด จ.ระยอง ที่สัปดาห์แรก อธิบดีระบุว่ามีค่าสารตัวหนึ่งในน้ำทะเลเกินมาตรฐาน แต่หลังจากนั้นก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปเตือนอธิบดีท่านนี้ ทำให้ไม่มีการแถลงข่าวอีก หรือกรณีนางสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ทำให้ไม่สามารถพูดเรื่องตัวเลขขาดทุนจำนำข้าวได้

9.ความไม่สามารถของรัฐในการยุติความรุนแรงกับนักข่าว ผมลองนับดูสองปีที่ผ่านมา มี 8 กรณี เช่น แกนนำเสื้อแดงเขียนข่มขู่นักข่าวช่อง 7 ที่ถามแบบไล่จี้นายกฯ ตลอด นักข่าวช่อง 7 คนนั้นก็นำเรื่องไปฟ้องศาล แต่ปรากฏว่าอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะอัยการบอกว่าความผิดยังไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรณียิงศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ยิงป้อมยามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยิงรถข่าวของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ และกรณียิงบ้านนายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

และ 10.ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเนื้อหารายการ ที่อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ซึ่งเป็นข่าวร้าย เพราะมีข้อหนึ่งระบุว่า ถ้านำเสนอข่าวที่มีคู่ขัดแย้ง จะต้องให้มีคู่ขัดแย้งมาให้ข้อมูลด้วย ถ้าประกาศนี้บังคับใช้ สมมุติภาคประชาชนบอกว่าขอตรวจสอบการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ถ้า ปตท.ไม่ออกพูด เรื่องนี้จะนำเสนอไม่ได้เลย เพราะคู่กรณีนี้ไม่พูด จะทำให้สื่อทำงานไม่ได้เลย

นี่คือการแทรกแซงสื่อ 10 กรณี ที่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พูดเรื่องนี้เพราะอยากให้พวกเราช่วยกันดู เพราะเรื่องแบบนี้จะเป็นการยุติการทำหน้าที่ของสื่อ ถ้าจับพิรุธแบบนี้ได้ก็ช่วยกันพูดต่อ จะได้มีพลังกันมากขึ้นในการพูดความจริง

00000

ที่มา: http://www.isranews..../23858-ruj.html

 

--------------

 

เชิญเสพสุขกับยุคประชาธิปไตยเบ่งบานในวันครบรอบ 7 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.49

 

สำหรับพวก "ขี้ข้า" "ควายแดง" ที่ชอบเกาะกระโปรง "อีโง่"อ่านไม่เกิน 3 บรรทัดก็เลือกอ่านเฉพาะที่ขีดเส้นใต้สีแดง

 

*แก้ไขขีดเส้นใต้ให้ขี้ข้าควายแดงของอีโง่เพิ่ม




#847950 "สมจิตต์" เจ็บจี๊ด! แฉเพื่อสื่อฯแทงข้างหลัง เป็นสปายนักการเมือง

โดย ซุ่มเงียบ on 18 กันยายน พ.ศ. 2556 - 17:13

"สมจิตต์" เจ็บจี๊ด! แฉเพื่อสื่อฯแทงข้างหลัง เป็นสปายนักการเมือง

วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556, 14.36 น.

นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสาวช่อง 7 สี  โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว สมจิตต์ นวเครือสุนทร แฉบทสนทนา เพื่อนร่วมวงการสื่อ ที่คุยผ่านโปรแกรม "ไลน์" กรณี นายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางไปเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องม็อบสวนยาง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (17 ก.ย.56) ซึ่งเพื่อนร่วมวงการ พยายามเลี่ยงไม่ให้ นางสาวสมจิตต์ เจอกับนายวิสาร แต่สุดท้าย นางสาวสมจิตต์ เจอและสัมภาษณ์ นายวิสาร ในที่สุด

โดย นางสาวสมจิตต์  ระบุการกระทำดังกล่าวของสื่อด้วยกัน ว่า เป็นสปายให้กับนักการเมืองนอกจากนี้ นางสาวสมจิตต์ ยังได้เขียนกลอนถึงอาชีพ "สื่อมวลชน" ว่า เป็นอาชีพที่ต้องค้นหาความจริง มิใช่ขี้ข้า "นักการเมือง"

นางสาวสมจิตต์ โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว ไว้ดังนี้ 

เมื่อสื่อเป็น “สปาย” ให้ “นักการเมือง”
ส่งซิก มท.3 “วิสาร เตชะธีรวัฒน์” หนี “สมจิตต์” !!!!!!!!

