Jump to content


Ominous

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

#724860 หลั่งเลือดตะวันรุ่ง หรือ ปวดท้องทุ่งต้องไปเว็จ

โดย ตะนิ่นตาญี on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 12:13

เมื่อ สองพันห้าร้อยกว่าปี มาแล้ว มีกระทาชายนายหนึ่ง บ่นพึม-บ่นพำ ว่า

"ที่นี่ วุ่นวาย หนอ-ที่นี่ เดือดร้อน หนอ" เดินไป-บ่นไป จนผ่าน สถานที่สงบ แห่งหนึ่ง

ก็มีเสียงร้องตอบรับออกมาว่า "ที่นี่ไม่วุ่นวาย-ที่นี่ไม่เดือดร้อน" เสียงนั้นเป็นเสียงของ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า

และเมื่อ กระทาชายนายนั้น ได้เข้าไปเฝ้า องค์พระผู้มีภาคเจ้า...ความวุ่นวาย-ความเดือดร้อน ก็มลายหายไปสิ้น


กาลเวลาได้ล่วงเลยมา สองพันห้าร้อยกว่าปี แล้ว องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ นิพพาน ไปนานหนักหนาแล้ว

แต่คำสั่งสอน ของ พระองค์ ก็ยังคงอยู่...ใครที่ยัง "เดือดร้อน หนอ-วุ่นวาย หนอ" ก็ควรที่จะนำ

คำสั่งสอน ของ พระองค์ ลอง ไปใช้-ไปปฏิบัติ ดู ความเดือดร้อนวุ่นวายของแต่ละคนก็จะระงับลงได้


พูดแล้ว-คุยแล้ว ก็พาลให้นึกถึง พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ยิ่งนัก หากจำได้ไม่ผิดในวันที่ หลวงพ่อท่าน ละสังขาร

หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าวมรณภาพ ของ ท่าน ไว้ ประมาณ ว่า ก่อนท่าน มรณภาพ นั้น

ท่านได้พูดสั้นสั้นกับนายแพทย์ผู้ดูอาการท่านอยู่ว่า "ปล่อยนะ"

เพียงเท่านั้น สังขาร ท่านก็แตกดับไปตาม ธรรมดาโลก


แต่คำพูดเพียงสองคำนั้น ถ้าคิดดูให้ดีแล้ว ก็เป็นสมบัติอันมหาศาลที่ท่านได้ทิ้งไว้แก่

บรรดาศิษยานุศิษย์ของท่าน และ แก่พุทธศาสนิกชน ทั่วไป...


คำพูดเพียงสองคำนี้ฟังดูง่ายเหลือเกิน เป็นสมบัติทางปัญญา ซึ่งอาจเก็บไว้คุ้มกันตัวได้ตลอดชีวิตของแต่ละคน

เป็น ประกาย ของ แสงสว่าง แห่ง ปัญญา อัน เจิดจรัส ท่ามกลาง ความมืดมน อนธกาล

ตะนิ่นตาญี เขียนมาเสียเยอะแยะ แต่อย่าเพิ่งนึกอะไรให้มากไป อย่าไปนึกว่า "ปล่อยนะ" เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์

ท่องบ่นซ้ำซ้ำกันครบ ๑๐๘ คาบ แล้ว จะสำเร็จเป็น อรหันต์ มีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ หรือ อยู่ยงคงกระพัน

มีเส่นห์ เมตตา มหานิยม สาวรัก-สาวหลง ผู้ใหญ่สนับสนุน หรือ ระลึกชาติ มองเห็นอนาคต มองเห็นว่าหวยออกเลขอะไร

ร่ำรวย เป็น เศรษฐี-มหาเศรษฐี ขึ้นมาได้โดยไม่ต้อง ออกเรี่ยว-ออกแรง ทำงาน ไม่ใช่หรอกครับ

เพราะคำว่า "ปล่อยนะ" ของ ท่านอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นสิ่งตรงกันข้ามกลับที่กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น


คำว่า "ปล่อยนะ" สองคำนั้น แปลว่า คนเราทุกคนนั้นที่แท้แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่างเดียว

ไม่มีอิทธิฤทธิ์-ไม่มีอิทธิเดช ไม่มีอำนาจวาสนา ไม่มีทรัพย์ ไม่มีรัก ไม่มีเกลียด ไม่มีโง่ ไม่มีฉลาด

ที่นึกว่าตัวเป็นคนคนหนึ่ง มีโน่น-มีนี่ เป็นของตน หรือ ยังขาดอะไรอยู่แล้วอยากได้สิ่งนั้น

