หาความรู้สำหรับมือใหม่ที่อยากปั่นจักรยานครับ
#151
Posted 20 August 2013 - 09:47
#152
Posted 20 August 2013 - 10:06
จุดประสงค์ของการเขียนกระทู้นี้ ก็คือสิ่งนี้แหละครับ
วันที่เริ่มคิด ผมมีข้อแม้มากมาย
เหนื่อย ร้อน ไม่มีเวลา เราอ้วน ปั่นไม่ไหวหรอก
พอเริ่มคิด ก็มาปรึกษาจะซื้อจักรยานกับคุณมูน
ตั้งงบไว้ไม่กี่พัน คุณมูนบอกว่า เอาที่พอได้
ราคาก็น่าจะหลักหมื่น ฟังแล้วก็เฮ้ย แพงจัง
ถ้าซื้อมาแล้วไม่ได้ขี่จะเสียตังค์เปล่ามั้ย
ถึงได้ไปซื้อมือสองมาปั่น
ผมเป็นคนนอนดึกตื่นสายมากครับ
ตอนแรกก็ตั้งใจจะปั่นแค่ในหมู่บ้านหลังเลิกงาน
แต่มาคิด ถ้าปั่นเหนื่อย เดี๋ยวหิว ก็ต้องกินๆๆๆๆ แล้วก็นอน
เลยลองตื่นเช้ามาปั่น
ปั่นตอนเช้า อากาศดี ทุกอย่างดีไปหมด
สนุกครับ มีเรื่องคุย มีเพื่อนใหม่ ได้ร่างกายที่ดูตึงๆ ขึ้นมานิด
ผมยังไม่ถึงกะน้ำหนักลดนะครับ เพราะยังปั่นไม่เยอะ
เอาเท่าที่มีปัญญาก่อน
ค่อยๆ กระเถิบปัญญาขึ้นทีละนิด
เมื่อเช้าก็พึ่งตื่นไปปั่นมา
เสียแต่ดันหิวข้าว ไม่ค่อยมีแรงปั่นเท่าที่ควร
กลับบ้านซัดมาม่าไป 2 ค่อยยังชั่วครับ
เชียร์ครับ
ผมเชื่อว่า มันจะเป็นความสุขเวลาลมตีหน้า
(ยืมคำพูดคุณมูนมา)
วันไหนปั่นเร็วหน่อย ลมก็ตีหู
เสียงมันเพราะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#153
Posted 20 August 2013 - 13:33
เมื่อคืนดูทีวีดึก แต่ก็เสี้ยนอยากไปลองรถใหม่ครับ
นอนตี 2 ตื่นตี 5 ออกมาปั่น
รู้สึกเหมือนหิวๆ แต่เข้าใจว่าคิดไปเอง เลยไม่ได้สนใจหาอะไรรองท้อง
ออกจากบ้านไปตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ
ขึ้นนั่งรถใหม่ เบาะรถเป็นแบบเรียวเล้กกว่าที่เคย
คันก่อน ผมมีเจลหุ้มเบาะด้วย (เป็นปลอกสำหรับสวมกับอาน ทำให้อานนิ่มขึ้น)
แต่คันนี้ยังไม่ได้ซื้อ แต่ปรากฏว่าขึ้นนั่งแล้วรู้สึกสบายกว่า
สงสัยคงไม่ต้องซื้อ (ขี้ใหม่หมาหอมรึปล่าว ไม่แน่ใจนะครับ อิอิ)
ลองปั่นเรื่อยๆ ไปก่อน จากบ้านไปสวนหลวง
และปั่นเอื่อยเฉื่อยไปรอบๆ แป๊บนึง แล้วจึงหันเข้าวงกลม
(วงกลมที่ว่า คือถนนที่นักปั่นเข้าไปปั่นกันเยอะๆ แหละครับ อยู่ในสวนหลวง
มันจะคล้ายๆ ลู่วิ่งแข่งรอบสนามบอลนั่นแหละ)
คราวนี้ ลองปั่นทั้งเร็ว ทั้งช้า ลองเปลี่ยนเกียร์โดยลองเปลี่ยนเฉพาะเฟืองหน้า
รถใหม่ของผม มีเฟืองหน้า 2 อัน (เค้าบอกว่ามันเหมือนเสือหมอบ ที่มักมีเฟืองหน้าแค่ 2)
รู้สึกได้ว่าเบาขึ้นกว่าเดิมครับ เบาอย่างเห็นได้ชัดพอสมควร
แต่...
แต่ผมหมดแรงจะเร่ง (ว้า) ท้องร้องหิวข้าวซะงั้น 555
เลยได้แค่ลองเปลี่ยนไปมาดูเล่นไปก่อน
การเปลี่ยนเกียร์ ดูจะยังไม่ถนัดนัก เพราะที่เปลี่ยนเกียร์เป้นแบบใหม่สำหรับผม
อันเดิม เป็นแบบหมุนบิดเอา เหมือนบิดคันเร่งมอเตอร์ไซด์
แต่คันนี้เป็นก้านโยก ซึ่งมีให้ 2 ก้าน ไปและกลับ
วันนี้ เร่งรอบขาไม่ขึ้นจริงๆ ครับ
ได้แค่ความเร็ว ที่ดูแล้วเร็วขึ้นในรอบขาเท่าเดิม
ตามที่คุณมูนบอก เพราะขนาดล้อใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
วันนี้ ปั่นได้ 28 กิโลครับ
เลยแคปเอาภาพข้อมูลมาให้ดูครับ
เดี๋ยววันหลังจะหาอะไรรองท้องก่อนไปดูสักนิดหน่อย
เอารูปมาฝากด้วยครับ
คนที่มาปั่นที่นี่ มีทุกรูปแบบครับ
ทั้งแกงค์ขาแรง คนแก่ ผู้หญิง เด็ก
เมื่อเช้าไป ก็มีพี่คนนึงมาทักทายกัน ปั่นไปคุยไปก็พอได้
ถามเค้าว่า ที่พวกพี่รู้จักกันนี่ รู้จักกันที่นี่เลยใช่มั๊ย
เค้าบอกว่าใช่ เจอกันก็ทักทาย ไปจนถึงแซว
เมื่อเช้า มีเชียร์แข่งกันด้วยครับ
ส่วนนี่ รถใหม่ของผมครับ
และนี่ก็เป็นข้อมูลเมื่อเช้านี้ครับ
ดีใจ ที่ตื่นมา อาการเจ็บมันหายไปแล้ว
เลยได้ออกไปปั่นครับ
Edited by tonythebest, 20 August 2013 - 13:34.
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#154
Posted 21 August 2013 - 11:51
ถ้าดูจากภาพข้างบน จะเห็นได้ว่า คนขี่จักรยาน มีทุกรูปแบบจริงๆ
เฉพาะในสวนหลวง ร 9 ที่ผมไป
มีทั้งชายหนุ่ม หญิงสาว ผู้ใหญ่ คนแก่ เด็ก ครอบครัว
ที่นั่นมีรถทุกระดับ ที่ปั่นร่วมถนนกันได้หมดครับ
BMX รถแม่บ้านเก๊าเก่า เสือหมอบ เสือภูเขา รถพับล้อเล้ก ไฮบริด
ขาแรง ขาอ่อน ก็มารวมตัวกันอยุ่ที่นี่หมด
มีผู้หญิงคนนึง ไม่แน่ใจว่าอายุประมาณเท่าไหร่
เธอแต่งหน้าสวยมาทุกวัน สวย หุ่นดีไม่เลว น่าจะมีอายุประมาณ 30 อัพ
มาปั่นบ่อยๆ ผมเห็นตอนแรก ก็ปารมาสไว้ในใจเหมือนกัน
แหม มาปั่นจักรยาน แต่งหน้ามาซะสวยเชียว
เดี๋ยวตอนปั่นคงเหยาะแหยะ
ปรากฏว่า เธออยู่ในกลุ่มขาแรงครับ
บางครั้งปั่นนำด้วย มีพวกผู้ชายดูดตูดอยู่ก็หลายครั้ง
สอบถามได้ความว่า นั่นล่ะ ขาแรงตัวแม่เลย
รถแต่ละคันที่เธอเอามาปั่นบางตัวราคาเป็นแสน
ปั่นได้เร็ว นาน ไม่น้อยหน้าชายหนุ่มคนอื่นๆ (แต่เกินหน้าผมไปเยอะ)
มีคุณลุงสองคน ที่อยู่ในกลุ่มขาแรงด้วยครับ
ท่านนึงเคยมาทักทายให้กำลังใจผมตอนผมนั่งพักเหนื่อยอยู่นอกสนาม
แกปั่นเสือภูเขาด้วย มาเห็นอีกที เฮ้ย นั่นมันกลุ่มขาแรงนี่
ส่วนอีกท่าน โดยปกติ แกปั่นรถพับล้อเล็กเก่าๆ (มาก) ครับ
บางโอกาส แกก็อยู่ในกลุ่มขาแรงบ้าง ถ้าแกเอารถภูเขามา
วันไหนเอารถพับมา แกก็ปั่นเรื่อยๆ แต่ก็จัดว่าเร็วไม่น้อย
ที่สำคัญ แกนานมากครับ
คุยกัน แกเล่าว่าไปออกทริปกะเด็กๆ บ้าง
แต่ไม่ถึงกะอึดเท่าเด้กๆ บางทีก้ไม่ได้ปั่นไปจากกรุงเทพ แต่เอาใส่รถไปแล้วปั่นต่ออีกแค่ร้อยกิโลนิดๆ (!!!!)
ผมเคยจอดหอบอยู่ข้างสนาม แกผ่านมาตะโกนถาม “เลิกแล้วเรอะ”
จำต้องเข็นตัวเองขึ้นรถไปอีกครั้งครับ ไม่งั้นอายลุงแก
โดยเฉพาะ เมื่อผมมีรถคันนี้แล้ว
(คิดเอาเอง) ผมต้องพยายามไม่เป้นขาเปลี้ยเพลียแรงได้แล้ว
เพราะรถมันพร้อมแล้ว เหลือแต่ผมเนี่ยแหละ ที่ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
(แอบคิดในใจ ใช่ซี๊ คนอื่นเค้าไม่ได้แบกน้ำหนักเยอะอย่างเรานี่หว่า)
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#155
Posted 21 August 2013 - 16:21
ในความเห็นต้นๆ ผมเล่าไปถึงเรื่องการปั่นจักรยานออกถนนครั้งแรกในชีวิตไป
ความจริงที่ว่า สมัยเด็กเคยปั่นจักรยานอยู่บ้าง แต่ก้ไม่เคยออกถนนใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนั้น แค่คิดก็ตื่นเต้นนะครับ ยิ่งกว่าการออกถนนใหญ่ครั้งแรกด้วยรถยนต์ซะอีก
เพราะผมมาออกถนนเอาเมื่อแก่แล้ว เราคิดอะไรได้เยอะแยะ
จำภาพได้ วิเคราะห์ไปถึงความน่าจะเป็นได้
จักรยาน เป็นพาหนะที่ค่อนข้างช้า การออกตัว การหยุด การเร่ง
ไม่สามารถทำได้ง่ายเหมือนรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์
ผมจึงมาความกลัวค่อนข้างมาก เพราะในเวลานั้น ยังไม่สามารถควบคุมรถได้ดี
(เวลานี้ก้เถอะ)
เคยถามแม่บ้านที่ออฟฟิศ เพราะเค้าปั่นจักรยานจากที่พักมาออฟฟิศทุกวัน
ระยะทางประมาณ 6-7 กิโล ด้วยจักรยานแม่บ้าน ที่เบรคเจ๊ง (ผ้าเบรคหมด)
และไม่ยอมซ่อม ดูเหมือนรถแกจะแปลงร่างเป็นฟิกซ์เกียร์ไป
เห็นว่าเบรคด้วยบันได
แต่แกก็ขี่ของแกมาได้ทุกวี่วัน ถามแกว่า เคยกลัวมั๊ย เคยเจออุบัติเหตุมั๊ย
แกบอกว่าไม่เคยเจอ จึงได้ไม่เคยกลัว
ผมจึงลองดู เพราะเส้นที่ผมจะวิ่ง รถไม่จอแจเหมือนเส้นอื่นๆ (อ่อนนุช-ลาดกระบัง)
เมื่อปั่นไป ก็ไม่ปรากฏเหตุการณ์อะไรให้หวาดเสียวเลย
เพราะผมพยายามขี่อย่างเซฟที่สุด ชิดซ้าย มองหลัง จับกลุ่ม ไม่ตีคู่กัน
เว้นแต่ความเหนื่อยล้า เพราะแรงขายังมีน้อย
ประกอบด้วยการปั่นกลับที่ต้านลมเยอะ อากาศร้อนมาก
จึงทำให้หมดแรงจนต้องพักกันรายทาง
แม้ครั้งนั้นจะเป็นระยะสั้นเพียง 40 กิโล (ไป+กลับ)
แต่ก็ทำให้ผมก้าวข้ามการไม่เคยออกถนนใหญ่ได้เป็นครั้งแรก
หลังจากนั้น จึงหมดสิ้นความกลัวไปในที่สุด
ผมมีรุ่นพี่คนนึง
ดูเหมือนจะพอมีฐานะ เพราะพักคอนโดราคาแพง
ทำงานรายได้ดี มีจักรยานอยู่ 2 หรือ 3 คัน
ไม่ไม่เคยรู้ว่าจักรยานคันใหญ่ของเขาเป็นยี่ห้ออะไรนะครับ
รู้แต่รถพับขนาดล้อ 20 นิ้ว ยี่ห้อ brompton ที่แกใช้อยู่เป็นประจำ
นั่นก็คงบ่งบอกฐานะแกพอได้อยู่
เท่าที่เห็น ดูเหมือนแกจะไม่มีรถยนต์นะครับ
ไม่เคยถามแก รู้แต่ว่า แกมักไปไหนมาไหนด้วยจักรยานอยู่เสมอ
ด้วยจักรยานเล้กๆ ของแก ทำให้แกไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก
หิ้วขึ้นรถไฟฟ้า ข้ามเรือ ลงมาก็กางรถไปต่อ
ผมไม่แน่ใจ ว่าคนกรุงเทพอย่างเรา จะมีใครที่สามารถใช้ชีวิตกับจักรยานได้เต็มร้อย
เพราะแน่นอนว่า มันคงไม่สะดวกสบายได้เท่ารถยนต์เล้กๆ สักคัน
ที่ได้นั่ง ไม่ต้องออกแรง และมีแอร์
ส่วนตัวผมเอง ก็ไม่ได้คิดว่าจะใช้รถจักรยานในชีวิตประจำวัน
เพราะอย่างไร แฟนที่ทำงานด้วยกัน ก็ใช้รถยนต์ไปทำงานอยู่ดี
รวมถึงไม่ถึงกับคิดจะใช้ลดความอ้วนนัก (เว้นแต่มันจะเป็นผลพลอยได้)
คุณมูนเคยกรุณาแนะนำโปรแกรมให้ ซึ่งผมเห็นแล้วก้ขาอ่อนไปเหมือนกัน
ได้แต่พยายามให้มากขึ้นแหละครับ แต่ไม่ถึงกับจะต้องจริงจัง
เพราะรู้ว่าความพยายามไม่ค่อยมี
แต่ตอนนี้ การขี่จักรยาน ก้เป็นเรื่องสนุกครับ
เรื่องสนุกมันเพิ่มเติมขึ้นไปเรื่อยๆ
จากวันนึง กะเอาไว้ขี่ชิลๆ ถ่ายรูปตามที่เที่ยว
เพิ่มมาเป็นขี่ได้มากขึ้นในสนามซ้อม ถึงขั้นได้จักรยานใหม่มาอีก
เริ่มสนุกกับการทำได้มากขึ้น สนุกกับการทำได้เท่าคนนั้นคนนี้
สำหรับคุณเรื่อยๆ เอื่อยๆ และเพื่อนสมาชิกท่านอื่นที่ได้อ่าน
แม้จะไม่คิดจริงจังหรือไม่มีเวลามากพอ
ก็มาปั่นเอาสนุกก็ได้ครับ
เริื่มง่ายๆ แค่ปั่นไปเซเว่นหน้าปากซอย
ปั่นไปธุระบ้านเพื่อนไกล้ๆ หรือไปสวนสาธารณะวันเสาร์อาทิตย์
เดี๋ยวมันจะบอกเราเองว่า โอกาสเพิ่มเติมมัน จะมาเมื่อไหร่
หรือเราควรจะเอาจริงมากขึ้นมั๊ย หรือเอาแค่นั้นก้พอ
ส่วนทริปหนักๆ โหดๆ ก็ปล่อยคุณมูนไป 55 /|\
- เรื่อยๆเอื่อยๆ likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#156
Posted 21 August 2013 - 22:37
ยินดีด้วยครับกับจักรยานคันใหม่
งานนี้ ผบทบ. อนุมัติเองด้วย
- tonythebest likes this
#158
Posted 22 August 2013 - 11:03
วันนี้ไปปั่นมาแต่เช้าครับ
