อาวุโสโอเค

......
ตอน ร.7 สละราชสมบัติ เนื่องจากไม่มีพระราชโอรส ไม่มีพระอนุชาร่วมพระราชชนนีจึงข้ามไปข้อ 11 ครับ

(11) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชารีร่วมพระชนนีหาพระองค์ไม่สิ้นแล้ว และพระโอรสของสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว
ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชาต่างพระชนนี หรือพระโอรสของสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ
สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 2, 3, 4 และ 6 แห่งมาตรานี้

สายจักรพงษ์และสายจุฑาธุชจึงไม่ถูกนับตามกฏมณเฑียรบาลครับ เพราะเป็นสายพระเชษฐาร่วมพระราชชนนี ร.7

ขอบพระคุณมากครับ ที่ให้ความกระจ่าง

......
งง อะครับ ไม่เข้าใจประเด็น สมรสกับสามัญชน ไม่ได้เป็นข้อห้ามนี่ครับ ไม่ได้สมรสกับต่างด้าวสักหน่อย

ครับถูกต้อง การสมรสกับประชาชนชาวไทยไม่ถือเป็นข้อห้าม ตามมาตรา 11 เจ้านายผู้เป็นเชื้อพระบรมราชวงศ์
ถ้าแม้ว่าเป็นผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งกล่าวไว้ข้างล่างนี้ไซร้ ท่านว่าให้ยกเว้นเสียจากลำดับสืบราชสันตติวงศ์
ลักษณะที่กล่าวนี้ คือ
(1) มีพระสัญญาวิปลาศ
(2) ต้องราชทัณฑ์เพราะประพฤติผิดพระราชกำหนดกฎหมายในคดีมหันตโทษ
(3) ไม่สามารถทรงเป็น อัครพุทธศาสนูปถัมภก
(4) มีพระชายาเป็นนางต่างด้าว กล่าวคือ นางที่มีสัญชาติเดิมเป็นชาว
ประเทศอื่น นอกจากชาวไทยโดยแท้
(5) เป็นผู้ที่ได้ถูกถอนออกแล้วจากตำแหน่งพระรัชทายาท ไม่ว่าการถูกถอนนี้
จะได้เป็นไปในรัชกาลใด ๆ
(6) เป็นผู้ที่ได้ถูกประกาศยกเว้นออกเสียจากลำดับสืบราชสันตติวงศ์
แต่เนื่องจากเหตุการณ์ในตอนนั้น ล้นเกล้า ร.7 ได้ทรงสละราชสมบัติและไม่มีโอรสและธิดาและไม่แต่งตั้งใครสืบราชสมบัติ
ตามกฏมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2476 ได้ลำดับการ สืบสันตติวงศ์ ดังนี้
มาตรา 9 ลำดับชั้นเชื้อพระบรมราชวงศ์ซึ่งจะควรสืบราชสันตติวงศ์ได้นั้น ท่านว่าให้เลือกตามสายตรงก่อนเสมอ
ต่อไม่สามารถจะเลือกทางสายตรง ได้แล้ว จึงให้เลือกตามเกณฑ์ที่สนิทมากและน้อย