นั่นเป็นเพราะการยึดแต่อย่างเดียวเท่านั้น ชีวิตทั้งชีวิตก็กลายเป็นการยึดไปเสียหมด

ไม่ยอม "ปล่อยนะ" อย่างที่ หลวงปู่ฝั้น ท่านว่าไว้ และเมื่อไม่รู้จักที่จะ "ปล่อยนะ" ก็เป็นทุกข์

ทุกข์ที่จะยึดเอา ไอ้นู่น-ไอ้นี่ มาเป็นของตน ชีวิตทั้งอันก็เป็นชีวิตของกู คนอื่นไม่เกี่ยว

บ้านนี้-เมืองนี้ ก็ ของ กู คนอื่นไม่เกี่ยว แผ่นดินนี้เป็นของกู โลกนี้เป็นของกู


จนในที่สุดแล้ว พระอาทิตย์-พระจันทร์-จักรวาลพิภพ ก็เป็นของกูหมด

มีไว้เพื่อประโยชน์ของกู และความสุขของกูเท่านั้น คนอื่นห้ามยุ่ง

จะรัก-จะหลง อะไรก็ไม่เท่า รักตัวกู-หลงตัวกู จริงอยู่ กู รักคนอื่นด้วย

แต่ มีเงื่อนไข คนไหนที่ กู จะรักนั้น คนนั้นต้องรักตัวกูก่อน ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไข กูก็ไม่รัก

สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็พังครืนลงมา เพราะว่าไม่มีใครที่จะบังคับโลกนี้ให้หมุนไปตามใจชอบของตัวเองได้

ทุกอย่างมันอาจซื้อได้ แต่ก็ไม่อาจที่จะบังคับมันได้หรอกกระมังครับ...


ชีวิต ของ คนเราก็เหมือนกับ การเดินทาง นั่นแหละครับ เดินทางไปไกลขึ้นไกลมากขึ้น

เจออะไร ก็หยิบ-ก็ฉวย ติดขึ้นมาพะรุงพะรัง ยิ่งหยิบ-ยิ่งฉวย มากขึ้นเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งมีมากขึ้น

หนักแรงที่ จะแบก-จะหาม จะเดินต่อก็เดินไม่ไหว ยิ่งหยิบ-ยิ่งฉวย ก็ ยิ่งยึดไว้

สุดท้ายแล้วก็ไปไม่ได้ถูกสิ่งที่ยึดไว้ทับตายไปในที่สุด...

ชีวิตคนเราก็เท่านี้


เขียนมาตั้งเยอะไม่ได้ แปลว่า ไม่ให้ยึด-ไม่ให้ถือ อะไรอะไรหรอกนะครับ

หากแต่หมายความถึงให้รู้จักที่จะปล่อยทิ้งไปเสียบ้าง ให้ถูกกาละ-ให้ถูกสมัย

ปล่อยในสิ่งที่ควรปล่อยยึดไว้แต่สิ่งที่จำเป็น แล้วเดินเชิดหน้าไปบนวิถีแห่งผู้ไม่ประมาท

นั่นกระมังครับเป็นเหตุให้ ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้บอกไว้กับหมอ ก่อนที่ท่านจะละสังขาร

ในขณะสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน "ปล่อยนะ"

คุณทักษิณ ชินวัตร ครับ หากคุณเผลอไผลมาอ่าน ข้อเขียนชิ้นนี้เข้า หรือ มีใครสักคนเมตตานำไปให้อ่าน

ถึงเวลาแล้วครับ คุณทักษิณฯ ครับ ปล่อย-เถอะ-นะ-ครับ

ตะนิ่นตาญี

วันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

เวลา ๑๒.๑๓ นาฬิกา

 

 

หมายเหตุ แก้ไขคำผิด และ เพิ่มสีให้อ่านได้ง่ายขึ้น ขอบพระคุณ มากครับ




#651340 เพื่อนสมาชิกชาวเสรีไทยเห็นภาพนี้แล้วมีอารมณ์ร่วมไหมครับ

โดย amplepoor on 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:12

สรุปอีกทีนะ

 

เกรียงกมล ไอ้มิ้งค์ ไอ้อ้วน ไอ้หงอก ไอ้ธง ไอ้สุธรรม....ฯลฯ เป็นสมุนใต้การควบคุมของจอมฉ้อราษฎร์

จอมฉ้อราษฎร์รวยจากการเลียไข่จ๊อดแล้วยังไม่พอ มารวยซ้ำจากการปล้นประเทศร่วมกับจิ๋ว ด้วยการเป็นไส้ศึกในสงครามค่าเงิน

พอได้เป็นนายก ไอ้จอมฉ้อราษฎร์ก็ทำให้สมุนและบริวารโกงกินทุกคน เพื่อเป็นบ่วงโซ่ ล่ามคอให้ต้องรับใช้