ซื้อโอวัลติน ซื้อขนามปังเตรียมไว้
ตื่นเช้ามาก็ซัดไปก่อนจะไปปั่น
อ่านในพันทิพ บางคนก็แนะนำให้รองท้องไปนิดหน่อยก่อนปั่น จะได้มีแรง
แต่บางคนบอกว่า ไม่กิน ร่างกายจะได้เบิร์นของเมื่อคืนออกไป
แต่คราวก่อน ผมรู้สึกหิว วันนี้จึงกินไปก่อนดีกว่า
ไปปั่นวันนี้ โดยมีอะไรรองท้องไปแล้ว ทำให้ไม่ปวดท้องหิว
จึงทำให้พิสูจน์ตัวเองได้ชัดเจนแล้วครับ
ว่าผมไม่มีแรงเอง
โทษรถไม่ได้ โทษข้าวเช้าไม่ได้
ปัญหาหลักคือแรงขาของผมนี่เอง ชัดเจน (555)
วันนี้ ปั่นไปได้สัก 20 กิโล รู้สึกเหนื่อยครับ แต่ถ้าหอบ ผมหอบไปตั้งแต่ 2-3 กิโลแรกแล้ว
ได้ไปนั่งคุยกับรุ่นเก๋าๆ (รุ่นพ่อทั้งนั้น) เป็นพวกขาแรงสูงวัยอยู่พักนึง
เค้าก็วิจารณ์รถผมกันใหญ่เลย โดยเฉพาะการที่มันไม่ถูกไซด์
ผมเล่าให้ฟังว่า ผมไปลองยืนคล่อมดูแล้ว size 52 มันติดไข่พอดี
แต่ size 50 นี่หลวมขึ้นมาหน่อย
เค้าบอกว่า จะลองแค่คานตั้งไม่ได้ มันต้องดูคานนอนด้วย
เค้าให้ผมเอาข้อศอกทิ่มเบาะ มือวางไปทางแฮนด์ แล้วมือผมเกินไปเยอะ
เค้าบอกว่าคานนอนมันสั้นไป สรุปคือรถมัน size เล็กไป
แต่ไม่ได้ซีเรียสนะครับ เพราะนี่ก็ใหญ่กว่าคันเก่าผมเยอะแล้ว
เดี๋ยววันหลังค่อยเปลี่ยนเสต็มเอาก็ได้
วันนี้ ขี่ไปได้แค่ 25 กิโลครับ น้อยกว่าวันก่อนซะด้วยซ้ำ
เฮ้อ
จะจะพยายามให้ได้อย่างน้อย 30 กิโลต่อครั้ง
คงต้องพยายามกันต่อไป
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#159
Posted 22 August 2013 - 12:37
ที่ผมไปทริปนี่ไม่ถือว่าหนักว่าโหดนะครับ
มือใหม่มาฝึกกับผมตามที่ผมบอกไม่เกิน
สามอาทิตย์ก็ไปร่วมทริปได้แล้วครับ
น้องคนนึง พึ่งปั่้นแบบถูกต้องมาได้ไม่นาน
เปลี่ยนรถตั้งแต่ฟิกเกียร์ มาทัวร์ริ่งล้อ 700
แล้วก็ไปหมอบ ตอนนี้ถอยหมอบมาเป็นคัน
ที่สอง (คันเก่าขายไป) ถอยล้อใหม่มาอีก
ฝึกซ้อมอย่างถูกต้อง ล่าสุดไปแข่งที่สุพรรณ
ติด 1 ใน 30 ส่วนน้องคนที่หนัก ร้อยกว่าโล
ติด 1 ใน 60 สองคนนี้เขาฝึกซ้อมแบบถูก
วิธี ไม่เฉไฉออกนอกทางครับ แล้วตอนแรกๆ
ก็เหมืือนกับทุกคนนั่นแหละ กะว่าจะปั่นเพื่อ
ออกกำลังกายเท่านั้น แต่พอร่างกายของเค้า
ได้ก้าวพ้นขีดจำกัดในแต่ละช่วงไป เค้าก็สนุก
อยากรู้ต่อไปเรื่อยๆ ว่า จะทำได้ขนาดไหน
ตอนแรกผมก็เหมือนกับทุกคน กะว่าจะปั่นออก
กำลังกายเท่านั้น แต่พอไปรู้จักผู้คนที่ปั่นมา
ก่อน รู้วิธีปั่นอย่างไรเพื่อออกกำลังกาย ปั่น
ไปแล้วได้อะไร ฯลฯ แล้วก็ปั่นแบบที่เขาแนะนำ
ร่างกายของเราดีขึ้นมาเองครับ พอดีขึ้นมาเราก็
อยากลองของ อยากทดสอบร่างกายของเรา
มันก็เลยกลายเป็นว่า ใครไปไหนไปด้วย ใกล้ไกล
ไปหมด ช้า หรือ เร็ว อยากไปด้วยหมด หนุกหนาน
บานตะไท
- tonythebest and UncleSam like this
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#160
Posted 25 August 2013 - 22:28
เมื่อวาน ปั่นจากบ้านไปบางน้ำผึ้งมาครับ
ปั่นจากบ้านไปเจอเพื่อนแถวหน้าสวนหลวง ร 9 และลัดทะลุสวนหลวงไปออกทางซอยอุดมสุข
ไปทางสรรพาวุธ เพื่อข้ามเรือไปลงตรงวัดบางน้ำผึ้งนอกครับ
เคยไปบ้านเพื่อนแถวถนนเพชรหึงษ์มาหลายครั้ง
แต่ยังไม่เคยไปไหนข้างๆ ได้เต็มที่สักที ได้แต่แวะถ่ายรูปแถวคลองลัดโพธ์ิมาบ้างเท่านั้น
ทราบว่า บริเวณนั้น เป็นบริเวณที่ทางการพยายามสงวนไว้ให้เป้นธรรมชาติมากที่สุด
ไม่ให้มีการสร้างตึกสูง ศูนย์การค้า และโรงงาน
เป้นไปได้ ทางการก็พยายามกว้านซื้อที่แถบนั้นเอาไว้ เพื่ออนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียว
ดังนั้น ใน “กระเพาะหมู” แห่งนั้น จึงยังคงความเป็นสีเขียวได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ
ผมออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงเช้า ไปนั่งรอเพื่อนที่ปั่นมาจากสุขาภิบาล
ออกจริงๆ ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ไปริมถนนไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือบางนานอก
รอไม่นาน ก็ได้ขึ้นเรือข้ามฝั่ง เพื่อไปลงตรงท่าเรือบางน้ำผึ้งนอกครับ
หลังจากลงท่าเรือ เพื่อก็พาเลี้ยวซ้าย ไปทางป่าจากครับ
บริเวณนี้ เป็นเหมือนป่าโกงกาง แต่เปลี่ยนเป้นต้นจากเสียเป้นส่วนใหญ่
มีการสร้างทางปูนไปตลอดระยะเพื่อการสัญจร ซึ่งกว้างเพียงพอจะให้จักรยานสวนกันได้
มีคันกั้นฝั่งนึง ไม่น่าหวาดเสียวครับ แต่ต้องระวังขี้หมาบ้างเป็นระยะ
สองข้างทาง มีบ้านบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ทึบ
มีโรงแรมโผล่มาแห่งนึงด้วย ดูกิ๊บเก๋ใช้ได้เลยครับ
(นี่เป็นรูปเพื่อนนะครับ ผมไม่หุ่นดีปานนี้)
จนออกจากป่าจาก ผมจึงชวนเพื่อนเลี้ยวไปทางประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ก่อน
เพื่อวนกลับตอนขากลับจะได้ไม่ต้องอ้อมเยอะ
ครั้งก่อน ผมเคยมาถ่ายรูปที่นี่ ประตูทางเข้าเปิดเอาไว้ รถยนต์ก็เข้ามาจอดได้ครับ
แต่คราวนี้ ประตูปิด ผมเลยต้องอ้อมเข้าไปทางด้านข้าง
และยามที่หน้าประตู บอกว่าห้ามขี่จักรยาน แต่จูงได้
ผมก็งง เพราะเคยเอารถเข้ามาจอดยังได้ แต่ก็ทำตามครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#161
Posted 25 August 2013 - 22:29
ออกจากที่นั่น ก็ตรงไปหาข้าวกินที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ซึ่งคึกคักน่าดูครับ
มีกลุ่มจักรยานกลุ่มใหญ่ไปด้วย ไม่แน่ใจว่าจากห้องจักรยานที่พันทิปรึปล่าว
เพระาเห็นมีนัดแนะไปกันวันนั้นด้วย มีถ่ายรูปผมกับเพื่อนไปด้วย
คงเข้าใจว่าอยู่ในก๊วนเค้าด้วยมังครับ
แต่อยู่ไม่นาน ก็ออกครับ กินข้าวเรียบร้อย ก็ออกไปนั่งกินกาแฟตรงทางเข้าตลาด
จำชื่อร้านกาแฟไม่ได้แล้ว เป็นร้านดูแปลกๆ น่านั่งดีครับ
สวนหน้าร้านเป้นท้องร่อง คือมีคูน้ำและปลูกต้นไม้ไว้
มีโต๊ะไม้ที่ต่อไว้ง่ายๆ ไว้นั่งชมสวนด้วย
เจ้าของร้านบอกว่า ที่นั่งข้างนอก ทำไว้ให้พวกนักปั่นครับ
จะได้ไม่ต้องห่วงจักรยานที่จอดไว้ข้างนอกครับ
เสียดายที่ตอนนั้นกินมาเหนื่อย เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้
ออกจากนั้น ผมก็ตรงไปสวนศรีเป็นแห่งสุดท้ายครับ
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่ และมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย
ขาดการดูแลพอสมควร หมายถึงงบประมาณพัฒนาถนนหนทางนะครับ
แต่ความสะอาด ค่อนข้างดี เว้นแต่งบพัฒนาปรับปรุงยังไม่มี
ตรงเข้าไปข้างในลึกๆ ก็มีสภาพคล้ายป่าทีเดียวครับ
เข้าไปแล้ว แทบไม่เชื่อตาตัวเอง ว่ากลางกรุงจะมีป่าขนาดนี้อยู่
ผมนั่งถ่ายรูปเล่นกันบนถนนเลยครับ
นานๆ จะมีเพื่อนนักปั่นผ่านมาที นั่งถ่ายนอนถ่ายกันเลยทีเดียวครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#162
Posted 25 August 2013 - 22:29
ออกจากนั่นก็ประมาณ บ่าย 3 ผมจึงตรงกลับบ้านไปทางเดิมครับ
ผ่านแม่น้ำมาสู่ถนนบางนาตราด อากาศคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
แนะนำเพื่อนๆ สมาชิกครับ
ปั่นจักรยานไป คุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยครับ
ถ้าผมไม่ปวดตูดซะก่อน จะไม่มีปัญหาเลย เมื่อวานปั่นมาได้ทั้งหมด 58 กิโลครับ
ตำบลบางน้ำผึ้งตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง เป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้บริเวณนี้ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุน ในเวลาที่น้ำผ่านเข้ามาในบริเวณลำคลองต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำสวนเป็นส่วนใหญ่
ข้อมูลชุมชนที่ตั้ง
ตำบลบางน้ำผึ้งตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดงเป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ห่างจากอำเภอพระประแดง ประมาณ 5 กิโลเมตร
ประวัติความเป็นมา
ตำบลบางน้ำผึ้งตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง เป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้บริเวณนี้ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุน ในเวลาที่น้ำผ่านเข้ามาในบริเวณลำคลองต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำสวนเป็นส่วนใหญ่ ดินบริเวณตำบลบางน้ำผึ้งมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารของพืชนานาชนิด อาชีพดั้งเดิมของชาวตำบลบางน้ำผึ้งคืออาชีพทำสวนผลไม้ น้ำหวานจากเกสรดอกไม้นานาชนิดได้ดึงดูดให้ผึ้งมาอาศัยอยู่โดยทั่วไปในพื้นที่ ชาวบ้านได้นำน้ำผึ้งมาตักบาตรจนเป็นวิถีชีวิต กลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงได้ขนานนามพื้นที่นี้ว่า “บางน้ำผึ้ง” ชาวบ้านในตำบลบางน้ำผึ้งส่วนใหญ่เรียกตำบลบางน้ำผึ้งว่ากระเพาะหมูเพราะเมื่ออดีตน้ำมันท่วมนาน ตำบลต่างๆทั้ง ๖ ตำบล ในอำเภอพระประแดงอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำก็เลยไหลเข้ามาได้ทุกด้าน พอน้ำลดก็เลยเป็นแอ่งกระทะ จึงเรียกว่า “กระเพาะหมู” จึงทำให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์พิเศษเป็นของตน ซึ่งคนในสมัยนั้นนิยมปลูกข้าว จากประวัติศาสตร์ของชุมชน น่าจะมีอายุราวไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ กว่าปีที่แห่งนี้มีโฉนดที่ดินทุกแปลงดังปรากฎตามโฉนดที่ดินในสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบกับประวัติศาสตร์การสร้างเมืองศรีนครเขื่อนขันขันธ์หรืออำเภอพระประแดงในปัจจุบัน ชุมชนบางน้ำผึ้งน่าจะมีอายุราว ๒๐๐ กว่าปี คนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนไทยภาคกลาง และมอญ และจีนบางส่วน ตำบลบางน้ำผึ้งมีทั้งหมด ๑๑ หมู่บ้าน ประชาชนประกอบอาชีพทางการเกษตร รับจ้างในโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทเอกชน รับราชการและอื่นๆ และกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2539 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 113 ตอนพิเศษ 52 ง ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2539 อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของบางกะเจ้า หรือกระเพาะหมู ที่ถือเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ใกล้กรุงเทพมหานครที่ได้รับการอนุรักษ์พื้นที่ไว้ (มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กันยายน ๒๕๒๐ ให้อนุรักษ์พื้นที่สีเขียวบริเวณบางกะเจ้า)
