แมวกระป๋อง

หวัดดี อัครเทพ วุฒิพงศ์ jaidee20 พรุ่งนี้จะประกอบอาชีพอะไรดีครับ

เริ่มจาก วิศวกรคุมงาน อาคาร 24 ชั้น เงินเดือน 9000 เพิ่งขึ้นเป็น 15000

ทั้งๆที่อยู่กับเถ้าแก่เป็นสิบๆปี

ลูกเจ้าของบริษัทรับสร้างรีสอร์ท

หัวหน้าคนงานที่พาลูกน้องไปดูงานที่ไต้หวัน

พี่ชายที่แสนดีดูแลส่งเสียจนน้องสอบชิงทุนไปเรียนที่อังกฤษ

คนมีฐานะที่มีเงินจ่ายตั๋วดูคอนเสิร์ต เลดี้ กาก้า

ผู้ประกอบธุรกิจ real asset

เจ้าของคอนโดย่านสีลม และมีรถอัลติสขับ

และสุดท้าย "อาจารย์ วุฒิพงศ์" สอนสถาบันไหนไม่ทราบได้

แต่คงเป็นสถาบันที่อบรมสั่งสอนให้โกหกจนเหมือนเป็นเรื่องจริงให้มากที่สุด

ถึงแม้เขาจับได้ก็ยังขอโกหกต่อไป

พรุ่งนี้อยากมีอาชีพอะไรดีครับ กัปตันเครื่องบิน แพทย์ ทนาย ผู้พิพากษา

อัยการ นักการทูต นักการเมือง นายพล นายพัน ทหาร ตำรวจ

หลับตานึกเลือกให้ดี ผมยอมรับครับ "ผมอิจฉาคุณมาก"

เพราะชีวิตคุณไม่มีความจำเจเลย นึกอยากมีอาชีพไหนก็หลับตานึกเอา

อยู่บนโลกแห่งความฝัน ความหวังของตัวเองไปเรื่อยๆทุกวัน

ใครด่า "ช่างแม่_งมัน" ต่างจากหลายๆคนในที่นี้ที่ต้อง "เผชิญบนโลกความจริง"

ที่ต้องปากกัดตีนถีบ ทำมาหากิน ดิ้นรนกันไป ประกอบอาชีพได้แค่อาชีพเดียว

ที่เลือก ขอให้ jaidee20 มีความสุขบนโลกแห่งการโกหกและความฝันต่อไป


*** !!!!!!!!!!!!!!

นี่คือสิ่งที่ผมบอกจากใจจริงๆ

หลังจากเพื่อนๆสมาชิกกระทุ้งมาขึ้น หลักฐานการแหกตามาขึ้น คางคูดยางตก เลยร้องขอ Mod ปิดเอาดื้อๆ แต่เดชะบุญ Mod อยากให้เป็นกรณีศึกษาต่อไป ( ขอบคุณมากๆครับ )

และเมื่อคางคูดถูกเพื่อนสมาชิกรุกหนักขึ้น ก็กลายร่างเป็น พญาราชผี เอ้ย สี ซะงั้น

แถมมีหน้าโชว์ตรรกะบอกใบ้ว่ามีคนหนับหนุนให้กำลังใจกว่า แปดพันคนด้วยน้า หลังไมค์อ่ะ ดู๊ดูมันเป็นไปได้

เมื่อเห็นท่าไม่ดีนับวันๆ จะมีเพื่อนสมาชิกเข้ามาดู เข้ามาขุด ทำให้ยางคางคูดไหลย้อยไม่หยุดหย่อนจึง เสนอว่า น่าจะมีกำหนดเวลากระทู้น่าตะเอง แบบว่า เอ่อ แบบว่า เปลืองพื้นที่อ่ะ ถุ้ย ไอคางคูด คนแถวนี้ไม่ได้กินหญ้านะ

เพื่อนสมาชิกบางท่านรุกหนักเพื่อให้ยอมรับความจริง และชี้แจงข้อเท็จจริง กลับกลายว่า กรี๊ดแตก

และนี้คือคอมเม้นท์ล่าสุดในกระทู้มหากาพย์คางคูด ดูเป็นพระเอ๊ก พระเอกนะ

ผมเคยตั้งกระทู้ถามเรื่องชื่อแซ่ ในกระทู้นี้ http://webboard.serithai.net/topic/5112-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93jaidee20-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8D/ก็ยังเคยโดนคางคูดร้องเรียน Mod ให้ดำเนินการ และตำหนิผมเอาเป็นจริงเป็นจัง ว่า

และท้ายที่สุดก็ตาย สารภาพว่ากระทู้มหากาพย์นั่นเป็นเรื่องที่กุขึ้น เท่านั้นเอง http://webboard.seri...ียนปัญหาของพี่/

ในกระทู้นี้เพื่อนสมาชิกทวงถามากขึ้น ก็สารภาพว่าตัวเองอ่ะไม่ได้เป็นวิศวกร หรอกนะตัวเธอว์ทั้งหลาย

แถมเงินเดือนก็ไม่ใช่ 15,000 ด้วยนะ ( อ่าว แล้วไอที่แหกตา เป็นเรื่องเป็นราวอ่ะ ว่าไง )

แล้วไอชื่อเสียงเรียงนาม ไออัครเทพ ดำรงค์กิจวานิชย์ อะไรนั่นละ ที่คางคูดขู่โฮ่งๆ ฟ้อง Mod ให้จัดการผมอ่ะ

เพื่อนสมาชิกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ ไอคางคูดก็ออกตัว " แหม พวกตัวเธอว์เข้าใจผิดกันเอง " แถมชิ่งก่อน พร้อมปิดตำนานมหากาพย์ลวงโลก สลิป 15,000

และเมื่อมีใครสอบถามเรื่องกระทู้มหากาพย์สลิปว่าแหกตา ปาฮี่ หรือ ลวงโลกไหม คางคูดมักจะออกอาการ ปรองดองอโหสิและออกตัวว่า

