หอการค้าไทยเผยชาวนาได้เงินจำนำ 9.2 หมื่นล้านจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเงินหมุนเวียนในระบบ 4-5 แสนล้านบาท ทำให้จีดีพีปีนี้มีโอกาสโต 3% จากเดิมหลายสำนักประเมินไว้แค่ 1.5%
ว่าที่ร้อยเอก จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนของปี 2557 เศรษฐกิจไทยซบเซาลงมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง รวมถึงชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ความเชื่อมั่นการบริโภคลดลง แต่เชื่อว่าครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจในภาพรวมจะดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ได้ยุติลงและชาวนาได้เงินเร็วขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของเม็ดเงินจากโครงการรับจำนำข้าวที่ชาวนาจำนวนมากกำลังรออยู่นั้น คาดว่าภายใน 1 เดือนน่าจะได้หมด จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าเป็นอย่างดี และเงิน 9.2 หมื่นล้านบาทก็จะมีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่ำ 4-5 รอบ หรือ 4-5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี
สำหรับเงินที่ชาวนาจะได้ ส่วนใหญ่จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนหรือทำนาปี ใช้หนี้ทั้งในและนอกระบบ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งในต่างจังหวัด เมื่อเกษตรกรได้เงินมา ส่วนใหญ่ก็จะจ่ายเกือบ 100% ต่างจากคนเมืองหลวงที่จะเก็บเป็นส่วนมาก
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาจะทำให้ชาวนามีเงินจ่ายคืนหนี้สิน มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ ซึ่งอาจจะถึง 3% จากเดิมที่หลายสำนักประเมินไว้ว่าจะโตได้เพียง 1.5%
ส่วนแผนการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือว่ามีแนวทางชัดเจน แต่ในภาคการส่งออกคงยังไม่เห็นผลในทันที และการส่งออกปีนี้คงจะต่ำกว่าเป้าที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 5% เพราะการส่งออกเหลือระยะเวลาอีก 5-6 เดือน ซึ่งมาตรการที่จะออกมาจะเห็นผลในต้นปีหน้า และอาจเห็นการส่งออกกลับมาโตที่ 10% ก็ได้
สำหรับข้อกังวลว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตาต่างประเทศ เห็นว่ามีความจำเป็นต้องกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน หากทำตามต่างชาติมากไปบ้านตัวเองก็ไม่สะอาด ซึ่งเชื่อว่า คสช.ทราบปัญหาและกำลังแก้ปัญหาอยู่ในทุกๆ ด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และมองว่าเมื่อแก้ปัญหาได้แล้วค่อยมาเลือกตั้งก็ไม่ถือว่าช้าไป ส่วนการประกาศเคอร์ฟิว ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ ยกเว้นธุรกิจเอนเตอร์เทน ธุรกิจกลางคืน โดย คสช.น่าจะประกาศแค่ระยะสั้น เมื่อเห็นว่าเหมาะสมก็น่าจะยกเลิก
ทั้งนี้ ในวันที่ 27 พ.ค.จะมีการหารือร่วมกันของ 7 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้านเศรษฐกิจของภาคเอกชนต่อ คสช.
- nhum likes this