 

พอตกจากอำนาจ ไอ้จอมฉ้อราษฎร์ ก็บงการให้มีการฆ่าหมู่แบบ 2519

เพื่อใช้เป็นข้ออ้างยึดอำนาจรัฐ

 

น่าเสียดายที่ทหารในปี 2552-3 ไมใช่ทหารอย่างพัลลภ

และรัฐบาลในปี 2552-3 ไม่มีหนอนบ่อนไส้ชื่อสมัครอย่างสมัยก่อน

 

เก๊ทป่าว




#652317 ยินดีที่คุณแอมกลับมา....จะยินดีที่คุณสิงห์เริ่มมีเหตุผลซะที

โดย amplepoor on 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:39

ที่จริงยังไม่พร้อมจะกลับมาสักเท่าไหร่ :D

ถ้าเป็นแวดวงวิชาการ ที่ผมหายไปอย่างนี้ เขาเรียกว่า เข้าเงียบ

Sabbatical leave

 

มักจะใช้เวลา 1-3 ปี ตามแต่ระเบียบแต่ละที่อนุมัติ

ถ้าในวงการบันเทิง เขาก็เรียกว่า hiatus ซึ่งจะนานกว่านั้นอีก

 

เหตุผลก็คือ ผมรับไม่ได้กับท่าทีของสส. รังสิมา ต่อกรณีถูกดูหมิ่นทางเพศ

แล้วแกออกมาแก้ตัวอย่างไร้ราคา

 

ทำให้คิดว่าคุณภาพคนของระบบการเมืองไทย ยังต่ำอยู่มาก

ก็เลยคิดว่า ควรจะทบทวนอะไรต่อมิอะไรให้มันตกผลึกมากกว่านี้

เพราะผมเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ารังสิมาหรือพวก ก็คงจะทำอะไรแย่ๆ อยู่เหมือนกัน

ตราบใดไม่สามารถยกระดับคุณภาพตัวเอง ก็ไม่ควรมาออกความเห็นให้เกิดความเสียหาย

:wub:

 

 

 

 

 

 

แต่เจอกระทู้สิงห์นี่ ของขึ้นครับ

คนตายในกรณี 6 ตุลา 19 เป็นตัวแทนคนไทยที่ถูกกระทำทุกคน

ไม่ใช่คนไทยที่กระทำคนอื่นแล้วอ้างว่าถูกกระทำอย่างคนเสื้อแดงหน้าด้านๆ

สิงห์ด้านจริงๆ ที่เอารูปเหล่านี้มาใช้ โดยเจตนาเลว

 

คงไม่ต้องอ้างนะครับ ว่าสิงห์ยังไม่ได้ออกความเห็นจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดเลว

เพราะเขาก็คือคนเสื้อแดงเต็มขั้น เลวเท่ากับนายคือทักษิณ

ตั้งแต่มาแปะกระทู้ในเสรีไทย ก็เหมือนทักษิณทำกับประเทศ

 

สาระเลวทุกคำทุกประโยค




#623811 รายงานการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และเกาะติดการนับคะแนน

โดย awhile on 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:12

เห็นคะแนนแล้วชื่นใจ
ไม่เสียแรงนั่งรถทัวร์ขึ้นมาจากหาดใหญ่
เพื่อเลือก เบอร์ 16
แม้จะเป็นแค่คะแนนเสียงเล็กๆเสียงเดียวก็ตาม


สะใจเว๊ยยยบบบ


#576511 ไม่ได้รักประเทศชาติ ตั้งแง่แบ่งชนชั้นระหว่างคนเมืองกับชนบท ปิดราชประสงค์ และถ...

โดย โจโฉ นายกตลอดกาล on 22 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:53

อย่าได้เอาพรรคพวกยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน

เป็นผู้ว่า  คนพวกนี้มันบัดชบจัญราย  :angry: 

 

:lol:  โอเคๆ ไว้พันธมิตรส่งคนลงสมัครผู้ว่าฯผมก็ไม่เลือกเช่นกันเนอะ

 

จะได้แฟร์ๆ พอๆกับพวก อับ.....ปรีย์ จัญ......ไร เผาบ้านเผาเมือง เผากรุงเทพฯ

 

เตะถ่วงความเจริญมาตลอดหลายปี




#525230 ขออัญเชิญมาฝากชาวสภากาแฟครับ

โดย เด็กปากดี on 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 14:54

Posted Image




#519769 ให้การศึกษาแก่เยาวชน.....จะทำให้ชาติพ้นภัย

โดย Lelouch Vi Britannia on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 11:57