ลักษณะทั่วไป และระบบนิเวศ
วัฒนธรรมประเพณี
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
เพื่อเป็นแหล่งให้การศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิตและคลังปัญญาของคนในสังคมที่เกิดจากความเฉลียวฉลาดของชาวชุมชนที่ได้คิดประดิษฐ์และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นพร้อมการถ่ายทอดให้แก่ผู้มาเยือน ณ บริเวณตลาดน้ำบางน้ำผึ้งและส่วนอื่นภายในพื้นที่ชุมชน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโลยีทางการเกษตร หมู่บ้านโอท็อป และ บ้านธูปหอมสมุนไพร เป็นต้น ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง สามารถสร้างเสรษฐกิจชุมชนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้สำเร็จ
จุดเด่น และกิจกรรมท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว
กิจกรรมท่องเที่ยว
การวางแผนและการจัดการที่ดีขององค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้งในการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพทางธรรมชาติให้คงเดิมไว้ให้มากที่สุดและเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทยช่วยกันสืบสานให้คงอยู่สืบไป เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดดุลยภาพระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจนั่นเอง
โปรแกรมท่องเที่ยวโปรแกรมท่องเที่ยว
เส้นทางท่องเที่ยว
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เป็นแหล่งรวมภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสถานที่พักผ่อนของคนส่วนใหญ่ในทุกช่วงวัยแล้ว องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง ได้มีการเชื่อมโยงทรัพยากรการท่องเที่ยวกับตำบลอื่นๆด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ต่ออีก ระยะทางไม่ไกลกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย พิพิธภัณฑ์สะพานภูมิพล ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และวัดวาอารามต่างๆในพื้นที่เกาะบางกะเจ้าซึ่งมีความวิจิตรงดงามด้านสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำเอิบใจเมื่อมาเยี่ยมชม
การเตรียมตัว และข้อพึงปฏิบัติการเตรียมตัวของนักท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวควรมีความรู้ ความเข้าใจในความหมายและรูปแบบของการท่องเที่ยวตลาดน้ำ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้ง เบอร์ติดต่อ กิจกรรมในชุมชน ค่าใช้จ่าย ศึกษาเส้นทางการเดินทาง
ข้อพึงปฏิบัติของนักท่องเที่ยว
การมาตลาดน้ำบางน้ำผึ้งนักท่องเที่ยวต้องช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชุมชน เคารพวัฒนธรรมประเพณีความเชื่อของชุมชน ให้ความเป็นกันเองกับชาวบ้านในชุมชน ตลอดจนการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนด้วยการอุดหนุนสินค้าพื้นบ้านและผลิตภัณฑ์ชุมชนตามความเหมาะสม
ผลิตภัณฑ์ชุมชนการคมนาคมมีทั้งทางบกและทางน้ำ ส่วนใหญ่เป็นถนน คสล. สายสั้นๆ ผิวการจราจรอยู่ในสภาพดี เป็นระเบียบเรียบร้อย การจราจรยังไม่หนาแน่น มีรถประจำทางผ่านได้แก่ สายพระประแดง -บางกอบัวท่าเรือข้ามฝากระหว่างตำบลบางน้ำผึ้งและเขตบางนา จำนวน ๓ ท่า ได้แก่ ท่าน้ำบริเวณวัดบางน้ำผึ้งนอก, ท่าน้ำโฮมสเตย์หมู่ที่ ๓ ,ท่าตาเลื่อน
http://www.cbt-i.org...=11072012170044
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#163
Posted 30 August 2013 - 21:47
วันนี้ ลองปั่นจักรยานไปทำงานครับ
ปกติ ผมนั่งรถคันเดียวกันกับแฟนไปทำงานครับ
เราทำงานที่เดียวกัน ที่บ้านจึงมีรถแค่คันเดียว
วันนี้ ตอนบ่าย แฟนมีธุระ ก็เลยจะออกไปก่อน
ผมจึงถือโอกาสบอกแฟนว่าจะปั่นจักรยานมาทำงานดู เพราะเส้นทางไกล้ๆ แค่ 8 กิโล
ออกจากบ้านสายหน่อย 8.30 ครับ
ก็ไปเรื่อยๆ จากเส้นเฉลิมพระเกียรติ ร 9 ออกศรีนครินทร์
วิ่งตรงไปทางแยกอ่อนนุช พ้นแยกอ่อนนุชไปนิดเดียว
ก็ถึงหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งออฟฟิศผมแล้ว
แอบกังวลอยู่บ้าง เพราะผมผ่านเส้นนี้อยู่ทุกวัน
ถนนยังทำอยู่ไม่เสร็จ
รวมถึงจุดสำคัญ ที่ผมเคยมีปัญหามากับการปั่นทางไกลครั้งแรก
คือสะพานข้ามคลองประเวศครับ ซึ่งเวลาขับรถผ่าน ดูจะสูงพอควร
ผมเคยหมดแรงกับการขึ้นสะพาน สมัยปั่นไปหัวตะเข้
เพราะตอนนั้น ผมใช้รถคันเก่า น้ำหนักมาก เกียร์ยังมีปัญหา
ตอนนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง
แต่พอถึงสะพาน ด้วยช่วงก่อนขึ้นสะพาน เป็นทางแยกครับ
และเลยไปก้เป้นป้ายรถเมล์ การคอยหลบหลีก ทำให้ไม่สามารถเร่งยาวเพื่อส่งแรง
ก็ได้แต่ปั่นมาในระดับธรรมดา
เฟืองหน้าของผม เป้นเฟืองเล็ก (มี 2 เฟือง) ผมค่อยๆ เพิ่มเฟืองหลังให้ใหญ่ขึ้นทีละสเต็ป
ได้แค่ 2-3 ระดับ ปั่นเบาขึ้นอีกนิดหน่อย (สรุปว่า ยังใช้เกียร์ไม่เป็นซักทีสิน่า)
แต่คราวนี้ ผมขึ้นไปได้สบายครับ ความเร็วประมาณ 20 น่าจะได้
ตกลงนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกะอืดจนอยากกระโดดลงไปจูงนะครับ
และก็ผ่านไปได้โดยง่าย
ตอนไหลลง ผมยังงงอยู่หน่อย
สงสัยว่า ผมขึ้นง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะอะไร
เพราะรถเบา
เพราะแรงขาผมดีขึ้น
เพราะการเปลี่ยนเกียร์ของผมช่วย
แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีจนเข้าออฟฟิศ
ไปนั่งพักเหนื่อย น้องๆ ที่ออฟฟิศก็ทะยอยกันมา
ต่างก็ทำหน้าตาประหลาดใจกันใหญ่
ตอนกลับ
วันนี้ ฝนดันตกตั้งแต่เย็นครับ
รถของผมคันนี้ ไม่มีบังโคลนใดๆ เลย
ผมนั่งรอฝนหยุด จนเหลือแค่ฝนพรำนิดหน่อย
จึงตัดสินใจปั่นกลับ โดยยกรถข้ามสะพานลอยเอา
และปั่นกลับ ไปตามเส้นทางที่ชุ่มด้วยน้ำฝนพึ่งตก
ไหล่ทางที่เป็นตำแหน่งปั่น เต็มไปด้วยน้ำขัง
ก่อนหน้านี้ ผมเคยกลัวๆ การปั่นกลางคืนเหมือนกัน
เพราะกลัวว่าความมืดจะดูอันตราย
แต่ความจริง ปรากฏว่าสบายมากครับ
สบายตัวเพราะไม่ร้อน สบายตา ไม่ต้องเพ่งมองเหมือนปั่นกลางวัน
วันนี้ ระหว่างเส้นศรีนครินทร์ไม่มีเพื่อนร่วมทางเลย
ทั้งที่ปกติ ผมมักจะเห็นนักปั่นอยู่บ้าง สักง 2-3 คน
จนเลี้ยวเข้าเส้นเฉลิมพระเกียรติ จึงพบชายหญิงคู่หนึ่ง
ที่ปั่นมาด้วยกัน น่าจะเป็นแฟน และผู้ชายคงชวนผู้หญิงมาปั่นครั้งแรก
เพราะเห็นผู้ชายระวังหลังและคอยกำกับอยู่
ผู้ชายรถมีบังโคลนครับ เป็นทัวร์ริ่ง
ส่วนผู้หญิงใส่เสื้อฝนตัวใหญ่ ซึ่งดูรุ่มร่าม น่าอันตรายอยู่พอสมควร
แต่ก็ปลอดภัยจาดโคลน
จนเราทั้งหมด เลี้ยวเขาซอยเดียวกันครับ คือซอยบ้านผม
แต่เราไม่ได้ทักทายพูดคุยนะครับ ต่างคนต่างปั่นไป
เพราะดูเขาจะให้ความสนใจกับการปั่นของผู้หญิงมากหน่อย
กลับบ้าน ผมมั่นใจว่าเสื้อผมต้องเละแน่ๆ
จึงบอกให้แฟนถ่ายรูปให้ดู
เละตั้งแต่ง่ามก้น ไปจนถึงท้ายทอยทีเดียวครับ
นี่ก็ต้องแช่เสื้อไว้หลังบ้านครับ
ได้ประสบการณ์ใหม่อีกอันนึงมาแชร์กันครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#164
Posted 1 September 2013 - 00:00
เช้านี้ ตื่นมาดูจักรยาน
ปรากฏว่ายางหลังแบน
ไล่หาดู พบน็อตตัวสั้นๆ ปักอยู่ตัวนึงครับ
เลยต้องเอาไปเปลี่ยนยางใน
ให้ที่ร้านเค้าทำให้ดู พร้อมซื้ออุปกรณ์งัดยาง อะไหล่ยางในอีกเส้นนึง
รวมถึงให้สอนวิธีถอดล้อหลังให้ด้วย
ไม่รู้โดนทิ่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่น่าจะเป็นทางเข้าบ้านเพราะปั่นมาถึงบ้าน
ก็ยังไม่หนืดขึ้นเลย ไม่น่าจะรั่วจากไกลๆ
ปั่นไปออฟฟิศครั้งเดียว ได้ประสบการณ์แปลกใหม่มาครบเครื่องทีเดียว
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#165
Posted 6 September 2013 - 23:34
วันนี้ กับเมื่อวาน ได้ปั่นไปทำงานอีกแล้วครับ
ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ดีจริงๆ ครับ
หลังจากเจอปัญหาจากวันแรก ที่ปั่นกลับไปเจอถนนเลอะเทอะ
แถมตื่นมายังเจอน๊อตทิ่มคายางอยู่
หลังจากนั้น ผมก็ได้เอาจักรยานไปเปลี่ยนยางใน
พร้อมกับซื้อยางสำรองไว้อีกเส้น ใส่ไว้ในกระเป๋าติดรถ
พร้อมเครื่องมืองัดยาง แถมให้ที่ร้านสอนถอดยางหลังให้ด้วย
เพราะแรกๆ เห็นมันมีโซ่ มีตีนผี กลัวถอดออกมาแล้วใส่กลับได้ไม่เหมือนเดิม
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดปั่นจักรยานไปทำงาน
เพราะยังไง แฟนก็ต้องขับรถไปทำงานครับ
ไม่รู้จะไปคนละคันรถกันไปทำไม แถมการปั่นบนถนนคนเดียว ผมก็ไม่เคย
ออกจะกลัวๆ กล้าๆ ครับ
หลังจากได้ออกถนนวันแรก แม้จะเจออุปสรรคตั้งด่านไว้
แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าเดิม เพระารู้แล้วว่ามันสบายมาก
เมื่อวาน จึงปั่นไปอีก เป้นครั้งที่ 2 ครับ
ครั้งนี้มั่นใจ เพราะมีอุปกรณ์ไปพร้อม เว้นแต่ที่สูบลม
ซึ่งใส่ไว้ท้ายรถ เดี๋ยวแฟนก็จะขับรถตามหลังมา
หากยางแบนยางแตก ก็คงไม่มีปัญหา
ตอนเช้า ก่อนออกจากบ้าน ผมก็เติมลมไปอีกครั้งนึง
แต่เหมือนเติมแรงไปหรือยังไงไม่ทราบนะครับ
พอแกะหัวจุกที่เติมลมออก มันก็ดีดออกซะแรงเลย
แต่ผมก็ยัดฝาปิดจุ๊บลมไปเรียบร้อย ออกปั่นไปสบายๆ
ระยะทางจากบ้านไปออฟฟิศของผม แค่ 8.1 กิโลครับ
ถนนบางส่วนทำใหม่ดีเยี่ยมแล้ว
บางส่วนยังก่อสร้าง คราวนี้ก็พยายามหลบๆ หลีกๆ ไปด้วยตลอดทาง
ไปถึงออฟฟิศ ถ่ายรูปลงเฟสโชว์เพื่อนเลย (อิอิ ใครจะบ้าปั่นจักรยานมาทำงานเล่า)
มีผู้หญิงท่านนึง ซึ่งเริ่มปั่นจักรยานพร้อมผม
แต่แกปั่นหมอบและออกทริบบ่อยมาก (แฟนแกก็ปั่น)
แกเข้ามาทักเบาๆ “แค่ 8 กิโลเอง”!!!!!