บทสนทนาผ่านไลน์

สื่อ1 "สิบโมง มท.3 จะเข้าสภา ตรงบ่อปลาคร๊าฟนะ"

สื่อ1 "ปล.อย่าเอ็ดไป กลัว สมจิตต์ 55555"

สื่อ 2 "บอก มท.3 ด้วย อย่าขึ้นชั้นลอยนะ สจ.อยู่

แต่หลบไม่พ้นได้สัมภาษณ์ มท.3
มีแต่คนทำผิดที่คิดหนีคำถามนักข่าว
-------

หน้าที่ "สื่อมวลชน"
คือ "ค้นหา" ความเป็นจริง
มิใช่ตัวเป็น "ปลิง"
คอย "สิง" สูบ นักการเมือง

อนาจสื่อของไทย
ยอมรับใช้ "ไม่ปลดเปลื้อง"
ขี้ข้า "นักการเมือง"
เป็นฟันเฟืองให้คนเลว

หน้าที่ "สื่อมวลชน"
หากตกหล่น ชาติฉิบหาย
ดูบ้านเมือง "ล้มละลาย"
ท่านมิใช่ "สื่อมวลชน"

สัตย์ซื่อวิชาชีพ
เร่งรีบทำหน้าที่ "ตน"
หยุดสังคม "สับสน"
จึงเป็น "คน" ที่เต็ม "คน"

------

เดี๋ยวนี้คนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง อาจกลายเป็นคนบ้าในสายตาของเพื่อนร่วมอาชีพ

ถ้าการทำหน้าที่สื่อมวลชนของดิฉันดูเหมือน "คนบ้า" ดิฉันยอมเป็น "คนบ้า" แต่ไม่ยอมทรยศต่อวิชาชีพตัวเอง

33.gif
44(1).gif

ที่มา: http://www.naewna.com/politic/69095

 

----------

 

แบบไม่เซนเซอร์

BUb5kLYCAAAgO8d.jpg

 

------------------

 

ขนาดช่องเดียวกันยังเป็นสายให้มติชิน บ้านเมืองนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน




#846134 ด่วน!! ม๊อบชาวสวนถ่อย ทำร้ายทรัพย์สินราชการค่ะ!

โดย ซุ่มเงียบ on 16 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:16

ถูกผิดว่าไปตามข้อเท็จจริงครับแต่อย่าใส่ร้ายด้วยหลักฐานเท็จ

 

 

สำหรับผู้ชุมนุมก็ขอให้เคารพกฏหมายด้วยเช่นกันครับ

 

(**แก้ไขเอาภาพออกเพราะเพิ่งเจอภาพต้นฉบับ)




#845408 กู่ไม่กลับ

โดย ซุ่มเงียบ on 16 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:54

ควายแดงน่าจะดีใจที่มาร์คเลิกทำตัวเป็นอำมาตย์ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อีกระดับนะครับ

ว่าแต่ควายแดงเคยฟัง ส.ส.เพื่อควายขึ้นเวทีควายแดงบ้างรึเปล่า์??




#843803 นายกรัฐมนตรี ใส่เสื้อสีตก ระหว่างเดินทางเยือนยุโรป

โดย ซุ่มเงียบ on 14 กันยายน พ.ศ. 2556 - 00:36

เรื่องนี้ไม่น่าจะหยิบมาเป็นประเด็นด่านะครับ

เรื่องเล็กๆน้อยๆ และอีกอย่างก็เป็นผ้าของศูนย์ศิลปาชีพที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมถือว่าช่วยสนับสนุนสินค้าของโครงการ




#837023 ฮือฮา นศ.ธรรมศาสตร์ ใช้ภาพร่วมเพศ ต่อต้านถูกบังคับใส่ชุด "นักศึกษา"

โดย ซุ่มเงียบ on 7 กันยายน พ.ศ. 2556 - 19:01

ตอนไปขอวีซ่าเข้าอเมริกาเด็กธรรมศาสตร์เสรีนิยมจะตีโพยตีพายว่าสถานทูตอเมริกาเป็นเกาหลีเหนือกันรึเปล่า