วันต่อๆไปจะมี กระทู้ mini Review มหากาพย์คางคูด ให้ชมอีกเรื่อยๆนะครับ อาทิ ตอน โอ้ สามย่าน สถานศึกษาของคางคูด ,ตอน เกาะกระแสเลดี้ กาก้า ,ตอน คางคูด องค์ปาฐก อิน ไต้หวัน แมงวาปช็อค, ตอน คางคูด ผู้รังสรรค์รีสอร์ทสวย ณ ละปูน ตอน คางคูด ร่วมชุมนุมเสื้อแดง เป็นต้น เพื่อเป็นกรณีศึกษา ให้พึงระลึกพึงสังวร ในการนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของความจริง เองวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้ครับ

ท่ามกลางกระทู้ที่ตั้งมาถกเถียงกันทางการเมือง
ก็ยังมีกระทู้เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวเนี่ยแหละ
ที่ทำชุ่มชื่นหัวใจ~

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ใช่เลยครับ และผมคิดว่า คนไทยทุกคนที่รักในหลวงก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน

จากกระทู้นี้ทำให้ผมเข้าใจอีกอย่างหนึ่งว่า ในหลวงทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง
ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ไปเที่ยวเหนือเมื่อปลายปีที่แล้ว และผมเคยเล่าให้สมาชิกฟังไปแล้วเมื่อต้นๆปี
ก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง เพราะบางท่านอาจยังไม่ได้อ่าน

เมื่อปลายปีก่อน ผมได้ไปเที่ยวเหนือหลายจังหวัด และได้ไปที่เชียงใหม่
น้องชายเพื่อนเป็นนักวิชาการเกษตรอยู่ที่นั่น ได้พาไปเที่ยวดอยแม่จอนหลวง
ซึ่งขึ้นไปทางดอยอินทนนท์ แต่แยกขวาก่อนถึงยอดดอยเล็กน้อย

ระยะทางจากทางแยกไปถึงดอยแม่จอนหลวงน่าจะประมาณ 10 กิโล แต่ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชม.
ตั้งแต่แยกเข้าไปก็เป็นทางลาดยางเล็กๆแคบๆ ถนนเก่าๆเป็นหลุมเป็นบ่อ
หลังจากนั้นก็เป็นถนนลูกรัง ทางคดเคี้ยว สูงชัน เป็นหุบเหวตลอดทาง รถสวนกันยังแทบไม่ได้
ยิ่งใกล้ถึงทางยิ่งสูงชันมาก พอไปถึงที่หมายถึงรู้ว่าที่นี่เป็นโครงการวิจัยเกษตรเมืองหนาวของในหลวง
มีรูปในหลวงในขณะที่เสด็จมาที่นี่เมื่อปี 27 ติดอยู่

พวกผมไปกัน 4 คัน รถ 4x4 ทุกคันกว่าจะไปถึงที่หมายยังเหนื่อย
แล้วพระองค์มาที่นี่เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว แถมพระองค์ทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เองด้วย
คงไม่ต้องพูดถึงว่าลำบากแค่ไหน และหลังจากพระองค์เสด็จกลับ
ก็รับสั่งให้สมเด็จพระเทพฯเสด็จมาติดตามโครงการอีกหลายครั้ง

พระองค์เสด็จไปทุกที่ๆเพื่อพสกนิกรของพระองค์

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

พระองค์ทรงมีพระเมตตา..ต่อพสกนิกร..และข้าราชบริพารฯ เสมอมา
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานด้วยเทอญ

ขณะที่ในหลวงทรงงาน เพื่อหาที่สร้างฝายทดน้ำ โดยมี อ.ปราโมทย์ ช่วยถือแผนที่ให้พระองค์
ปรากฎว่ามีตัวคุ่นได้กัดที่มือของอาจารย์ แต่อาจารย์ก็ได้เก็บอาการเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์แต่อาจารย์คิดว่าพระองค์คงไม่ทรงสังเกตเห็น อาจารย์ก็ได้แต่เอามือถูเพื่อคลายความเจ็บปวดแบบเนียนๆ

ก่อนจะเสด็จฯ กลับ ในหลวงทรงเสด็จฯ พระราชดำเนินไปที่รถยนต์พระที่นั่ง (การเสด็จฯ ครั้งนั้น ทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง) เหมือนทรงค้นหาอะไรบางอย่าง
สักพักพระองค์ก็เสด็จฯ พระราชดำเนินกลับไปหาอาจารย์ โดยถือหลอดยามาด้วย

"นายช่าง ยื่นมือมาสิ จะทายาให้"

อาจารย์ได้แต่ยืนตะลึง ใจมิกล้าอาจเอื้อมยื่นมือไปให้พระองค์
และไม่คิดว่าจะทรงสังเกตเห็นและมีพระเมตตาใส่พระทัยถึงขนาดนี้... พระองค์ทรงทายาให้อาจารย์ พร้อมตรัสว่า

"ตัวคุ่นมันกัด ถ้าแพ้จะบวม ไม่เป็นไร ทายานี้แล้วเดี๋ยวก็ค่อยยังชั่ว"

จากหนังสือ : การทรงงานของพ่อในความทรงจำ
โดย : ปราโมยท์ ไม้กลัด

http://www.facebook....&type=1

http://www.b2s.co.th...php?proid=21078

อ้างอิง : ทนายเบิ้ม ณ สัมมากร โอเคเนชั่น


ผมศึกษาเรื่องนี้มาจากเว็บเสรีไทยมาตั้งแต่ปี 2552 เมื่อครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวโน้น จนกระทั่งวัศุกร์ที่ผ่านมาเมื่อเธอ...จ๊ะโอ๋พลอากาศเอกสุกำพลแถลงข่าว ชี้ผิดแก่นายอภิสิทธิ์ ฟังแล้วรู้สึกคันไม้คันมือ อยากเขียนทันใด เอาเรื่องมาอ่าน เอาเอกสารมาดู ลองเขียนดู 5 หน้ากระดาษ A 4 ก็ยังไม่จบ เลยหยุดไว้่ก่อน พอดีรู้สึกนอยด์กับเรื่องความสูญเสียที่ภาคใต้ เลยไม่ได้เขียนต่อ