ผมว่า ในหลายๆอย่างที่ต้องปรับในหลักสูตรก็มีอยู่เยอะนะครับ
เช่น การยัดเยียดสิ่งที่เด็กไม่ถนัด หรือ ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าแก่เด็กๆในอณาคต
ซึ่งตรงนี้ มันอาจจาเป็นมาตั้งแต่สมัยก่อนก็ได้แต่ความต่างตรงที่ว่า สมัยก่อนถ้าเกรดรวมผ่านก็ผ่านขึ้นไปได้แล้ว
แต่พอมาเป็นหน่วยกิตมันเหมือนกับอยากให้เด็กเก่งทุกอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่ การฝืนชะตาฟ้าลิขิตแบบนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย
ส่วนตัวผมมองว่า ควรจะเน้นที่ความสามารถของเด็กมากกว่านี้ เด็กเก่งด้านไหน ไม่เก่งด้านไหน ต้องเอามาปรับใช้ให้ได้
เพราะอย่าลืมว่า ทุกคนย่อมแตกต่างกัน ถ้าเก่งเหมือนกันทั้งโลก นั่นไม่ใช่้โลกทีี่มีอณาคตหรอกครับ แล้วก็ไม่ใช่โลกที่สมบูรณ์แบบด้วย
เป็นโลกที่ ขาดบางสิ่งบางอย่างไป ฉะนั้นหลักสูตรมันควรจะมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้ เช่น หากไม่เก่งปฏิบัติ ก็สรุปทฤษฎี คนไม่เก่งทฤษฎีก็ให้เน้นปฏิบัติ
ซึ่งสัจธรรมของโลกที่แท้จริงนั้น "ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีเอกภาพและดุลยภาพในคราวเดียวกัน" ซึ่งมันก็ถ่วงดุลกันอยู่ และเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้หรือไม่ได้สิ่งไหน
ยังไงก็ต้องใฝ่หาใครซักคน เราทำในสิ่งที่เราทำได้ มันจึงเป็นการช่วยเหลือกัน ก่อเกิดให้เป็นสังคมในวัยผู้ใหญ่นั่นเอง ผมว่านี่อาจตอบสนองเป้าหมายการศึกษาได้ดีกว่าปัจจุบันเสียอีก
เพราะบางทีมันยัดเยียดมากเกินไป ครูส่วนใหญ่เริ่มมองข้ามไปเลยว่า การศึกษาภาคบังคับคือการสอนวิชาความรู้แบบเบื้้องต้นเท่านั้น ไม่งั้นโตมาเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีแต่คนบอกว่า
ความรู้คืนครูไปหมดแล้ว ก็เพราะมันไม่ได้เอาไปใช้จริงๆไงครับ หากเป็นแบบนั้น แล้วเวลาสิบกว่าปีที่เรียนมา มันจะมีประโยชน์อันใด


#450236 ขอแนะนำหนังสือ "พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชา" ส...

โดย HiddenMan on 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 22:09

จากเพจ http://www.facebook....nd.P?ref=stream

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร

5,274 likes · 2,259 talking about this

ขอแนะนำหนังสือ "พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชา" สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีครับ

หนังสือแนวพระราชดำริการพัฒนาประเทศ http://www.nesdb.go.....aspx?tabid=484

หนังสือเศรษฐกิจพอเพียง http://www.nesdb.go.....aspx?tabid=483

และยังมีอีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่น่าสนใจครับ ลองดูกันนะครับ



ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


#365872 สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ

โดย naichod on 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 12:15

เรียนตามตรงว่า ยุทธศาสตร์ ที่ผมมีตอนนี้ เพื่อสู้กับศัตรูก็คือ การกระจายความคิดเรื่อง การสร้างวิธีคิด และการสร้างตะแกรงร่อนข้อมูล

เพราะนี่อาจเป็นพื้นฐานขั้นแรกในการทำให้คนมีสติ ตื่นจากสิ่งมอมเมา หันมาสำรวจตนเองในความคิดและการกระทำ

เด็กๆที่กำลังโตเป็นกำลังสำคัญต่อประเทศในอนาคต จำเป็นมากที่จะต้องมีการสอนในเรื่องนี้

หากท่านใดที่เป็นครู อาจารย์ กำลังสอนศิษย์ของท่านอยู่ ก็ขอได้โปรดฟังและทำความเข้าใจสิ่งที่ผมบอกสักนิด เพราะนั่นคือการสร้างคนให้เป็นตัวเองมากที่สุด และมีภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นเองที่ดีที่สุดของสัตว์โลกที่เรียกว่ามนุษย์

เรื่องตะแกรงร่อนข้อมูลนั้น ทุกท่านสามารถสร้างได้เองจากทรัพยากรในตัวท่านครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่อง น้ำมันปาล์ม ราคาตก ข่าวมีหนาหู มีคนมากมายวิเคราะห์ สื่อและนักวิชาการ เราต้องเก็บข้อมูลมาให้หมด เก็บมานะครับอย่าไปคล้อยตาม อย่าเพิ่งเลย