#834797 สลายการชุมนุมที่บางสะพาน

โดย ซุ่มเงียบ on 5 กันยายน พ.ศ. 2556 - 20:54

แค่แสดงความจริงใจว่าจะช่วยชาวบ้านแก้ไขปัญหานี่มันยากเย็นนักรึไงวะ

มัวแต่คิดว่าชาวบ้านจ้องจะล้มรัฐบาลลูกเดียว

มาเพราะม็อบเดี๋ยวก็จะได้ไปเพราะม็อบ




#834455 ถ้าปักษ์ใต้แยกมาปกครองเอง (ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น)

โดย ซุ่มเงียบ on 5 กันยายน พ.ศ. 2556 - 14:51

 

 


 

ความเห็นของผมชัดเจนครับ ส่วนคุณ เข้าใจบทความของคุณบัณรสดีแค่ไหนครับ ส่วนที่คุณไปดูถูกคุณสุเทพ เค้า คุณดีกว่าเค้ายังไง เคยไปสุราษฎร์มั๊ย แค่นี้คุณก็ไม่เข้าใจประชาชนในแต่ละท้องถิ่นแล้ว แล้วทุกอย่างมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่สำคัญคือ ความเหมาะสมในแต่ละยุคสมัย

 

1. เข้าใจบทความคุณบัณรสดีแค่ไหน?

ผมไม่เห็นด้วยกับบทความนี้ ดีแค่ไหนก็ตามที่ผมเขียนไว้ตอนแรกนั่นแหละครับ

 

2. ผมดูถูกคุณสุเทพ?

ไม่ได้ดูถูกแต่ผมถามคนภาคใต้ว่า...ถ้าสมมุติ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้บริหารคุณคิดว่าคนภาคใต้ส่วนใหญ่จะยอมรับรึเปล่า? 

ไม่แปลกนะที่ผมอยากจะรู้

 

3. ผมดีกว่าคุณสุเทพยังไง

ไม่เคยอวดตัวว่าดีกับใครอย่างไรครับ  ผมถือว่าผมวิจารณ์โดยสุจริตใจ 

แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นถามว่าผมแย่กว่าคุณสุเทพยังไงผมอาจจะอยากตอบนะครับ

...บุคคลสาธารณะอย่างนักการเมืองไม่ว่าจะดีหรือเลวอย่างไรประชาชนมีสิทธิวิจารณ์ครับ

 

4. เคยไปสุราษฎร์ไหม

ไม่เคยครับ

แล้วตกลงว่าคุณจะพูดถึงปัญหาเกษตกรชาวสวนยางพาราภาคใต้ หรือเกษตรกรยางพาราสุราษฎร์?

 

5.ทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสีย

ถูกต้องครับคิดเช่นเดียวกับคุณก็เลยตอบกระทู้ที่คุณถาม แต่ถ้าคุณไม่อยากได้ความเห็นต่างก็ช่วยกรุณาใส่ (วงเล็บ) ไว้ที่หัวกระทู้

 

6. ที่สำคัญคือ ความเหมาะสมในแต่ละยุคสมัย

ในยุคสมัยปัจจุบันที่มีปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ คุณคิดว่าแนวคิดแบบบทความของคุณบัณรส คุณคิดว่าเหมาะสมหรือไม่?

ถ้าปัญหาราคายางตอนนี้มีคุณอภิสิทธิ์เป็นนายก คุณจะสนับสนุนเรื่องการแบ่งพื้นที่ปกครองไหม?

 

การเมืองและปัญหาปากท้องมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมกับคุณไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การคิดเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตยครับ

สำหรับปัญหาราคายางผมก็ไม่ได้คัดค้านเกษตรกรที่ประท้วงนะครับ เอาใจช่วยชาวสวนยางมาตั้งแต่ต้น 

 

1. คุณไม่เห็น ก็เป็นสิทธิของคุณ

2. แล้วไป

3. ก็ว่ากันไป ไม่ถือสา

4. ไม่ได้พูดถึงทั้ง2อย่าง เน้นเรื่องกระจายอำนาจมากกว่า ที่ถามเรื่องสุราษฎร์ ถ้าคุณไม่เคยไป ก็หาโอกาสไปดูเสียบ้างว่าเค้าพัฒนากันถึงไหนแล้ว

5. ความเห็นต่างไม่ว่า แต่ไม่ควรดูถูกว่าความคิดคนอื่นว่าเค้ามักง่าย เพราะผมไม่เคยวิจารณ์ความคิดคนอื่นเค้าแบบมักง่าย 

6. ผมเชื่อว่าแนวทางกระจายอำนาจจะลดปัญหาใน 3 จ.ชายแดนใต้ได้และจะได้ผลดีด้วย และต่อให้ใครเป็นนายกฯ ผมก็เชื่อว่า แนวทางนี้จะช่วยลดปัญหาในบ้านเมืองลงได้ เพราะไม่มีใครไม่รักบ้านตัวเอง นอกจากบางคนที่เผาบ้านตัวเอง