วันนี้เรื่องชักซาแล้ว เลยนำมาดูอีกที แล้วพยายามย่นย่อให้สั้นที่สุด เพื่อความเข้าใจในการอ่าน ถ้าเราติดตามดู การโต้ไปโต้มา แบบนี้อีก 10 ปี ก็ไม่จบ เรื่องนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ 2542 แล้ว จากพรรคความหวังใหม่ คนกล่าวหาก็คนๆเดียวกันนี่แหละชื่อนายกมล บันไดเพชร พอปี 2544 ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ทำไมไม่จัดการซะให้สิ้นซาก ปล่อยไว้ทำไม ปี 2553 แกนนำเสื้อแดงก็เล่นประเด็นนี้อีก เอกสารที่มาใช้ก็ตัวเดียวกันกับปี 2542 มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเอาเดอะมาร์คให้ตายคาสภาให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ

เอกสารที่นายกมลเจ้าเก่าอ้างมาใช้ ตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ก็คือหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบกลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค.2542 ตามที่เว็บมติชเอามาลงไว้เมื่อปี 2552 ในชื่อเรื่องว่า ”งัดไม้ตายสกัด"อภิสิทธิ์"นั่งนายกฯ"สามเกลอ"ชูเอกสาร"ลับ"ทบ.ซัดหนีทหาร-บรรจุ อจ. รร.จปร.ขัดกฎหมาย”

อ้างอิง : http://www.matichon....pid=00&catid=01


เอกสารชุดนี้เป็นเอกสารเดียวที่ใช้หากินจ้องหาเรื่องนายอภิสิทธิ์อย่างจริงจัง แต่รู้ไหมว่า เอกสารนี้ก็ยังมีพิรุธ คือ เป็นเอกสารที่ยังไม่สิ้นสุด คือ มีแต่ผลสอบสวน ซึ่งท้ายเอกสารได้ระบุว่า " จึงเรียนมาเพื่อกรุณาพิจารณา หากเห็นสมควร กรุณาอนุมัติในข้อ 4 " ดังนั้นผู้ที่ออกคำสั่งในขั้นตอนสุดท้าย คีอ ผบทบ.สมัยนั้นคือพลเอกสุรยบุทธ์ จุลานนท์ คำสั่งเป็นเช่นไร เราก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เข้าใจคือคำสัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ที่บอกว่า เรื่องจบไปตั้งแต่ปี 25452 แล้ว ผลสอบไม่มีมูล

แต่พวกจ้องจะหาเรื่องกลับนำเอกสารชิ้นนี้ไปหใช้หาประโยชน์ ทั้งๆที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งเปรียบได้กับการยืนฉี่แต่ยังไม่สะเด็ดน้ำ อะไรประมาณนั้น

คำแถลงข่าวของจ๊ะโอ๋ สุกำพล

อ้างอิง : http://www.matichon....atid=&subcatid=

กับ

คำเบิกความของนายจตุพร

อ้างอิง : http://www.matichon....pid=00&catid=00

อะไรจะปานนั้น ตรงกันเป๊ะ เพียงแต่ พลอากาศเอกสุกำพลหลีกเลี่ยงจะใช้คำว่าเอกสารเท็จเป็น " เป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ " ช่างเป็นการสรรหาคำมาอธิบายได้อย่างหลีกเลี่ยงดีแท้

ผมทนายเบิ้ม ขอบังอาจวิเคราะห์ในเรื่องนี้ โดยใช้กฎหมายอ้างอิง แม้ไม่ฟันธงจนขาดกระจุย แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้จบไปตั้งแต่เดือน7 สิงหาคม 2530 แล้ว ที่กระทรวงกลาโหมบรรจุนายอภิสิทธิ์เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อย จปร. ในยุคนั้นรัฐมนตรีกลาโหมนามว่าพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น คือ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อกันเปล่าๆ


คำถาม คือ นายอภิสิทธิ์หลีกเลี่ยงการการเกณฑ์ทหาร เมื่อปรากฎว่าในวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 นายอภิสิทธิ์ได้ลงบัญชีขอขึ้นทหารกองเกินตามแบบ สด.1 และรับแบบ สด.9 ลงวันที่เดียวกันไป ถามต่อไปว่านายอภิสิทธิ์มีเจตนเอาใบ ส.ด.9ไปทำอะไร ไปเข้าเกณฑ์ทหาร หรือ ตั้งใจไปนำไปใช้เพื่ออะไร คำตอบอยู่ที่เอกสารนี้ ครับ

ถ้าไม่มีดี เดอะมาร์คกี้ ทูนอาร์มี่แห่งเมืองนิวคาสเซิล เมื่อคราวไปเรียนที่อ๊อกฟอร์ดในคราวนั้น คงไม่มีชีวิตนักการเมืองยาวนานกว่า 20 ปี นายอภิสิทธิ์ตั้งใจนำใบ ส.ด.9 ที่ได้มาจากการแสดงตนไปใช้เพื่อประกอบการสมัครเป็นข้าราชการที่โรงเรียน จปร.เอกสารนี้ลงวันที่ 24 กันยายน 2529 หลังจากวันที่ไปรับ ส.ด.9 ประมาณเดือนเศษ

ใบ สด.9 ฉบับที่ 1 พลอากาศเอกสุกำพลยอมแล้วรับว่าถูกต้อง แต่ในคำแถลงจ๊ะโอ๋บอกว่า วันที่ 31 มีนาคม 2530 กรมสารบรรณทหารบก ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องหลักฐานการเกณฑ์ทหาร (สด.43) ซึ่งหมายถึง ใบรับรองผลการตรวจเลือกทหาร ตรงนี้สุกำพลแถลงผิดเต็มๆเพราะเอกสารที่ได้ขอเพิ่มเติมนั้น คือ หลักฐานการผ่อนผันทหาร ซึ่งเอกสารที่เสื้อแดงเอามาอ้างก็ระบุว่าเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ สด.43 และเอกสารฉบับนี้ ก็บ่งบอกไว้ว่าเป็นหลักฐานการผ่อนผันจริงๆ