ในข้อมูลที่ได้ จะมีทั้งตามกันไป และสร้างความสงสัยหรือขัดแย้งในตัว เช่น อ้าว ไทยอยู่อันดับสามของโลกนะ สำหรับน้ำมันปาล์ม

ข้อมูลต่อมาจากสื่อก็บอกว่า ไทยต้องนำเข้าน้ำมันปาล์ม

เอาแล้วไง ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

...................มาสร้างตะแกรงกันครับ

ข้อมูลที่เรามียังไม่พอสร้างตะแกรง เราต้องหาต่อว่า ใครกันในโลกต้องการน้ำมันปาล์ม และเอาไปทำอะไรได้บ้าง ข้อมูลภายนอกประเทศสำคัญมากต่อการสร้างตะแกรงกรองข้อมูลหรือข่าวที่เราได้รับ

สิ่งเหล่านี้ เอามาประกอบกันสานเป็นตะแกรงเพื่อร่อนหาความน่าจะเป็น เหตุผลที่ควรจะเป็น นี่เป็นตัวอย่างสารตะแกรงหยาบๆครับ แต่มันจะกรองได้ดีทีเดียวและต่อยอดให้เรารู้จักที่จะคิดแทนที่จะเชื่อไปเลยอย่างเด็ดขาดว่าต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มจริงๆ

----------------------------

การเมืองยิ่งแล้วไปใหญ่ครับ หากจัดระบบวิธีคิดไม่ได้หรือไม่มี ประกอบกับไร้ตะแกรงร่อนข้อมูล

คุณมีโอกาสโดนมอมเมาสูงมาก จากข่าวสารและข้อมูลที่ได้รับมา


#362118 ศาสนาใคร ศาสนามันครับคุณยิ่งลักษณ์ มุสลิมใกล้ตัวท่าน แนะนำที

โดย No more on 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:32

"ศาสนาใคร ศาสนามันครับคุณยิ่งลักษณ์ "มุสลิมใกล้ตัวท่าน แนะนำที

เจ้าของกระทู้...

ผมไม่รู้ว่าคุณนับถือศาสนาอะไรนะ..

จะด่านายกฯในเรื่องต่างๆ คุณด่าได้ทุกเรื่อง...


แต่เรื่องศาสนา..อย่าเอามาเล่นครับ !
อย่าด่าแบบสนุกปาก หรือขอให้ได้ด่า..

ศาสนาเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นเรื่องของความศัรทธา
ของใครของมัน

อย่าเอาปากโสมม..มาสร้างให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกันเลย !


You idiot.
You can't identify that he is a muslim based on his post?
He is trying to warn the stupid Botox because many muslims take the warned issue very seriously.
Shut the fuck up if you don't know what you're talking about.


#332638 ทักษิณพลาดครั้งใหญ่ ....คดีเล็กๆ ที่จะล้มอนาคตตัวเอง

โดย amplepoor on 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:45

กระทู้นี้ ผมตั้ง
คุณปลายอ้อเข้ามาก็เสมือนแขก แต่แขกอย่างปลายอ้อ เข้ามาถึงก็ถ่มถุย
นี่หรือ คือแดงนักปราชญ์ที่เขาเลื่องลือ

ผมตั้งประเด็นไว้แล้ว ยังไม่ทันต่อเรื่อง เพราะต้องออกไปทำธุระส่วนตัว
แต่เท่าที่ผมเป็นสมาชิกสรท. มา
ยังไม่เคยปรากฏว่า ผมจะตั้งกระทู้อย่างที่คุณปลายอ้อปรามาสเลย
ทุกกระทู้ ต้องมีประเด็น ต้องมีหลักฐาน และต้องมีช่องให้สนทนาแลกเปลี่ยน
ผมไม่เคยพูดโง่ๆ ว่า อัยการสามารถตัดสินแทนศาล
ไม่เคยอวดโง่กล่าวหาว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะเลือกตั้ง
เรื่องถูกควักลูกตา เรื่องทำกับข้าว เรื่องที่ดินรัชดา......ฯลฯ
เรื่องพวกนี้ ถ้ารู้ไม่จริง ผมจะไม่พูด

และเมื่อสนทนากัน ฝ่ายตรงข้ามถาม ผมจะต้องตอบ ไม่หนีหายแบบหน้าตัวเมีย
หรืออ้างเพียงว่าผมเชื่อเอาดื้อๆ

เรื่องอภิสิทธิ์ฟ้องจตุพรนี้ เป็นการโชว์โง่ครั้งสำคัญของทักษิณ
ผมจะลำดับความไปทีละส่วน

