ฉันรักเมืองไทย

ไม่พอค่ะ. ต้องไปออกรายการสรย้วยด้วยค่ะ. ต้องบอกว่าที่พูดมาทั้งหมดโกหก หลอกคนเสื้อแดง เพื่อล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์. และต่อไปถ้ากลับคำพูด ให้จับเข้าคุกได้เลย

_{ส่วนตัวคิดว่า ปัญหาหลัก ไม่น่าจะเป็นเรื่องการบ้านมาก หรือน้อย แต่เป็นที่หลักสูตรการเรียนการสอนมากกว่า  ตามความคิดของตัวเอง และฟังลูกพูด ( ตอนนี้เรียนวิศวะเคมี ปี3) หลักสูตรของนร.ไทย โดยเฉพาะ วิทย์-คณิต มันเกินชั้นเรียนไปมาก  อย่างฟิสิกส์ ม.ต้น ลูกเห็นน้องเรียนยังบอกว่า นี่มันเหมือนของม.ปลาย หรือ ปี1 มหาลัยด้วยซ้ำ  ไม่รู้เหมือนกันว่าคนเขียนหลักสูตรจะเร่งอะไรนักหนา  คนที่จะไปเรียนต่อด้วยสายวิทย์ ไม่ได้จำเป็นต้องรู้ต้องใช้ ฟิสิกส์หรือคณิตขั้นสูงมีเยอะแยะไป  เรียนหมอ เรียนเภสัช เรียนสถาปัตย์ ก็ใช้แค่พอประมาณเท่านั้น  ถ้าจะไปเรียนวิศวะ หรือวิทยาศาสตร์ ตอนสอบเข้าก็เน้นคะแนนฟิสิกส์ให้เยอะหน่อย เพื่อคัดกรองเด็ก ก็ค่อยไปเพิ่มความรู้เอาในระดับมหาลัยก็ได้ มหาลัย เรียน4 ปีความรู้ไม่พอ ก็เพิ่มเป็น5 ปี  ทำไมต้องบังคับให้เด็กเรียนยากเกินไป จนทำให้ไม่อยากเรียน}

 

_{การบ้านถ้าเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของเด็ก ถึงจะมากหน่อย แต่เค้าก็จะทำได้เอง อย่างไม่ลำบากเกินไปนัก  แต่การบ้านที่มันเกินความสามารถเด็ก  เด็กก้ไม่อยากทำ ทำก็ไม่ได้  สุดท้ายก็ไปลอกเพื่อน ง่ายดี ( ทำไมเพื่อนทำได้ก็ไม่รู้  อาจจะให้ครูสอนพิเศษ ช่วยทำ ??)}

 

_{เรื่องใบงาน  เป็นเรื่องที่ขัดใจที่สุด  ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี  แต่การสั่งงานให้เด็กไปค้นคว้าเอง ( โดยเฉพาะเด็กเล็ก เช่นประถม) ครูต้องให้ข้อมูลเด็กด้วยว่าจะไปค้นคว้าได้จากแหล่งไหนบ้าง  ไม่ใช่ให้ตาบอดคลำช้างไปเรื่อยๆ  โดยเฉพาะวิชาสังคม ซึ่งกว้างมาก คำถามที่ถามแบบเฉพาะเจาะจง จะหาคำตอบที่ถูกต้องจริงๆได้ยาก แหล่งข้อมูลในหนังสือบางครั้งก็ไม่ตรงกันซะอีก}

 

_{สรุปว่า สิ่งที่ควรแก้ไขก่อน คือหลักสูตร, ทัศนคติ และวิธีการสอนของครู   ไม่ใช่ไปแก้ที่ปลายเหตุคือการบ้าน}

ตอนลูกชายอยู่ม.ปลาย. เจอครูภาษาไทยโหดมาก เป็นที่ร่ำลือบอกต่อกันมาทุกรุ่น ครูจะสอนเต็มชั่วโมงหรือเกินชั่วโมงทุกครั้ง การบ้านสั่งวันนี้ พรุ่งนี้ส่ง. บางทีก็ให้เรียงความ20หน้า ส่งวันรุ่งขึ้น. เด็กนร.นอนตีสอง ตีสาม บางทีก็ยันเช้า นักเรียนทุกคนถึงจะบ่นแค่ไหน แต่ก็ทำกันจนได้เกือบทุกคน. ตอนนั้นลูกไม่ชอบครูเลย. แต่พอเรียนผ่านไป นร.ทุกคนรักครูท่านนั้นมาก. ลูกบอกว่า ครูไม่เคยสอนพิเศษข้างนอก. ครูสอนเต็มที่ในห้องเรียน. สิ่งที่ได้จากครูคือทักษะด้านการเขียน. ซึ่งช่วยได้มากเวลาสอบข้อเขียน และเวลาที่ต้องทำรายงาน
แต่ต่อมามีเด็กรุ่นน้องและผู้ปกครอง. ทำเรื่องร้องเรียนหาว่าครูโหดร้าย ใช้วาจาไม่สุภาพ. ลูกชายรู้เข้าโกรธมาก เค้าบอกว่าครูที่เป็นครูจริงๆอย่างนี้มีเหลือน้อยแล้ว ต่อไปครูที่ตั้งใจสอนเด็กจริงๆอย่างนี้ก็คงหมดกำลังใจ. เลิกสอน เลิกเข้มงวด เพราะอยากให้ลูกศิษย์ได้ดี.

รักการอ่าน เป็นการฝึกการอ่านแล้วจับใจความสำคัญ แล้วเขียนย่อความ. ซึ่งล้วนแต่เป็นทักษะที่สำคัญทั้งสิ้น. การบ้านเจตนามีไว้ให้เด็กทำเอง เพื่อฝึกฝนทักษะ. การที่เด็กบางคนลอกเพื่อน. แล้วสรุปว่า การบ้านอันนั้นไม่ดี ไม่ได้ใช้สมอง ดูจะเป็นการสรุปที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่

การประเมินผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน เพราะมันเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าจะต้องทำอะไรกับคนไข้ช้า-เร็วขนาดไหน รอได้หรือไม่  ความเจ็บป่วยบางอย่างเวลาที่ผ่านไป หมายถึงโอกาสที่คนไข้จะรอด หรือ ไม่พิการมันจะลดน้อยลงตามไปด้วย

 

ในกรณีนี้เราไม่รู้ว่าแพทย์ที่ประเมินคนไข้มีความเห็นว่าอย่างไรแน่  ถ้าประเมินว่าร้ายแรงต้องให้การรักษาแบบเร่งด่วน ก็น่าจะมีวิธีจัดการปัญหาได้ดีกว่านี้ เช่นรีบประสานให้รถพยาบาลอีกคันรีบเข้ามาแทนให้เร็วที่สุด และเอารถพยาบาลออกไปส่งคนไข้ก่อน  อาจจะประสานเฮลิคอปเตอร์ไว้ด้วย ในกรณีที่กลัวว่ารถติด ( เว่อร์ไปมั้ย ?)  ...(จริงๆแล้วถ้าการจราจรแบบกทม.ที่รถติดสาหัสสากรรจ์ การใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ป่วยก็น่าจะช่วยได้ส่วนหนึ่ง .....ประเทศเรารวยจะตาย  ภาษีรถคันแรก รัฐบาลยังช่วยออกให้ได้ตั้งเป็นแสนล้าน เฮลิคอปเตอร์สำหรับช่วยชีวิต มันจะเท่าไหร่กั๊น )

รู้สึกรัฐบาลกรีซ ก็จะมีผลงานอันโดดเด่นจับต้องได้ และประชาชนศรัทธา เลือกมาบริหารประเทศเหมือนๆรัฐบาลชุดนี้เลยนะคะ...พวกที่มีแต่คำพูดดูดี ยึดแต่หลักศีลธรรม กฏหมาย ต้องปล่อยให้เป็นฝ่ายค้านไปซะให้เข็ด

สิบปีให้หลัง พรรค ปชป ที่อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นพรรคเก่าเก๋าการเมือง ไม่เคยชนะการเลือกตั้งสักครั้งเดียวแม้มีอำนาจอยู่ในมือ เพียบพร้อม

แล้วจะออกมาคัดค้านหาพระแสงอะไร เอะอะก็ใช้วาทะกรรม แก้เพื่อช่วยเหลือคนคนเดียว พรรคเก่าแก่พรรคนี้เป็นโรคกลัวทักษิณจนขึ้นสมอง

ไล่ดะตั้งแต่หัวขาวหัวดำยันพรรคพวกบริวาร ป่านนี้ยังหาคำตอบไม่เจอว่าแพ้เลือกตั้งเพราะเหตุใด อาจจะรู้อยู่เต็มอกแต่ทำเป็นไขสือ 

1. เลือกตั้งโดยใช้รัฐธรรมนูญปี 40 แพ้เนื่องจากนโยบายสู้พรรคไทยรักไทยไม่ได้ทั้งสองครั้ง ในปี 44 และ 48 

2. เลือกตั้งโดยใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ครั้งแรกแพ้พรรคพลังประชาชนเพราะนโยบายเช่นเดิม ครั้งที่มีรัฐบาลจากคมช.เป็นแบคอัพ จนต้องอาศัยอำนาจพิเศษกำจัดนายกสมัคร และนายกสมชาย จนได้ฉายาเป็นรัฐบาลภายใต้ ท๊อปบู๊ทเพราะไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

3. เลือกตั้งครั้งสุดท้ายแพ้พรรคเพื่อไทยทั้งที่ตัวเองเป็นรัฐบาล ใช้กองทัพ, อำนาจพิเศษและกลโกงทุกชนิดยังแพ้เพื่อไทยไม่เห็นฝุ่น สาเหตุที่แพ้เพราะอะไรล่ะ

 

 

ความดี-ความชั่ว มันเห็นกันอยู่ตำตา เลือกกันไปแล้วว่าจะอยู่ฝ่ายไหน? ชนะ

 

" อำนาจพิเศษ " ที่ว่า หมายถึง " ศาล" รึเปล่าคะ   พูดอย่างนี้แปลว่า ปชป สั่งศาลได้ใช่มั้ยคะ

 

ถ้าอย่างนั้น รัฐบาลชุดนี้ก็กำลังลอกเลียนแบบเค้าอยู่นะคะ  เพราะเห็นใช้ " DSI" เป็น " อำนาจพิเศษ" เหมือนกัน

คิดว่าการที่ รร.รัฐ ตั้งกฎเรื่องตัดผมสั้น น่าจะมีที่มาจากหลายๆสาเหตุ เช่น ความสะอาด-ดูแลง่าย  ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ( ตัดผมทรงรองทรง ทรงนักเรียน อาจจะแค่ 30-50 บาท แต่ถ้าเป็นผมยาวหน่อย อาจจะต้องตัดร้านที่หรูขึ้น ราคาอาจจะ 150-200 บาท, เด็กผู้หญิงที่ผมยาวอาจจะต้องไปสระผม-ไดร์ผมที่ร้านเสริมสวย)  ไม่ต้องไปคิดประดิษฐ์-ประดอย เสริมเติมแต่ง เช่น ดัดผม  ย้อมผม ทำไฮไลท์ ต่อผมยาว ....  และที่สำคัญน่าจะเป็นความเป็นระเบียบ และฝึกวินัย การที่เด็กรู้จักเคารพกฎเกณฑ์ กติกาของโรงเรียน (ทั้งๆที่อาจจะไม่ถูกใจเด็ก )  เมื่อโตขึ้น ก็จะได้รู้จักยอมรับและเคารพกฎเกณฑ์-กติกา ของมหาวิทยาลัย ของบริษัท ของสังคม และของประเทศ ( ทั้งๆที่อาจจะไม่ถูกใจเรา)

 

เหมือนความยาวของกระโปรงนักเรียน  ทำไมต้องบังคับให้ยาวคลุมเข่า ทั้งๆที่ก็คงไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนดี-ไม่ดี  นักเรียนญี่ปุ่นใส่สั้น ก็ยังฉลาด และดีได้

วาน จขกท. ไปเสนอรัฐบาลให้อนุญาตให้ นร.หญิง ไทยนุ่งมินิสเกิรต์ ได้ด้วยค่ะ

รถไฟฟ้าไม่ดีค่ะ รมต.ไทยบอกว่า เดี๋ยวไฟฟ้าจะไม่พอใช้. ไม่หนับหนุนค่ะ

ความผิดฐานใช้เอกสารเท็จมาตลอด. หลอกลวงให้เกิดการผิดหลงรับเข้าเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน. อย่างนี้ต้องถูกถอดยศ. ไล่ออกจากราชการ. สถานเดียว

วันก่อนไปกินก๋วยเตี๋ยว( ที่อุบล) ถามเจ้าของร้านว่า ค่าแรงจะขึ้น 300 แล้วนะ ว่าไง  เค้าบอกว่า จ่ายไม่ไหวหรอก  เราให้กินด้วย 2 มื้ออยู่แล้ว ถ้าขึ้นค่าแรงอีกก็เจ๊งพอดี  เลยบอกเด็กที่ร้านว่า วันละ 300ให้ไม่ได้  ถ้าใครจะเอา 300 ก็ลาออกไป

นอกเรื่องหน่อยค่ะ ชอบ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง " นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ " โหด-เข้ม ได้ใจดีค่ะ

ไม่มีใครชอบคุณ ศิริโชค อภิปรายหรือคะ ชัดเจน เข้าใจง่าย แถมมีดราม่าเล็กๆด้วย

สอบถามแพทย์รพ.เอกชนแล้วค่ะ. กาชาดจะคิดแค่ค่าถุงบรรจุเลือดเท่านั้น. ค่าเลือดไม่ได้คิด. เพราะเป็นเลือดที่รับบริจาคมาทั้งสิ้น

ส่วนรพ.เอกชนก็คิดกับคนไข้ เฉพาะค่าถุงเหมือนกัน(บวกค่าบริการทางการแพทย์). . ไม่ได้คิดค่าเลือดค่ะ

อย่าเพิ่งไปว่าแกแบบนั้นครับ
จริงๆที่แกพูดนั้นก็มีเหตุผล และวางตัวเป็นกลางอย่างมาก วิเคราะห์อะไรตรงไปตรงมา ผมกลับยิ่งนับถือแกมากกว่าเดิม

ปล. จริงๆขนาดพระอรหันต์ยังชมยิ่งลักษณ์เลยนะบอกให้ ท่านชมประเด็นคล้ายๆกันคือรู้จักตอบ เอาตัวรอดท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดได้ดี สยบเพื่อนบ้านได้ทั้งที่เขมรกับพม่านี่ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ ประมาณนี้ ผมฟังก็รู้สึกขัดใจ คิดไปคิดมาท่านก็พูดแบบคนหมดกิเลสนั่นแหละ ที่เรารับไม่ได้เพราะกิเลสยังหนาอยู่ ท่านบอกว่าถ้ายังชอบใครเกลียนดใครแสดงว่ายังมีอคติอยู่
แต่ท่านชมนี่ไม่รวมลิ่วล้อนะ และคิดว่าชมแค่การวางตัวเฉยๆ
ปล.2 ยังไงผมก็ชืนชมอภิสิทธิ์นะ คนรอบข้างไม่แน่ใจ จะเสียเพราะคนรอบข้างรึเปล่าไม่รู้ แต่เท่าที่ดูน่าเห็นใจอภิสิทธิ์หลายเรื่อง ทั้งที่เป็นคนดีมีความสามารถ มีความตั้งใจ และทักษะด้านการพูด แต่คิดว่ายังขาดเรื่องบารมีอยู่ ถ้ารู้จักสร้างบุญบารมีมากๆผมว่าจะไปได้ไกล อย่างที่เห้นมีไปกราบไหว้พระต่างๆผมว่ามาถูกละ ยิ่งถ้าได้พบพระอรหันต์จะยิ่งก้าวไปไกลกว่านี้ อยากให้มาพบพระอรหันต์ทางอิสานบ่อยๆ ใครขัดขวางจะทำร้ายก็เท่ากับขัดขวางทางบุญ
ปล.3 อย่าลืมนะว่าบรรพบุรุษชินวัตรเคยอุปฎฐากหลวงปู่มั่น อานิสงค์จึงมากมายมหาศาล บางอย่างไม่ควรมองข้ามนะครับ

ที่ว่าสยบเพื่อนบ้านได้เนี่ย. เธอทำด้วยตัวเอง หรือว่า พี่ชายเป็นคนไปจัดการไว้ให้คะ. เห็นจะไปเขมร พม่า. พี่ชายก็ต้องไปปูทางไว้ให้ก่อนทุกที

บทของเธอต้องเป็นแบบนี้ค่ะ. เค้าคิดกันมาแล้ว. ต้องให้ต่างจากอภิสิทธิ์ที่พูดเก่ง. รู้เกือบทุกเรื่อง. มาเป็นแนวคมในฝัก. นิ่งๆไม่ตอบโต้.....แต่ขอโทษ. ชักออกมาที. สนิมงี้ร่วงพรูเลย

ไม่ทราบว่าตอนม๊อบเสื้อแดงอาละวาด. อาจานสองท่านนี้ได้ออกมาให้ข้อคิดเห็นอะไรแบบนี้บ้างมั้ยคะ

ถ้าบังเอิญไม่ได้ทำ. แถมยังให้ท้าย. ท่านก็ได้รับสิทธิ์เป็นโรคเดียวกับท่านฉะ-เหลิมค่ะ