เมื่อมีการสมัครเข้ารับราชการเป็นทหารแล้ว เหตุใดนายอภิสิทธิ์ต้องไปตรวจเลือกในวันที่ 7 เมษายน 2530 ด้วยเล่าทั่นสุกำพล ซึ่งตรงนี้กฎหมายทหารตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 8 บัญญัติไว้ว่า

"การรับบุคคลเข้าเป็นทหารกองประจำการ ให้กระทำด้วยวิธีเรียกมาตรวจเลือกหรือจะรับเข้าเป็นทหารกองประจำการ โดยวิธีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงก็ได้"

ซึ่งตามมาตราต้องนำไปใช้ร่วมกับกฎกระทรวงฉบับที่ 35 (พ.ศ.2516) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ข้อ 3.(3)ที่ระบุไว้ว่า

"การร้องขอเข้าเป็นทหารกองประจำการโดยผู้ซึ่งยังไม่ถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการหรือผู้ซึ่งเคยถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการแล้ว แต่ไม่ถูกเข้ากองประจำการ ให้บุคคลดังกล่าวร้องขอต่อเจ้าหน้าที่กรมกองฝ่ายทหาร หรือฝ่ายตำรวจ ที่บุคคลนั้นประสงค์จะเข้ารับราชการกองประจำการ เมื่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวพิจารณารับบุคคลใด ให้นำบุคคลนั้นขึ้นทะเบียนกองประจำการ การที่กรมกองฝ่ายทหารหรือฝ่ายตำรวจจะรับผู้ร้องขอเข้าในสังกัดหรือเหล่าใด ให้เป็นไปตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด"

ข้อเท็จจริงคือเดอะมาร์คทำเรื่องสมัครรับราชการทหารก่อนวันเกณฑ์ทหารแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปในวันที่ 7 เมษายน 2530 เมื่อนายอภิสิทธิ์ส่งใบสมัครเมื่อ 9 เมษายน 2530 ต่อมาวันที่ 7 สิงหาคม 2530 นายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็น ข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหม ตามคำสั่งที่ 720/30

เพื่อคลายความสงสัย มาดูข้อกฎหมายกันอีกนิดว่า เป็นข้าราชการพลเรือน แล้วได้ยกเว้นการไม่ไปเกณฑ์ทหารหรือ เกี่ยวอะไรกับการเป็นข้าราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 มาตรา 4 วรรค 1 ได้ให้คำนิยามของคำว่า ข้าราชการทหารไว้ดังนี้

“ข้าราชการทหาร” หมายความว่า ทหารประจำการและข้าราชการกลาโหม พลเรือนที่บรรจุในตำแหน่งอัตราทหาร" เรื่องนี้เกมส์ไปตั้งแต่ปี 2530 แล้วครับ เรื่องนี้ ยังอุตส่าห์ขุดกันขึ้นมาอีก คราวนี้เรามาดูประเด็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบทางราชการ ตามที่สุกำพลแกอ้างบ้าง ทั้ง 2 ใบ เป็นใบ สด.9

ใบนี้ปี 2529

ใบนี้ปี 2531

สุกำพลบอกว่า ใบที่ 2 มีข้อความ ในต้นขั้วทั้งสองใบว่าลงวันที่ไม่ตรงกัน ถ้าลงตามใบที่ 1 คือวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 จะปรากฎชัดว่า ไม่ได้ไปคัดเลือกทหารเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2530 แต่สิ่งที่ป๊ะป๋าจ๊ะโอ๋ไม่ได้บอกต่อว่าการสมัครเป็นทหารก่อนวันคัดเลือก จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องไปในวันเกณฑ์


สิ่งที่ผมขอบอกไว้สั้นๆคือ ในเมื่อใบ สด.9 ไม่เท็จ ใบที่ 2 ก็ไม่เท็จ แต่ข้อความที่ลงไว้เรื่องวันที่นั้น ถ้าเดอะมาร์คถือว่าได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการแล้ว จะต้องนำมาเป็นข้อพิจารณาอีกหรือ ทั้งนี้ กฎหมายได้บัญัติไว้เช่นไร กรณีนี้พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 18 บัญญัติไว้ว่า

" บุคคลซึ่งยังมิได้ลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอพร้อมกับคนชั้นปีเดียวกันเพราะเหตุใด ๆ ก็ดี ถ้าอายุยังไม่ถึงสี่สิบหกปีบริบูรณ์ ให้ปฏิบัติทำนองเดียวกับมาตรา ๑๖ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่สามารถจะปฏิบัติได้ แต่จะให้ผู้อื่นแจ้งแทนไม่ได้ ถ้านายอำเภอจะเรียกตัวลงบัญชีทหารกองเกิน ก็ย่อมทำได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว

เมื่อได้รับการลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรานี้ ให้นายอำเภอออกใบสำคัญหรือใบรับให้ไว้ เป็นหลักฐาน หากใบสำคัญชำรุดหรือสูญหาย ให้ผู้ถือแจ้งนายอำเภอท้องที่เพื่อขอรับใบสำคัญใหม่ โดยเสียค่าธรรมเนียมฉบับละหนึ่งบาท แต่ถ้าการชำรุดหรือสูญหายนั้น เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ไม่ต้อง
เสียค่าธรรมเนียม

ผู้ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรานี้แล้วให้ถือว่าเป็นทหารกองเกิน ตั้งแต่วันลงบัญชี ทหารกองเกิน แต่ถ้ามีอายุครบกำหนดปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ตามมาตรา ๓๙ เมื่อได้ลงบัญชีทหารกองเกินแล้วให้ปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ทันที

การลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่กำหนด ในกฎกระทรวง"