แต่โปรดจำใส่กระบาลตันๆ ไร้สมองของปลายอ้อด้วยว่า
ที่นี่เป็นบอร์ดสนทนา ไม่ใช่ส้วมสาธารณะอย่างที่ๆ คุณสิงสู่อยู่
หมายความว่า เราต้องสนทนาแลกเปลี่ยน ไม่ใช่มาถ่ายปฎิกูลอย่างที่คุณทำ

จดใส่ฝ่าตีน แล้วยกดูเมื่อลืมด้วยนะครับ


#283047 ไทยล้านนา

โดย TIK Tik tik on 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 19:20

เคยโพสท์ไว้แล้วว่า ล้านนาเลือกเองว่าจะอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าหรือสยาม ล้านนาเคยเป็นเมืองขึ้นพม่ามาก่อนนานแล้ว ถูกกดขี่ข่มเหงสารพัด วัดบางแห่งในเชียงใหม่ยังมีรูปปั้นหงส์อยู่เลย พม่าต้องการบ่งบอกว่าดินแดนแคว้นนี้เป็นของ หงสา สุดท้ายแล้วเจ้าเมืองในขณะนั้นเห็นว่าการสวามิภักดิ์กับสยามจะดีกว่าการเป็นเมืองขึ้นของพม่า

ล้านนาเค้าก็เลือกของเขาเองว่าจะมาอยู่กับสยาม สยามข่มเหงชิงเมืองหรือ ก็เปล่า

ห้องสมุดมีหนังสือเกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่รึป่าว ถ้ามีก็ไปหาอ่านเอา พี่มาอยู่เชียงใหม่ 10 กว่าปีแล้ว พี่อ่านประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่หมดแล้ว ถึงขั้นทำ Family tree ตอนอ่านด้วย ไม่อย่างนั้นอ่านไม่รู้เรื่อง พี่ก็สงสัยพวกเสื้อแดงทั้งหลาย อาศัยเชียงใหม่เกิดเท่านั้น ไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์เชียงใหม่ ไม่งั้นคงไม่โดนปั่นหัวง่ายๆ หรอก
ถ้าน้องอยู่แถวนี้ ก็ลองไปพิพิธภัณฑ์เชียงใหม่ดู ไปอ่านประวัติที่นั่นก็ได้ อย่าไปดูเฉยๆ ให้เข้าไปอ่าน ทำความเข้าใจ อยากรู้เรื่องอะไรก็หาอ่านเอาทีหลัง การอ่านข้อมูลจากอินเตอร์เนตไม่สามารถใช้อ้างอิงใดๆ ได้ ใครอยากโพสท์อะไรก็โพสท์


#249273 มาดูกลุ่ม ไหนไม่รู้ บอกว่า ให้ยกเลิกพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

โดย ตะนิ่นตาญี on 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 06:16

มีแต่คนโง่ และคนไร้รากเหง้าในทางสังคม เท่านั้น

จึงไม่เห็นคุณค่าของ ความงาม ทางด้าน วัฒนธรรม

สังคมของผู้ที่เจริญแล้วทางด้านจิตใจ...

ไม่มีใครเขา ทำร้าย-ทำลาย วัฒนธรรม ของตนเองเด็ดขาด

ไม่มีใครเขา ทำร้าย-ทำลาย รากเหง้าของตัวเองเด็ดขาด

ตะนิ่นตาญี

วันศุกร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๖.๑๖ นาฬิกา


#245527 ของแพงแล้วไง คิดว่าประชาชนจะหันไปเลือก อภิสิทธิ์กับสุเทพ มาแก้ปัญหาของแพง เหร...