ผมนึกแฮ่ฮึ่มในใจ เดี๋ยววันหลังจากออกทริปทางไกลให้บ่อยมั่งแล้ว
ไม่งั้นตามแกไม่ทัน
ตอนเที่ยง ลงมากินข้าวชั้นล่างครับ
แม่บ้านออฟฟิศ เดินมาบอก ยางแบนอีกแล้ว
ผมวิ่งไปดู เฮ้ย ยางหลังไปอีกแล้ว
ผมกุมขมับทันที เพราะแม้ยางอะไหล่มี แต่วันนี้ แฟนโทรมาบอกว่าขอไม่มาทำงานเพราะปวดหัว
แสดงว่าผมจะไม่มีที่สูบลม แถมยังไม่เคยลองถอดยางหลังเอง แล้วจะมีอะไรหลงลืมมั่งมั๊ยเนี่ย
พี่อีกคนเดินมาบอกว่า ในรถเค้ามีที่สูบลมแบบไฟฟ้า ต่อกับที่จุดบุหรี่ในรถ
ผมก็โล่งใจ เลยนั่งลงถอดยางออก งัดขอบยางออกมา
ก็ทำไปได้โดยง่ายครับ เอายางอะไหล่ใส่เข้าไป
(อ้อ ลืมล่าไปว่า ตอนที่ซื้อ ยางอะไหล่รุ่นมไม่มี เค้าเลยเอายางหมอบมาให้
บอกว่าเปลี่ยนกันได้ ไม่รู้จริงรึปล่าว)
พอเอายางสวมเข้าไป ปรากฏว่ายางมันยาวกว่าล้อผมนิดหน่อย
ก็พยายามยัดๆ เข้าไปจนสำเร็จ
โดยใช้ที่งัดยางวัดไปงั้ดมาจนเรียบร้อย
แล้วจึงเดินไปสูบลมที่ข้างๆ รถ
ปรากฏว่าสูบอย่างไรก็ไม่เข้าครับ
อาการคล้ายที่สูบลมแบบเดียวกันกับที่ผมเคยซื้อมาใช้
หวุดหงิดหัวเสียเป็นที่สุด
นึกขึ้นได้ ว่ายามหน้าหมู่บ้าน (ออฟฟิศผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรครับ ผมซื้อเป็นบ้านไว้ เพราะอยู่สบายกว่าออฟฟิศธรรมดา)
เลยเอารถพี่คนนั้นขับเอายางไปเติมด้วยที่สูบของยาม
พอไปถึง ยืมที่สูบมา ลองสูบ ก็ไม่เข้าอีกครับ
ผมทำอะไรผิดตรงไหนเนี่ย
สุดท้าย เลยตัดสินใจหอบยางนั่นไปร้านจักรยานในซอยอ่อนนุชร้านนึง
บอกให้ดูให้หน่อย
ช่างถอดยางของผมออกมาดู พบรูเบ่อเร่อครับ ผมทำเป้นรูไว้ตั้งแต่ตอนเอาที่งัดยางวัดมันนั่นแหละ
ถึงว่าถึงสูบลมเท่าไหร่ก็ไม่เข้า เลยต้องเปลี่ยนยางในใหม่อีกเส้น
อ้อ ลืมบอกไป ยางอันก่อน หัวจุ๊บมันงอหักครับ ตอนที่ผมสูบลมมาตอนเข้านั่นแหละ
มันเลยรั่ว
ผมเสียยางไป 2 เส้นแล้ว เลยต้องเปลี่ยนยางใหม่มาอีกเส้น
แถมซื้อสำรองเส้นใหม่มาอีก โดยไม่ได้ถามราคา
เสร็จเรียบร้อย ได้ยางแน่นๆ มาพร้อมยางอะไหล่
ผมก็ให้คิดค่าเสียหาย
เค้าบอกว่า 180 ลดให้เป็น 160 แล้วกัน
ผมก็ควักแบงค์ร้อยไปให้ 2 ใบ เค้าบอกไม่ใช่ ราคา 2 เส้น
160 เป็นราคาเส้นเดียว 2 เส้น 320
โดนเข้าไปอีกดอกนึง
สบายใจไป
เมื่อวาน กลับบ้านไปมีความสุขเลยครับ
เพราะได้เรียนรู้ปัญหาเล็กๆ ที่เราไม่รู้ไป
ถอดล้อหลังเป้นแล้ว ทีนี้ไม่กลัวแล้ว
วันนี้ แฟนสบายดี แต่ผมก็ยังอยากจะปั่นไปทำงานครับ
เลยออกแต่เช้า ไม่ลืมเอาเครื่องมือไปหมด เอาที่สูบใส่ท้ายรถแฟนไว้ด้วย
อ้อ ก่อนออก ปล่อยลมออกนิดนึงครับ
ยางผมลิมิตร 85 ผมเติม 80 ไว้ วันนี้เลยลดยางหลังเหลือ 70 นิดๆ
กลัวกระแทกอะไรแล้วแบนอีก
กะว่า วันนี้ถ้าแบนอีก ผมจะเลิกปั่นมาออฟฟิศเด็ดขาด
นึกขึ้นได้ พี่ผู้หญิงเค้าพูดไว้ “8 โลเอง”
นึกได้แบบนั้น ผมเลยตั้งใจจะเลยจำนวนให้ได้
ทำไงล่ะ
ผมปั่นจากหน้าสวนหลวง ร9 ผ่านถนนศรีนครินทร์ ผ่านแยกอ่อนนุช
ข้ามสะพานข้ามคลองประเวศมา ก็ถึงหมู่บ้านออฟฟิศผมแล้ว
แต่ผมเลือกจะไปต่อ
ผมตรงไปพัฒนาการ ที่นั่นมาคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนึง
ซึ่งมีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง
คือร้านกาแฟวาวี
ไปนั่งกินกาแฟอยู่พักนึง รอจนร้านจักรยานแถวนั้นเปิด
แล้วเข้าไปเลือกหาบังโคลนหลัง (คิดว่า ต้องหาใส่ครับ เพราะทนสภาพเสื้อตัวเองไม่ได้จริงๆ)
แต่ก็หาไม่ได้ เพราะที่ร้านมีแต่บังโคลนทัวร์ริ่งครับ
เลยปั่นกลับมาออฟฟิศ ได้ระยะไป 14 กิโลนิดๆ สบายใจไป
อาทิตย์หน้าปั่นไปทำงานอกีครับ เริ่มสนุกแล้ว
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#166
Posted 8 September 2013 - 10:39
คุณ โทนี่ นี่สู้ จริง ๆ ยอมรับนับถือ เลยครับ
ผมคิดว่า ถนน แถวบ้าน คุณ โทนี่
สำหรับ ผม คิดว่า คงอันตราย พอสมควร
แถม ถ้า ถนนใหญ่ ๆ ขนาดนั้น ข้างทาง
จะมี พวก เศษก้อนหิน จากรถใหญ่ พอดู
เป็นผม ที่ จักรยาน แม่บ้าน
คงไม่กล้า เสี่ยงไปขี่ แบบนั้น แน่ ๆ เลย
ยางผมคงไป ตั้งแต่วันแรก แล้ว
ผมเอง เวลาไปที่ ๆ ไม่เคย
จะปั่น ช้ามาก ๆ เลยล่ะครับ
เพราะต้องคอย มองพื้น ถ้าเห็น
เป็น เศษก้อนหิน หรือ ปูน
ผมจะลงมา เข็น ผ่าน ทันที
เพราะเสี่ยงต่อการ ยางแตก ค่อนข้างมาก
ทุกวันนี้ ที่ผมขี่ เส้นทางปกติ
ผมจะจำได้ หมดแล้ว ว่า ตรงไหน เป็น แอ่ง
ตรงไหน มีขอบ ตรงไหน ที่เสี่ยง จะยางแบน
ผมจะเลี่ยงตลอด ถ้า จุดไหน ไม่แน่ใจ
จะลงเข็น ทันที เลยครับ
แต่็ก็นับว่า เส้นทาง ของคุณ โทนี่ ไกลกว่า ผมมาก ๆ เลย
ของผม แค่ 3.3 กิโล ไปกลับ ก็แค่ 6.6 กิโล
แต่กระนั้น ก็ยังใช้ รอบละ 30 นาที 2 รอบ ก็ ชม. พอดี
ผมคิดว่า ตอนนี้ น้ำหนัก คุณโทนี่ ต้องลง แล้ว แน่ ๆ
ความพยายาม สูง จริง ๆ เลยครับ
เรื่องเปลี่ยนยาง นี่ผมไม่เป็นเลย สูบ ยังไม่เป็นเลยครับ
ไปร้านตลอด ที่บ้าน ก็ไม่มี ที่สูบลมด้วย
ว่าจะซื้อ แต่ยังไม่มีเงินเลย แหะ ๆ
แต่เรื่อง ยางแบน ตอนอยู่ที่ทำงาน หรือ ระหว่างทาง นี่
เกิดขึ้น กับผม อยู่เนือง ๆ อะครับ
แบบว่า ขากลับ ต้องเข็นกลับ ก็หลายครั้งละ
บางครั้ง ก็ห่างกัน ไม่กี่วัน ก็หัวเสีย พอควร อะครับ
แต่ของคุณ โทนี่ ยังไม่เคยเจอ อย่างผม
มีอยู่วัน รถผม อะ คุณโทนี่
มันขาด จากกัน เป็นสองส่วนเลย กระแทก แรงไปหน่อย
รวมถึง มัน กร่อน มากแล้วด้วย ตัวโครงรถ อะ
ผมพยายาม ลากมันไปถึง ที่ทำงาน ทั้งสองส่วน
ตอนนั้น โชคดี ที่ใกล้ ถึงแล้ว
แต่ งอมพระราม พอควร อะครับ
ขากลับ โชคดี ได้พี่ เซลล์แมน อาหารสัตว์ ช่วยไว้
ผมยังนึกไม่ออกเลย จะพามันกลับ ยังไง ถ้าไม่เสียเงิน
จ้างสามล้อ แต่ได้พี่ ที่มีกระบะ ช่วยไว้
ก็เลย แบก น้อยหน่อย อีกแค่ 500 เมตร
ยังนึกถึงพี่ เขาอยู่เลย เขาชื่อ พี่เบิร์ด
เพิ่งเสีย ไปเมื่อ เดือน สองเดีือนก่อน นี่เอง
เพราะ มะเร็งตับ ผม ยังใจหาย อยู่เลย
ก็ลงท้าย ต้องเปลี่ยน โครงรถ ใหม่
แหะ ๆ ผมไม่คิด ซื้อใหม่ หรอกครับ
รถผม น่ะ มันมี วิญญาณ ผมคิดว่า
มันต้องการ ให้ผม เปลี่ยน ร่างกาย ให้มัน
มากกว่า จะทิ้งมันไป อะครับ
- tonythebest likes this
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
#167
Posted 8 September 2013 - 20:58
ผมการเริ่มต้นปั่นจักรยานของผม
เป้นการเริ่มต้นที่ออกจะดูเห็นแก่ตัวอยู่ไม่น้อยครับ คุณทรงธรรม
ผมได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนหลายท่าน รวมถึงคุณมูน
ได้รถคันแรกมา เพราะผมมองหารถจักรยานสักคัน
ครั้งแรก สอบถามคุณมูนไป ตอนนั้นยังไม่รู้ราคารถเลยด้วยซ้ำ
ไม่แค่ไปดูรถจักรยานที่ร้านมาครั้งเดียว และไม่รู้จักอะไรทั้งนั้น
เห็นจักรยานอยู่ 2 กลุ่ม แบบราคาถูกและราคาสูงขึ้นมาหน่อย
ดูๆ ก็เข้าใจว่าเราคงเอารถราคาถูกนั้นได้
สอบถามไปยังคุณมูน เอางบประมาณเท่ากับพวกรถราคาถูกหน่อยพวกนั้น
รวมถึงถามเพื่อนอีกคนนึง ที่เขาขายรถจักรยานมือสองจากญี่ปุ่น
คำตอบที่ได้ คือเนื่องด้วยรูปร่างสะโอดสะองของผม ในน้ำหนัก 100 กิโล
จักรยานพวกนั้นคงทนทานน้ำหนักผมไม่ได้แน่
คุณมูนยังแนะนำและชักชวนไปดูของแก เพื่อแนะนำรายละเอียดให้
และเพื่อนผม ซึ่งบ้านอยู่ไม่ไกล บอกให้ไปดูที่ร้าน
ผมก้ไปดูที่ร้านเพื่อนครับ เพราะคุณมูนอยู่ไกลออกไปมาก
แล้วก้ได้รถพับล้อใหญ่มือสองมาจากร้านเพื่อน โดยยังไม่ต้องจ่าย
ถ้าเอาไปแล้วขี่ไม่สนุกก็เอาบคืนได้
ผมมีเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเป็นแฟนกัน
ทั้งคู่ ใช้ทัวร์ริ่ง เป็นรถมือสองทรงวินเทจ เหมือนๆ กัน
เมื่อทราบว่า ผมได้รถจักรยานมา ก็อาสาจะมาขี่เป็นเพื่อนและแนะนำ
เขาทั้งคู่มาหาผม โดยปั่นจากสุขาภิบาลมาหาผมที่สวนหลวง ร9 เป็นระยะทางประมาณ 20 กิโล
ในขณะที่ผมเพียง 1.3 กิโล ก็ถึงครับ
มาปั่นเป็นเพื่อน สร้างความรู้สึกสนุกกับการขี่จักรยาน
กันอยู่พักนึงเลยครับ
จนวันนึง เพื่อนชวนให้ออกถนนครับ
เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาทำมาตลอด และผมเองก้อยากลอง
แต่ยอมรับครับ ว่าแสนจะกลัว
เพราะตลอดชีวิต ไม่เคยขี่จักรยานออกถนนใหญ่เลย แม้แต่ครั้งเดียว
เว้นแต่การปั่นจากบ้านมาสวนหลวง
ซึ่งได้อยู่บนถนนจริงๆ เพียง 3-400 เมตรเท่านั้น
วันที่ไปกัน ทั้งคู่ ต่างปั่นจักรยานมารับผมที่สวนหลวง ร9 ครับ
เพื่อนำทางเป้นกลุ่ม (3 คน) มาด้วยกัน
เพราะเขารู้ว่าผมยังกลัวถนน
วันนั้น ผมก็เอาชนะความกลัวการปั่นออกถนนได้เป็นครั้งแรกครับ
แม้จะเจอปัญหาอะไรบ้างระหว่างทาง ไม่ว่าจะหมดแรงหรืออะไรก็ตาม
รวมถึงแรงปั่นผมที่มีน้อย พวกเขาก็ยอมช้าตามกำลังผม
(น่าจะขัดใจอยู่บ้าง เพราะผมแสนจะช้าจริงๆ 555)
วันนั้น ผมปั่นได้เส้นทางรวม 41 กิโล ครับ
แต่เพือ่นทั้ง 2 ได้ระยะประมาณ 80 กว่ากิโล เพียงเพื่อมารับผม
จนการออกถนนครั้งที่สอง เพื่อนก็ชวนไปบางน้ำผึ้ง
แน่นอน พวกเขาอ้างว่า เส้นทางที่พวกเขาต้องผ่าน คือบ้านผม
และพวกเขาก็ปั่นมารับผมที่สวนหลวงอีกเช่นเคย
ทริบนั้น ผมปั่นไปทั้งสิ้นประมาณ 58 กิโล
ไม่เคยคิดเหมือนกัน ว่าผมจะสามารถปั่นไปได้ขนาดนั้น ด้วยแรงขาเท่าที่มี
เพื่อนทั้งสองของผม ได้ไปเกือบร้อยกิโล
จบจากวันนั้น ผมเอาชนะความกลัวถนน กลัวทางแคบ (สะพานปูน)
จนรู้สึกคุ้นชินกับการปั่นบนถนนไปแล้วครับ
ด้วยการส่งเสริมจากเพื่อนทั้งสองคน
จนกระทั่งวันนี้ ผมกับเพื่อนทั้งสองคน ก็ได้ทำแบบเดียวกับที่สองคนเคยทำกับผม
คือชักชวนเพื่อนได้เพิ่มอีกคน ไปปั่นเป็นเพื่อนที่สวนหลวงเพื่อสร้างแรงให้ขา
และสิ้นเดือนนี้ เราจะไปบางน้ำผึ้งกันอีกครั้งกับสมาชิกใหม่ครับ
ระหว่างนี้ สมาชิกใหม่จะต้องพยายามตื่นไปซ้อมปั่นกับผมตอนเช้าๆ ที่สวนหลวง ร 9 กันไปพลางๆ
