nokkrapood

 

 รู้แต่ว่ามันออกไปลอบบี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกาอย่างหนัก ใส่ร้าย กปปส. ต่อสายตาชาวโลกในทุกทาง... แต่ประวัติชั่วส่วนตัวมัน เค้าว่ามาเช่นนี้... เพื่อนๆมีข้อมูลสนับสนุนมั้ยขอรับ...

 

 สำหรับกระพ๊มเชื่อในสิ่งที่เห็นมันกระทำอัปรีย์ต่อแผ่นดิน กระพ๊มก็บอกว่าเห รี้ยแล้วขอรับ...

๑. อกุศล คนทำ ไม่สำนึก..............เกิดศึก เสียหาย ทั้งชายหญิง

...กลียุค ทุกข์เข็ญ เป็นเรื่องจริง.....อย่าอิง อ้างกฏ มามดเท็จ

 

๒. เมื่อรัฐฯ เลวร้าย ทำลายกฏ.......คิดคด แค่ทำ ให้สำเร็จ

...เป็นตาย หมายว่า มาหมกเม็ด.....เอาเจว็ด วางไว้ ให้บูชา

 

๓. ผู้นำ ทำเขื่อง เรื่องอุบาทว์........ขายชาติ เชื้อชั่ว ตัวปัญหา

...โหดหื่น ลื่นไหล ใช้มารยา..........พักตรา หนานาง ไร้ยางอาย

 

๔. เลือกตั้ง นั่งครอง บนกองศพ....จุดจบ จดจำ ทำฉิบหาย

...ทุรคา กาลี พวกผีพราย..............อันตราย ตายไป ไม่เว้นวัน

 

๕. บ้านเมือง เรื่องร้าย ขยายแยก.....ปลอมแปลก ปกปิด เป็นผิดผัน

...แก้กฏ คดคำ ที่สำคัญ...................เหมือนมัน เมาห์มน จนปัญญา

 

๖. กฏหมายมี มันฝืน ขืนขัด..............ดั่งสัตว์ สำนึก ด้อยศึกษา

...ด้านดำ ทำได้ ขายหน้าตา..............พูดจา จริงใจ ก็ไม่ฟัง

 

๗. เสียเลือด เนื้อพลี เสียชีวิต...........เพราะพิษ พลไพร่ ที่ใจหวัง

...ฉกฉ้อ ฉลฉวย ด้วยกำลัง................ภินท์พัง สารพัด ตามอัตตา

 

๘. อกุศล คนทำ กรรมมหันต์.............โทษทัณฑ์ นั่นดู เท่าภูผา

...อำมหิต พิษพาล พวกมารมา.............อนิจจา บ้านัก หนักแผ่นดิน..ฯะ

 

 

........... พระฤๅษี...๓๐/๑/๕๗...(ก.๗).....

ตามนั้นครับ

ข่าวว่า ท่านเต้น จะมาซะด้วย

ผมเลยเตรียมอาวุธไปต้นรับเต็มที่(นกหวีด)

ลูกน้องไป1คันรถ

ตอนผมไปถึงช่วงค่ำ เริ่มมืด

ไม่มีด่านตำรวจเลย

จนถึงเวทีเทศบาลชำอำที่เปิดเวทีปราศัย

มีตำรวจกั้นแผงเหล็กเต็มไปหมดกันรถเข้า

มีเก้าอีวางเรียงสักสองร้อยตัว

มีคนฟังอยู่ประมาณ50คน

ผมเข้าไปที่ด้านหน้าเวที นอกเส้นเชือกที่ขึงกั้นอยู่

ไม่มีคนมาเป่านกหวีดเลย มีลุงแก่ๆ เดินเป่าอยู่คนเดียวเท่านั้น

ผมนั่งฟังสักพักดูทีท่าก่อน

พักเดียวครับ

คนเริ่มมาทางทิศตะวันออกหน้าเซเว่น

เสียงปรี๊ดๆๆๆๆๆ

ผมเลยเป่ารับเป็นช่วงๆ

ไม่มีใครมาร่วมที่ผมเพราะมันไกล้เวทีมากไปมั๊ง

คนเริ่มเพิ่มมาเรื่อยๆ จนเป็นหลายร้อยคน

ยิ่งช่วงที่เจ้าของพื้นที่(วันชนะ เกิดไม่ค่อยจะดี)ขึ้นเวทีด้วยละก็

ดุเด็ดเผ็ดมัน เริ่มกวนอวัยวะเบื้องล่าง คนก็โห่ฮา

จนในที่สุด ผู้ประศัยก็เลยล้มเลิกไปเพียงสามทุ่มเท่านั้น

ปิดไฟ เก็บเวทีเพราะผู้ฟัง มีแค่ไม่ถึง20คน

ที่สังเกตุ ทะเบียนมาไกลๆทั้งน้นเช่น นครราชสีมา ชลบุรี กรุงเทพฯ ไม่ไช่รถคนในพื้นที่

มันมีแต่หน้าหมา เอ๊ย หน้ามามานั่งฟังเท่านั้น ขี้โรคสุดๆ

 

เดี๋ยวค่อยลงรูป

เอาคลิ๊ปจากมือถือดูก่อนละกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เพิ่มเติมข้อมูลหน่อย

มีเด็กหนุ่มๆคนนึง ขึ้นเวทีปราศับ บอกว่า เป็นชาวนา ถูกรัฐบาลโกงเงินกว่าสามหมื่นบาท

ไม่ยอมจ่ายเงิน ถามซะคนตอบ ตอบไม่ถูก มึนกันไปหลายคน

สุดท้ายลงเวที แล้วมันก็โทษผู้ชุมนุมว่า ปิดคลัง จ่ายเงินไม่ได้ กรรม

ผมเป็นคนมีเหตุผล ผมเชื่ออ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ แกนนำขั้วที่3 ครับ แค่ครึ่งชม.ที่อ.พูดในรายการสอย้วย

ทำให้ผมตาสว่างสุดๆ ทำให้ผมไม่อยากมีส่วนร่วมในบาปที่คนไทยจะฆ่ากันเอง

ผมรักในสันติครับ ผมขอเป็นสาวก3นิ้วกับอ.ด้วยนะครับ แค่ไปม๊อบก็ถือเป็นบาปแล้ว

 

ผมเชื่อแน่นอนว่าสัปดาห์หน้าจะมีสงครามกลางเมือง เพราะม๊อบฟังhate speechทุกวันจนเสียสติมองคนไทยไม่เป็นคนกันแล้ว

ระวันด้า ซีเรียแน่ๆ อย่าให้ลูกหลานเราโตมาในยุคคนไทยฆ่ากันเองเลย

 

ผมเชื่อว่าอ.เป็นกลางแค่มีแนวทางใกล้เคียงกับรัฐบาลเท่านั้น ผมเชื่อตามอ.บอกครับรัฐบาลนี่แค่ยึดมั่นในกฏหมาย

ม๊อบกำนันก็แค่อุดมคติ ผมจะไปเลือกตั้ง vote noครับ แล้วรัฐบาลที่ได้มาต้องทำตามอย่างที่อ.พูดแน่นอน 

 

คนที่ไปม๊อบที่เห็นรุ่นปู่ยันวัยรุ่นพวกนั้น เขาคงไม่เคยผ่านพฤษภาทมิฬมาเหมือนอาจารย์ เขาคงไม่มีข่าวสารอะไร

วันๆหลงไปแต่คำพูดของแกนนำ  สั่งให้เกลียดใครก็เกลียด ผมเชื่อว่าอ.มองขาด

 

ผมเห็นแล้วครับม๊อบกำนันแกมีแต่คนพูดหยาบคาย  ใจสัตว์แค่สงสัยคนอื่นปะปนอยู่ในม๊อบก็จะเอามีดไปฟันเขา 

ผมเชื่ออ.ครับถึงแม้ว่าที่รู้มาจะไม่ใช่ แต่ผมเชื่อว่าอ.คงไปเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง

 

ผมเสียใจกับอ.ด้วยที่แม้แต่แม่อ.ยังโทรมาด่า แย่นะครับแม่.โง่จัง สงสัยไม่เคยผ่านพฤษภาทมิฬ

 

ผมยินดีด้วยที่อ.ได้เพื่อนใหม่เป็นที่ปรึกษาอย่างอ.เอกชัย คนดังแห่งม.สยาม

 