โดย ทรงธรรม on 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:56

ถ้าของแพงเกิดจาก กลไกตลาด เพียงอย่างเดียว ผมเองก็เห็นว่าไม่ควรจะโทษรัฐบาลครับ
แต่ประเด็นคือ นโยบายค่าแรง และนโยบายพลังงานครับ
เริ่มจากนโยบายค่าแรงนะครับ ค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 215 เพิ่มเป็น 300 บาท เพิ่มขึ้น 85 บาท คิดเป็น 39.53% ของค่าแรงเดิมนะครับ
จริงครับที่ค่าแรงขั้นต่ำ 215 น้อยเกินไป ผมคิดว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 230-240 บาท ซึ่งควรจะได้ขึ้นทันทีในปีนี้อย่างน้อย 15 บาท และปีต่อไป อีก 10 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับ กลไกตลาด ซึ่งของจะขึ้นราคาเกือบทุกปีอยู่แล้ว แต่จะขึ้นประมาณ 1-2% ของราคาเดิม ซึ่งจะสอดคล้องกับค่าแรง ที่ควรจะขึ้น ประมาณ 3-5% ของค่าแรงเดิม
แต่ นโยบายของเพื่อไทยกลับทำให้ กลไกตลาด ผันผวนอย่างรุนแรง ด้วยการขึ้นของค่าแรงแบบฉับพลันใน เปอร์เซนต์ที่สูงมาก จนผู้ประกอบการปรับตัว ให้เข้ากับค่าแรงใหม่นี้ไม่ทัน อันมีผลให้ต้องเพิ่มราคาสินค้าในทันที เพื่อรองรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็ต้องลดปริมาณของสินค้านั้นลงเพื่อให้ขายได้ในราคาเดิม หรือในกรณีเลวร้ายที่สุด คือลดจำนวนพนักงาน โดยให้พนักงานที่เหลืออยู่ทำงานมากขึ้น
ต่อไปคือ นโยบายพลังงานนะครับ จะเห็นได้ว่า เพราะการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ในช่วงแรกคือประมาณ ส.ค.-ก.ย. ไม่เก็บเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงทันทีอย่างมาก แต่เพราะกรณีนี้เอง ที่ทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันอยู่ในขั้นที่ไม่สามารถรองรับ ราคาดีเซล และราคาก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ในเวลาต่อมา รัฐบาลจำเป็นต้องปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ และปล่อยให้น้ำมันดีเซล สูงเกินกว่า 30 บาท ซึ่งเมื่อเกิน 30 บาท ก็กระทบกับต้นทุนการขนส่งสินค้า และขนส่งมวลชน ทำให้ราคาสินค้าต้องขึ้นตามต้นทุนขนส่ง และประชาชนต้องมีภาระกับค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้น
นั่นยังไม่พอ เพราะเมื่อราคาอาหารซึ่งเป็น สินค้าที่จำเป็นที่สุดต่อการดำรงชีพเพิ่มสูงขึ้น จากนโยบายค่าแรงและนโยบายพลังงาน ก็กระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน นั่นคือ ประชาชนจะหันมาคำนึงถึงการเก็บออมมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าปัจจัยสี่ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตสูงขึ้น หากไม่เก็บออมในตอนนี้ อนาคตข้างหน้าเมื่อราคาสินค้าส่วนใหญ่ถีบตัวขึ้นอีกจากแรงกดดันของค่าแรงที่จะขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศ อาจส่งผลต่อราคาของสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าซ่อมบำรุงที่อยู่อาศัย หรือค่าเช่า(ในกรณีไม่มีที่พัก) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องระมัดระวังอย่างมาก ถ้าไม่อยากต้องกู้หนี้ยืมสินในภายหน้า
จึงเกิดภาวะ รัดเข็มขัดแบบฉับพลันทันที ซึ่งจะกระทบกับการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ อย่าเห็นว่านี่เป็นเรื่องเล็กนะครับ ผมยกตัวอย่างเพื่อนร่วมงานของผม เขาประกอบอาชีพค้าขายเสริมจากอาชีพหลัก ซึ่งปรากฎว่า สินค้าที่เขาขายเป็นประเภทสินค้าคงทน ทำให้ยอดขาย ณ ปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหาย จนถึงกับขาดสภาพคล่องในธุรกิจ เกิดความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ เมื่อเกิดจากหนึ่งธุรกิจก็กระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อมาเป็นลูกโซ่ อันทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้นักธุรกิจที่จะเกิดใหม่ ไม่มั่นใจและไม่กล้าทำธุรกิจ ขณะที่นักธุรกิจรายเก่าก็ไม่กล้าขยายธุรกิจในช่วงนี้

สรุป นโยบายใดก็ตาม ที่ออกมาโดยไม่คำนึงถึง สภาวะกลไกตลาดที่ควรจะเป็น จะทำให้เกิดผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของธุรกิจและความมั่นคงในการใช้ชีวิตของประชาชน ผู้บริหารที่ดีไม่ควรฝืนใช้นโยบาย ทั้งที่ไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้
พรรคการเมืองที่ใช้นโยบาย ที่คำนึงถึงข้อเท็จจริง โดยไม่ฝืนต่อหลักกลไกตลาดเช่น พรรค ประชาธิปัตย์ ย่อมได้รับการไว้วางใจมากกว่า เมื่อคำนึงถืงจุดนี้


#131807 อีกด้านหนึ่งของนิติราษฎร์ !!!