เพื่อให้มีแรงขาเพียงพอจะไปปั่นกันที่บางน้ำผึ้งครับ
ผมได้อ่านเกี่ยวกับจักรยานมาพอสมควรครับ
รู้ว่าโอกาสจะยางแตกยางรั่ว มันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก โดยเฉพาะยางเส้นเล็กๆ หน้าเรียบ
ก็ลองสอบถามร้านเวลาเค้าเปลี่ยนยางให้ หรือเตรียมตัวแบบไม่ค่อยรู้อะไรมากมายหรอกครับ
แต่พอได้ลองเปลี่ยน (โชคดีที่ครั้งแรก เป็นการลองผิด ไม่ใช่ลองถูก มันจึงมาเป็นประสบการณ์ครับ)
ก็เปลี่ยนได้ ทำได้ แม้จะยังไม่รู้อีกหลายอย่าง
แต่เดี๋ยวก็คงค่อยๆ เป็นขึ้นเรื่อยๆ ล่ะครับ
อยากจะบอกให้คุณทรงธรรมสบายใจ
ว่าแม้ผมจะปั่นจักรยานแล้ว และตื่นเช้าไปปั่นบ้าง หรือแม้แต่ปั่นไปออฟฟิศบ้าง
แต่มันยังไม่พอจะลดความอ้วนได้หรอกครับ
มันอาจต้องหนักและเป็นวิธีมากกว่านี้ครับ
ซึ่งถึงวันนี้ ผมสบายใจที่จะบอกใครๆ ว่า ผมเป็นคนอ้วนๆ ที่ปั่นจักรยานอยู่บ้าง
แต่ไม่มีปัญญาทำใจให้ปั่นเพื่อลดความอ้วนได้หรอกครับ
แต่กำลังปั่นเพราะสนุกเท่านั้นเองครับ
นึกภาพคนรูปหล่อ หุ่นดีๆ ปั่นจักรยานอยู่ตามถนน
ซึ่งมันคงเป็นเรื่องปกติครับ
แต่การจะมีไอ้อ้วนซักคน ปั่นจักรยานสนุกอยู่ ผมว่ามันคงแปลกตามากกว่า 5555
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#168
Posted 9 September 2013 - 14:30
สนใจกำลังจะมาปั่นจักรยาน เข้ามาหาข้อมูลจนเจอกระทู้นี้ นั่งอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อยากปั่นจักรยานบ้างแล้วค๊าฟ ^ ^ ต่อไปคงต้องหาจักรยานคันแรกบ้าง
- tonythebest likes this
#169
Posted 9 September 2013 - 15:12
สนใจกำลังจะมาปั่นจักรยาน เข้ามาหาข้อมูลจนเจอกระทู้นี้ นั่งอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อยากปั่นจักรยานบ้างแล้วค๊าฟ ^ ^ ต่อไปคงต้องหาจักรยานคันแรกบ้าง
ยินดีมากๆ เลยครับ ที่ได้อ่านความเห็นนี้
ผมเคยพูดไปใน tag จักรยานในพันทิป
นักปั่นหลายคน เรียกร้องที่จะให้รัฐบาล หรือผู้ว่า
หันมาเอาจริงเอาจังกับการสร้างกรุงเทพ หรือเมืองต่างๆ ในประเทศ ให้เป็นเมืองจักรยาน
เรียกร้องเลนจักรยานที่ดี การควบคุมเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่
แม้กระทั่งตัวผมเอง ก็เคยตั้งกระทู้พูดคุยถึงเรื่องนี้ในเสรีไทยนี้
http://webboard.seri...et/topic/31505-ข้อสงสัย-ความเป็นไปได้ของกรุ/
การที่รัฐบาลหรือผู้ว่า หรือผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง
จะหันมาเอาใจใส่ หรือออกนโยบายสร้างประเทศไทยให้เป็นเมืองแห่งจักรยาน
เป็นสิ่งที่ดีครับ หากมีใครคิดทำ ผมก็ยินดี
แต่ผมเชื่อว่า เราจะไม่มีปัญญาได้เห็นกันโดยง่ายขนาดนั้นหรอกครับ
หากเราไม่เริ่มก่อน
นักปั่นจักรยานในเวลานี้ มีหลากหลายประเภทครับ
ไม่ว่าจะเป็นนักปั่นจริงจัง ที่ปั่นจริง ไม่ได้ตามกระแส ใชัจักรยานในชีวิตจริง
อาจจะปั่นมานาน หรืออาจปั่นมาได้ซักระยะนึง และชื่นชอบอย่างจริงจัง
หรือบางคน อาจปั่นด้วยความจำเป็น ด้วยความประหยัด
หรืออีกจำนวนมาก ที่หันมาปั่นเพราะพึ่งมาเห็นประโยชน์ในด้านการออกกำลังกาย
รวมทั้งการใช้งานที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
หรือแม้กระทั่งบางคน ที่ปั่นตามกระแส (เช่นผม)
ที่หันมามอง เพราะคนแวดล้อม ทั้งในเฟสบุคและรอบข้างหันมาปั่นกัน
จึงสนใจไปตามนั้น
หรือแม้แต่ดาราหรือเด็กวัยรุ่น ที่หันมาปั่นเป็นแฟชั่น
ผมว่า ไม่ว่าด้วยเงื่อนไขหรือที่มาอย่างไรก็ตามแต่
ล้วนแต่มีส่วนสำคัญ และน่ายินดีที่เขาจะหันมามองจักรยาน แม้อาจเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ตามแต่
เพราะมันคือจำนวน มันคือการตื่นตัว
จักรยานสำหรับบางคน เป็นความแปลกใหม่ และไม่เคยอยู่ในวงจรชีวิต
การที่เราจะใส่จักรยานเข้าไปในวงจรชีวิต มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
เชื่อว่า คนที่เพียงเริ่มต้นด้วยกระแส หรือแฟชั่นอะไรก็ตามแต่
ใน 10 คน อย่างน้อยสักคนสองคน ที่เห็นว่าจักรยานมันก็ดีสำหรับชีวิตได้
แค่นั้นก็เพียงพอครับ
สิ่งสำคัญมากกว่านั้น
หากได้ช่วยกัน ทำให้กลุ่มนักปั่นจักรยานมีขนาดใหญ่ขึ้น
(ไม่ว่าจะประกอบด้วยนักปั่นประเภทใดก็ตามแต่)
ก็จะทำให้จักรยาน มีเสียงดังขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น จนสังคมจะหันมามองครับ
นึกภาพที่ คุณขับรถไปทุกหัวถนน มีจักรยานร่วมเส้นทางกับคุณไปทุกเส้น
วันนึง กระแสเหล่านี้ ก็จะสร้างความจำเป็นต่อการมีเลนจักรยาน หรือการเอื้ออำนวยต่อจักรยานขึ้นได้เองแหละครับ
เพราะจักรยาน เป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมมากไปกว่ารถประเภทอื่นอยู่แล้ว
หรืออย่างน้อยที่สุด แม้คุณจะนั่งอยู่บนรถยนต์ การสนับสนุนจักรยาน
ก็ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ให้รถยนต์คุณไปในตัว
ถึงตอนนั้น สิ่งที่ควรจะเกิดเกี่ยวกับจักรยาน จะต้องได้รับการหันมามอง
จากผู้มีอำนาจแน่ๆ ครับ ไม่ว่าเขาจะสนใจจริงๆ หรือเพราะความจำเป็นก็ตาม
การที่กระทู้นี้ สร้างความรู้สึกสนใจให้กับคุณ krung ได้
เพียงเท่านี้ก็รู้สึกยินดีแล้วครับ
ความคิดนี้ของคุณ จะเพิ่มความจำเป็นของกรุงเทพเมืองจักรยานได้อีก 1 เสียง
หลังจากนี้ หากคุณ krung ได้มีโอกาสปั่นจักรยาน
อย่าลืมประชาสัมพันธ์ออกไปด้วยนะครับ
ผมเอง ก็ลงทุกครั้งที่ออกไปปั่น ในเฟสบุค อินสตาแกรม หรือบอร์ดสนทนา
เอาความจริงที่ว่า ผมเป็นเพียงนักปั่นตัวอ้วนๆ แรงน้อยๆ ขาอ่อนๆ
แสดงให้คนที่ได้เห็น เห็นว่าแม้อย่างผม ก็ยังปั่นได้
คนดีๆ แข็งแรงๆ ก็ต้องปั่นได้ และได้ดีกว่าผมสิครับ
วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมก็พึ่งเพิ่มยอดผู้ใช้จักรยานไปอีก 1 คน
เพื่อนผมได้เห็นการตื่นตัวรวมถึงสังคมรอบข้าง จึงตัดสินใจที่จะซื้อจักรยาน
พึ่งไปปั่นกันมาเมือวานนี่เองครับ
อย่างไร ถ้าคุณ krung มีโอกาสได้หาจักรยานมาปั่นแล้ว
ก็เอามาอวดกันด้วยนะครับ
กระทู้นี้ มีคนที่จะให้คำแนะนำคุณได้หลายอย่าง หากมีข้อสงสัยครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#170
Posted 9 September 2013 - 16:19
ไปไล่อ่านกระทู้เดิม
ถึงเห็นและนึกได้ ความเห็นข้างบนของผม เหมือนที่คุณมูนพูดไว้ไม่มีผิด 55
ผมลืมไปแล้วนะเนี่ย ว่าคุณมูนเคยพูดเอาไว้เหมือนกัน
ผมปั่นจักรยานเป็นอาชีพไปแล้ว เริ่มแรก ผมไม่รอให้รัฐสร้างพื้นฐานอะไร
เกี่ยวกับจักรยานให้ผมหรอก ผมอยากปั่น ผมก็ปั่นเลย แต่ถ้าในเมืองรัฐ
ตีเส้นเลนจักรยานโดยเฉพาะ ผมก็โอเค ผมก็ได้ความสะดวกสบาย และความ
ปลอดภัยเพิ่มขึ้นมาในระดับนึง
ตอนนี้ผมอยู่เมืองนนท์ ปั่นตอนเช้าอากาศดี วันละ 30 โล สบายๆ เหงื่อกำลังซึมๆ
พอเสาร์อาทิตย์ถ้ามีเพื่อนก็อาจจะจัดหนักซัก 100 โลอัพ เอาให้หายอยากไปเลย
วันไหนต้องไปทำุธุระในเมือง ต้องไปนั่งรอนานๆ ผมก็จะเอาจักรยานใส่ท้ายรถ
ไปด้วย เอาไปปั่นในเมืองเล่น ผมเจอปัญหาเรื่องฝาท่อ ซึ่งเขาก็กำลังรณงค์กันอยู่
และได้แก้ไขไปแล้วในหลายพื้นที่ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ รถราจอดทับเลนจักรยาน
มอไซด์วิ่งสวนมาบ้าง อย่างบนถนนราชดำเนิน ให้เอาจักรยานขึ้นไปบนฟุตบาท
อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี
ถ้าเรามองไปที่เมืองอื่น อย่างประเทศเนเธอร์แลนด์ นั้น เขาจะต่างกับโคลัมเบีย
เนเธอร์แลนด์ (ขออภัยถ้าจำผิด) ประชา่ชนเขาปั่นจักรยานกันมานานมากๆ จนกระั่ทั่ง
มีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เขาก็เลยรวมตัวขอเลน ขอกฏระเบียบ ฯลฯ แล้วก็
สำเร็จมานานแล้ว ส่วนเมืองโบโกต้า โคลัมเบีย รู้สึกว่าเมืองนี้ พ่อเมืองเค้าเป็นคน
ริเริ่ม แต่ผมก็ขอเดาเอาว่า ถ้าประชาชนไม่ทำก่อน ไม่ลุยกันก่อน ไม่ร่วมมือร่วมใจกัน
สร้างกระแสหรือบอกความต้องการก่อน พวกนักการเมืองเขาก็จะไม่ทำให้หรอกครับ
ทางเมืองนนท์นี่ มีพี่คนนึงทำงานอยู่เอเจนซี่แถวพญาไท เขาก็ปั่นไปทำงานมาหลายปีแล้ว
หลายท่านแถบนี้ ทำงานใน กทม.ก็เยอะ ปั่นไปหลายคนอยู่ครับ เวลาคุยกันเรื่องไปปั่น
ในเมือง ก็ได้แต่บ่นว่ารัฐยังทำไม่ถูกทาง แล้วก็บ่นไอ้คนที่อยากปั่น แต่กลัีวนู้นกลัวนี่
ได้แต่คุยได้แต่พูด แต่ไม่ยอมทำ คนพวกนี้ ได้แต่นั่้งรอ ซึ่งเราก็คุยกันว่า ถ้าคนพวกนี้
ออกมาปั่น มาปั่นกันจริงๆ เราก็จะได้คนปั่นเพิ่ม พอคนเพิ่มมากขึ้น เดี๋ยวรัฐก็หันมามอง
พวกเราเองนั่นแหละ
วันก่อนนู้น ผมปั่นจากเมืองนนท์ ไปเอเชียทีค ความจริงลูกชายผมอยากปั่นไปแค่ลานพระรูป
แค่นั้นแหละ เค้าอยากไปเห็นคนปั่นจักรยานมารวมตัวกันที่ลานพระรูปว่าเยอะขนาดไหน
แต่พอไปถึง ก็ได้พบกับ น้องสามคน เป็นวิศวกร เป็นเซลส์ขายของ อีกคนทำอาชีพอะไร
ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ ก็เลยชวนกันไปต่อถึงเอเชียทีค ผมก็ถามน้องเค้าว่าไม่กลัวเหรอ ปั่น
ในเมือง เค้าก็บอกว่า ถ้าไม่ปั่น ถ้ากลัว ก็นอนเฉยๆ ดีกว่า ผมก็ถามว่า ถ้าเรารอให้รัฐ
สร้างเลน ทำกฏอะไรให้เรียบร้อยก่อนมันจะไม่ปลอดภัยกว่าเหรอ เค้าก็บอกผมว่า
ถ้าเรารอแล้วเมื่อไหร่จะได้ปั่นล่ะ ทุกคนรอกันหมดก็ไม่ต้องปั่นหรอก ก็รอกันอยู่อย่างนี้แหละ
น้องคนนึงบอกว่า พุงของผมมันไม่รอใครครับพี่ ตอนนี้ขี่หมอบไม่ได้แล้ว ต้องกลับมาเสือภูเขา
เพื่อลดพุงก่อน
ตอนนี้น้องสามคนนี้ ก็แอดเฟซบุ๊คกันกับผม มีทริปที่ไหนก็คุยกัน ว่างก็เจอกัน เค้าไปปั่นที่ไหน
มา ก็เอารูปมาลง มาแหย่ให้อิจฉากันเล่น ผมได้เพื่อนเพิ่มมาอีกตั้งสามคนแน่ะ
อย่ารอใครเลย บ้านห่างจากที่ทำงาน ไม่ถึงสิบโล เป็นผมสบายไปแล้ว 555555555+
ปล. บางเรื่อง คิดมาก เยี่ยวเหลืองเปล่าๆ 555555555+