ซึ่งก็คือ ใบที่ 2 หากถือได้ว่าเป็นการแทนฉบับที่ชำรุดเสียหาย และเมื่อเป็นข้าราชการทหารตามกฎหมายแล้ว จะไปพะวงอะไรกับการไม่ไปคัดเลือกทหาร คราวนี้มาดูหลักฐานการขาดการตรวจเลือก หากไม่ถือว่าเอสารใบ สด.9ที่ 2 ไม่อยู่ในระบบ เหตุใดจึงระบุไว้ตั้งแต่ปี 2532 ว่า ขาดการตรวจเลือก และย้อนไปในปี 2531 ถึงตรวจไม่พบชื่อ

สุดท้าย กฎหมายอาญาและกฎหมายทหารนั้น น่าจะขาดอายุความไปนานแล้ว เพราะเรื่องนี้ เมื่อสมบูรณ์เมื่อสิงหาคม 2530 แต่ปล่อยไว้ถึง 13 ปี-22 ปี ถึงได้มาขุดคุ้ยกัน แต่อายุความใหม่ในข้อหาหมิ่นประมาท และ การปฎิบัติหน้าที่ กำลังจะเริ่มต้นสำหรับพลอากาศเอกสุกำพลนั้น กำลังจะเริ่มต้นขึ้นมา คาดว่าอีกไม่นาน

สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงจะต้องจดจำไปอีกนาน ควักเงิน 1 บาท จ่ายค่าธรรมเนียมใบแทน สด.9 แต่ต้องมาถูกกล่าวหาว่า ใช้เอกสารอันเป็นเท็จเสียนี่ ฮาไม่ออก บอกไม่ถูก พี่น้องเอ๋ย

.........

ขอเจ๋งๆ งัดหลักฐานแย้งทนายเบิ้มหน่อยครับ

ถ้า ปูบริหารไปอีกจนครบ 8 ปี ตอนนั้นจะมีคนต่างชาติพูดว่า "โถ!!! ไอ้ไท"

ก็แค่คำพูดหรูๆของพวกไม่ยอมรับความจริง

ดีนะครับ คนเราสมัยนี้ไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรกันแล้ว

ทำระยำตำบอนอะไรเอาไว้เท่าไหร่ ถึงเวลาบอกผมผิดเอง ผมขอแบนตัวเอง

นึกว่าเท่เหรอครับ จริงๆผมว่า เห้ มากกว่า

มีอย่างที่ไหน ทำผิด ก็ต้องยอมรับผิด ต้องกล่าวคำขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ

ไม่ใช่อยากเยี่ยวอยากขี้ที่ไหนก็ถ่ายมันตรงนั้นแล้วบอกว่า โอ ไม่น่าขี้เรี่ยราดเลย งั้นผมขอแบนตัวเองออกไปก็แล้วกัน

ถามคำนึง แล้ว ขี้เยี่ยวเรี่ยราดที่มันกองอยู่ตรงนี้ ใครเก็บ!?!

...

ป.ล. ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงใครนะครับ แค่อยากแชร์ ^^

เสียหายสำหรับผม เอากระทู้ไปแปะเพื่อให้คนวิจารณ์ “คน”เขียน

แต่ปรากฏว่า “เวป”กลับต้องถูกวิจารณ์เสียเอง

ผมเป็นสมาชิกที่ใช้ไม่ได้ !

ฉะนั้น ผมขอรับผิดชอบ ด้วยการ “แบนตัวเอง” จากเสรีไทย

นับแต่วันนี้ เป็นต้นไป !!!

ปล. MOD กรุณาลบชื่อออกจากฐานสมาชิกด้วย

คำว่าตัวเอง คือตัวคุณนะครับ

ไม่ใช่ล็อคอินปลายอ้อกอแขม

โปรดทบทวนคำพูด

จากนาย อัครเทพ ดำรงค์กิจวานิช วิศวกรคุมงานคอนโด 24 ชั้น

กินเงินเดือน 9000 มาหลายปีจนเพิ่งมาขยับเป็น 15000

จบม. สามย่านอันโด่งดัง มีเพื่อนเป็นใหญ่เป็นโตมากมาย

ลูกน้องอีกมากโข กลับกลายเป็น "อาจารย์ วุฒิพงษ์" ในเวลาไม่นาน

ถ้าตอนนี้จะให้ผมสร้างเป็นหนังผมคิดชื่อเรื่องเสร็จพร้อมวางตัวนักแสดงได้ทันที

ผมขอใช้ชื่อว่า Catch Me if You Can 2 หรือ จับให้ได้ถ้านายแน่จริง

เนื้อเรื่องก็คือมีชายคนหนึ่งที่เราไม่รู้เลยเขาชื่ออะไร

หรืออาจเป็นเด็กหนีออกจากบ้านดังเช่น แฟรงค์ อบาเนล ผู้โด่งดังก็เป็นได้

เขาเป็นวิศวกร ลูกเจ้าของบริษัท และ อาจารย์ โดยใช้เวลาไม่กี่เดือน

และเขาถูกไล่ล่าตามจับโดยคุณเด็กปากดี นักสืบชื่อดัง

เนื้อเรื่องแบบนี้ถ้าจะสร้างเป็นหนังผมว่ารับรองขายตั๋วดีแบบเททิ้งเทขว้าง

เดี๋ยวผมจะรับออกทุนเป็นผู้อำนวยการสร้างให้เองครับ

ผมว่าไม่น่าจะผิดกฏอะไรนะคับ ถ้าlog in ที่ว่าเม้นไรออกมาผมเชื่อว่าทุกคนในเสรีไทยแยกแยะได้อยู่แล้วว่ามันเกิดจากlog in นั้นๆ ไม่มีใครดูหมิ่นไปถึงอาชีพครูหรอกคับ
แต่ผมกลับมองว่าการที่เราไปlobbyให้เปลี่ยนชื่อlog in เพียงเพราะไม่พอใจมันกูเผด็จการมากไปหน่อย ทำงี้บอร์ดนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากสังคมคุณตะพาบห่วยๆที่เน้นแต่ความถูกใจ สนแต่พวกตัวเอง แถแบบหน้าไม่อายแบบนั้นหรอกคับ

