Jump to content


pornchokchai

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2557 16:47
*----

#1013739 ฟัง ดร.โสภณ พรโชคชัย กระซวก ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เรื่อง "มหาประชาชน"...

โดย pornchokchai on 18 มกราคม พ.ศ. 2557 - 06:22

ลองฟังดูนะครับ
และวิพากษ์ตามกระทู้ อย่านอกเรื่องนะครับ
เชิญ click นะครับ
http://www.youtube.c...h?v=J9_dd8XzT_M

 

ปล. เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตรงไหน คุยให้ตรงกระทู้ สมาชิกบางท่านอย่าใช้นิสัยพาลนะครับ อย่าลืม motto ของบอร์ดนี้เขียนไว้ว่า "เสรีภาพทางความคิด. . . . " นะครับ

 

ผมอาจตอบช้า เพราะ MOD ต้องตรวจดูคำพูดของผมก่อน (ฮา) ไม่รู้จะเป็นเผด็จการไปถึงไหน แค่ผมพูดก็กลัว ต้อง censor ก่อน . . . อย่าลืม Motto ของบอร์ดนี้นะครับ "ต้านวิกฤติเผด็จการ" . . . อย่าเป็นเผด็จการทางความคิดเสียเองนะครับผม ขอบคุณครับผม
 




#863241 ไม่มีเสือในที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์

โดย pornchokchai on 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 04:28

ดูไว้ครับ พวกคนดี คนเห็นแก่ป่าไม้และสัตว์ป่า คนรักชาติ หลายคน หยาบคาย ไร้เหตุผล เมื่อมีคนเห็นต่าง นี่คือความน่าอนาถของสังคมไทยครับผม




#766716 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:15

พิพากษายกฟ้อง 2 นปช.เผาเซ็นทรัลเวิล์ด
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2556 เวลา 22:47 น.
192939.jpg
0.jpg
192939.jpg0.jpg
 

พิพากษายกฟ้อง 2 นปช. คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลชี้พยานอัยการยังไม่ชัด ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ ไม่สั่งขังระหว่างอุทธรณ์ ขณะที่ศาลพร้อมออกหมายปล่อย
 

วันนี้ ( 25 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 405 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด คดีหมายเลขดำ ด. 2478/2553  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสายชล แพบัว อายุ 31 ปี ชาว จ. ชัยนาท การ์ด นปช. และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 29 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2  ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวก ร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกัน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ กทม. ซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และได้เข้าไปในบริเวณอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ใช้กำลังทำลายบานกระจก ผนังอาคารบานกระจกประตู อาคารเซ็นทาวเวอร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ จนแตกเสียหายเป็นการกีดขวางการจราจร ขัดขวางต่อการประกอบกิจการของห้าง ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียหายและเกรงกลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันเข้าไปภายในบริเวณอาคารเซ็นทาวเวอร์ และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เป็นทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้าของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

 

และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ ลุกลามเผาอาคารเซ็นทาวเวอร์ และไฟไหม้เผาทรัพย์สินต่างๆของผู้เสียหาย ที่มี 270 ราย รวมค่าเสียหาย 8,890,578,649.61 บาท และเป็นเหตุให้ นายกิติพงษ์ หรือกิตติพงษ์ สมสุข ที่อยู่ภายในอาคารดังกล่าวถึงแก่ความตาย  เหตุเกิดที่แขวง- เขตปทุมวัน กทม. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  33,83,91,217,218,224 และ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4,5,9,11,18 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงวันที่ 7 เม.ย.53 และประกาศศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม ลงวันที่ 8 เม.ย.53 ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ     

 

โจทก์นำสืบว่า ระหว่างมี.ค.-พ.ค.53 กลุ่ม นปช.ได้จัดชุมนุมทางการเมืองที่แยกราชประสงค์เขตปทุมวัน กทม. ซึ่ง มีผลทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าไปซื้อสินค้าและบริการภายในห้างสรรพสินค้าเซนและเซ็นทรัลเวิล์ดที่ได้ปิดบริการชั่วคราวแต่ยังจัดให้มีการรักษาความปลอดภัย 24 ชม.เพื่อดูแลความเรียบร้อยรวมทั้งป้องกันเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยหลังจากที่แกนนำประกาศยุติการชุมนุมแล้วได้มีกลุ่มคนร้ายใช้ไม้และเหล็กทุบกระจกเข้าไปในห้างเซน และใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่บรรจุน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟแล้วโยนเข้าไปในบริเวณชั้น 1 ของห้างซึ่งเป็นแผนกเครื่องสำอางน้ำหอมและเสื้อผ้าทำให้เพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ รปภ.ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เป็นเหตุให้นายกิติพงษ์ หรือกิตติพงษ์ สมสุข ถึงแก่ความตาย ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์พบว่าสำลักควันและขาดอากาศหายใจ

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มี รปภ.ซึ่งเป็นประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์และถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ขณะถือถังดับเพลิงสีเขียวของห้างไว้ได้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 พ.ค. เบิกความ เห็นจำเลยกับกลุ่มคนร้าย 5-6 คน ใช้ไม้ทุบกระจกเข้ามาภายให้ห้างซึ่งตนเกิดความหวาดกลัวจึงได้หลบไปอยู่ชั้น 3 ระหว่างนั้นได้ถ่ายภาพจำเลยไว้ด้วย ขณะที่ พงส.สน.ชนะสงคราม ได้ขอหมายศาล จับกุมจำเลยที่ 1 ได้ที่สนามหลวงหลังเกิดเหตุ ซึ่งได้พูดคุยกับจับเลยที่ 1 แล้วไม่ได้ขัดขืนการจับกุมและยอมให้การแต่โดยดีว่าเป็นคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของศาล ขณะที่ พงส.สน.ปทุมวันเบิกความว่า หลัง ตำรวจ สน.ชนะสงครามส่งตัวจำเลยมาให้ ซึ่งในพยานซึ่งเป็น รปภ.ชี้ตัวได้ถูกต้องถึง 2 ครั้ง ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 รับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุแต่ไม่ใช้ผู้กระทำผิด ส่วน พงส.ดีเอสไอ เบิกความ หลังจากที่ได้รับคดีนี้มาเป็นคดีพิเศษ จำเลยที่ 1 ได้ให้การใหม่ว่า ขณะเกิดเหตุขายซีดีอยู่ที่ห้างอิมพีเรียลเวิร์ล อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ เขียนได้เฉพาะชื่อตนเอง

 

ศาลเห็นว่าแม้โจทก์มีพยานเป็น รปภ.ซึ่งเป็นผู้ถ่ายภาพของจำเลยที่ 1 ได้ในที่เกิดเหตุ แต่ก็อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 30 เมตร และเห็นเพียงว่าจำเลยที่ 1 ถือถังดับเพลิง ซึ่งไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะใช้ในการวางเพลิง แม้จะอนุมานไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 จะเข้าไปช่วยดับเพลิงหรือไม่ ประกอบกับพยานโจทก์ปากนี้ก็ไม่สามารถตอบคำถามทนายจำเลยได้ว่าเห็นจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ นอกจากนี้โจทก์ยังไม่มีพยานปากอื่นที่จะมาเบิกความชี้ชัดถึงพฤติการณ์จำเลยที่ 1 ในการวางเพลิงหรือสนับสนุนการวางเพลิงแต่อย่างใด นอกจากภาพถ่ายเพียงใบเดียวที่แสดงให้เห็นเพียงช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่มีใครเห็นว่าจำเลยที่ 1 จะทำอย่างไรต่อไป พยานโจทก์จึงยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายที่ร่วมทำผิดในคดีนี้หรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

 

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น โจทก์มีพนักงานห้างเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นคนร้ายประมาณ 40-50 คน มีชาย 4-5 คน เดินนำหน้าใช้หนังสติ๊กยิงใส่เป็นระยะพนักงานจึงหลบหาที่กำบัง และเห็นชายชุดดำลายพรางสวมหมวกปีก ใช้ระเบิดโยนใส่มีคนเจ็บ 9 คน  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายภายในห้างได้จำนวน 9 คน มีจำเลยที่ 2 รวมอยู่ด้วย จึงพาไปคุมตัวที่ลานจอดรถ 

 

อย่างไรก็ตามคำเบิกความของพยานโจทก์กลุ่มนี้ที่สามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานจำเลยที่ 2 ได้ตรงกันหมด ยกเว้นเพียงสีเสื้อที่ไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ ทั้งที่ระหว่างนั้นพยานต้องคอยหลบลูกหินที่กลุ่มคนร้ายยิงเข้าใส่ อีกทั้งพยานอยู่ห่างไปกว่า 30 เมตร นั้นน่าสงสัยว่าจะสามารถจำคนร้ายได้จริงหรือไม่ นอกจากนี้โจทก์ยังไม่นำเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลยที่ 2 มาเบิกความถึงการจับกุมจับจำเลยว่าจับกุมได้ที่ชั้นไหน มีวัสดุหรืออุปกรณ์ หรือมีร่องรอยหลักฐานตามตัวในการวางเพลิงหรือไม่อย่างไร พยานโจทก์ที่นำสืบมานั้นยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯนั้น เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 จะให้การปฎิเสธในภายหลังว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จากคำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นจับกุม ซึ่งให้การไม่นานหลังเกิดเหตุ ว่าเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุเนื่องจากได้รับคำสั่งจากหัวหน้าการ์ด นปช.ให้เข้าไประงับเหตุ ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ห้ามชุมนุม ประกอบกับพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่าคำให้การไม่ใช่การให้ร้ายจำเลยเพื่อให้รับโทษ ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ในภายหลังจึงไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน

 

ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นเนื่องจากพนักงานอัยการได้เคยยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ในอีกคดีหนึ่งของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาแล้วเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อเดือน ธ.ค.54 ซึ่งพฤติการณ์ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุคดีนั้นเกี่ยวพันกับคดีนี้ ถือเป็นความผิดกรรมเดียว จึงไม่สามารถนำคดีมาฟ้องให้ศาลลงโทษได้อีก พิพากษายกฟ้อง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้วได้อธิบายให้จำเลยฟังว่า จำเลยถูกคุมขังมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ซึ่งเกินกว่าระยะเวลาที่ศาลลงโทษจำคุกแล้ว และศาลไม่ได้มีคำสั่งขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ จึงจะออกหมายปล่อยจำเลยจากเรือนจำภายในวันนี้ ขณะที่ศาลชี้แจงด้วยคดีนี้ถือว่ายังไม่สิ้นสุด โดยอัยการโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้

 

 

http://www.dailynews...th/crime/192939




#766715 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:14

ศาลยกฟ้อง2โจ๋ เผาเซ็นทรัลเวิลด์ พยานไม่พอ-สั่งปล่อยตัว
 
 

 

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษายกฟ้อง 2 โจ๋เผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงชุมนุมของ นปช. เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอ และไม่มีพยานเห็น 2 โจ๋เป็นคนเผา...

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.55 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นโจทก์ฟ้อง นายเพชร นามสมมติ อายุ 16 ปี และนายพลอย นามสมมติ อายุ 17 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์โรงเรือน อันเป็นสถานที่เก็บสินค้าของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 จำเลยทั้งสองร่วมกับนายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ จำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ที่ถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีหมายเลขดำ ด.2478/2553 ร่วมกับพวกที่ยังหลบหนี บุกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงการสลายการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเผาอาคารดังกล่าว เป็นเหตุให้นายกิติพงศ์ สมสุข ถึงแก่ความตายภายในอาคาร ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิด พิพากษายกฟ้อง

นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความจำเลย กล่าวว่า ศาลเห็นว่าคำเบิกความของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กทม. และเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่เป็นประจักษ์พยาน ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเห็นจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจค้นตัวหลังถูกจับกุมก็ไม่พบของกลางที่ใช้วางเพลิงแต่อย่างใด นอกจากนี้ภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไม่ปรากฏภาพของจำเลยทั้งสองอยู่ในเหตุการณ์ กอปรกับจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เพียงแค่หลบหนีเข้าไปในห้างด้วยความหวาดกลัวจากการสลายการชุมนุม จากนี้ต้องรอดูว่าอัยการจะอุทธรณ์คดีหรือไม่ โดยไม่คิดฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอเรียกร้องให้มีการเยียวยาเยาวชนทั้งสอง เพราะระหว่างต่อสู้คดีต้องลาออกจากงานเพื่อเดินทางมาขึ้นศาล ทำให้สูญเสียรายได้.

 

 

 
 
 
 
 




#766714 ขอหลักฐานเสื้อแดงเผา CTW ด่วน ที่ผ่านมาไม่มี ศาลเลยปล่อย!

โดย pornchokchai on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:13

http://www.krobkruak...ทรัลเวิลด์.html   ศาลยกฟ้อง 2 เยาวชนเผาเซ็นทรัลเวิลด์

 

 

 

 

 

วันพุธ ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555
 
SMS ข่าวช่อง 3
www.krobkruakao.com
เกาะติดทุกสถานการณ์ข่าว ที่แม่นยำ ฉับไว จากทีมข่าวมืออาชีพ ช่อง3 ทุกวัน ราคา 7 บาท/สัปดาห์

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ยกฟ้องเยาวชน 2 คน ที่ร่วมกันเผาห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงการชุมนุมทางการเมือง ปี 53 เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยาน

วันนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน เป็นจำเลยฐานร่วมกันวางเพลิงเผา ห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้ นายกิติพงษ์ สมสุข ซึ่งอยู่ในอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ถึงแก่ความตาย

โดยศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 2 คน เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานที่ระบุว่า จำเลยกระทำผิด และจากการสืบพยานที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จำเลยทั้ง 2 คนเป็นผู้ก่อเหตุ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

สำหรับคดีร่วมกันวางเพลิงเผาห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ ยังมีนายสายชล แพบัว อายุ 29 ปี และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 27 ปี ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตกเป็นจำเลยในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่เก็บสินค้าจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตร่วมด้วย โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาลอาญากรุงเทพใต้

ส่วนคดีที่เกี่ยวกับห้างฯเซ็นทรัลเวิลด์ แยกเป็นคดีความผิดฐานปล้นทรัพย์ กับคดีความผิดเกี่ยวกับการวางเพลิง โดยคดีปล้นทรัพย์ มีจำเลย 7 คน ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งยกฟ้องจำเลย 6 คน และได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำไปแล้ว เนื่องจากยังไม่มีทรัพย์สินของกลางที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด มีเพียงนายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม จำเลยที่ 3 ที่ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี

 




#766159 เสรีไทยทุกท่าน อย่าให้พวกมาร นิยมเผด็จการ ใช้คำหยาบ ยึดบอร์ด

โดย pornchokchai on 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:18




ผมว่า ใจดี20 น่ารังเกียจแล้วนะ
เพลียแทน



ใจดีอ่ะน่ารั๊ก

:lol: :lol:


แต่ไอ้ด็อกนี่อุบาทว์


-_- -_-

ใครคะ


เรื่องมันยาววววว

:lol: :lol:


แต่เอาไปศึกษาดูแระกัน

http://webboard.seri...เปลี่ยนแนว-เพร/

http://webboard.seri...43-ใจดี20-ครับ/

http://webboard.seri...่อยครับ-คือว่า/

http://webboard.seri...-จับโกหกใจดี20/


^_^ ^_^





บอกแล้ว ผมมี log in เดียว ไม่ได้มีมากๆ มาvote ปลอมๆ ครับ
  • HWD likes this


#764912 อย่ายึดมักกะสันไปทำสวนเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกรุง (บางส่วน)

โดย pornchokchai on 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:54


จริงอยู่...ของทุกๆ อย่างมันสามารถ "ประเมินราคา" ได้ทุกอย่างแหล่ะครับ

แต่มันอยู่ที่ว่า "ประเมินไปเพื่ออะไร ??" หรือ "สมควรไปทำการประเมินไหม ??" ต่างหากละครับ !!!


มาเข้าสู่เนื้อหากระทู้นิดนึงดีกว่า เดี๋ยวจะมาหาว่า นู่น นี่ นั่น อีก....

โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าทุกๆ คนในโลก ( ยกเว้นคุณโสภณและทีมงาน ) คงอยากได้อยากมีพื้นที่ "สีเขียว"

ให้เข้ามาอยู่เป็นส่วนประกอบในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน อย่างที่พยายามโฆษณา และ แสวงหากัน

กรณีเพิ่มพื้นที่ สีเขียว "คุณภาพชีวิต" ของชุมชน และ คนเมือง ต้องดีขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างแน่นอน

ไหนจะเป็นเรื่องของการช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกาย พบปะสังสรรค์ ฯลฯ

เมื่อ "คุณภาพชีวิต" ของผู้คนในสังคมดีขึ้น การเจ็บไข้ได้ป่วย ปัญหาการรักษาพยาบาล ก็น้อยลงตามไปด้วย

ในส่วนนี้ ภาครัฐ ก็ไม่ต้องเข้ามาอุ้มชู และ สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องการรักษาพยาบาล อีกซะด้วยช้ำไป...

หลังจากนั้น เมื่อมี "คุณภาพชีวิต" ที่ดีขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานย่อมดีขึ้นตามไปด้วย อีกเช่นกัน

การผลักดัน ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ก็ย่อมที่จะต้องหมุนไปในทิศทางที่ต้องการให้เป็น

ดังนั้นแล้ว...เงินค่ารักษาพยาบาลที่รัฐต้องเสียไปเพื่อการอุ้มชู ก็ถูกทดแทนด้วย "คุณภาพชีวิต"

ของประชาชนคนเมือง ที่ดีขึ้น ซึ่งมันก็คงจะคุ้มค่า ในการที่จะทำให้ กทม. มี สวนสาธารณะเพิ่มขึ้น อีกสักแห่งครับ... -_- -_-


ผมเหนด้วยกับคุณครับ
แต่ต้องไม่ใช้วิธีปล้นครับ

ก็ไม่ต้องใช้วิธีปล้นสิครับ ในเมื่อเป็นความร่วมมือ ของหน่วยงานภาครัฐ เช่นกัน

ดังนั้น กทม. ก็ขอเสนอตั้งงบประมาณ ไปยังกระทรวง ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานนี้

เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ

กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงการคลัง เป็นต้น

( แต่ว่า ภาครัฐก็อย่าทำให้น่าเกลียดเหมือนตอนที่ กทม. ของบ สร้างสนามฟุตซอลฯ ละกัน )

จากนั้นเมื่อ กทม. เสนอขอตั้งงบแล้ว รัฐบาลอนุมัติแล้ว ในส่วนที่เป็นค่าที่ดินของการรถไฟ

รัฐก็ไม่ต้องนำไปจ่ายให้กับการรถไฟอยู่แล้ว เพราะรัฐได้ทำการชดเชยให้แล้วในหลายๆ กรณี

( เหมือนอัฐยายซื้อขนมยาย กระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา อะไรก็แล้วแต่จะเรียกกัน )

และในส่วนงานก่อสร้าง ก็เอาตามงบที่ตั้งไป เพราะ "สวนสาธารณะ" ไม่เพียงแต่ "คนไทย" เท่านั้น

ที่ได้ใช้ประโยชน์ "คนต่างชาติ" ก็สามารถที่จะมาใช้ได้ และ สามารถสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้อีกด้วย

สุดท้าย "ค่าโอโซน" ที่เกิดขึ้นเพราะการมีสวนสาธารณะเพิ่มขึ้นนั้น ในงานระดับ "มหภาค" หรือ ระดับชาติ

เราสามารถที่จะ นำไปลดค่า "คาร์บอนเครดิต" ให้กับชาติ หรือ นำไปขายให้กับ "ประเทศอื่น" ก็ยังได้นะครับ


เห็นไหมครับ ยังไงประโยชน์มันก็ มากกว่าโทษ อยู่แล้ว....ได้ประโยชน์คุ้มกว่า นโยบายพล่อยๆ ทำลายชาติ ทั้งหลายเยอะแยะ... ^_^ ^_^



ผมก็เหนด้วยกับท่านหมดเลยครับ
ยกเว้นการเอาสมบัติของคนทั้งประเทศ
มาประเคนให้คน กทม บางส่วน
อย่าอ้างนักท่องเที่ยวเลยครับ
ขนาด central park ก็ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหลักนะครับ


#763836 อย่ายึดมักกะสันไปทำสวนเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกรุง (บางส่วน)

โดย pornchokchai on 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:28

อรุณสวัสดิ์ครับ ผมเขียนบทความนี้เองครับ . . . ตอนนี้กระแสเอาที่ดินของรัฐวิสาหกิจมาทำสวน กำลังมาแรง ดูดี น่ารัก เขาว่าน้ำเชี่ยว อย่าเอาเรือเข้าขวาง จะกลายเปนคนดูไม่ดีได้ แต่ผมขออนุญาตขวาง มองต่างมุมเพื่อชาติหน่อยครับ



www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement518.htm

ที่ดินมักกะสันเอาไปทำสวนสาธารณะไม่ได้
ดร.โสภณ พรโชคชัย

          มีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มที่จะเอาพื้นที่โรงซ่อมรถไฟมักกะสันไปทำสวนสาธารณะ แนวคิดนี้คล้ายดูดี แต่จะหวังฉวยเอามาประเคนให้เฉพาะคนกรุงเทพมหานครแถบนั้น คงไม่เหมาะสมเช่นกัน

          พื้นที่โรงซ่อมรถไฟมักกะสันนี้มีขนาดเกือบ 400 ไร่ เป็นโรงซ่อมมานานและพื้นที่ส่วนมากถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่ามานาน จนครั้งหนึ่งเคยมีผู้พบเห็นและสามารถจับเสือที่แอบซ่อนอยู่ในพื้นที่นี้ได้ แสดงว่าพื้นที่นี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเท่าที่ควร จนต่อมาได้มีการก่อสร้างทางด่วนและถนนเข้าไปใสพื้นที่บางส่วนทางด้านข้าง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนับเป็นทำเลทองสำคัญเพราะด้านทิศเหนือติดกับทางด่วน ด้านทิศตะวันออกติดกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้า MRT) และทางด้านทิศใต้ติดกับรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Rail Link, Airport Rail Link)

          การรถไฟแห่งประเทศไทยมีแนวคิดที่จะนำที่ดินแปลงนี้มาจัดประโยชน์ในเชิงธุรกิจ แต่ก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากกลุ่มนักอนุรักษ์ นักรักพื้นที่สีเขียว ฯลฯ เป็นจำนวนมาก อันที่จริง การแก้ปัญหาการขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่สมควรจะแก้ไขโดยการหากำไรจากทางอื่นมาโปะเพื่อตัดหรือลดการขาดทุน การขาดทุนเกิดขึ้นจากการทุจริต การบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ การตัดการขาดทุนด้วยวิธีนี้ ก็เท่ากับเป็นการรักษาไว้ซึ่งระบบการทุจริตหรือไม่ได้แก้ไขปัญหาทุจริต

          การนำที่ดินแปลงนี้ไปทำสวนสาธารณะนั้นเป็นแนวคิดที่ดูคล้ายจะดี เพราะทำให้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น กรุงเทพมหานครเองก็มีพื้นที่สีเขียวอยู่น้อยมาก  ขนาดว่ากรุงเทพมหานครนำเอาที่หนองบึง สวนสาธารณะในหมู่บ้านจัดสรร ค่ายทหาร พื้นที่สีเขียวบนเกาะกลางถนน ฯลฯ ไปนับรวมแล้ว ประชากรกรุงเทพมหานครยังมีพื้นที่สีเขียวเพียง 4.6 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้น การเคลื่อนไหวของผู้คนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ก็ดูศิวิไลซ์ น่ารักน่าชังที่ต่างเห็นแก่สิ่งแวดล้อม เห็นแก่เมือง เห็นแก่ส่วนรวมกัน

          อย่างไรก็ตาม การที่คิดจะเอาพื้นที่นี้ไปทำสวนสาธารณะก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำเช่นกัน สิ่งที่พึงเข้าใจก็คือที่ดินแปลงนี้ไม่ใช่ของชาวกรุงเทพมหานคร เป็นของประชาชนทั่วประเทศโดยรวมที่ถือครองโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนเจ้าของประเทศทุกคนเป็นเจ้าของโดยการดูแลของรัฐบาล หากชาวกรุงเทพมหานครจะถือวิสาสะ เอาที่ดินแปลงนี้ไปเป็นสาธารณะเพื่อประโยชน์ของตน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่นี้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทบทวนเป็นอย่างยิ่ง

          ที่ดินแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แถวสี่แยกอโศกแถวขนาดไม่เกิน 10 ไร่นั้น หากเป็นของเอกชนก็จะขายได้ ณ ราคาตารางวาละ 600,000 บาท หรือไร่ละ 240 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ถ้าที่ดินแปลงนี้ที่มีขนาด 400 ไร่ หักแบ่งเป็นถนนและสาธารณูปโภคอื่นสัก 40% ก็จะเหลือที่ดิน 240 ไร่ที่จะขายได้ แต่โดยที่ที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ติดถนนใหญ่ปัจจุบัน ราคาอาจลดหย่อนกว่าปกติประมาณ 30% ดังนั้นจึงน่าจะมีราคาตลาด (หากขายได้) เป็นเงินไร่ละ 168 ล้าน รวม 240 ไร่ ก็จะเป็นเงินถึง 40,320 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

          โดยนัยนี้ ประชาชนไทยโดยรวม จะยอมยกที่ดินที่มีมูลค่าสูงเท่านี้ประเคนให้คนกรุงเทพมหานครไปใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยที่ตนเองอาจได้มีโอกาสไปนั่งเล่นบ้างชาตินี้สักหนสองหน หรือในอีกทางหนึ่ง คนกรุงเทพมหานครจะ "กลืน" ที่ดินแปลงนี้ซึ่งเป็นของคนไทยทั้งชาติได้ลงคอเชียวหรือ หรือแม้หากกรุงเทพมหานครจะเจียดเอางบประมาณแผ่นดินที่เก็บจากภาษีของคนกรุงเทพมหานครมาซื้อ คนในกรุงเทพมหานครที่อยู่ในเขตที่ห่างไกลออกไปก็อาจไม่ยินยอมพร้อมใจให้ซื้อก็ได้ เพราะตนก็จะได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าไปด้วย

          ในที่นี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงเสนอทางออกให้มาที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หอประชุม-สัมมนา โรงแรม ที่พักอาศัยให้เช่าระยะยาว ฯลฯ โดยใช้พื้นที่เพียง 60% ของที่ดินทั้งหมด (240 ไร่จากประมาณ 400 ไร่)

          พื้นที่ส่วนที่เหลือ นอกจากเป็นถนนและสาธารณูปโภคต่าง ๆ แล้ว ยังอาจเป็นสวนสาธารณะรอบ ๆ พื้นที่ก่อสร้างอาคาร เพื่อเพิ่มมูลค่าของที่ดิน และควรประสานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้าทั้งสองสายเพื่อเชื่อมสถานี ตลอดจนการจัดทำรถไฟฟ้ามวลเบา (Light Rail / Monorial) วิ่งอยู่ภายในโครงการเพื่อลดปัญหามลพิษอีกด้วย หากจัดการให้ดี ราคาที่ดินที่คาดว่าจะได้รับเป็นเงินไร่ละ 168 ล้านบาท หรือ 70% ของราคาตลาด ก็อาจได้รับรู้มูลค่าสูงกว่านี้ ทำให้โครงการมีความเป็นไปได้ทางการเงินมากกว่านี้เสียอีก

          โครงการนี้ไม่พึงให้เอกชนรายใดรายหนึ่งประมูลไปทำแบบเหมาเข่ง ควรจัดสรรแปลงที่ดินตามแผนแม่บทให้เรียบร้อยแล้วแยกประมูลเป็นแปลงย่อยไป และควรทำสัญญาให้รัดกุม หากเอกชนรายใดไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามกำหนด ก็สามารถเปลี่ยนรายใหม่ได้ โดยไม่กลายเป็นปัญหาเช่นที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกรณีโครงการโฮปเวลล์ เป็นต้น 

          และโดยที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่ดิน หรือแม้แต่หน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจอื่นใดที่ครอบครองที่ดินอยู่แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ควรคืนหลวง ให้กรมธนารักษ์ โดยบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการ โดยยกระดับหน่วยงานนี้ให้เป็นหน่วยงานที่ชำนาญการพัฒนาที่ดิน เช่นเดียวกับ Urban Redevelopment Authority ของประเทศสิงคโปร์

          รัฐบาลพึงนำรายได้ที่ได้จากการนี้มาพัฒนาประเทศโดยรวม จึงจะเหมาะสมกับที่ดินแปลงนี้เป็นสมบัติของประชาชนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม บางท่านอาจเกรงว่ารัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารประเทศ (ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม) จะโกง กรณีการโกง หน่วยงานที่ตรวจสอบหรือคณะบุคคลที่อาสาตรวจสอบ ก็ต้องตรวจสอบเป็นเรื่อง ๆ ไป แบบ "กัดไม่ปล่อย" จะอ้างเอาการทุจริตขึ้นมาเพื่อจะได้ไม่ต้องทำอะไร ประเทศก็ไม่พัฒนา แล้วปล่อยให้เกิดการ "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" จากทรัพยากรของประเทศโดยรวม ก็ย่อมไม่ได้

          การจัดการที่ดินของรัฐเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมจริง ๆ ต้องมองให้ไกลกว่าปลายจมูก




#761947 เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ต้องจัดการอลัชชีและมารศาสนา: เณรคำ

โดย pornchokchai on 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:59

ไม่คิดจัดการเณรคำก่อนหรือครับ


#761945 เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ต้องจัดการอลัชชีและมารศาสนา: เณรคำ

โดย pornchokchai on 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:59

แต่จานบิน แนบชิดคณะพระผู้ใหญ่มากครับ


#761941 เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ต้องจัดการอลัชชีและมารศาสนา: เณรคำ

โดย pornchokchai on 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:57

แต่มติคณะสงฆ์ จัดการเชือดสันติอโศกไปแล้วครับ


#760810 24 มิถุนายน วันประชาธิปไตย

โดย pornchokchai on 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:54

วันนี้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย แม้ประชาธิปไตยไทยจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ผมก็เชียร์ระบอบนี้ที่ทั่วโลกยอมรับ . . . ขอให้ประชาชน ประเทศชาติและประชาธิปไตย จงเจริญ . . . ขอให้เผด็จการทรราช และเหล่าลูกสมุนหรือผู้ที่ได้ประโยชน์จากเผด็จการ จงพินาศ




#757541 เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง: กลับมาแล้ว

โดย pornchokchai on 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:22

 

 

 

 

...

1 เขารู้กันทั้งเมือง แถวบ้านผมไม่เรียกหลักฐานครับ
2 เรื่องการข่มขู่บังคับ ผมหาไม่เจอครับ แล้วผมก็ไม่เห็นว่าคนที่ไปโหวตนั้นจะโดนบังคับได้อย่างไร ในเมื่อคนจงใจทำบัตรเสียไม่เห็นด้วยก็ยังมี ทางที่ดีคุณเอาหลักฐานมาแย้งดีกว่า แบบนี้ก็เหมือนเดิม กล่าวลอยๆ

 

 

คุณแน่จริงอย่าทำตัวเป็นสมุนทรราชค้านการแก้รัฐธรรมนูญซี่ ให้รัฐบาลมันแก้ไข แล้วให้ลงประชามติ ผมเชื่อว่าประชาชนรับแน่นอนครับ

 

 

แก้ รัฐธรรมนูญ ที่ว่านี้ พรรคเพื่อไทย ต้องการที่จะแก้ไข ในเรื่องอะไรบ้าง?

 

เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของใคร นักการเมือง หรือ ประชาชน?

 

ทราบไหมว่า รัฐธรรมนูญ นั้น เป็น กฎหมาย ที่เกี่ยวพันกับ อำนาจ?

 

รัฐธรรมนูญ มีขึ้นเพื่อ จำกัด อำนาจ ของ ผู้ปกครอง

 

เอกสารใดก็ตามที่ พร่ำพรรณา ถึง อำนาจ อันหาขอบเขตจำกัดไม่ได้ เอกสาร นั้น ไม่ใช่ รัฐธรรมนูญ

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖

 

เวลา ๑๗.๕๒ นาฬิกา

 

 

เอาเป็นว่าถ้ารัฐบาลนี้ จะแก้ไข แล้วเมื่อแก้เสร็จให้ประชาชนลงมติ ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่รับแน่นอน แต่พวกสมุนทรราช คมช มันคงต้องดิ้นเต็มที่ ไม่ให้แก้ไข เพราะขนาดฉบับเลว ๆ ยังต้องให้ผ่าน ไม่งั้น มันจะงัดฉบับเลวกว่าออกมาใช้เลยครับ

 

 

แปลว่า...ตอบไม่ได้

 

ตอบไม่ได้แล้วก็ ด่า สติปัญญา ของ ผู้ร่ำเรียน สูงสูง

 

มีเพียงแค่นี้เองหรือ?

 

ตะนิ่นตาญี

 

 

อย่าแปลส่งเดชอย่างนั้นครับคุณ...

รัฐบาลเขามีสิทธิจะแก้ ถ้าผ่านสภา ก็ให้ประชาชนลงมติ ก็เท่านั้น สมุนทรราชก็หาเรื่องขวางเสมอ หาว่าทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ซึ่งจะจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ ลองให้ประชาชนตัดสินซี่ ก็ไม่กล้า เพราะดูถูกว่าประชาชนมันโง่ ถูกซื้ออีกแล้วครับผม




#756745 ผู้ไร้บ้านในญี่ปุ่น: มุมที่เราไม่ค่อยได้มอง

โดย pornchokchai on 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 06:41

ผมเพิ่งกลับจากพาคณะผู้สนใจประกอบด้วยนายธนาคาร นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน นักธุรกิจ และผู้สนใจทั่วไป 43 ท่านดูงานการพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น แต่ยามว่างผมก็ไปถ่ายภาพที่เราไม่ค่อยได้สังเกตเห็น วันนี้เลยอยากให้ดูภาพเหล่าคนยากไร้ ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะของญี่ปุ่นครับผม

Attached Images

  • 001.jpg
  • 002.jpg
  • 003.jpg
  • 005.jpg
  • 006.jpg



#756430 กฏหมู่ vs เสียงส่วนใหญ่ . . . ดร.โสภณ พรโชคชัย ให้ความกระจ่าง

โดย pornchokchai on 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:47

หามิได้ครับ เกรงว่าเข้ามาบ่อย อาจมีคนเครียดหนัก หาเรื่องผมครับ

 

 

     ด็อกคงหลบไปคิดตั้งกท. ใหม่

     แนะนำนะ ตั้งกท. "ถ้าผมเป็นผู้ว่า รองผู้ว่าคือ ....."

     อยากรู้ครับ ถ้าทีมดี คราวหน้าอาจได้รับเลือกนะ