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#171
Posted 9 September 2013 - 22:19
ความตั้งใจอยากออกกำลังกายด้วยการปั้นจักรยานบ้างคับ เดิม นน เยอะพอสมควร สูง175 หนัก96 รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ไม่เคยออกกำลังกาย เลยเริ่มลดนัำหนัก และ ออกกำลังกายด้วยการวิ่งเริ่มวิ่ง วันแรก 1 มกรา 56 พยามยามวิ่งทุกวัน ตอนนี้ น้ำหนักเหลือประมาณ80 ช่วงวิ่งเห็นคนปั้นจักรยานกันเยอะมาก เลยอยากลองมาปั่นจักรยานดูบ้างคับ เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานมาเกือบๆ 1สัปดาห์แล้วคับ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับจักรยานเลยคับ อ่านไปเรื่อย ดูไปเรื่อย จนมาเจอกระทู้นี้คับ ตอนนี้ กำลังเลือกระหว่าง trek 3900 กับ merida matts5 คับ อยากได้คำแนะนำ จากคุณมูน และคุณโทนี่ บ้างคับ
#172
Posted 9 September 2013 - 22:45
ถ้าถามมาถึงรายละเอียดแบบนี้
สงสัยต้องรบกวนคุณมูนน่าจะดีกว่าครับ
เพราะผมมีความรู้เรื่องรายละเอียดของจักรยานน้อยมาก
แต่เก่งมากนะครับ
ก่อนหน้านี้เมื่อซักปีกว่าๆ ผมยังหนัก 96 อยู่เหมือนกันครับ
หนักเท่านี้อยู่หลายปีทีเดียว พึ่งมาเพิ่มเอาไม่นานเป็นเหยียบร้อย
โชคร้ายที่ข้อเท้าผมมีเหล็ก จึงไม่สามารถออกกำลังที่ต้องใช้ขาได้
ก่อนหน้านี้ เคยถามพี่คนนึง ซึ่งเป็นนักปั่นทางไกล
แกก็มีปัญหาตรงข้อเท้าเหมือนกัน
แกบอกว่าไม่เคยมีปัญหาเลย จึงตัดสินใจปั่นนี่แหละครับ
การปั่นลดน้ำหนัก ผมว่าคุณมูนมีคำแนะนำดีๆ ครับ
เพราะแวดวงของแก มีเพื่อนที่อ้วนๆ หลายท่าน และเห็นว่าลดน้ำหนักไปได้เยอะ
ลองดูนะครับ เผื่อจะได้เป็นกำลังใจให้ผมด้วย อิอิ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#173
Posted 9 September 2013 - 23:48
หยุดปั่นมาสองอาทิตย์ น้ำหนักขึ้น สองโล ขึ้นบันใดสามชั้นหอบแระ 555555+
พรุ่งนี้ต้องออกไปปั่นซักหน่อยแล้ว
ความตั้งใจอยากออกกำลังกายด้วยการปั้นจักรยานบ้างคับ เดิม นน เยอะพอสมควร สูง175 หนัก96 รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ไม่เคยออกกำลังกาย เลยเริ่มลดนัำหนัก และ ออกกำลังกายด้วยการวิ่งเริ่มวิ่ง วันแรก 1 มกรา 56 พยามยามวิ่งทุกวัน ตอนนี้ น้ำหนักเหลือประมาณ80 ช่วงวิ่งเห็นคนปั้นจักรยานกันเยอะมาก เลยอยากลองมาปั่นจักรยานดูบ้างคับ เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานมาเกือบๆ 1สัปดาห์แล้วคับ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับจักรยานเลยคับ อ่านไปเรื่อย ดูไปเรื่อย จนมาเจอกระทู้นี้คับ ตอนนี้ กำลังเลือกระหว่าง trek 3900 กับ merida matts5 คับ อยากได้คำแนะนำ จากคุณมูน และคุณโทนี่ บ้างคับ
ทั้งสองรุ่นเป็นรุ่นเริ่มต้นครับ ถ้ารักจริงและมีงบหน่อยก็จัดไปเลยแบบหลายๆ หมื่น
แต่ถ้ายังไม่ชัวร์เริ่มที่สองรุ่นนี้ก่อนก็ได้ครับ สูง 175 ขี่ไซส์ 17 หรือ 18 นิ้วก็ได้ครับ
แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะแรงเร็วนะครับ เพราะรถราคาถูก เขาก็ใช้วัสดุที่ด้อยกว่า
และยังออกแบบองศาของเฟรมให้มันวิ่งไม่ออกด้วย เหมาะกับผู้ที่มีงบน้อยหรือ
ผู้ที่ยังไม่มั่นใจว่าจะขี่จริงจังรึเปล่า สองตัวนี้ก็พอได้ครับ
[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]
ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;] [/color]
#174
Posted 10 September 2013 - 09:38
ไปถึง เพื่อนกำลังจะกลับพอดี (6.30 น)
ก็เลยปั่นอยู่คนเดียว เก็บระยะให้ได้ประมาณ 10 กิโล
เพราะตั้งใจจะปั่นเลยไปออฟฟิศเลย
ออกแต่เช้า เลยมีโอกาสได้นั่งเล่นสบายๆ
พูดคุยกับเหล่านักปั่นสูงวัยหลานท่าน
ในศาลาหมดสภาพ ริมสนามวงกลมในสวนหลวง
ศาลาหมดสภาพ เป็นชื่อที่เหล่านักปั่นสูงวัย
ต่างเรียกกัน เพราะยามที่หมดแรงปั่น
ทุกท่านจะมานั่งพักเหนื่อย พูดคุยเฮฮากัน
ดูไกลๆ อาจจะเข้าใจว่าคุยกันเรื่องลูกหลานรึอะไรแบบคนแก่คุยกัน
ที่จริงกลับไม่ใช่ครับ เค้าคุยกันเรื่องรถ ออกทริป
ชักชวนกันไปปั่นที่โน่นที่นี่
ออกจากสวนหลวง ไปทางห้างพาราไดซ์
ทะลุออกศรีนครินทร์ วิ่งยาวมา
ผมปั่นช้าๆ ริมซ้ายสุด
ตาเหลือบไปเห็นกระเป๋าติดจักรยานสำหรับโทรศัพท์คว่ำลง
เลยเอามือไปดึงขึ้นมา หัวรถเลยเฉเข้าหาฟุตบาทเล็กน้อย
ผมตกใจบีบเบรคซะเต็มแรง ล้อหน้าหยุดกึ้กทันทีครับ
ล้อหน้าหยุด ล้อหลังก็ต้องลอย
แต่มันไม่ลอยเฉพาะล้อสิครับ
ทั้งรถ ทั้งคน ก็ลอยตามไปด้วย
ผมลอยข้ามรถมาอย่างสวยงาม
ลงมานั่งกองกับพื้น มือซึ่งใส่ถุงมือยันพื้นไว้ได้
เลยไม่ได้ถลอกอะไร เพียงแต่หัวแม่มือไถลจนฉีกใต้เล็บไปเล็กน้อย
นาทีนั้น อายมากกว่าเจ็บครับ
รถมอเตอร์ไซด์คันนึงมาจอดเทียบถามอาการ
ก็บอกปฏิเสธไป เพราะไม่ได้เจ็บอะไร
ลุกขึ้นมาสำรวจรถ
บังโคลนหลังที่พึ่งซื้อมาติดวันเสาร์หัก
ไฟหน้าแตก กระจกมองข้างหักหายไปไหนไม่รู้
แต่ตัวรถกลับไม่มีร่องรอยอะไร
ลุกขึ้นมาปั้นหน้าให้เป็นปกติ และปั่นต่อมา
เลยออฟฟิศมาที่ร้านกาแฟครับ
มาหากาแฟกิน เดี๋ยวก็จะปั่นกลับไปอาบน้ำอาบท่าทำงานต่อ
4 ครั้งที่ปั่นมาออฟฟิศ
เจออุบัติเหตุซะ 3 ครั้งเลย
แต่ครั้งนี้ เป็นเพราะความประมาทแลไม่ชำนาญอุปกรณ์
ต้องโทษตัวเองครับ
ก็ดีครับ
หลายครั้งที่มีคนถาม เคยล้มหรือยัง
คราวนี้ก็ได้ประสบการณ์รถล้มแล้ว
ครั้งหน้าจะได้ระวังครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#175
Posted 10 September 2013 - 10:05
อย่างที่คุณมูนบอกแหละคับ เหมาะกับคนงบน้อยและยังไม่มั่นใจ บวกกันทั้งสองเหตุผล ^ ^ แต่อาจถ้าไปดูที่ร้าน เจอที่ถูกใจอาจจะขยับขึ้นไปนิดหน่อย ตั้งงบไว้15000คับ อยากได้ไซด์17 แต่เหมือนสองรุ่นนี้จะมีแต่16แล้วไป18 วันนี้ตั้งใจจะเข้าไปดูที่ร้านแสงเจริญคับ ถ้ายังไงขอคำแนะนำจากทุกท่านด้วยนะคับ
#176
Posted 10 September 2013 - 11:26
ผมเคยปรึกษาคุณมูนเรื่องซื้อรถจักรยาน
โดยที่ไม่รู้อะไรเลย แม้แต่ราคา
ได้ไปเห็นร้านจักรยานมาครั้งเดียว
ที่นั่น จะมีจักรยานทั่วไป (หมายถึงระดับที่เค้าใช้ปั่นออกกำลังกัน)
และจักรยานราคาไม่แพงมาก (5-6000)
ผมเลยมาปรึกษาคุณมูน โดยตั้งงบไว้เท่านั้น
คุณมูนก็แนะนำว่า น่าจะขยับขึ้นซักหมื่นต้นๆ ขึ้นไป จึงจะเหมาะ
ตอนนั้น ตกใจเหมือนกันครับ เฮ้ย จักรยานอะไรมันจะแพงขนาดนั้น
ซื้อให้แม่บ้านที่ออฟฟิศใช้แค่สองพักว่าบาทเอง
เลยตัดสินใจไปหาเพื่อนที่ขายรถมือสอง ด้วยเหตุผลคล้ายๆ คุณกรุงแหละครับ
คือไม่ได้ตั้งงบไว้เลย รวมถึงไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะสามารถปั่นได้จริงจังแค่ไหน
เสียดายตังค์ครับ
ต่อให้ราคาไม่กี่พัน ถ้าซื้อมาใช้ครั้งเดียวจอด ก็เสียดายแล้ว
ผมซื้อคันใหม่ก็จากร้านแสงเจริญเนี่ยแหละครับ
เพราะดูว่ามีจักรยานหลายระดับราคาให้เลือก
วันก่อน ก็พึ่งพาเพื่อนไปซื้อมาเหมือนกัน
ตอนแรก เพื่อนอยากได้เสือภูเขา คงเพราะคุ้นชินกันมากกว่าประเภทออื่นๆ
ก่อนไป ผมจึงให้ลองปั่นรถของผมดู ซึ่งเป็นรถไฮบริดกึ่งหมอบ
ทันทีที่เพื่อนปั่น (เพื่อนเคยปั่นจักรยานมาบ้างครับ แต่เป็นรถแม่บ้าน ขี่ไปทำงานประมาณ 5 กิโล)
เพื่อนก็รู้สึกได้ถึงความเบาที่ต่างกับรถแม่บ้านพอสมควร
จึงเปลี่ยนใจจากภูเขา (เพื่อนผมเป็นคนตัวเล็กครับ เตี่ยกว่าผมราว 10 ซม)
ผมก็แนะนำจากประสบกาณณ์ของตัวเองไปว่า
ความจริงแล้ว เสือภูเขาก็ดี เพระามันลุยได้มากกว่าประเภทอื่นๆ
ทางเข้าบ้านเพื่อนก็ไม่ค่อยเรียบ แต่ไม่ถึงกับเป็นทางวิบากนะครับ
เพียงแต่เมื่อเขาก็พอเป็นจักรยานในระดับนึง การควบคุมรถก็ไม่มีปัญหา
ก็น่าจะลองลดมาเป็นรถที่วิบากน้อยลงมาหน่อย ก็เลยพากันไปดูที่ร้าน
ผมก็เล่าประสบการณ์ให้เพื่อนฟังครับ
รถของผม เป็นรถไฮบริดที่ไม่มีโช้ค การขับขี่บนถนนบ้านเรา
มันสร้างความสะเทือนได้พอสมควร รวมถึงยางหน้าเรียบขนาดเล็กของผม
มันก็แตกง่ายเสียเหลือเกิน แต่มันก็มีข้อดีตรงที่มันเบาขึ้นเยอะ
และคล่องตัวขึ้น ถ้าเทียบกับคันเก่าซึ่งเป็นรถพับเสือภูเขาล้อใหญ่ 26 นิ้ว
ซึ่งมันหนักและอืดกว่าตัวใหม่นี่เยอะครับ (ด้วยความเก่าของมันด้วย)
อีกทั้ง เพื่อนของผมก็ไม่ได้มีเป้าจะออกกำลังกาย หรือลดความอ้วนอะไร
เพียงแต่อยากปั่นสนุกๆ
เลยไปมองหารถไฮบริดกึ่งภูเขากัน
ผมเห็น merida crossway 100 สีดำแล้วผมก็ชอบ เลยแนะนำให้เพื่อนดูครับ
ตอนแรก เพื่อนก็ค่อยข้างจะชอบเหมือนกัน ดูยี่ห้ออื่นแล้วไม่ชอบเท่าตัวนี้
มีโช้คหน้า ยางขนาดกลางๆ มีดอก คล้ายเสือภูเขา แต่เล็กกว่า
วันข้างหน้า อาจจะเปลี่ยนยางเป็นขนาดเล็กหรือหน้าเรียบปั่นในเมืองได้
ก็มาลองนั่งลองคล่อม ตาเพื่อนเหลือบไปเห็น merida crossway 300 เข้า
เลยขอลองดู รุ่นนี้ มีชุดเกียร์ดีขึ้น (ผมจำสเปคไม่ได้นะครับ)
เลยเปลี่ยนใจ สอยเจ้าตัว 300 มาแทน
ซึ่งตัวนี้ ก่อนนี้ผมก็สนใจอยู่เหมือนกัน แต่มาพิจารณาแล้ว
ก่อนนี้ ผมก็ปั่นภูเขามาแล้ว คันใหม่ก็ให้มันต่างกันไปดีกว่า ผมเลยเลือกไปทางกึ่งหมอบ
แต่เพื่อนผมยังลังเลยระหว่ารถที่เบา กับลุยแบบภูเขา
เลยลงตัวที่เจ้า300 นี่
แสงเจริญ เป็นร้านที่มีของขายเยอะดีนะครับ สำหรับละแวกนี้
เด็ก (น่าจะเป้นลูกเจ้าของ) เขาก็อธิบายรายละเอียดได้ดี
แต่เค้าจะไม่วัดไซด์หรือหาไซด์ให้ครับ นอกจากเราจะไปลองคล่อมเอง ดูเองตามใจชอบ
ซึ่งเราอาจต้องศึกษาวิธีการวัดไซด์ให้ดีก่อนไป เพราะเค้าจะไม่มาวัดให้เราครับ
อ้อ เผื่อเงินไว้ซื้ออย่างอื่นด้วยนะครับ
ปกติ เขาจะแถมขาตั้ง ไฟหลัง (ไฟหลัง เค้ามักแถมอันราคา 320 ขอเปลี่ยนเป็น 490 ได้ครับ ผมลองขอให้เพื่อนแล้วเค้าให้)