 

เสียดายผมไม่มีโอกาศได้ออกรายการดังๆอย่างที่อ.ได้ออกเสมอๆ ผมเป็นแค่คนขายผัก แต่ผมมีหลายข้อที่อยากพูดออกทีวีบ้าง

แต่มันคงยาก เห็นอ.เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ได้วิจารณ์การเมืองออกทีวีอย่างมีเหตุผล

Posted by jao ,

 

 

ผมขอเล่าประสบการณ์ที่ ได้มีโอกาสรู้จัก สุภาพบุรุษ นักรบทหารเรือไทย  พลเรือตรี วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ   มนุษย์กบตัวพ่อ หรือ หน่วยซีล วัย 57   ผู้ที่ตกเป็นข่าว ในช่วงกองทัพมวลมหาประชาชน ต่อสู้ในปฏิบัติการ shutdown bangkok  อันเกี่ยวเนื่อง ของการที่หน่วยซีล นายทหารเรื่อ ระดับครูฝึก และลูกน้องถูกตำรวจ สน.นางเลิ้ง จับ  รวมถึงการถูกป้ายสีให้เป็นชายชุดดำ มือปาระเบิด   ในขณะนี่  

ช่วงน้ำท่วม ปี 2554 มวลน้ำโจมตี และโอบล้อม  และท่วม เกาะกรุงศรีอยุธา  ผมเดินทางเข้าพื้นที่ และนำเครื่องบินจำลอง มัลติโรเตอร์ เข้าไปบินถ่ายภาพมุมสูง ของ  โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์  ในพื้นที่เกาะอยุธยา  วันนั้น ผมได้เรือของกองทัพเรือ ในการอำนวยความสะดวดให้เข้าไปถ่ายบันทึกภาพประวัติศาสตร์   และรายงานภาพข่าว   ในช่วงขากลับ เรือได้ทวนน้ำเชี่ยว ออกมาทางสะพานปรีดีฯ   

ประมาณ สี่ทุ่มเศษ  ที่ผมเห็น นายพลทหารเรือ  คนหนึ่งนั่งกินข้าวกับลูกน้อง พร้อมๆกับเดินออกมาตรวจสิ่งของบริจาค บริเวณ จุดตั้งฐานของหน่วย  ซีล หรือ หน่วยมนุษย์กบ     ผมสงใสในใจว่า นายพลทหารเรือ ผมเกรียนคนนี้ดูมาดเข้ม ไม่ค่อยยิ้ม  ท่าทางน่าดุจัง    ขณะเดินขนอุปกรณ์การถ่ายภาพ   ก็มีเสียงชวน ให้ทานอาหารมือค่ำด้วยกัน  จาก นายพลทหารเรือ ผู้นี้

ผมนั่งสังเกตุการทำงาน การดูแลลูกน้อง  การลงวางยุทธศาสตร์การเข้าช่วยชาวบ้าน ที่ติดอยู่ การลำเลียงอาหาร น้ำ  ยาเข้าไปให้ถึง จุดเดือดร้อน  การสั่งให้ลูกน้อง ถอดป้ายโฆษณาหาเสียง พ่วงมากับแพคน้ำดื่ม ที่ต้องมาทำงานซ้ำซ้อน ก่อนจำหน่ายจ่ายแจกให้กับผู้เดือดร้อน  เป็นมุมน่ารัก ที่ ผมเอง  เห็นถึงวิธีทำงานอย่างตรงไปตรงมา แบบข้าไม่ไว้หน้า  แม้นแต่เรื่องเล็กๆ

อาหารมือดึก อิ่มอร่อย กับ ปลาทอด  น้ำพริกกะปิ ไข่เค็ม ไข่ทอด  และผัดผักบุ้ง  เป็นอาหารที่ง่ายๆ  และแสนอร่อย มื้อหนึ่ง  หรือทั้งคณะหิวก็ไม่รู้ แต่รู้ว่ามิตรภาพที่เจอกันครั้งแรก  ทำให้ผมจดจำนายพลทหารเรือท่านนี้อย่างแม่นยำ  และนั้นเป็นฉากแรกที่ได้รู้จัก  ลูกสมอ  พล.ร.ต วินัย กล่อมอินทร์

อีกครั้งขณะผมถ่ายภาพที่ ริมแม่น้ำโขง จ.บึกกาฬ  เป็นงานแข่งขันเรือยาวประจำปี 2555  เสียงของฝีพายกำลังออกกำลังกาย อย่างเป็นระเบียบ  ดูไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา คล้ายๆกับเป็นทหาร มีระเบียบ และหน้าตา เป็นหนุ่มๆ  หน้าใส กันทั้งชุด ผมเดินเข้าไปขอถ่ายภาพ  ได้ไม่นาน ก็ เห็น นายพลทหารเรือ  พี่วินัย กล่อมอินทร์  มาให้กำลังใจลูกน้อง  ผมก็เพิ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นตัวจริงใน เรื่องเรือยาว  เป็นหนึ่งในคนเรือที่  นำเอาเรื่องของ การพัฒนาคน มาสร้างระบบให้กับ งานประเพณีแข่งเรือพื้นบ้าน   ให้มีจินตนากร และเป้าหมาย   

พี่วินัย บอกว่า เราต้องสร้างมาตรฐานให้กับ กีฬาเรือในท้องถิ่น  และค่อยพัฒนาเข้าสู่นานาชาติ   การใช้ทหารเข้ามาก็เพราะหลังปลดประจำการเขาก็กลับสู่ท้องถิ่น กลับเป็นลูกหลานคนในท้องถิ่น   การได้ทหารไปต่อยอด นำแนวคิด นำกลยุทธไปช่วยสร้างเสริม ให้กับบ้านเกิด  นั้นคือเป้าหมาย  และปัจจุบันเราก็ได้แชมป์  ซีเกมส์ ที่รอมาถึง 20 กว่าปี

หลังจากนั้นก็ ได้เจอ พี่วินัย  ในการร่วมทำงานกับ คุณสัญหจุฑา จิราธิวัฒน์ ประธานรักษ์โลก ในการร่วมสร้าง อนุสาวรีย์พระเจ้าตาก ในปีที่ผ่านมา  เข้าไปที่กองบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ   เห็นความตั้งใจของ พี่วินัย ที่ไม่มีเงินทุน แต่ด้วยสมาธิ และจิตรใจมุ่งมั่นจะสร้างให้สำเร็จ   ค่าแรงการก่อสร้างมีต้นทุน พอๆกับค่าวัสดุการก่อสร้าง   แต่ก็เป็นการรวมพลังกาย และใจของชาวมนุษย์กบ   โดยมี ผบ.วินัย เป็น ผู้นำ   ประกาศว่าจะต้องสร้างให้สำเร็จ ให้ได้    ด้วยศรัทรา  ด้วยกำลังใจ ทำให้ พี่วินัย นำลูกน้อง มนุษย์กบ  อุ้มหิน ปรับพื้นระดับ เท ปูน มัดเหล็ก  สร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากจนสำเร็จ 

ด้วยความเด็ดเดี่ยว ในความมุ่มมั่นของ ภาระกิจ ดังกล่าว เหมือนกับแรงบันดาลใจที่เลือก  รูปหล่อ พระเจ้าตาก เป็นรูปออกศึก ประกาศทุบหม้อข้าว  เลือกตายเอาดาบหน้าถ้า เข้ายึดตีเมืองจันทบุรีไม่สำเร็จ ก็ของยอมตาย   โดยมีกำลังพล เพียง  490 คน สู้กับข้าศึกที่มีเรือน หมื่น

และในครั้งนี้  หลายคำถามที่เกิดกับ หน่วยซีล ของทหารเรือ นำโดย พล.ร.ต วินัย กล่อมอินทร์  ทั้งในหน้าข่าวหลัก และหน้าโซเชียลมีเดีย  ที่ตั้งทำถามว่า  ทำไมหน่วยซีล ต้องมาอยู่ในที่การชุมนุม  ทำไมหน่วยซีลต้องมาปราบปรามยาเสพติด  ทำไมมนุษย์กบ ต้องพกอาวุธในที่สาธารณะ    คำตอบทั้งหมด อยู่ในจิตใจ ของ  พี่วินัย ที่ได้ตอบ น้องชาย  อย่างตรงไปตรงมา  ว่า  นี่คือ หน้าที่ของ  หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ที่ได้รับมอบหมาย   มันเป็นรูปแบบของสงคราม และไม่อยู่ในสภาวะปกติ  การสงครามมันมีเรื่องของ ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพี่เป็นทหารของพระราชา และทหารของประชาชน    และเรื่องยาเสพติด ก็เพราะหน่วยมนุษย์กบ ได้รับความไว้วางใจ จาก ปปส. ให้อยู่ในทีมติดตาม ปราบปราม เรื่องยาเสพติด มาถึง 10 ปี  

และครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์  ในข่าว แต่ก็รู้จาก ครูฝึกมนุษย์กบ  บอกว่า  ผบ. ท่านมาตั้งแต่วินาทีแรก  ท่านมาเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง  มาดูประชาชน  มาห่มผ้า   ถามที่ไปที่มาของ คนชุมนุม  และสัญญาว่า จะมาอยู่เป็น รปภ.ให้กับ ไอ้ อี ไหนๆ ก็ตาม ที่ จะมาทำร้ายประชาชน ของพระราชา   กู ยอมตาย กูไม่กล้ว จะออก จะติดคุก  หรือจะถูกย้าย  เพราะกูรู้เท่าทันมึง

ครั้งทั้ง 3 ภาพที่ผมพบเห็น ลูกผู้ชาย ดอกประดู่ นาม พล.ร.ต วินัย กล่อมอินทร์ ในวัย 57 ปี  ต้องยอมรับและยกนิ้ว กดไลด์ให้เพราะประเทศไทยเราขาดคน ที่ไม่ใช่ปากทำงาน  ไม่มีนอกมีในกับใคร พร้อมกับ กล้าหาญ เลือกบุญ  ไม่เอาบาป  มีน้ำใจต่อลูกน้อง มีเมตตาทั้งต่อหน้าและลับหลัง   ครับเราหาคนอย่างนี้ได้ยากจริงๆ  ต้องขอให้ความจริง ที่เราต้องรักษาคนดี เอาไว้ให้ประเทศไทย

 

 

ลิ้งค์อ้างอิง

http://www.oknation....4/01/22/entry-1

หลักฐานรถทะเบียนเขมรที่พูดถึงครับ 

 

เอามาจากยูทูป

 

วันนี่พี่มาร์คให้กำลังใจในการเดินรณรงค์ฯของลุงสุเทพค่ะ

 

คู่นี้ไม่เคยทิ้งกัน.. ถึงแม้ตอนนี้จะมีหน้าที่คนละบทบาท

 

http://www.naewna.com/politic/86887

updateจากstatusเดียวกันครับ

 

Thon Thamrongnawasawat ผมบอกไปบ้างแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจและอยากให้ทราบกันทั่วไป สำหรับคนที่สงสัยว่าผมเดือดร้อนแล้วค่อยโวย ต้องเข้าใจว่าผมอยู่คณะประมงครับ ไม่เกี่ยวกับกรมประมง แต่เป็นห่วงปลาจึงอยากบอก ผมมีจุดยืนของผมอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร คนเราต้องชัดเจน ไม่งั้นผมสอนลูกศิษย์ไม่ได้ครับ
about an hour ago

 

Thon Thamrongnawasawat ประสานไปอีกครั้งแล้ว คงไม่มีปัญหาแล้วครับ

about an hour ago

 

Garn Mingbunjirdsuk ฝาก อ.ตรวจสอบยืนยันด้วยครับ เมื่อกี้ได้ยินเวทีประกาศตามนี้อ่ะครับ
22:06 กรณี กรมประมง ในส่วนรักษาพันธุ์สัตว์น้ำ ที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าสำหรับสัตว์น้ำ มีการเข้าแก้ไขให้สามารถใช้ไฟฟ้าได้เรียบร้อย / อิสสระ สมชัย
See Translation
31 minutes ago

 

Thon Thamrongnawasawat ต่อเรียบร้อยแล้วครับ และไม่น่าจะตัดอีกแล้วครับ
16 minutes ago

ต้องขอโทษถ้าทำให้คุณ nokkrapood เข้าใจผิดค่ะ อันนี้หมายถึงคนที่เขียนโพสต์ที่เอารูปสองคนมาเทียบกัน

อันที่มาจากแนวหน้าอ่ะค่ะ อันนั้นไม่ถูก เพราะไม่เกี่ยวเลยกับกรณีนี้ แต่ถ้ากรณีไปพูดให้ร้ายประเทศและสถาบัน

ที่อื่นแบบที่คุณ nokkrapood บอก อันนี้ใช่มากกว่าค่ะ

 

จริง ๆ หลาย ๆ คนลืมเรื่องที่วีรพัฒน์ให้สัมภาษณ์เชิงลบกระทบกระเทียบสถาบันนะคะ เรื่องนี้ส่วนตัวคิดว่าเห็นได้ชัดกว่าค่ะ

ถึงแม้ว่าจะออกมาแก้ตัวทีหลัง แต่ actions always speak louder than words ค่ะ

 

http://www.manager.c...D=9570000006139

น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ         
       ระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่ราชดำเนิน นอกจากกลุ่มผู้สนใจการเมืองหน้าเดิมๆแล้ว ถนนแห่งประวัติศาสตร์เส้นนี้ ยังเต็มไปด้วยความคึกคักและสีสันจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งดารา นางแบบ รวมถึงลูกหลานนักการเมืองและนักธุรกิจใหญ่ ต่างพากันประกาศตัวแจ้งเกิดกันมากมาย แต่ที่น่าสนใจ ณ ตอนนี้ต้องยกให้ สาวนัยน์ตาคมผมยาวคนสวย “น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ” ลูกสาวคนเล็กของ กบฏสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่นอกจากจะสวยแล้วความคิดความสามารถเธอก็ไม่น้อยไปกว่าใคร
  พ่อกับลูก         
       น้ำทิพย์ เป็นลูกสาวคนสุดท้องของ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ จุฑาพร (เสียชีวิต) เธอเริ่มต้นเล่าเรื่องราวชีวิตการเป็นลูกสาวกำนันว่า หลังแม่เสียชีวิตไป ก็เติบโตมากับคุณย่าและคุณอา โดยไม่รู้สึกขาดหรือโหยหา เพราะถึงพ่อจะไม่มีเวลาให้ลูกๆ แต่พ่อให้ความอบอุ่นมาตลอด 
       “ช่วงคุณแม่ป่วยแม่คุยกับพ่อหลายอย่าง พ่อเป็นคนที่ไม่พูดแต่จะแสดงให้ลูกได้เห็น และพ่อก็ไม่เคยผิดสัญญาตรงนั้นเลยค่ะ วันที่คุณแม่เสียทิพย์ยังเด็กตอนนั้นประมาณ 6 ขวบ จำอะไรไม่ค่อยได้ รู้แต่พ่อไม่มีคำหวานมาปลอบใจ แต่พวกเราก็กอดกัน” 
          
       ชีวิตที่เกิดมาเป็นลูกนักการเมืองนั้น ต้องท่องคำว่าอดทนและเดียวดาย เพราะทุกนาทีของนักการเมือง มีไว้ให้กับประชาชนที่เลือกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนบริหารประเทศ เฉกเช่นเดียวกันครอบครัวเทือกสุบรรณ ที่กำนันสุเทพจะลงพื้นที่ตลอดเวลา 
       
       ในช่วงวัยเด็ก วันไหนที่สุเทพว่าง เขาจะให้เวลากับลูกๆ อย่างเต็มที่ แต่วันไหนมีงานเยอะต้องลงพื้นที่ หรือประชุมสภา ต้องกลับบ้านดึก พวกเธอก็จะใช้วิธีเขียนกระดาษแปะไว้เป็นการสื่อสาร “ดูเหมือนห่างนะคะ แต่ไม่ห่างเวลาลูกๆ มีปัญหาบอกพ่อก็จะสอนแนะนำทุกอย่าง แต่พอเริ่มโตพ่อจะเลี้ยงลูกแบบให้คิดเอง และแข็งแรงด้วยตัวเอง อย่างเรื่องเรียนนี่ เพื่อนบางคนก็จะปรึกษาพ่อกับแม่ แต่พวกเราพ่อไม่ช่วยคิด ให้ตัดสินใจเองว่าจะเรียนอะไร ต้องการอะไร ตอนนั้นก็มีบางมุมที่ทิพย์น้อยใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เป็นแบบนี้ แต่พอโตมาก็เข้าใจแล้วว่า ทุกสิ่งที่พ่อให้เราตัดสินใจเอง เป็นเพราะสุดท้ายแล้วมันคือชีวิตเราเอง” 
          
       สาวตาคมคนนี้ยังบอกอีกว่า แม้จะมีพ่อเป็นนักการเมือง แต่ไม่เคยคิดจะลงเล่นการเมือง น้ำทิพย์จบมัธยมต้นที่ มาแตร์เดอี ก่อนจะถูกส่งไปเรียนต่อที่ จีลอง แกรมมาร์ สคูล ประเทศออสเตรเลีย และจบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยแพรท อินซทิทยูท นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อจบก็ทำงานให้กับ บริษัท เอชเอส ทู อาคิเทคเจอร์ นาน 1 ปี ก่อนจะถูกพ่อกำนันเรียกตัวให้กลับเมืองไทย 
       “ตอนกลับมาก็สมัครทำงานที่ บริษัท เฟนน์ ดีไซน์ เรื่องการเมืองไม่เคยอยู่ในหัวเลยค่ะ และไม่คิดจะเล่นด้วย เพราะเห็นพ่อแล้วรู้ว่าเป็นงานที่เหนื่อย ต้องรับผิดชอบสูง ที่ทิพย์ออกมาในวันนี้ เพราะอย่างที่รู้ว่าบ้านเมืองวิกฤต ไปไม่ไหวแล้ว และอีกอย่างคือ เห็นพ่อทุ่มเท เห็นพี่น้องออกมาลำบากกับพ่อแล้วก็อยู่เฉยไม่ได้ ความจริงแล้วทิพย์ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ออกมาแสดงพลังและใช้สิทธิ์ของตัวเองเท่านั้นค่ะ”
  ชวน หลีกภัย นักการเมืองที่เคารพและชื่นชอบ         
       สำหรับภารกิจทางการเมืองที่พ่อออกมานำมวลชนจนถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้น น้ำทิพย์บอกว่า เธอรวมถึงแม่และทุกคนในครอบครัว ไม่หวาดกลัวหรือหวั่นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอกลับภูมิใจรักและศรัทธาในตัวพ่อกำนันมากยิ่งขึ้น 
       “วันที่มีประกาศออกมาว่าคุณพ่อเป็นกบฏ ทิพย์ยิ่งรู้สึกภูมิใจ วันที่พ่อจะออกมาสู้ตรงนี้ ก็มีการคุยกันทุกคนในครอบครัวก็โอเครับได้ แต่ที่กังวลคือไม่มีใครรู้เลยว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะพ่อก็เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่คนหล่อ พูดจาตรงๆ กังวลว่าจะมีคนเข้าใจไหมว่า พ่อออกมาทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง สุดท้ายคือคนเข้าใจมาก แต่ที่ทิพย์ดีใจมากที่สุดเลยคือ ได้เห็นคนที่คิดต่าง คนที่ไม่ชอบพ่อก็เข้าใจและมาร่วมกับพ่อ มาหลอมรวมกันเพราะเรามีอุดมการณ์เดียวกัน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทิพย์ภูมิใจและดีใจมากที่สุด”
          
       ส่วนการต่อสู้ที่ยาวนาน และยังไม่รู้ว่าจะจบวันไหนนั้น นับเป็นภาระที่หนักอึ้งของผู้ชายที่ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ แต่ "น้ำทิพย์" ก็บอกว่า รู้สึกเบาใจและไม่กังวลอะไร “ต้องบอกว่าโชคดีที่วันนี้ มีแม่ (ศรีสกุล พร้อมพันธ์) มาช่วยดูแลพ่อ และอยู่เคียงข้างพ่อตลอด อีกอย่างคือพวกเราลูกๆ 6 คนเวลาใครมีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาและช่วยกันเต็มที่ ไม่มีใครงอแง” 
          
       น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ในวัย 30 ปี คนนี้ยังกล่าวทิ้งท้ายก่อนออกไปทำหน้าที่ช่วยพ่อกำนันเดินเรียกแขก ถึงการออกมาต่อสู้บนท้องถนนของมวลมหาประชาชนในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น ที่เห็นคนไทยตื่นตัว รู้จักและกล้าที่จะออกมาใช้สิทธิ์ของตัวเอง "ทิพย์เชื่อมั่นว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องได้รับชัยชนะ และเมื่อมีการปฏิรูปประเทศไทยแล้ว สิ่งที่อยากเห็นคือนักการเมืองน้ำดี ที่มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต อยู่ภายใต้กฎหมายอันศักดิ์สิทธิ์"

 

กระทู้นี้จากใจ ไม่ดราม่า..

 

 

หลังจากที่เกิดเหตุปาระเบิดเมื่อวันก่อน  วันนี้ผมตัดสินใจพาลูกและภรรยาไปชุมนุมเหมือนเช่นทุกครั้ง ทั้งๆที่รู้ว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

 

เมื่อจอดรถแถวๆโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ผมก็เดินๆไปเรื่อยๆจนถึงหน้ามาบุญครอง 

 

สิ่งที่เห็นคือ "เด็กๆ"  ซึ่งคุณพ่อคุณแม่พามาร่วมชุมนุมเหมือนกับผม  มีเด็กมากมายราวกับเมื่อวานไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น

 

ผมมองดูแววตาของพ่อแม่ที่พาลูกมา  ไม่มีความกลัวเลยซักนิด

 

 

เพื่อนๆหลายท่านที่นี่คงพอทราบว่าผมเคยลงสมัครสส.หลายครั้ง

 

สิ่งที่ผมมีเพียงไม่กี่ข้อที่ทำให้ผมกล้าลงสมัครคือ "ความมุ่งมั่น ความรักความถูกต้องยุติธรรม และความกล้า"

 

ผมเคยคิดว่าผมมีสิ่งที่ว่านั้นมาก 

 

 

แต่มาวันนี้ (จริงๆก็เริ่มรู้สึกตั้งแต่มีม็อบแล้ว)  บอกตามตรงว่าผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีมากไปกว่าคนอื่นเลย  แถมมีน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ 

 

หลายๆคนที่ผมเห็นมาตลอด  บางคนไปม็อบทุกวัน  นอนค้าง  ลุยกับตำรวจ    อาสาเป็นการ์ด  ลางานมาจนโดนหักเงินเดือน  บริจาคเงินเต็มกำลัง  เสี่ยงชีวิตกันนับครั้งไม่ถ้วน

 

คนเหล่านี้ไม่มีข้อจำกัดในการต่อสู้   เสียสละมากๆ  เพราะความรักประเทศชาติและความถูกต้องยุติธรรมอย่างแรงกล้า

 

เหมาะที่จะสมัครสส.และเป็นสส.มากกว่าผมเป็นไหนๆ

 

 

สำหรับผม ถ้าไอ้***ทักษิณและขี้ข้าของมันจะพอมีข้อดีอยู่บ้าง  ข้อดีที่ว่านั้นก็คือ  ทำให้ผมได้เห็นว่าคนไทยรักชาติ รักความถูกต้องยุติธรรมมีมากแค่ไหน

 

และทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ได้อยู่ร่วมผืนแผ่นดินกับพี่น้องที่ได้ร่วมต่อสู้กันมา

 

 

ผมคงต้องกลับไปประเมินตัวเองใหม่ หากคราวหน้าคิดจะลงสมัครสส.อีก  ว่าตัวเองมีอะไรที่เหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของคนดีๆเหล่านี้

 

ราตรีสวัสดิ์ครับ

ถ้ายังนึกไม่ออก แนะนำร้านนี้ 

คุณอรรถวิทย์ เป็นวิทยากรบนเวที กปปส คนนึงที่ผมชอบมาก

ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและการพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

ไอ้จุดก็เหมือนเดิม ท่องคาถาเดิมๆ

สงครามกลางเมือง 

รำคาญฟ่ะ พูดคำว่าสิทธิ์ที มึงไม่ต้องแอคชั่นน้ำลายก็ได้ห่ า