เพื่อให้สิ้นสงสัย ท่านว่าให้วางลำดับสืบราชสันตติวงศ์ไว้ดังต่อไปนี้
(1) สมเด็จหน่อพุทธเจ้า
(2) ถ้าแม้ว่าสมเด็จหน่อพุทธเจ้าหาพระองค์ไม่แล้ว ให้อัญเชิญพระราชโอรส
พระองค์ใหญ่ในสมเด็จหน่อพุทธเจ้า และพระอัครชายาของสมเด็จหน่อพุทธเจ้า
พระองค์นั้นขึ้นทรงราชย์ หรือถ้าพระราชโอรสพระองค์ใหญ่หาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้
อัญเชิญพระราชโอรสพระองค์รอง ๆ ต่อไปตามลำดับพระชนมายุ
(3) ถ้าแม้ว่าสมเด็จหน่อพุทธเจ้าหาพระองค์ไม่แล้ว และไร้พระราชโอรส
ของท่านด้วยไซร้ ก็ให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 2 ในสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระอัครมเหสี
(4) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 2 หาพระองค์ไม่แล้ว
แต่ถ้ามีพระโอรสอยู่ ก็ให้อัญเชิญพระโอรสโดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 2 แห่ง
มาตรานี้
(5) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระอัครมเหสี
หาพระองค์ไม่แล้ว และไร้พระราชโอรสของท่านด้วยไซร้ ก็ให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้า
ลูกยาเธอพระองค์อื่น ๆ ในสมเด็จพระอัครมเหสี หรือพระโอรสของสมเด็จพระเจ้า
ลูกยาเธอพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 2, 3
และ 4 แห่งมาตรานี้
(6) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระอัครมเหสีหาพระองค์ไม่แล้ว
และพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ให้อัญเชิญ
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระมเหสีรอง ถัดลงไปตามลำดับชั้นพระอิศริยยศ
แห่งพระมารดา หรือถ้าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอหาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้อัญเชิญ
พระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ สลับกันตามลำดับ โดยอนุโลมตาม
ข้อความในข้อ 2, 3 และ 4 แห่งมาตรานี้
(7) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระมเหสีรองหาพระองค์ไม่
สิ้นแล้ว และพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ให้
อัญเชิญพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุมากที่สุด หรือถ้าพระเจ้าลูกยาเธอ
พระองค์นั้นหาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้อัญเชิญพระโอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้า
ลูกยาเธอพระองค์นั้น แต่ถ้าแม้ว่าพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุมาก
ที่สุดนั้นหาพระองค์ไม่แล้ว และพระโอรสของท่านก็หาไม่ด้วยแล้ว ก็ให้อัญเชิญ
พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุถัดลงมา หรือพระโอรสของพระเจ้า
ลูกยาเธอพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 2, 3
และ 4 แห่งมาตรานี้
(8) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไร้พระราชโอรสและพระราชนัดดา
ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระอนุชาที่ร่วมพระราชชนนีพระองค์ที่มีพระชนมายุ
ถัดลงมาจากพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นทรงราชย์สืบสันตติวงศ์
(9) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชาพระองค์ที่ควรได้ทรงเป็นทายาทนั้นหา
พระองค์ไม่เสียแล้ว ท่านว่าให้อัญเชิญพระโอรสของสมเด็จพระอนุชาพระองค์นั้น
ตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 2 แห่งมาตรานี้
(10) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชาพระองค์ใหญ่หาพระองค์ไม่แล้ว และ
พระโอรสของท่านก็หาพระองค์ไม่อีกด้วยไซร้ ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระอนุชา
ที่ร่วมพระชนนีพระองค์ที่ถัดลงมาตามลำดับพระชนมายุ หรือพระโอรสของสมเด็จ
พระอนุชาพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ อนุโลมตามข้อความในข้อ 2, 3
และ 4 แห่งมาตรานี้
(11) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชารีร่วมพระชนนีหาพระองค์ไม่สิ้นแล้ว และ
พระโอรสของสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จ
พระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชาต่างพระชนนี หรือพระโอรสของสมเด็จ
พระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตาม
ข้อความในข้อ 2, 3, 4 และ 6 แห่งมาตรานี้
(12) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชาต่างพระชนนีก็หา
พระองค์ไม่สิ้นแล้ว และโอรสของสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชานั้นก็หา
ไม่ด้วยแล้วไซร้ ท่านว่าให้อัญเชิญพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอ
หรือพระโอรสของพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอตามลำดับสลับกัน
โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ 7 แห่งมาตรานี้
(13) ต่อเมื่อหมดพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธออีกทั้งหมด
พระโอรสของท่านนั้น ๆ แล้วไซร้ ท่านจึงให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าพระบรม
วงศ์เธอและพระเจ้าบรมวงศ์เธอ หรือพระโอรสและเชื้อสายของท่านพระองค์นั้น
ตามลำดับแห่งความสนิทมากและน้อย โดยอนุโลมตามข้อความที่กล่าวมาแล้ว
ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 12 แห่งมาตรานี้

เหตุการณ์ในตอนนั้นคือ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมพ.ศ. 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละราชสมบัติ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงได้มีมติเห็นชอบตามกฎมณเฑียรบาลให้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อไป พระองค์ที่ 8 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา
ซึ่งผมคิดว่า ล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 พระองค์ท่านเป็นเป็นพระโอรสของสมเด็จพระบรมราชชนก
กับสามัญชน(ขณะนั้น แต่ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระราชชนนรศรีสังวาลย์ เมื่อวันที่
16 พ.ย. 2481 ซึ่งได้รับการสถาปนาพระยศภายหลัง ) ทำให้พระยศเป็น พระวรวงศ์เธอ ซึ่งเมื่อเทียบกับ
เจ้านายพระองค์อื่น ที่ลำดับเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ ซึ่งลำดับพระยศที่สูงกว่า
(เป็นข้อสงสัยเล็ก ๆ แต่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์เลยมาขยายความกันครับ)

ขออภัยที่ยาวครับ แต่ไม่อยากตัด เลยทำสีแดงให้สังเกตตามครับ

ไม่ใช่คนในคณะราชงั้นหรือที่ทำ***ๆ กันเอง


ถ้าจะให้ดี และคนที่อธิบายให้ไอ้หงอกเข้าใจ ไอ้หงอกเมิงต้องไปถาม "แปลก พิบูลสงคราม"

ว่าทุกอย่างที่มันทำไว้ มีอะไร อย่างไร ยังไงบ้าง

เก็บไว้ตบเกรียนไอ้หงอกเจียมก่อนดีไหมท่าน เบื่อเมื่อไรค่อยส่งไปถาม จอมพล ป.

ตรรกะเจ้าเล่ห์ของหงอกเจียม พูดแบบเอาความจริงข้างเดียวมากล่าวอ้างให้เข้าใจผิด กรูละเบื่อมันจริง

สมศักดิ์ได้อ้าง กฏมณเฑยรบาล ปี 2467 อันนี้ถูกต้อง ตามลำดับการสืบสันตติวงศ์ซึ่งควรจะเป็น

แต่ในยุคนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 สมศักดิ์ไม่ได้พูดถึงรัฐธรรมนูญ 2475

ซึ่งได้เพิ่มเติม กล่าวไว้ดังนี้ หมวด ๑ พระมหากษัตริย์ มาตรา ๙ การสืบราชสมบัติท่านว่าให้ไปโดยนัยแห่งกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.๒๔๖๗ และประกอบด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
ทำให้ดูเสมือน การขึ้นครองราชย์ของ ร.8 ไม่ถูกต้องตามกฏมณเฑียรบาล 2467 แต่เมื่อประกอบกับมาตรา 9 ของรัฐธรรนูญ

2475 ร.8 จึงกลายเป็นผู้ที่มีสิทธิ ทั้งนี้ตามหมวด 4 แห่งลำดับการสืบสันตติวงศ์ตามกฏมณเฑียรบาล 2467 แม้พระองค์จะ

มีฐานันดรในลำดับท้าย ๆ แห่งผู้มีสิทธิขึ้นครองราชย์ก็ตาม

อ้างอิง กฏมณเฑยรบาล 2467 http://www.lawreform...C-2475-001U.htm

รัฐธรรมนูญ 2475 http://th.wikisource....B8.A2.E0.B9.8C

มาแปลกแฮะ วันนี้ปุ๊กลุ๊กไม่มีโพลมาลงเหรอ

ปกติไม่กินปูปลาร้า แต่ไม่เคยคิดบอยคอตแดงแบบนี้

ถ้าร้านประเภทขึ้นป้าย ประกาศหราว่ากรูแดงแท้ แดงจัด

นั่นแหละจะไม่ไปใช้บริการ

ดูแล้วแพร๊ดเข้าใจผิดนะว่า ประชาธิปไตยที่แท้ต้องประท้วงเท่านั้น

สงสัยเหมือนกันว่า

ไม่จัดม๊อบนี่มันจะตายมั้ย

ผมเลือกอ่านเฉพาะกระทู้ที่ผมสนใจ ไม่ใช่ในทุกประเด็น และช่วงเวลาที่สมาชิกโพสต์ก็ขึ้นกับ

เวลาที่สมาชิกแต่ละท่านสดวก การโพสต์ก็ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันทุกครั้ง

ขึ้นกับข้อมูลที่สมาชิกแต่ละท่านมีและการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เมื่อเวลาเปลี่ยน ความเชื่อบางอย่าง

ก็อาจเปลี่ยนไปได้ ผมอยากแนะนำให้คุณ tfex วางตัวเป็นผู้ดูดีกว่า คำแนะนำแต่แรกก็มีแล้ว