นอกจากนั้น อาจต้องมีไมล์ (น่าจะเป้นแบบไร้สาย มีตั้งแต่ราคาเกือบพันไปจนหลายพัน)
ไฟหน้า อ้อ ลองขอแถมขากระติกกับกระติกน้ำดูนะครับ อาจจะได้
(ประมาณว่า ถ้าจ่ายเป็นเงินสด จะได้ส่วนลดหรือของแถม)
เสร็จสินหมดแล้ว ร้านนี้จะพาเราไปถ่ายรูปเพื่อลงเฟสบุคของร้านให้
เป็นที่น่าอับอายพอสมควร เพราะไปยืนถ่ายริมถนนเลย
ได้แล้วอย่าลืมเอาภาพมาอวดกันหน่อยนะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#177
Posted 11 September 2013 - 09:20
เช้านี้ปั่นมาทำงานมั้ยคับคุณโทนี่ ^ ^ วันนี้ว่าไปดูที่ร้าน play bikeอีกคับ
#178
Posted 11 September 2013 - 11:12
เช้านี้ ไม่ได้ปั่นมาครับ รอเปลี่ยนมือเกียร์ที่ทำหักไป
น่าจะโดนไปอีกหลายตังค์ T__T
จักรยานผม กลายเป็นจักรยานฟิกซ์เกียร์ไปซะแล้ว
คือยังปั่นได้ แต่เกียร์หลังเปลี่ยนไม่ได้ครับ แช่อยู่ที่เฟืองเล้กสุด
เมื่อเช้าลองเอามือมาหมุนปันไดดู หนักมือทีเดียว
ดีว่าเฟืองหน้ายังเปลี่ยนได้ แต่เฟืองหน้าของผมก็มีแค่ 2 เฟือง
เปลี่ยนเป็นเฟืองเล็กแล้วก็ยังหนัก
แต่เดี๋ยวหายปวดเมื่อย พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็คงจะปั่นมาอีกครับ
ตอนนี้เริ่มปวดตูดครับ
ผมวิจารณ์เท่าที่ผมรู้และมุมคิดของผมนะครับ
ถ้าออกกำลังจริงๆ หรือเพื่อลดความอ้วน ก็น่าจะเป็นภูเขา
ความหนักของรถ หน้าสัมผัสยางที่ใหญ่กว่า จะเพิ่มการใช้แรงขาได้มาก
ความสนุกก็มีในแบบของมัน คือลุยได้ ปีนได้ ผ่านหลุมบ่อสบายกว่า
ยิ่งเป็นรถแบบฟูลซัส คือมีทั้งโช้คหน้าและหลัง เวลานั่งปั่นผ่านหลุมบ่อ มันจะดึ๋งๆ ดีครับ
แต่แลกมาด้วยน้ำหนักและความช้า
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น มาจากโช้ค อาจรวมเฟรมรึปล่าวไม่แน่ใจ
ทำให้ปั่นรวมกลุ่มกับคนที่เล่นไฮบริดหรือเสือหมอบยากเพราะตามเค้าไม่ทัน
แต่ก็ไม่เสมอไปอีกนั่นแหละ เพราะผมก็เคยเห็นคนปั่นภูเขาเร็วยิกกวดหมอบมาก็มี
แต่เหนื่อยกว่า
ไฮบริด เท่าที่ผมเห็น มีอยู่ 2 แบบ
คือแบบกึ่งภูเขาและกึ่งหมอบ กึ่งภูเขามีโช้คหน้าที่ช่วยให้นิ่มขึ้นได้บ้าง
แต่ไม่เท่าภูเขา แลกกับน้ำหนักที่เบาลง รวมถึงอาจเปลี่ยนยางเป็นหน้าเรียบ
มันก็ช่วยเรื่องความเร็วได้ ในขณะที่ความนุ่มยังพอมี ความเร็วก็น่าจะยังเป้นรองหมอบ
แต่ก็พอตามเค้าได้ (ถ้าเค้าจะกรุณารอเราบ้าง555)
ส่วนไฮบริดอีกแบบ คือไฮบริดกึ่งหมอบ
เป็นรถที่ใช้ชุดเกียร์ของหมอบ ไม่มีโช้ค น้ำหนักก็เบาขึ้นหน่อย
ภูเขาคันเก่าผมหนักเกือบ 20 โลได้มั๊งครับ (เดานะครับ)
พอมายกเจ้านี่ ( 12 โล) กลายเป็นเบาหวิวเลย
ไฮบริด ผมว่ามันเป็นรถเป็ด คือทำได้หลายอย่าง แต่ไม่ดีที่สุดไปทางนึง
ลุยได้ไม่เท่าภูเขา (ไฮบริดกึ่งภูเขา) เร็วได้ไม่เท่าหมอบ (ไฮบริดกึ่งหมอบ)
แต่ถ้าไม่สนใจจะลุยมาก จะเร็วมากเพื่อตามพี่หมอบเค้าในสุวรรณภูมิ
ผมว่ามันก็สะดวกดี คานนอนที่ไม่สูงเท่าหมอบก็จะไม่อันตรายนัก (ต่อไข่)
ผมปั่นมาทำงาน ต้องยกข้ามสะพานลอย ก็เบาสบายกว่ายกภูเขา
และสำหรับสารพัดการใช้งาน สำหรับผม ผมให้เครดิตเจ้าไฮบริดมากกว่าครับ
แต่ถ้าหวังใช้ออกกำลังอย่างเดียว หรือยังเป็นมือใหม่เอี่ยมที่พึ่งหัดปั่นเหมือนผมตอนแรก
ก็น่าจะเป็นภูเขา
ที่ผมวิจารณ์ภูเขาไม่ค่อยดีนัก อาจเพราะผมใช้ภูเขาเก่าหนักมา
ไม่เคยได้ลองภูเขาใหม่ๆ เลยสักครั้ง
มันอาจนิ่มและเบากว่าที่ผมคิดก็ได้นะครับ
หรือถ้าเปลี่ยนยางให้เล็กลง ก็อาจดีขึ้นก็ได้
สรุปว่า ไม่ช่วยอะไรเลย 555
ผมว่า ลองไปจับ ไปคล่อม อะไรดูก่อน
ดูความถนัด ดูน้ำหนัก แล้วคค่อยกลับมาซื้ออีกที
อย่าลืมหาไซด์ที่พอดีที่สุดด้วยนะครับ ดุเหมือนต้นๆ กระทู้ คุณมูนจะมีแนะนำวิธีหาไซด์ไว้แล้วครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#179
Posted 11 September 2013 - 17:18
ทางเดินเป็นสะพานไม้ gangway แบบนี้มีท่อ 2 อันผูกอยู่ข้างๆตลอดความยาวเป็นอะไรหรือคะ(คล้ายๆปลูกต้นอะไรไว้)
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#180
Posted 11 September 2013 - 23:09
ได้trek4300 ไซด์17.5 มาแล้วครับ ร้าน play bike ช๊อปมาหลายอย่างคับ เมื่อเย็นลองปั่นไปป้อมพระจุลฯ ไปกลับประมาณ 20 กิโล ลองจักรยานครับ ^ ^
- tonythebest likes this
#181
Posted 11 September 2013 - 23:36
ทางเดินเป็นสะพานไม้ gangway แบบนี้มีท่อ 2 อันผูกอยู่ข้างๆตลอดความยาวเป็นอะไรหรือคะ(คล้ายๆปลูกต้นอะไรไว้)
ไม่ทันสังเกตุจริงๆ ครับ หนูอ้อย เหมือนจะเป็นไม้ไผ่นะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#182
Posted 11 September 2013 - 23:46
ได้trek4300 ไซด์17.5 มาแล้วครับ ร้าน play bike ช๊อปมาหลายอย่างคับ เมื่อเย็นลองปั่นไปป้อมพระจุลฯ ไปกลับประมาณ 20 กิโล ลองจักรยานครับ ^ ^
รสนิยมไกล้เคียงกับผมเลย
ชอบสีดำเหมือนกันครับ ดูเหมือนจะดำด้านใช่มั๊ยครับ
ใจผม อยากได้ดำล้วนเลย ปั่นแล้วเป็นไงครับ หนักมั๊ย
ท่าทางใหม่ๆ แบบนี้ จะไม่หนักขามาก
ดีใจครับ ที่อย่างน้อย กระทู้นี้ก็พอจะมีอิทธิพลต่อการเพิ่มคนปั่นจักรยานได้อีกคนนึง
(ขออนุญาตอุปโลกเอาความดีความชอบนิดนึงนะครับ)
ไปกลับแค่ลองจักรยาน ยังตั้ง 20 โลแล้ว
ท่าทางคำจำกัดความภูเขาของผมข้างบน จะไม่มีความหมายซะแล้ว
ขอให้สนุกนะครับ มีอะไรก็มาอวดกันอีกนะครับ เผื่อจะเพิ่มยอดได้อีก
- Gop likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#183
Posted 12 September 2013 - 07:06
ทางเดินเป็นสะพานไม้ gangway แบบนี้มีท่อ 2 อันผูกอยู่ข้างๆตลอดความยาวเป็นอะไรหรือคะ(คล้ายๆปลูกต้นอะไรไว้)
ไม่ทันสังเกตจริงๆ ครับ หนูอ้อย เหมือนจะเป็นไม้ไผ่นะครับ
เพิ่งลองดูรางด้านขวา ในปล้องไม้ไผ่ รู้สึกเป็นขวดน้ำ (จุกสีฟ้า) นอนเรียงอยู่ เดาว่าปลูกต้นไม้เล็กๆเช่นคุณนายตื่นสาย
พอดียังไม่ออกดอก ถ้าออกคงมีดอกไม้สองข้างทาง เดาล้วนๆ
ถ้าพี่โทนี่ได้ปั่นจักรวาลไปบางน้ำผึ้งอีก ช่วยดูให้ด้วยนะคะว่าอะไร (คาใจ )
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#184
Posted 12 September 2013 - 09:14
คราวนี้จะไปถ่ายรูปมาให้ดูเลยทีเดียวครับผม
- หนูอ้อย likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#185
Posted 12 September 2013 - 09:16
อย่าถึงกะปั่นจักรวาลเลยครับ
เอาแค่จักรยานก็พอแล้ว
ผมคงไม่ใช่ดวงอาทิตย์
และจักรยานของผมไม่ได้มีแสงในตัวเองเช่นกัน
ต้องซื้อไฟมาติดเพิ่มครับ
- Gop likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#186
Posted 12 September 2013 - 13:29
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#187
Posted 13 September 2013 - 12:51
ปั่นกลางคืนไม่สะดวกครับคุณโทนี่ เดี๋ยวค่อยหากลุ่มไปแจมคับ ช่วงนี้คงซ้อมปั่นคนเดียวก่อนคับ คงแถวๆป้อมพระจุลฯ-หมู่บ้านสาขลา ถนนหน้าบ้านนั้นแหละคับ เมื่อวานฝนตก เลยลองมาปั่นตอนเช้าบ้างคับ ฝนหยุดตกพอดี เข้าไปปั่นรอบป้อมพระจุลฯ 3-4รอบ เช้าๆอากาศดีคับ ยกความดีความชอบให้คุณโทนี่เลยคับ^ ^ ผมปั่นจักรยาน เหนื่อยแล้วได้เหงื่อแต่ไม่จุก เมื่อก่อนวิ่งๆๆ แต่สักพักก็จุก วิ่งต่อไม่ไหว
- tonythebest likes this
#188
Posted 13 September 2013 - 13:23
ขอบคุณสำหรับความดีความชอบครับ
ตอนเช้าๆ นี่ ถ้าไม่ทรมานเวลาตื่นนัก ผมก็ชอบครับ
อากาศดีต่างกับตอนเย็นเยอะเลย
ดูรถคุณ krung แล้ว น่าจะหาบังโคลนมาติดซะหน่อยนะครับ
ถนนเปียกๆ เลอะเทอะ น่ารำคาญใจ
หลังจากผมเจอปัญหามาครั้งแรก ก็เลยต้องหา
แม้มันจะไม่ค่อยเหมาะกับรถผมเท่าไหร่
เสียดายที่อันใหม่เอี่ยมพังไปตอนรถล้ม
เมื่อเช้าเลยถอดจากเสือภูเขาคันเก่ามาใส่ก่อน
แต่ก็ไม่วายโดนอยู่ดีครับ
แต่ก็ดีกว่าไม่มีบังโคลนเลย ผมว่าน่าจะหนักกว่า
บางที ปั่นในเมือง บนถนนที่มีแต่หลุมบ่อแล้ว คิดถึงเสือภูเขาจับใจเหมือนกัน
ล้อเบิ้มๆ มีโช้คแบบนี้ วิ่งผ่านหลุมผ่านบ่อแล้วคงสะใจ
ของผมแค่รางระบายน้ำ หรือพื้นที่ปะถนนเอาไว้ ยังเล่นเอาคางสั่นได้เลยครับ
เมื่อเช้าก็ลองขี่มาทำงานครับ
ใช้เฟืองหน้าเล็ก เฟืองหลังเล็กสุด (เพระาเฟืองหลังเปลี่ยนไม่ได้เลย)
เล่นเอาปวดหน้าขาไปบ้างเหมือนกัน
ขายังไม่แข็งแรงครับ ยังต้องปั่นอีกพอสมควร
อ้อ ใช้ดิสก์เบรกใหม่ๆ แบบนี้ ระวังอย่าเป็นเหมือนผมนะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#189
Posted 16 September 2013 - 12:18
จักรยานคุณโทนี่ ซ่อมหรือยังคับ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆรักษาสุขภาพด้วยคับ^ ^
#190
Posted 16 September 2013 - 13:57
ดีครับ 30 กิโล ผมว่ากำลังดี (สำหรับผมนะ)
ผมเอง ทุกวันนี้พยายามแค่ 20 กิโลก็ยังจะแย่เลยครับ กำลังขาน้อย
ขนาดไปหารถที่มันเบาขาลงแล้วนะเนี่ย
จริงๆ ในกลุ่มจักรยานโดยทั่วไป ผมว่าเค้ามีน้ำใจแบ่งปันกันนะครับ
เห็นมาบ่อยๆ ที่แนะนำกัน ช่วยกัน
รถผมซ่อมเสร็จแล้วครับ
เอามือเกียร์ของรุ่นกึ่งภูเขามาใส่แทน ซึ่งเป็นขนาด หน้า 3 หลัง 9
(ของผมเป็นหน้า 2 หลัง 9 ครับ)
ฝรั่ง (รึไต้หวันก็ไม่รู้นะครับ) ทำเกินมาเกียร์นึง แต่ก็ใช้กันได้ ราคาถูกลงไปครึ่งนึง
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เลยไปเหยาะแหยะกับเพื่อนมาประมาณ 20 กิโล
ไม่รู้แรงขาหายไปไหนหมด (555)
อาทิตย์ปลายเดือน มีโครงการว่าจะไปบางน้ำผึ้งกันอีกสักรอบ
เพระามีเพื่อนอีก คน-2 คนอยากไปด้วย
เป็นก๊วนขาอ่อนกันทั้งหมดครับ รวมถึงเพื่อนที่ผมพึ่งพาไปซื้อจักรยานมา
เพื่อนบอกว่า ถ้าไปบางน้ำผึ้งกลับมาแล้ว ครั้งต่อไปจะชวนไปซื้อข้าวหลามหนองมนกลับไปฝากลูกเมีย (!!)