การเห็นไม่ตรงกันในระบบประชาธิปไตย เป็นเรื่องปกติ อันนี้ตรงกัน และในฐานะคนทำสวนยาง ขอขอบคุณที่เอาใจช่วยชาวสวนยาง

 

 

4.1 ถึงไม่เคยไปแต่เพื่อนๆหลายคนก็อยู่สุราษฎร์ครับ พื้นเพผมก็คนต่างจังหวัดเข้าใจดีครับว่าปัญหาที่เกษตรกรเจอมีอะไรบ้าง

และตัวผมเองก็ศรัทราท่านพุทธทาสมากครับ (อันนี้อยากบอกเฉยๆ)

 

4.2 ส่วนที่สุราษฎร์พัฒนาก็ยินดีด้วยครับ เพราะถ้าคนพื้นที่รู้สึกว่า่เมืองที่ตัวเองอยู่นั้นพัฒนาก็แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบันถึงการกระจายอำนาจยังมีไม่มากพออย่างที่ต้องการแต่ก็ยังสามารถทำให้จังหวัดสุราษฎร์เจริญได้

 

5. ผมวิจารณ์บทความสาธารณะของคุณบัณรสแบบใช้สติและปัญญาเป็นอย่างดีเพราะฉะนั้นผมไม่ได้มักง่ายวิจารณ์

 

ุ6. ผมเชื่อว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ใช้วิธีการกระจายอำนาจก็ไม่ได้แก้ปัญหา  เพราะ อบต. อบจ. ที่เป็นเครื่องมือกระจายอำนาจการบริหารในปัจจุบันยังไม่แสดงให้เห็นว่าแ้ก้ปัญหาและลดความรุนแรงลงไปได้  

 

ผมเชื่อว่าปรัชญา เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาเป็นคำตอบของปัญหาชายแดนใต้

 

และผมก็เชื่อว่าคนพื้นที่ชายแดนใต้รักบ้านตัวเองทั้งนั้นแต่ชาวบ้านบางส่วนก็ตกเป็นเครื่องมือให้พวกกลุ่มผลประโยชน์ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนอยู่ดี

สมัยนี้คนดีตกเป็นเหยื่อของคนเลวได้ง่ายครับ




#834249 ถ้าปักษ์ใต้แยกมาปกครองเอง (ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น)

โดย ซุ่มเงียบ on 5 กันยายน พ.ศ. 2556 - 11:03

 

อันนี้อาจเป็นความเห็นที่แตกต่างกันไปตามระบอบประชาธิปไตยนะครับ ทุกคนอยากให้บ้านเมืองดีขึ้น ท้องถิ่นดีขึ้น หมู่บ้านตัวเองดีขึ้น ครอบครัวตัวเองดีขึ้น ส่วนวิธีคิดและวิธีการก็ว่ากันไป สำหรับผม เห็นด้วยกับแนวคิดในบางเรื่องของคุณ ISA "ลดอำนาจส่วนกลางลง เพิ่มอำนาจการบริหารท้องถิ่นขึ้น มันจะได้สะท้อนคุณภาพของประชากรจริงๆ" แต่ไม่ถึงขนาดแยกภาคแบ่งมณฑล ท่าน จขคห. ลองอ่านบทความ พรบ เชียงใหม่มหานครดู พยายามเปิดใจกว้าง ผมเชื่อว่า สมาชิกเสรีไทยล้วนรักชาติรักบ้านรักเมือง แต่ยังไง "สรรพสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา" ครับ

 

 

ผมตอบตามข้อมูลบทความของคุณบัณรส บัวคลี่ ตามที่คุณตั้งกระทู้นี้และคุณไม่ได้อ้างถึงแนวคิด พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร ไว้ที่กระทู้นี้

คุณอยากให้เป็น แบบรัฐ, แบบมณฑล, พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร หรือปกครองแบบท้องถิ่นพิเศษ (กรุงเทพ.พัทยา) 

สำหรับกระทู้นี้ถ้าคุณชัดเจนแล้วเราค่อยแสดงความเห็นกันต่อ 

 

ส่วน พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย 

ปัญหาของคนไทยตอนนี้จริงๆ แล้วมันอยู่แค่การนำไปปฏิบัติ 

ถึงจะออกแบบมาดีแค่ไหนแต่คนปฏิบัติมันห่วยก็สร้างปัญหาอยู่ดี




#833980 ถ้าปักษ์ใต้แยกมาปกครองเอง (ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น)

โดย ซุ่มเงียบ on 5 กันยายน พ.ศ. 2556 - 01:44

บทความสื่อถึงความคับแค้นใจที่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขด้วยความจริงใจ  จบตรงที่ยุให้แยกปกครองกันเลยเผื่ออะไรมันจะดีขึ้น ....มันดีตรงไหนครับ???

ถ้าแยกแล้วปัญหาถูกแก้ไขได้จริงรึเปล่า?

ถ้าแยกแล้วมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง?

คุณบัณรส อาจจะสนุกที่ได้ประชด....แต่ออกจะมักง่ายที่ไม่พูดถึงผลเสียที่ตามมาอีกสารพัด

 

ถ้าแยกได้จริง

อาจแก้ปัญหายางได้...แต่มันก็จะมีปัญหาเกษตรกรอื่นที่เรียกร้องให้แก้ปัญหาของกลุ่มตัวเองสารพัด

มั่นใจได้อย่างไรว่าผู้บริหารจะมีความรู้ความสามารถเพียงพอ?

ถ้าสมมุติ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้บริหารคุณคิดว่าคนใต้ส่วนใหญ่จะยอมรับรึเปล่า?

คำถามมีอีกตั้งเยอะแยะ....อย่าประชดหรือยุคนอื่นเพื่อความสะใจเลยครับเพราะจะกลายเป็นว่าเกิดผลเสียตามมาแล้วจะรับผิดชอบกันไม่ไหว

 

 

จริงๆแล้วก็อยากให้แยกภาคปกครองเป็นรัฐแบบเหมือนอเมริกาไปเลยครับ
เพียงแต่อาจให้ส่งภาษีเข้ารัฐสัก 20% ของภาคก็พอ ที่เหลือให้แต่ละภาคบริหารกันเอง

 

เพราะรู้สึกปัจจุบันมีการเอาเปรียบกันด้วยเรื่องจำนวนประชากร และเอาเปรียบด้วยการ

ก่อตั้งจังหวัดใหม่ๆเพิ่มขึ้นเพื่อชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้ง (ภาคไหน ก็คงพอรู้กันอยู่)

และถ้าถูกถ่วงด้วยจำนวนประชากรไร้คุณภาพอยู่แบบนี้ มีหวังประเทศไทยไปไม่ถึงไหน

ดีไม่ดีจะล่มเอา

 

มีคนร้องขอให้ประชาธิปัตย์ไปบุกภาคอีสานบ้าง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ ประชาธิปัตย์อยู่ได้ในภาคกลาง

และภาคใต้ เพราะพื้นฐานวัฒนธรรมชีวิตและการเมืองมันเป็นคนละแบบกันเลยกับภาคอีสาน

 

วัฒนธรรมชีวิตแบบภาคใต้คือแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบตัวเอง เวลาที่ส่งลูกหลานมาเรียนในกรุง

คนใต้จะไม่เคยเรียกร้องให้ลูกหลานส่งเงินไปให้ หรือวันเทศกาลต้องเอาของไปฝาก ตรงกันข้าม

เวลาคุณกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ คุณแทบจะไม่ต้องหิ้วอะไรไปฝากเลย แต่ขากลับขึ้นมา ยังโดนยัดเยียดทั้งผักผลไม้ 

หิ้วกันแขนแทบเคล็ดเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาถือว่าพึ่งพาตัวเองได้ ไม่ต้องการจะพึ่งคนอื่น

 

ลองเทียบกับสไตล์ของภาคอีสาน ที่ส่งลูกหลานเข้ามาเพื่อเรียนหรือทำงาน แล้วก็ต้องส่งเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปอุดหนุนครอบครัวที่บ้านนอก

เวลากลับไปเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาล ก็ต้องหอบหิ้วของฝากไปให้ บางครั้งหมดเป็นหมื่น นั่นคือธรรมเนียมของเขาที่เน้นการพึ่งพา

และเป็นเรื่องที่เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ

 

และสไตล์ชีวิตแบบนี้แหละที่ส่งผลกับแนวคิดของการเมือง  คนใต้เลือกนักการเมืองมาเพื่อทำงานให้ประเทศ ทำไงก็ได้ แต่อย่าให้กรูขายหน้า
ขณะที่สไตล์การเมืองอีสานก็คือแบ่งผลประโยชน์จากส่วนกลางไปเผื่อแผ่ให้ท้องถิ่น แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันสุดโต่งกันไปคนละทิศ
และยิ่งนักการเมืองอีสานเข้ามาบริหารประเทศแบบโกงอย่างมูมมามด้วยแล้ว...คิดว่าคนใต้จะรู้สึกอย่างไร

 

และคนใต้ปัจจุบันก็ไม่ต่างจากคนภาคกลางส่วนใหญ่ ก็คือเป็นคนชั้นกลางที่มีรายได้สูง แต่มีครอบครัวขนาดเล็ก

จ่ายภาษีสังคมสูง พึ่งพาตัวเองได้มาก เห็นความสำคัญของการศึกษา ปัจจุบันผมดูจากความเป็นอยู่ของเพื่อนๆส่วนใหญ่ที่เรียนจบมา

ถ้าจะดูความรวดเร็วในการตั้งหลักปักฐานในสังคมหลังจากเรียนจบ จะเป็นตามลำดับแบบนี้เลย

 

คนไทยเชื้อสายจีน - คนใต้ - คนภาคกลางไทยแท้ - คนภาคอื่นๆ

 

ดังนั้นผมก็เห็นด้วยกับการแยกมณฑลปกครอง ลดอำนาจส่วนกลางลง เพิ่มอำนาจการบริหารท้องถิ่นขึ้น

มันจะได้สะท้อนคุณภาพของประชากรจริงๆ  เพราะพูดตรงๆว่าผมก็รำคาญพวกที่มาแย่งทรัพยากรที่คนอื่น

อุตส่าห์ทำแทบเป็นแทบตายแล้วยังอ้างบุญคุณมั่วซั่วนี่จริงๆเลย

  -_-

 

สำหรับคุณเจ้าของกระทู้ ด้วยความเคารพนะครับ....ผมก็ไม่สนับสนุนแนวคิดแบบคุณเหมือนกัน

เจอนายกโง่ๆแบบทุกวันนี้ก็แย่เกินจะทนแล้วครับ

ถ้านายกของประเทศไทยไม่ว่าพรรคไหนเกิดคิดแบบคุณขึ้นมาประเทศไทยพังครับ

 

อย่าลืมว่าในหลายๆพื้นที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่แข็งพอที่จะแข่งกับพรรคอื่น

ประชาธิปัตย์จะหาตัวแทนที่พร้อมอย่างคุณอี้ แทนคุณ หรือคุณกิตติศักดิ์  ส่องแสง ได้ทุกพื้นที่รึเปล่าครับ

 

ผลประโยชน์ส่วนตน, ผลประโยชน์พวกพ้อง, ผลประโยชน์ชาติ

วิธีคิดแบบคุณอาจแก้ปัญหาของคุณและคนในพื้นที่ได้แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาบนพื้นฐานผลประโยชน์ชาติครับ 

 

เสรีไทยคนข้างนอกเข้ามาอ่านก็มีเยอะ

ความคิดเห็นของสมาชิกเสรีไทยส่วนใหญ่ควรรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมด้วยนะครับ สร้างกระแสขึ้นมาแล้วอาจเป็นปัญหาใหญ่ให้กับประเทศชาติเราก็ควรเบรกกันบ้าง




#831206 voice of cao cao (กระทู้เสี่ยงคุก!!! ใครแสดงความเห็นโปรดระวัง) :...

โดย ซุ่มเงียบ on 2 กันยายน พ.ศ. 2556 - 23:06

ถ้าลุงโจจะหวังกับทหารเท่าที่ดูตอนนี้คงยากครับ

 

ถึงยิ่งลักษณ์จะเครื่องบินตกวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ทักษิณมันก็ยังจะหาทายาทตัวใหม่มาแทนได้อีก 




#831189 voice of cao cao (กระทู้เสี่ยงคุก!!! ใครแสดงความเห็นโปรดระวัง) :...

โดย ซุ่มเงียบ on 2 กันยายน พ.ศ. 2556 - 22:33

ถ้า ชินวัตร ดามาพงศ์ ถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ซักปีนึงจะได้ผลดีกว่าแนวคิดของลุงโจไหมครับ

 

มองในแง่ของการสูญเสีย ถ้าใช้วิธีของลุงโจผมคิดว่าคนบาดเจ็บล้มตายไม่น้อยกว่าปี 53 แล้วไหนจะการแทรกแซงจากต่างชาติอีก