ผมอยากให้เป็นบอร์ดเสรีตามชื่ บอร์ดแท้ๆมากกว่า มีอะไรก็ว่ากันด้วยข้อเท็จจริงไปแบบแฟร์ๆดีกว่า

ไม่ใช่การ lobby อย่างที่ท่านเข้าใจหรอกครับ ผมเขียนไว้ชัดเจนที่หัวกระทู้ว่า

"ขอร้องเป็นการส่วนตัว" และคุณคงอาจรับได้ถ้ามีการด่าทอโดยใช้คำว่า "อาจารย์"

ในทางเสียๆหายๆ แต่ผมรับไม่ได้ครับ ที่คำว่า "อาจารย์" ต้องไปแปดเปื้อนกับ

คำด่าทอโดยไม่จำเป็น และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาใช้ชื่อล๊อกอินในเวปบอร์ดการเมือง

ที่มีการด่าทอ และ มีความอ่อนไหวทางการเมืองสูงเช่นนี้

จะใช้ชื่อ นายวุฒิพงษ์ หรือ อะไรก็ตามแต่ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ

ดังเช่นคุณปุถุชน ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำนำหน้าว่า

อาจารย์ ปุถุชน เลยนี่ครับ การที่คนเราจะให้ความเชื่อถือ หรือ เคารพกันไม่ได้อยู่ที่

ใช้คำนำหน้าว่าอะไรหรอกครับ มันอยู่ที่ความคิด และ การกระทำของคนนั้นๆ

ดังเช่นผมเคารพหลายๆท่านในบอร์ดนี้ เช่น ท่านโทนี่ ท่าน ตะนิ่นตาญี

ท่านพระฤๅษี ท่าน เด็กปากดี ท่านแอม และมีอีกหลายๆท่านที่ผมเอ่ยนามไม่หมดจริงๆ

ผมนับถือท่านเหล่านี้ที่ความคิด และ การกระทำล้วนๆโดยไม่จำเป็นต้องรู้จัก

ว่าท่านเหล่านี้ต้องมีคำนำหน้า หรือ ทำงานในตำแหน่งอะไร

บางทีเขาอาจนอนแก้ผ้าอยู่บ้านดูหนังโป๊ดังเช่นลุงเย็นที่ผมเคารพอีกท่านหนึ่งก็เป็นได้

ลามปาม ทะลึ่ง ไปเดารายละเอียดเขาหมด
แล้วหลายคนด้วย

ท้องอืดแน่โจโฉเอ๊ยยยย !

ปลายอ้อ อาจอยู่ในราชดำเนินมานานกว่าเสรีไทย ความรู้สึกผม

ปลายอ้อเข้ามาในเสรีไทยก็ไม่ต่างจากพวก "ขาจร" มาทิ้งสิ่งที่เน่าเสียไว้แล้วจากไป

ดังนั้นปลายอ้อจึงไม่เคยรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในบ้านหลังนี้มาตลอด

ที่ผมเขียนหยอกเอินถึงลุงเย็นที่เคารพเช่นนั้น เพราะลุงเย็นเองนั่นแหละ

เป็นผู้ที่ถ่อนตนว่าอาจเป็นแค่คนที่นอนแก้ผ้าอยู่บ้านดูหนังโป๊ ก็เท่านั้นเอง

ในกระทู้หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมก็ขี้เกียจขุดค้นมาให้ท่านดูเช่นกันว่าลุงเย็นกล่าวเช่นนั้น

จริงหรือไม่ ถ้าลุงเย็นผ่านเข้ามาผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ รวมถึง

อีกหลายๆท่านที่เอ่ยนาม และขอรบกวนลุงเย็นช่วยยืนยันคำพูดผมให้ทีจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

และปลายอ้อครับ ผมก็ขอเตือนคุณอีกครั้งว่า

"เวลาจะกล่าวหา หรือ ต่อว่าใครนั้นควรจะค้นหาความจริงและเหตุผลให้ถ่องแท้

เสียก่อนอย่าใช้ความเชื่อส่งเดชของคุณในการกล่าวร้ายให้โทษใครเลยครับ

มิฉะนั้นจะเหมือนกรณีเหรียญป๋าเปรม ที่คุณเอารูปส่งเดชมาให้ดู

พอมีผู้แสดงว่ารูปที่คุณเอามาเป็นของปลอมคุณก็ใบ้กินหายหัวมุดดินไปพักหนึ่ง

คนเราเจ็บแล้วจำคือคน แต่เจ็บแล้วหน้าด้านหน้าทนอย่างปลายอ้อคือ.......... ไปคิดเอาเองเถิดครับ"

ไอ้ความคิดนี้ ก็ไม่เดียงสาอีก ไม่รู้เขามาไม้ไหน ตามไม่ทัน แต่ด่าไว้ก่อน..เฮ้อ !

ให้รู้ไว้ด้วย ท่านโจโฉฯ ผมก็หยอกเย้าคนที่ท่านเอ่ยขึ้นมาเหล่านั้นไปด้วย
โดยล้อคำพูดของคุณ อ่านทบทวนให้ดี ถ้ายังไม่เก็ท

ผมใช้คำว่า ลามปาม ทะลึ่ง
นั่นหมายความว่าผมบอกว่าคุณไปรู้เรื่องจริงๆของคนเหล่านี้ ได้อย่างไร
ที่เขาแก้ผ้า นั่นคือผมกำลังบอกว่าเขาแก้ผ้าดูหนังโป๊จริง
(ถือเป็นการหยอกกันกับลุงเย็น..ล้อไปกับคำพูดของคุณอีกที)

ผมใช้คำว่า "ท้องอืดแน่เลยโจโฉ" นั่นหมายความว่า
ผมกำลังบอกคุณว่าท่านเหล่านัั้นที่คุณเอ่ยชื่อมา
จะต้องด่าคุณจนท้องอืด ที่ไปแอบรู้เรื่องเขาเข้า

โจโฉ คนเราน่ะ ถ้าคิดจะแตกฉานนะ เวลาอ่านหนังสือ
อย่าอ่านเฉพาะตัวอักษรเท่านั้น จงอ่านระหว่างบรรทัดด้วย
มันจะเติมเต็มสติปัญญาของคุณเพิ่มขึ้นไปกว่านี้
เพราะระหว่างบรรทัด มันจะบอกอะไรว่าคนคิดอย่างไรได้
มากยิ่งกว่าตัวอักษรที่ปรากฎเสียอีก

ผมอ่านสิ่งที่คุณเขียน ผมเข้าใจว่าคุณล้อเล่นกัน
ไม่จำเป็นว่าผมจะอยู่นานหรือไม่ในเสรีไทย

บางทีการอยู่นาน มันก็เหมือนน้ำเน่าขังอยู่ในแอ่ง
ไม่ได้เสริมสร้างหรือพัฒนาอะไรขึ้นมาได้
เข้าตำรา โตเพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน

สำนวนไทย บางทีเขาเรียกว่า...เถรส่องบาตร !

555 ก็ยังเลี่ยงบาลีไปได้เรื่อยๆ ผมกับคุณใช่เพื่อนเล่นมาแต่เล็กแต่น้อยกระนั้นหรือ

คุณถึงมาใช้คำว่า "ลามปาม ทะลึ่ง" ผมยอมรับว่าผมอาจพูดจาลามปามถึงลุงเย็นที่เคารพ

แต่เป็นการพูดจาโดยพื้นฐานที่ลุงเย็นท่านเองก็เคยได้พูดไว้ในเสรีไทย

และที่ผมกล่าวว่าคุณกับผมใช่เพื่อนเล่นกันมาแต่เล็กแต่น้อยกระนั้นหรือคุณถึงมาพูดจา

เช่นนี้ ถ้าเป็นคนที่ผมเคยพูดจาฉันท์มิตรในบ้านหลังนี้ผมก็คงไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจหรอก

แต่ในคำหยอกล้อของคุณที่มีต่อผมนั้นคุณก็กลับเอาไปต่อยอดว่าผมฟังไม่รู้เรื่อง

ไม่รู้เจตนาแอบแฝงของคุณ ผมก็คนที่สติปัญญาไม่มากมายอะไรนักคนหนึ่ง

จะไปเท่าทันคนเหลี่ยมจัดเช่นคุณได้เช่นไรเล่า

และถ้าคุณคิดว่าคนที่อยู่มานานในเสรีไทยเป็น "น้ำเน่าเสีย"

ทำไมคุณไม่กลับไปหาแหล่งน้ำชั้นดีของพวกคุณที่ราชดำเนินเล่าครับ

สังคมอุดมด้วยปัญญาของพวกคุณเล่าครับ อยู่ไปเพื่อได้ศึกษาการทำหลักฐานเท็จ

ให้เหมือนจริงได้ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องโดนน้ำเน่าเสียเช่นผม พูดจาต่อว่าเอาได้

โจโฉ

คุณเที่ยวบอกว่าคนโน้นทำอย่างนี้ ไม่ดี
คอยจับตาดูคนอื่นทำ เพื่อหาช่องตำหนิ

แต่ในขณะที่คุณกำลังอวดอ้างตนว่าดี
คุณก็ได้ทำในสิ่งที่คุณได้ตำหนิว่าเขาทำไม่ดีไปพร้อมกันด้วยแล้ว
ด่าเขาแต่ก็ทำเสียเอง

เขาจะตั้งชื่อเสียงเรียงนามอะไร มันก็เรื่องของเขา
ตราบใดที่สิ่งที่เขาทำ มันไม่ผิดระเบียบ
ผิดกฎ กติกา เสื่อมเสีย กระทบกับบอร์ด

ก็ไม่ควรไปก้าวล่วงเขา โดยพยายามอ้างโน่นอ้างนี่
มาสนับสนุนความเห็นตนเอง เพื่อให้เห็นว่าคุณมีเหตุผลดี

ผมจะบอกให้..
คนไทยปัจจุบัน ตั้งชื่อตนเองที่ฟังแล้วไม่เหมาะไม่ควร
และถือเป็นสิ่งที่ไม่บังควร จะมีชื่ออย่างนั้นๆ

ก็คือคำที่เป็นไวพจน์เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ (ไม่ใช่ไวพจน์ เพชรสุพรรณ นะ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจ)
เช่น ภูวนัย ภูเบศร์ อิศเรศ ราชันย์ ภูบดี ฯลฯ เหล่านี้
สามัญชนไม่ควรใช้ ไม่เหมาะสม

คุณไปรณรงค์เรื่องนี้
ดีกว่าที่จะมาห้ามไม่ให้คนอื่นเรียกตัวเองว่าอาจารย์เลย มีสาระมากกว่า

เขาอาจเรียกตัวเอง เพราะเขาภุมิใจในตัวเองก็ได้
ที่เกิดมาเป็นอาจารย์สอน อาจดีกว่าคุณหรือผม
ที่ไม่ค่อยได้มีความภูมิใจอะไรนัก

ไปแล้ว
ไปแล้ว
ออกทะเล
ขี่เรือไปศรีธัญญาแล้ว
ไม่รู้เรื่องอะไรเล้ยยยยย

ผมว่าไม่น่าจะผิดกฏอะไรนะคับ ถ้าlog in ที่ว่าเม้นไรออกมาผมเชื่อว่าทุกคนในเสรีไทยแยกแยะได้อยู่แล้วว่ามันเกิดจากlog in นั้นๆ ไม่มีใครดูหมิ่นไปถึงอาชีพครูหรอกคับ
แต่ผมกลับมองว่าการที่เราไปlobbyให้เปลี่ยนชื่อlog in เพียงเพราะไม่พอใจมันกูเผด็จการมากไปหน่อย ทำงี้บอร์ดนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากสังคมคุณตะพาบห่วยๆที่เน้นแต่ความถูกใจ สนแต่พวกตัวเอง แถแบบหน้าไม่อายแบบนั้นหรอกคับ

ผมอยากให้เป็นบอร์ดเสรีตามชื่ บอร์ดแท้ๆมากกว่า มีอะไรก็ว่ากันด้วยข้อเท็จจริงไปแบบแฟร์ๆดีกว่า

ไม่ใช่การ lobby อย่างที่ท่านเข้าใจหรอกครับ ผมเขียนไว้ชัดเจนที่หัวกระทู้ว่า

"ขอร้องเป็นการส่วนตัว" และคุณคงอาจรับได้ถ้ามีการด่าทอโดยใช้คำว่า "อาจารย์"

ในทางเสียๆหายๆ แต่ผมรับไม่ได้ครับ ที่คำว่า "อาจารย์" ต้องไปแปดเปื้อนกับ

คำด่าทอโดยไม่จำเป็น และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาใช้ชื่อล๊อกอินในเวปบอร์ดการเมือง

ที่มีการด่าทอ และ มีความอ่อนไหวทางการเมืองสูงเช่นนี้

จะใช้ชื่อ นายวุฒิพงษ์ หรือ อะไรก็ตามแต่ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ

ดังเช่นคุณปุถุชน ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำนำหน้าว่า

อาจารย์ ปุถุชน เลยนี่ครับ การที่คนเราจะให้ความเชื่อถือ หรือ เคารพกันไม่ได้อยู่ที่

ใช้คำนำหน้าว่าอะไรหรอกครับ มันอยู่ที่ความคิด และ การกระทำของคนนั้นๆ

ดังเช่นผมเคารพหลายๆท่านในบอร์ดนี้ เช่น ท่านโทนี่ ท่าน ตะนิ่นตาญี

ท่านพระฤๅษี ท่าน เด็กปากดี ท่านแอม และมีอีกหลายๆท่านที่ผมเอ่ยนามไม่หมดจริงๆ

ผมนับถือท่านเหล่านี้ที่ความคิด และ การกระทำล้วนๆโดยไม่จำเป็นต้องรู้จัก

ว่าท่านเหล่านี้ต้องมีคำนำหน้า หรือ ทำงานในตำแหน่งอะไร

บางทีเขาอาจนอนแก้ผ้าอยู่บ้านดูหนังโป๊ดังเช่นลุงเย็นที่ผมเคารพอีกท่านหนึ่งก็เป็นได้

ลามปาม ทะลึ่ง ไปเดารายละเอียดเขาหมด
แล้วหลายคนด้วย

ท้องอืดแน่โจโฉเอ๊ยยยย !

ปลายอ้อ อาจอยู่ในราชดำเนินมานานกว่าเสรีไทย ความรู้สึกผม

ปลายอ้อเข้ามาในเสรีไทยก็ไม่ต่างจากพวก "ขาจร" มาทิ้งสิ่งที่เน่าเสียไว้แล้วจากไป

ดังนั้นปลายอ้อจึงไม่เคยรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในบ้านหลังนี้มาตลอด

ที่ผมเขียนหยอกเอินถึงลุงเย็นที่เคารพเช่นนั้น เพราะลุงเย็นเองนั่นแหละ

เป็นผู้ที่ถ่อนตนว่าอาจเป็นแค่คนที่นอนแก้ผ้าอยู่บ้านดูหนังโป๊ ก็เท่านั้นเอง

ในกระทู้หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมก็ขี้เกียจขุดค้นมาให้ท่านดูเช่นกันว่าลุงเย็นกล่าวเช่นนั้น

จริงหรือไม่ ถ้าลุงเย็นผ่านเข้ามาผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ รวมถึง

อีกหลายๆท่านที่เอ่ยนาม และขอรบกวนลุงเย็นช่วยยืนยันคำพูดผมให้ทีจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

และปลายอ้อครับ ผมก็ขอเตือนคุณอีกครั้งว่า

"เวลาจะกล่าวหา หรือ ต่อว่าใครนั้นควรจะค้นหาความจริงและเหตุผลให้ถ่องแท้

เสียก่อนอย่าใช้ความเชื่อส่งเดชของคุณในการกล่าวร้ายให้โทษใครเลยครับ

มิฉะนั้นจะเหมือนกรณีเหรียญป๋าเปรม ที่คุณเอารูปส่งเดชมาให้ดู

พอมีผู้แสดงว่ารูปที่คุณเอามาเป็นของปลอมคุณก็ใบ้กินหายหัวมุดดินไปพักหนึ่ง

คนเราเจ็บแล้วจำคือคน แต่เจ็บแล้วหน้าด้านหน้าทนอย่างปลายอ้อคือ.......... ไปคิดเอาเองเถิดครับ"

กิ้งกือดำ สงสัยเป็นพวกไม่มีวัฒนธรรมว่ะ
มองคนเห็นต่างเป็นศัตรูไปหมด

ถ้ายังนั้น คุณก็ต้องเลิกใช้คำว่ากิ้งกือ เพราะทำให้กิ้งกือเสียหาย ทำให้กิ้งกือดูต่ำต้อย

รวมถึง จขกท.ด้วย ไม่ควรใช้ ชื่อว่า โจโฉ นายกตลอดกาล..คุณจะสื่ออะไรกับคำว่าโจโฉ
จะให้คนคิดอย่างไรกับชื่อนี้ คนเป็นคนในสามก๊กปลอมตัวมารึไง ?

อย่าเอาเงื่อนไขอย่างนี้มาเป็นประเด็นเลย..ไร้สาระ
เพราะอย่างไร คุณก็ไม่ได้เคารพนับถือเขาอยู่แล้ว เพราะมองเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม

เอาเรื่องที่มันดูดีกว่านี้ดีกว่า...

อ่านที่ผมเขียนแล้วไม่เข้าใจก็อย่ามาคอมเม้นท์
จะคิดว่า ผมมีอคติ ก็ได้นะ
แต่ไอ้ที่คุณยกตัวอย่างเนี่ย
มันแสดงว่า คุณไม่เข้าใจที่ผมเขียนเลย
ไม่เป็นไรหรอก
คนอย่างคุณมันก็เป็นอย่างนี้แหละ
ไหลไปได้เรื่อยๆ
ทุเรศ