สมาชิกที่นี่หลายท่านอัตตาสูง การที่คุณยิ่งพยายามเป็นผู้นำในเรื่องต่าง ๆ มันไม่สำเร็จหรอกครับ

ผมรู้สึกว่าคุณพยายามจะเปลี่ยนโลกโดยที่คุณไม่รู้ว่าโลกคืออะไร จริง ๆ นะ

ด้วยความเคารพ

ตกลงใจดีเป็นอะไรกันแน่ โฟร์แมน(เงินเดือน 15000) วิศวกร(คุมก่อสร้างตึก 24 ชั้น)

กรรมการรองผู้จัดการ (เซ็นอนุมัติเงินค่าแรงรายวัน 300 ได้) ขนาดร้านเล็ก ๆ ของผม เรื่องเงินเรื่องทอง

เมียยังไม่ปล่อยให้เซ็นอนุมัติบ้างเลย

ทักษิณกลัวความจริงเหมือนผีกลัวพระไงไม่รู้อ้ะ

"มือ เช้า ถึงกลางวันครับ เย็น มื้อเดียว 35 บาท แต่ ถ้า เบื่อหน้าออฟฟิต กลางวันไปกินอีกร้านหนึ่ง ก็ 25-30บามข้าวราดแกงปั๊มน้ำมันอ่ะครับ สรุปว่า ถ้ากินมือเช้าหน้าออฟฟิต
กับกลางวัน ก็ 60 บาท น้ำ ฟรี ส่วนเย็น 35-40 บาท ครับอาหารต่างสั่งกับข้าวแกง ว่าแต่ ของที่บอกว่าแพงของพวกคุณคืออาหารหรอครับ
เนื้อหมู กิโลกรัมละ 120 กว่าบาทหรือป่าวครับตอน นี้ น้ำมันพืช ก็ 47 บาท แก๊ซ ถัง15กิโล 280 บาท แล้วอะไรทำให้ อาหารแพงละหว่า"

สีน้ำเงิน นี่คือความเห็นแบบเต็มเต็มของคุณ ตะกวดฯ ครับ

และนี่ที่เป็นสีเขียวคือ คำถามของ ตะนิ่นตาญี ครับ "แล้วค่าเดินทางไปที่ทำงานนี่ต้องใช้หรือเปล่าครับ? ถ้าใช้ ใช้เท่าไหร่ครับ?

เมื่อเทียบกับที่ คุณ อาวุโสโอเค พูดถึงเงิน ๑๐๐.-บาทนี่ มันลงตัวกันพอดีไหมครับ?

หรือต้องใช้มากกว่า ๑๐๐.-บาท หรือใช้ได้น้อยกว่า ๑๐๐.-บาทครับ?"

เห็นความแตกต่างของคำถามกับคำตอบไหมครับ?

ตะนิ่นตาญี

คุณตะกวดแค่แสดงความเห็นเพื่อปกป้องนางยกและคณะเรื่องอาหารแพง โดยไม่สนใจว่าความจริงจะเป็นอย่างไรน่ะครับ

ก็น่าสงสารคนที่คิดแบบนี้น่ะครับ แส่แสดงความเห็น แต่ตัวเองก็ทำไม่ได้ ในความเห็นของคุณตะกวดก็บอกแล้วว่าเขาใช้วันละ

ประมาณ 250 หรือมากกว่า มันอาจจะดูดีในความเห็นคุณตะกวดซึ่งเป็นแค่คนเดียวเท่านั้น

อ้าว งานเข้ากุร์แล้วไง จัดให้กุรือีกคนและ ผม พูดเรื่องจริง ผมไม่ได้โกหก อะไร คุณจะมากินดูไหมละเดี่ยวจะหาว่าผมโกหก ไม่มีอะไรที่ผมโกหกเลยสักคำครับ ถ้าคุณมีหลักฐานว่าผมโกหกตรงเชิญครับผมยิ่นดีพิสูตจ์ ครับ ถ้าคุณบอกว่าร้านที่ผมไปกินไม่มี คุรกล้ามาลองดูไหมครับผมพร้อมนะครับจะบอกร้านให้เลยครับ แต่ ค่าครองชีพที่คุณพูดถึงตั้งหาก
ที่ว่าสู้มันสูงยังไงครับเอาหลักฐานมาให้ดูหน่อยได้ไหมครับ หรือ เก่ง ปาก แบบทั่วๆไปครับ สินค้ามีให้เลือกหลากหลายราคา ครับแล้วความต้องการกิเรดของแต่ละคนตามฐานะของแต่คนไปครับ อยากให้เห็นท่านอาวุโส ช่วยแสดงให้เป็นประจักตาว่าค่าครองชีพที่อ้างนั้นมีสาเหตุมาจากไหนพร้อมข้อมูลหลักฐานต่างๆมาให้ ปชช ได้กระจ่างกันหน่อยครับ

ไม่ต้องอะไรมาก ที่รัฐบาลประกาศเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มทุกเดือนจนถึงสิ้นปี ชัดไหม

รายการอื่นค่อย ๆ ทยอยปรับตาม ไม่ว่า ราคารถแท๊กซี่ รถทัวร์จ่อขึ้นราคา ฯลฯ ไม่ต้องนับ

ราคาอาหารจานด่วนรายวันที่เพิ่มขึ้นแล้วไม่ลง ทุกวันนี้ราคาทั่วไป 35-40 บาท เป็นต้น

แม้แต่นางยกเองก็ยอมรับว่าค่าครองชีพแพง ซึ่งมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจ เลยสงสัยว่าคุณตะกวด

ตกข่าวพวกนี้ไปได้อย่างไรครับ

ทุกวันนี้เอาเงินติดตัวร้อยนึงแล้วซื้อข้าวกินเองให้ได้ 3 มื้อ ผมยอมรับว่าจนปัญญาจริง ๆ

ไม่รู้ว่า 3 ตัวนี่พูดประชดหรือเปล่าเนี่ยะ

น่า ออฟฟิตผมมีขาหมู สามสิบ ข้าวมันไก่ก็มีราคาเท่ากันมีให้เลือกหลายร้านครับ

มือ เช้า ถึงกลางวันครับ เย็น มื้อเดียว 35 บาท แต่ ถ้า เบื่อหน้าออฟฟิต กลางวันไปกินอีกร้านหนึ่ง ก็ 25-30บามข้าวราดแกงปั๊มน้ำมันอ่ะครับ สรุปว่า ถ้ากินมือเช้าหน้าออฟฟิต
กับกลางวัน ก็ 60 บาท น้ำ ฟรี ส่วนเย็น 35-40 บาท ครับอาหารต่างสั่งกับข้าวแกง ว่าแต่ ของที่บอกว่าแพงของพวกคุณคืออาหารหรอครับ
เนื้อหมู กิโลกรัมละ 120 กว่าบาทหรือป่าวครับตอน นี้ น้ำมันพืช ก็ 47 บาท แก๊ซ ถัง15กิโล 280 บาท แล้วอะไรทำให้ อาหารแพงละหว่า

ไม่ต้องเยอะครับผม พูดรวมๆไปครับทั้งอาหารจานด่วยและของสด คุณก็ดูอาหารจานด่วนซิครับส่วนของสด ผม พูดไว้เป็นตัวอย่าง และผมก็ไม่ได้ว่าคุณว่าของแพง
แล้วที่ผม ทำให้ดูคือสามารเลือกได้ครับ คือค่าอาหารของผมอยู่ บ่างวัน95บาทบ่างวัน 100บาทบ่างวัน85บาทก็ได้ครับแล้วแต่ความอยากครับ
ส่วนผู้มีรายได้ 300 บาทต่อวัน ทาน ขนมได้ไหมได้ครับ กินข้าวสามมือเอาแบบไม่คิดมาก 100 บาท หรือ 200 แบ่ง ไปกินขนมสัก 50 บาท พอไหมครับยังหรือเก็บอีก 150 บาทครับ

คุณ ตะกวดฯ ก็คงยังไม่พูดถึง ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก-ที่อยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายจิปาถะ(เสื้อผ้า-ยารักษาโรค) ฯลฯ เลยนะครับ

ที่บอกว่าเหลือเก็บ ๑๕๐.-บาทต่อวัน นั้นน่ะ จริงหรือครับ? ด้วยค่าครองชีพในปัจจุบันนี้ เหลือได้วันละ ๑๕๐.-บาท จริงหรือครับ?

หรือเพียงแค่ โกหก กันเล่นสนุกสนุกตามวิสัย ที่ไม่แยกแยะ ถูก-ผิด กันแน่ครับ?

ตะนิ่นตาญี

คุณตะกวดครับ ชีวิตจริงต้องยอมรับว่าผมไม่สามารถ นั่งรถไปกินข้าที่หน้าออฟฟิสคุณได้ทุกมื้อแน่นอน

แม้คุณเองก็ไม่สามารถกินอาหารราคาประหยัดร้านเดิมได้ทุกวัน ที่ผมพูดคือแค่ขั้นต่ำของคนทั่วไปที่

พึงจะหาเลี้ยงชีพตัวเองได้เพื่อมีโอกาศในการหาเงินในวันรุ่งขึ้นแค่นั้น เงินเก็บแน่นอนว่าไกลเกินฝันแน่นอน

ขอบคุณตะนิ่นตาญีมากครับที่พยายามอธิบายให้คุณตะกวดเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจคุณตะกวดลองบังคับตัวเอง

ใช้เงินเพียง 700 บาทใน 1 อาทิตย์สิครับ(วันละไม่เกิน 100 บาท) แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงบ่น รู้ไหมผมทำยังไง

ผมต้องตัดมื้อไป 1 มื้อเป็นมาม่า 1 ซอง เพื่อให้คงวงเงินที่จะใช้จ่ายให้ได้ จะว่าไปตั้งแต่น้ำท่วมมาเบื่อมาม่าชิบเป๋งเลย

แต่ทำไงได้ต้องกินกันตายน่ะครับ

แฝด การชกต่อยทำร้ายร่างกายผู้อื่นนี่นะ ที่คุณภูมิใจนักหนาว่าเป็นการ ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อสถาบัน
ทำไมความคิดพวกคลั่ง นิยมชมชอบความรุนแรง ถึงได้บิดเบี้ยวกันขนาดนี้

ครั้งก่อนก็รักชาติ พากันออกมาปกป้องสถาบัน โดยยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
ครั้งนี้ใช้วิธีถ่อยๆ ต่อยคนคิดต่าง ว่าเป็นการ ทำเพื่อชาติ เพื่อสถาบัน

สิ่งที่มุซาชิ เรียกถ่อย เสื้อแดงก็ทำอ่ะ แหมถึงไม่ใช่สถานที่เดียวกัน แต่ก้เถื่อน ถ่อยไม่แพ้เสื้อเหลืองเล้ย

ขำอ่ะ ศาลากลางก็เผา บุก รพ. ก็ทำ

เสื้อแดงถ่อยอ่ะ มุซาชิบอก

ยิง M79 ใส่คนอื่นด้วยอ้ะ

ถ้าพวกนี้ตอบว่าเคยมันก็แปลกละครับ พวก สรท ที่อยู่แถวๆกรุงเทพมันเคยไปทั้งนั้นละครับ ยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ
ถ้าค้นกระทู้เก่าก็จะเห็นมันชักชวนกันไปโดยใช้ สรท เป็นสื่อกลาง ยกตัวอย่าง แก่ๆอย่างลุงผุถุชนก็ยักแยยักยันถ่อสังขารไปร่วมกับเขา อ้ายดีเจเดี่ยวอีกคนมันยังชวนผมไปดูอยู่เลย แถมบอกว่ารับประกันความปลอดภัย ผมก็ไม่เชื่อเกิดมันเมาใบกระท่อมขึ้นมา บอกไม่รู้จักอะตอมข้าก็อยู่ในดงตืนใครมันจะรับผิดชอบ หึหึ

ไม่เคยไปเฟ้ย
ฉันเป้น คนกรุงเทพโดยกำเนิด มีทะเบียนราษฎร์ในกทม เรียกคนกรุงเทพอย่างชอบธรรม

อะตอมนี่ทุเรศจริงๆ ทำไมเหรอ พอมีคนบอกว่าไม่เคยไปเยอะกว่าที่คิด ก็เลยพล่าน คิดว่าเขาโกหกงั้นสิ

ต๊ายยยยยย ใครจะโกหกเก่งเหมือนแม้วฟ่ะ แกนนำแดงแต่ละตัว คำพูดมันเชื่อถือได้ที่ไหน

ละเมอคิดว่าคนอื่นจะปลิ้นปล้อนเหมือนพวกตัวเอง

ไอ้ตอมมันเมาใบกะท่อมอยู่น่ะหลานกุ้ง

มันเคยอ่านเกิน 3 บรรทัดซะที่ไหน