โดย H-edge on 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - 12:10

เอ่อ ถ้านิติราษฎร์เจตนาดี หรือจงรักภักดีต่อสถาบัน ทำไมต้องให้แก้กฎหมาย ลดโทษคนเจตนาร้ายต่อสถาบัน
แล้วข้ออ้างว่า เพราะ 112 ถูกเอาไปใช้ใส่ร้ายทางการเมือง คือ การแก้กฎหมาย 112 มันไม่ตอบโจทย์ที่ตั้งมาน่ะครับ
ถ้าไม่อยากให้คนเอามาตรา 112 ไปใส่ร้ายทางการเมือง ทำไมไม่เขียนกฎหมายขึ้นมาอีกข้อ เอาผิดคนที่เอามาตรา 112 ไปใส่ร้ายคนอื่น

ประเด็นคือ เจตนาของนิติราษฎร์คือการลดบทบาทของสถาับันกษัตริย์ต่อประชาชนลงมาเท่านั้นเอง
ให้คนห่างจากสถาบันมากขึ้น จำกัดสถาบันไว้เป็นแค่สัญลักษณ์ หรือหนักกว่านั้นจำกัดไว้แค่เป็นเครื่องมือกันคนฉีกรัฐฐธรรมนูญ แค่นั้นเอง



มารอฟังความคิดเห็น คุณ ลูกชาวสวน ด้วยใจจดจ่อ
หายไปไหนน้อ.... :blink:
หรือขี้หดตดหายไปแล้ว ... :lol:

อย่าเพิ่งกลัว เพื่อนๆ สมาชิกนะฮัฟ
เป็นธรรมดา มีความเห็นต่าง ก็ต้องมีข้อโต้แย้ง
ถ้าตอบข้อโต้แย้งได้ เรื่องก็คงจบด้วยดี
ถ้าตอบไม่ได้ มันก็เหมือน ปลาว่ายในอ่างแบบนี้ละฮัฟ

อ่าน คคห. คุณ ลูกชาวสวนผ่านๆ มา เห็นมีตัดพ้อ ต่อว่า
ว่าเพื่อนสมาชิกมารุมด่า ...​เท่าที่อ่านมาแทบทุกเรฟ ก็ไม่เห็นว่ามีใครมารุมด่านิฮัฟ
เห็นแต่เพื่อนๆ สมาชิก ต่างมาตั้งคำถาม อยากรู้คำตอบจากคุณ ลูกชาวสวน

ถ้า "เหตุผลของนิติราด" มันจูงใจ คุณลูกชาวสวน ผู้ซึ่งเคยด่าทอ เกลียดชังนิติราด
ให้หันมาเห็นดีเห็นงาม และมองไปว่า นิติราด รักและเทิดทูนสถาบัน ด้วยได้ ...​
คงไม่ใช่ เพราะแค่ อาจารย์หญิงท่านหนึ่งเล่าว่า .... อาจารย์หญิงท่านนั้นยืนยันว่า แน่ๆ
เหตุผลของนิติราด คงไม่ธรรมดา และต้องตอบคำถาม ทุกประเด็นในใจ ของผู้ที่จงรักภักดี ได้
ใครจะไปคิดว่า มีบางคำถามไม่มีคำตอบ และเลือกตอบเฉพาะบางคำถาม
แบบนี้ มันจะนำเสนอความคิดตัวเองให้คนคล้อยตามได้อย่างไรละฮัฟ

เชื่อว่า เพื่อนๆ สมาชิกในนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนมีจุดยืนแน่นอน
แยกแยะ ขาว-ดำ ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเทาๆ หม่นๆ
ถูก คือ ถูก .... ผิด คือ ผิด.....
กรณ์ ก็ส่วน กรณ์ .... เนวิน ก็ส่วน เนวิน ... ปุ ก็ส่วน ปุ
เข้าใจว่า เพื่อนๆ ในนี้ส่วนใหญ่ ไม่ชื่นชอบ คนชั่ว ที่ทั้งชีวิต ทำดีแค่ไม่กี่ครั้ง
มันเลยเป็นการยาก สักหน่อย ที่จะเข้าใจ ตรรกะ หรือความคิดอะไร ที่มัน หม่นๆ เทาๆ

อยากแนะนำ คุณลูกชาวสวน สักนิด
ถ้าอยากให้เพื่อนๆ ในนี้ คล้อยตาม หรือเห็นดีเห็นงามด้วย
คงต้องไปหาเหตุผล มาสนับสนุนความคิดตัวเองใหม่นะฮัฟ
โดยเฉพาะ ถ้าตอบคำถาม ความสงสัย และการแก้ปัญหาง่ายๆ ตามของอ้างของนิติราด
ที่คุณ saopao ได้ ตั้งข้อสังเกตไว้ได้
รับรองว่าคุณจะได้รับการยอมรับ และเห็นดีเห็นงามด้วย จากเพื่อนๆ ในนี้แน่ๆ :rolleyes: