== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==
เพียงแค่เห็นต่าง ก็หยาบได้ . . . อนาถครับ
- Tam-mic-ra. likes this
Posted by pornchokchai on 20 June 2013 - 10:09
Posted by pornchokchai on 20 June 2013 - 10:04
คนบางคน สู้ด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็ทำเป็นมองไม่เห็นก็มีนะครับ ดร
ชอบคำนี้มากครับ ย้ำให้อีกที
" คนบางคนสู้ด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็ทำเป็นมองไม่เห็น "
ผมมาตอบทุกเม็ดครับ ตอบจนคนขลาด จะพยายามไล่ผมออกจากบอร์ด เพราะถกด้วยเหตุผลไม่สำเร็จครับผม . . . ไม่มีใครกล้าเช่นนี้นะครับ
Posted by pornchokchai on 19 June 2013 - 22:01
Posted by pornchokchai on 17 June 2013 - 19:26
Posted by pornchokchai on 17 June 2013 - 15:21
แม้ในหลวง ร.5 จะพระราชทานที่ดินให้จุฬาฯ แต่ในเมื่อมีหน่วยงานอื่นมาใช้พื้นที่ตั้งนานแล้ว ก็ควรตัดให้เขาใช้บ้าง เขาก็ใช้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ว่า มศว.ปทุมวัน อุเทนถวาย ไม่ใช่จะอ้างเพื่อเอาที่ไว้ใช้ประโยชน์คนเดียว ที่ทางของตัวเองก็เยอะแยะ แพง ๆ ทั้งสิ้น สนามศุภฯ ก็ให้เช่าแสนแพง เอาเงินเข้าจุฬาฯ . . . . คนได้ประโยชน์ของแค่บุคลากรจุฬาฯ โดยเฉพาะระดับสูง
ปล. แม้ผมจะมีที่ทำงานแห่งแรกคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ สถาบันวิจัยสังคม ในโครงการอาสาสมัครเพื่อสังคม ในปี พ.ศ.2523 - 2525 และยังไปบรรยายให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา แต่เรื่องนี้ผมขอไม่เห็นด้วยกับจุฬาฯ ครับ
Posted by pornchokchai on 16 June 2013 - 06:25
Posted by pornchokchai on 14 June 2013 - 20:24
ดูการที่ผมจัดประกวดเรียงความชิงโล่พระราชทาน และโล่เกียรติยศ ในครั้งก่อนหน้านี้ ครับผม
วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554
Posted by pornchokchai on 14 June 2013 - 20:22
รอยแก้จากเลข 2 โล่ เป็น 3 โล่ ก็แก้โดยเจ้าหน้าที่สำนักฯ ครับผม
ท่านใด ไม่เชื่อ ก็โทร. ไปถามได้เลยครับ ตามเบอร์ข้างท้าย
Posted by pornchokchai on 14 June 2013 - 20:20
ผมจัดประกวดเรียงความชิงโล่สมเด็จพระเทพฯ มาเป็นโล่ที่ 3 มาแล้วครับ
กลับมีคนไม่ดีหาเรื่องว่า ทำไมขอไป 2 โล่ แต่มอบ 3 รางวัล
ผมก็ตอบไปว่าสำนักราชเลขาฯ เขาพิมพ์ผิด เพราะในจดหมายก็เห็น ๆ อยู่ว่า 2 รางวัลและมีรางวัล 3 ระดับคือนักเรียน นักศึกษาและประชาชน
มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ก็เลยเอาไปให้ทางสำนักฯ แก้ไข เขาก็แก้ไขมาเป็นเลข 3 แต่โดยที่ไม่ใช่สัญญาอะไร จึงไม่ได้มีการลงนามกำกับ ทางสำนักฯ ให้ผู้สงสัยโทร.ไปถามได้เลยครับว่าได้กี่โล่กันแน่ . . . แน่ ๆ คือ 3 โล่ แต่หนังสือเดิมจากสำนักฯ พิมพ์ผิด
คราวนี้ผมเลยให้มูลนิธิแนบหนังสือขอรับพระราชทานโล่มาให้เห็นด้วยว่า ขอรับพระราชทานไป 3 โล่ สำหรับ 3 ระดับ เพียงแต่ทางสำนักฯ พิมพ์ผิด
คนพาลก็พยายามหาเรื่อง กระพือความเท็จไปทั่ว นี่คือสิ่งที่สมาชิกบอร์ดที่มีใจเป็นธรรมพึงสังวร ครับผม
ปล. ถ้าตอบโต้ไปมาแล้ว MOD หาว่าผมตอบมาก เอากระทู้ผมเข้ากรุอีก หรือ block ผมอีกก็จนใจจริง ๆ ครับผม
ประกวดเรียงความชิงโล่รางวัลพระราชทาน 5/2556
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เรื่อง “อย่าซื้อที่ดิน สปก.4-01 ภบท.5 ผิดกฎหมายและทำลายป่า”
เนื่องด้วยมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย จะจัดการประกวดเรียงความ ประจำปี 2556 (ปีที่ 5) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ในการนำเสนอแนวทางในการรักษาป่า โดยอย่าซื้อที่ดิน สปก.4-01 ภบท.5 เพราะผิดกฎหมายและเป็นการทำลายป่า มูลนิธิฯ จึงขอเชิญท่านผู้สนใจส่งเรียงความเข้าประกวด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
ประเภท1. รางวัลชนะเลิศ
2. รางวัลชมเชย ในทุกระดับ ๆ ละ 5 รางวัล ๆ ละ 2,000 บาท รวมอีก 9 รางวัล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ
เงื่อนไขกำหนดเวลาดร. โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
ผศ. อัศวิน พิชญโยธิน ประธานกรรมการที่ปรึกษา โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
นายประทีป ตั้งมติธรรม สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นายพัลลภ กฤตยานวัช ผอ.ฝ่ายวิชาการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ดร. ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล อดีตนายกสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย
Posted by pornchokchai on 10 June 2013 - 21:01
Posted by pornchokchai on 10 June 2013 - 06:33
ตอบ clear แล้ว ก็ยังไม่จบ ไม่เป็นไรครับ เมื่ออคติบังตาก็เป็นอย่างนี้
การพิมพ์ผิด ก็เห็น ๆ อยู่ ให้ 3 ระดับ 3 รางวัล ก็ต้อง 3 โล่ แต่พิมพ์ผิดเป็น 2 โล่ ก็เท่านั้น การคุ้ย เท่ากับ การ discredit สำนักพระราชวัง ไม่ได้ discredit ผมเลย เพราะผมดีอยู่กับตัวอยู่แล้ว
คนที่โหนสถาบันมาใส่ร้ายคนอื่น ทำให้สถาบันมัวหมอง เป็นการ "ดึงฟ้าต่ำ" นับเป็นคนเลวแท้
ที่ผมไม่ไปตอบพวกคนพาลก็เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ ในเมื่อตั้งกระทู้มาด่าผมเป็นเท็จ ผมก็มีสิทธิตั้งกระทู้ ชี้แจง เป็นคนจอมปลอม คิดแต่จะปิดปากคนจริงท่าเดียว
ผมอยากให้กระทู้นี้เป็นกรณีศึกษาของพวกที่มีอคติเต็มพุงได้เห็นครับว่า ความไม่เข้าใจของคนในชาติ เกิดจากคนไม่รักชาติที่ชอบใส่ไคล้คนอื่นครับผม
Posted by pornchokchai on 9 June 2013 - 16:39
ตลกจริง ๆ ครับ เจอร้านเดียวเอามา show ได้นะครับ ของผมเจอเป็นสิบ ๆ ร้านในย่านสีลม 1 ปีที่ผ่านมา สำรวจ 3 ครั้ง ราคาไม่ได้ขึ้นเลยครับผม ไปสำรวจอย่างเป็นระบบ จำนวนมาก ๆ อย่างผมซี่ครับผม
น่าไปเดินใหม่อีกรอบละนะ ด้อกฯ
ทุกเมนู เพิ่ม 5.-
Posted by pornchokchai on 9 June 2013 - 12:04
ถ้าจะปราบทุจริตต้องเลิกการดำหัวและตบเท้าอวยพร
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ถ้าประเทศไทยมุ่งหวังที่จะปราบปรามการทุจริตจริง สิ่งหนึ่งที่พึงดำเนินการก็คือการสั่งห้ามประเพณีการดำหัวและการตบเท้าอวยพรให้หมดสิ้นจากวงราชการ จะปล่อยให้ใครมาแอบอ้างวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามที่ควรรักษาไว้ในบ้านและชุมชนมาเป็นเครื่องมือในการไต่เต้ามิได้
ในช่วงสงกรานต์ เรามักจะพบการรดน้ำดำหัวข้าราชการผู้มียศและตำแหน่งสูงกว่า ตั้งแต่ระดับหัวหน้าส่วนราชการ ระดับตำบล ระดับอำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด บางภูมิภาคกินเวลาเกือบสองสัปดาห์ ในห้วงเวลานั้น การงานก็ย่อหย่อน เลิกงานก็มักก่อนเวลา งบประมาณที่ใช้ถ้าไม่ได้มาจากเงินที่ผ่องถ่ายมาจากส่วนราชการเอง ก็มาจากการ ‘ไถ’ จากภาคธุรกิจ หรือการลงทุนของตัวเอง ซึ่งก็คงคาดหวังถอนทุนในภายหลังและหวังสร้างสายสัมพันธ์เพื่อความก้าวหน้าในวงราชการโดยไม่ได้วัดจากผลงานหรือความสามารถเป็นหลัก
ในปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีว่าโอกาสการเติบโตในวงราชการของข้าราชการในแต่ละหน่วยงานนั้น ขึ้นอยู่กับ ‘ดวง’ อันได้แก่ว่าเป็น ‘เด็ก’ ของใคร ได้ ‘วิ่ง’ เพียงพอและต่อเนื่องหรือไม่ และสุดท้ายคือ ‘เงิน’ ถึงเพี่อการซื้อตำแหน่งหรือไม่ ตำแหน่งที่ต้องใช้เงินซื้อนั้น ต้องเป็นตำแหน่งที่มีโอกาสกระทำการทุจริต ‘ถอนทุน’ นั่นเอง วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทยจึงถูกบิดเบือนมาเพื่อการประกอบการทุจริตอย่างเป็นกระบวนการ
ตัวอย่างสำคัญก็คือ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2555 มีข่าวสะเทือนขวัญที่นายตำรวจยศพันตำรวจเอกระดับผู้กำกับนายหนึ่งในอำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร บัญชาการปล้นรถขนเงินของธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี นัยว่าเพื่อจะนำเงินจำนวน 14 ล้านบาทที่ได้จากการปล้นเพื่อไปซื้อตำแหน่งเป็นผู้กำกับในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถ้านายตำรวจนายนี้หาเงินในทางทุจริตทางอื่นได้ครบตามจำนวน ก็คงไม่จำเป็นต้องออกปล้น จนเสียอนาคตของตนเองเช่นนี้ นี่แสดงว่ากระบวนการโกงกินได้ฝังลึกในระบบราชการแล้ว
ดังนั้นเพื่อตัดโอกาสการประจบสอพลอ รัฐบาลจะต้องประกาศห้ามการรดน้ำดำหัวข้าราชการเนื่องในประเพณีสงกรานต์โดยเฉพาะห้ามดำเนินการในวันราชการ บุคคลสำคัญต้องไม่จัดงานวันเกิดที่เชิญแขกมามากมายเช่นที่เห็นอยู่ทั่วไป ทั้งนี้ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการทุกระดับ ยกเว้นการจัดงานในครอบครัวนอกเวลาราชการ ข้าราชการผู้ใหญ่รายใดไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ควรลาออกจากราชการหรือไปอยู่ในภาคธุรกิจ
ยังมีประเพณีเกี่ยวเนื่องที่ทางราชการควรยกเลิกเพื่อตัดตอนการประจบสอพลอที่จะนำไปสู่การทุจริตและประพฤติมิชอบได้แก่:
1. ยกเลิกประเพณีการตบเท้าอวยพรข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในโอกาสเลื่อนยศ เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง
2. ห้ามการเลี้ยงส่งไปรับตำแหน่งใหม่ ฯลฯ
3. ห้ามการเกณฑ์ข้าราชการและประชาชนมาจัดขบวนรับหรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะเดินทางไปหรือกลับจากต่างประเทศ
4. ห้ามการแห่แหนให้มีริ้วขบวนมาต้อนรับในโอกาสที่ผู้หลักผู้ใหญ่เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งนี้เพราะกิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะเป็นการส่งเสริมการกทำงานด้วยลิ้นแล้ว ยังสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและเสียเวลาการปฏิบัติราชการของข้าราชการเพื่อรับใช้ประชาชนอีกด้วย
ทางราชการต้องให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงว่า การทำงานด้วยลิ้นหรือการเลียนาย เป็นหนทางไต้เต้าที่น่าอัปยศอดสู เป็นบ่อเกิดการทุจริต โกงกิน เป็นการบ่มเพาะเชื้อร้ายในวงราชการ หากสามารถตัดโอกาสการอ้างประเพณีอย่างแนบเนียนมาเพื่อการเลีย และเพื่อการเติบโตในวงราชการทางลัดแล้ว ระบบราชการก็จะได้ข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถจริงมาปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ในภาคประชาสังคม ก็ควรรณรงค์ให้มีการรณรงค์ต่อต้านข้าราชการที่ได้ดีจากการทุจริตและประพฤติมิชอบ เช่น การเดินขบวนไปประท้วงหน้าบ้าน หรือ ณ สถานที่ราชการดังกล่าว การรณรงค์ให้ประชาชนไม่ไหว้หรือไม่แสดงความเคารพคนโกงกิน เป็นต้น การสร้างกระแสสังคมที่ดีงามจากพลังประชาชนเช่นนี้น่าส่งเสริม และจะเป็นการปรามการทุจริตได้ทางหนึ่ง
และในขณะที่รณรงค์ให้ประชาชนไม่ร่วมมือกับการบิดเบือนประเพณีอย่างผิด ๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทางราชการยังต้องสั่งยกเลิกหรือห้ามการรดน้ำดำหัวและการตบเท้าอวยพรโดยเด็ดขาดและทันที และจะต้องจัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาสอดส่องและตรวจจับการฝ่าฝืน มีบทลงโทษที่เข้มงวด รวมทั้งดำเนินการลงโทษอย่างจริงจังเมื่อพบการฝ่าฝืน การยกเลิกประเพณีการโกงจึงต้องดำเนินการไปพร้อม ๆ กันทั้งการป้องกัน การให้การศึกษาและการปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจัง
สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้นำการทำสงครามกับบิดเบือนประเพณีข้างต้นอันเป็นส่วนหนึ่งของ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจัง ถ้าราชการไทยสามารถทำได้ บางทีประเทศไทยอาจแทบไม่ต้องมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามการทุจริตแห่งชาติ แต่หากวัฒนธรรมการทุจริตข้างต้นยังอยู่ การดำรงอยู่ของสำนักงานฯ ดังกล่าว ก็คงเป็นแค่ “หัวหลักหัวตอ”
ช่วยกันกำจัดการทุจริตให้สิ้น เพื่อแผ่นดินไทยอยู่รอด
Posted by pornchokchai on 5 June 2013 - 15:12
คืนทางเท้ากี่ที่ครับ แถวบ้านคุณและผม ก็ยังขายกันจนต้องเดินถนนนะครับผม
เฮ้อ น่าอนาถใจแท้ คนเขาสรรเสริญกันทั่วเรื่องคืนทางเท้าให้คนกรุง
นายโสภณ กลับทำตัวขี้แพ้ชวนตี ไหนคิดตรรกะมาได้ว่าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ก็ปล่อยเขาทำงานไปดิครับ ไว้ 6 เดือนมาตั้งกระทู้ก็ไม่สาย
Posted by pornchokchai on 5 June 2013 - 13:39
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net