ผมเอง มีข้อเสียข้อนึงครับ คือไม่ชอบคนเยอะๆ
จึงมักพยายามไม่เข้าก๊วนกับใครที่เป็นกลุ่มใหญ่
มีทีละ 2-3 ถึง 5-6 คนเป็นอย่างมาก
ความจริงแล้ว การเข้ากลุ่มก๊วนใหญ่หน่อย มันจะสร้างสังคม
และทำให้เราได้แรงฮึด กำลังใจ มาจากกลุ่มเพื่อนพวกนี้ได้ดีทีเดียวครับ
มีพี่ผู้หญิงคนนึง เริ่มมาพร้อมผม แต่แกเป็นพวกเอาจริง เริ่มด้วยเสือหมอบเลย
ออกทริปกันทุกอาทิตย์ ปั่นบ่อย ชวนผมไปโน่นไปนี่อยู่เรื่อยๆ
แต่เห็นก๊วนแกแล้วผมหวั่นใจ 55 (เป้าหมายคือขาแรงกันทั้งนั้น)
ตอนนี้ มีสองสิ่งในร่างกายผมที่เปลี่ยนไปครับ
อันแรก มีโอกาสได้เข้าห้องน้ำในปั๊ม ซึ่งต้องนั่งยองๆ
ปกติจะปวดเข่าปวดขาจนลุกแทบไม่ขึ้นหลังจากเสร็จกิจ
แต่หลังๆ มา เริ่มดีขึ้นมาก
อันที่สองที่พึ่งรู้สึกเมื่อไม่นานมานี้
คือหลังจากตาหฝนบ้าง โดนละอองฝนบ้างเป็นบางครั้งจากการปั่น
ผมไม่เป็นหวัดง่ายเหมือนเมื่อก่อนครับ (แต่ก็ไม่ถึงกับขี่ลุยฝนนะครับ)
แสดงว่าเป็นสัญญาณของสุขภาพที่ดีขึ้นบ้าง
แค่นี้ผมก็ดีใจแย่แล้วล่ะครับ
อ้อ มีของแถมอีกอย่างครับ
ปกติ คืนศุกร์เสาร์ ผมมักจะนอนดึก ตื่นเที่ยงหรือบ่าย
แล้วมักเสียดายเวลา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวออกไป ทานข้าวเสร็จ
ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวก็ค่ำแล้ว
พอมีโอกาสได้ตื่นตี 5 ออกมาปั่นจักรยาน
ผมรู้สึกว่า วันเสาร์อาทิตย์ ผมมีเวลามากขึ้นอีกเท่าตัวทีเดียว
มากจนไม่รู้จะทำอะไรเลยล่ะครับ
รวมถึงวันธรรมดา ถ้าไม่ปั่นจักรยาน ผมจะตื่น 7 โมงถึง 7 โมงครึ่ง
แต่พอปั่นจักรยาน หรือวันไหนปั่นมาออฟฟิศ
ผมมีเวลามากพอที่จะไปนั่งสบายๆ อยู่ในร้านกาแฟก่อนปั่นเข้าออฟฟิศด้วยซ้ำ
ไปถึงออฟฟิศในเวลาเดิม คือประมาณ 10 โมง (ผมเข้าทำงานสายครับ)
ก็นับว่าเป็นผลพลอยได้ที่ไม่เลวเลย สำหรับคนขี้เกียจอย่างผม
car free day ก็มีคนชวนผมเหมือนกันครับ
แต่ขี้เกียจเอาจักรยานขึ้นรถไป เพระาไกลออกไปจากบ้านพอสมควร
คงไปหา car free เอาแถวนี้ไปก่อน
ยังไง พกมือถือหรือกล้องถ่ายมาอวดกันด้วยนะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#191
Posted 22 September 2013 - 13:46
วันนี้ วัน คาร์ ฟรี เดย์
แต่ ผม ไม่ได้ไป ขี่ กะเขา หรอก ครับ
วันนี้ ก็มาที่ทำงาน เหมือนเคย แต่วันนี้ มาทำงาน
จริง ๆ เพราะ ติดช่วงทำบัญชี ปิดงบ อะครับ
แต่ ก็ขี่จักรยาน มาทำงาน
อย่างนี้ ก็ต้อง เรียก in trend อะนะ
อยากไปขี่ กะท่าน ผู้ว่า เหมือนกัน แต่ ก็ไม่ได้ไป
ก็หวัง ว่า เพื่อน ๆ จะขี่ ไป ด้วย แล้ว เอารูป มาลง ด้วยเน้อ
สงกะสัย ว่า งานนี้ เพื่อน ๆ ในบอร์ด นักปั่น ของเรา
คงไป กันเยอะ แต่ พี่ โทนี่ คงไม่ไป
บ้าน แก อยู่ไกล คนละทิศ
แต่ คิดว่า คุณ krung อาจจะไป ฉลอง
จักรยาน ใหม่ น่ะนะ
อ้า วันนี้ ฝนไม่ตก ดูเป็นใจ อยู่เหมือนกัน
ถ้าเป็น อย่างวันศุกร์ ดูไม่จืด แน่ ๆ
โอยยยย วันนั้น นะ ผม เปียกทั้งตัว
ใส่ เสื้อกันฝน พลาสติก ใส เอาไม่อยู่ อะ
กกน เปียก ทั้งวัน เลย
แถม เจ้านายผู้หญิง ผม ท่านให้ ไป
ไปรษณีย์ หนาวมาก ครับท่าน
ผมงี้ ปากสั่น ไปตลอดทาง
กลับมางี้ ปากเมื่อย ไปเลย
เฮ้ออออ เวลาหนาว ๆ ท่ามกลาง สายลม
แบบนี้ ความโสด นี่มัน ก็ ช่างเจ็บแปลบ
ไปทั้งร่างกาย ปรารถนา ไออุ่น จากใครสักคน
จ๊ากกกกกก ตื่น ๆ กลับมา
แล้วก็ รับตำแหน่งไปซะ ประธาน ชมรม โสดตลอดกาล
เอออออ กลับไปหา หมอนข้าง เหมือนเดิม อ่ะนะ ฮะ ๆ
- tonythebest likes this
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
#192
Posted 22 September 2013 - 18:33
คุณทรงธรรมทายแม่นหยั่งกะตาเห็น
วันนี้ ผมไม่ได้ออกไปกะเค้าหรอกครับ
ได้ยินมาว่า วันนี้น่าจะมีจักรยานเข้าร่วมประมาณ 15000 คัน
นึกภาพก้เวียนหัวแล้ว เลยไม่ได้ไป
แต่คาร์ฟรีอยู่ที่แถวนี้แทน (เพราะแฟนใช้รถพอดี)
เลยใช้จักรยานไปธุระแถวนี้แทนครับ
(ตามประสาคนขี้เกียจแหละครับ)
มีเพื่อนของผมคนนึง ที่อยู่มาจนป่านนี้ ก็ยังไม่มีคู่
ค่อนข้างเหงาครับ
ผมเคยบอกว่า ทุกครั้งที่เราตั้งใจหาอะไร
เรามักไม่เคยพบ
ในขณะที่ทุกครั้งที่ไม่ได้มองหาอะไร เรามักพบสิ่งที่เคยอยากหามันอยู่
ผมเองก็เคยจำเป็นต้องตกอยู่ในสภาพตัวคนเดียวในโลก (เชิงเปรียบเทียบนะครับ)
ตอนนั้น ผมคว้าไว้หมด เหมือนคนตกน้ำ เจอฟาง กิ่งไม้ กอโสน
เราเป็นต้องคว้าไว้หมดแหละ จนผมมารู้ทีหลังว่ามักคว้าเอาแต่กอโสน
ซึ่งไม่สามารถช่วยชีวิตผมได้ เว้นแต่ผมจะว่ายน้ำไปเอง
ผมเชื่อว่า เวลานี้ คุณทรงธรรมก็กำลังว่ายน้ำเองอยู่
แต่บางอารมณ์ ก็อยากได้ห่วงยางไว้พักบ้าง
ขอให้เจอห่วงยางดีๆ ซักอันนะครับ
- ทรงธรรม likes this
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#193
Posted 24 September 2013 - 09:18
#194
Posted 24 September 2013 - 10:14
ทิ้งผมต้วมเตี้ยมอยู่คนเดียวอีกแล้วสิเนี่ย
กางเกงขายาว ลองหาพวกขี่จักรยานแบบขายาวดูสิครับ
เพราะหากเป็นกางเกงแบบอื่นที่รุ่ยร่าย
ขากางเกงอาจเกี่ยวอะไรไป อันตรายได้ครับ
เดี๋ยวไว้มีเวลา
ลองมาคุยถึงวิธีล้างรถกันครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#195
Posted 29 September 2013 - 23:16
เมื่อวาน นัดแนะกับเพื่อนจะไปบางน้ำผึ้งกันอีกรอบ
นัดไปเจอกันที่ปั้มน้ำมันหน้าสวนหลวง ร.9 กันครับ
ปรากฏว่าเพื่อนคนนึงตื่นสาย มาไม่ทัน เลยเปลี่ยนสถานที่กันตอนนั้นเลย
ตกลงกันใหม่ ว่าจะไปตลาดคลองสวน 100 ปีกันแทนครับ
ระยะทางจากสวนหลวง ไปยังตลาดคลองสวน 100 ปี ประมาณ 40 กิโล
ออกจากสวนหลวง ตรงผ่านถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9
ตรงไปถึงแนกประเวศ-อ่อนนุช เลี้ยวขวาไปทางเส้นไปลาดกระบังครับ
แล้วทีนี้ก็ตรงยาวไปจนกว่าจะถึง
เส้นนี้ เคยเป็นทริปแรกของผม ครั้งที่ไปโรงเรียนเก่า
ซึ่งเป็นระยะครึ่งทางของคราวนี้
คราวนั้น ผมยังใช้อีแก่อยู่ สมัยนั้น รถก็เก่า หนัก ฝืด (เสือภูเขา)
แถมผมยังใช้เกียร์ไม่เป็น เลยปั่นมันเกียร์เดิมนั่นแหละ
ขึ้นสะพานที ก็เร่งมาแต่ไกล ซึ่งขาไปก็พอไหว แม้สะพานเส้นนี้จะเยอะมาก
แต่ขากลับเกือบแย่ ไหนจะร้อน ต้านลม ขาอ่อนไปเลยครับ
ถึงบ้านเกือบตาย ทั้งที่รวมทางประมาณ 40 กิโลเท่านั้น
มาครั้งนี้ ทางเพิ่มขึ้นอีกเท่านึง ผมเลยนัดแนะกันว่า
เราจะปั่นกันแบบสบายๆ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ
และก็เป็นแบบนั้นครับ ไปพยายามไม่ให้เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
(ที่เห็นในภาพจากแอพ นั่นคือตอนไกล้ถึงบ้าน เลยเร่งคราวเร็วครับ
เพราะเหนื่อย อยากรีบไปอาบน้ำ รวมทั้งค่ำแล้ว
ตอนเช้า อากาศมัวๆ นิดหน่อยครับ ฝนทำท่าจะตก
เลยสบายๆ ไม่ค่อยร้อน
ผ่านสะพานหลายแห่ง ผมเลยได้ทดลองใช้เกียร์ดู
โดยให้เกียร์หน้าอยู่ในเฟืองเล็กตลอด (เฟืองหน้าผมมีแค่ 2 เฟืองแบบเสือหมอบ)
เปลี่ยนเฟืองหลังเอาแทน
พึ่งได้สังเกตุแรงของเกียร์ เมื่อปั่นถนนธรรมดา
ผมใช้ประมาณเฟืองที่ 3-4 จากเล็กสุด พอรู้สึกว่าต้องใช้แรงขามากขึ้น
ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป้นเฟืองใหญ่ขึ้นทีละเฟืองไปตามแรงหนืดิมันได้ผลจริงๆ ผมรู้สึกได้ว่า ไม่ได้ใช้แรงเพิ่มขึ้นจากเดิมซักเท่าไหร่
เพิ่มแต่รอบขา ที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดเกือบสูงสุด บันไดจะเบาลงเหมือนปั่นฟรีขา
จึงค่อยลดกลับลงมาที่เดิม
สรุปว่า ผมพึ่งใช้เกียร์เป้นเอาเมื่อวานนี่เอง 555
พอถึงครึ่งทาง ผมเลยแวะพักที่ตลาดหัวตะเข้
ที่นี่เป็นทางเข้าโรงเรียนเก่าของผมเอง
ทางเข้า ต้องผ่านบ้านริมคลองครับ เลยได้แวะเอาของฝากอาจารย์ที่นั่นหน่อยนึง
(ที่จริง คือไปขอเข้าห้องน้ำน่ะครับ ฝากของใหญ่ไว้ในส้วมบ้านอาจารย์)
แล้วจึงออก มุงหน้าสู่จุดหมาย
อากาศร้อนขึ้น
ผมแวะที่หัวตะเข้นานไปหน่อย แดดเปรี้ยงเลยครับ
และเปรี้ยงไปตลอดทาง ปั่นไปเริ่มร้อน เสียพลังงานไปเยอะ
เส้นทางก็ไม่มีจุดแวะพักอีกเลย ไม่มีกระทั่งร่มไม้ให้พักร้อนเลยครับ
ผมเริ่มหมดอารมณ์ถ่ายรูป ภาพจากกล้องที่อุตส่าห์หนีบติดหน้ารถไป
ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายครับ เพราะร้อนจนเปลี้ย
ในที่สุด ก็ไปถึงจนได้
ไปถึง ก็ไปหาข้าวกินครับ กำลังหิว
(ขออภัย รูปช่วงนี้ไม่มี เพราะเหนื่อยจนขี้เกียจถ่ายจริงๆ)
ก็นั่งพัก กินอะไรไป โอ้เอ้กันจนเกือบ 4 โมงเย็น จึงกลับบ้านครับ
คราวนี้ ทางกลับโดยไม่แวะพัก เป็นระยะทาง 40 กิโล
ถือเป้นระยะโหดพอดูสำหรับผม
แถมร่างกายยังเหนื่อยเปลี้ยจากขามาด้วย
ดีที่ความเหนื่อยคราวนี้ ไม่ได้เหนื่อยขา หรือปวดขาเลย
อาจเพราะปรับตั้งรถมาได้ดีพอในการขี่
(เว้นแต่ปวดหัวไหล่ เพราะมือค้ำแฮนด์ รับน้ำหนักตัวไปตลอดทาง
ตรงนี้ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่ามีอะไรผิดปกติมั๊ย)
การปั่นยาวก็ไปได้เรื่อยๆ พร้อมอาการปวดหัวไหล่
ขี่ไปก็สะบัดแขนสะบัดไหล่ไปเรื่อย
ความเหนื่อยจากความร้อนก็ค่อยทุเลาลง
ตอนนี้ ปัญหาอย่างเดียวคือปวดหัวไหล่นี่แหละครับ
จนไม่ไหว ต้องแวะพักร้านกาแฟริมทางไปบ้าง ก่อนถึงบ้าน
รูปนี้ เพื่อนถ่ายมา บอกลายเสื้อที่หลังของผม แอบสแตร็กส์มาก
นี่เป็นลายที่วิ่งผ่านน้ำขังมาตั้งแต่เช้านะครับ
ขนาดรถผมไปติดบังโคลนหลังมาแล้วนะ
คราวหน้า คงต้องติดตะแกรงหลังแบบมีบังโคลนด้วยแล้ว
ขี้เกียจซักเสื้อเปื้อนเต็มทีครับ
แดดยามเย็นครับ
ถึงบ้านเอาค่ำแล้ว เพราะแวะตลอดทางครับ
ได้ระยะทางเกือบ 80 กิโล
เพื่อนมือใหม่ คงจะเคยเห็นแว่นที่นักปั่นจักรยานใช้
ที่มักมีทรงโค้งเข้ากับรูปหน้า
แว่นแบบนี้ มีดีตรงช่วยกันลมนะครับ
ผมใช้แว่นตาธรรมดา ข้อเสียก็คือ มันสามารถกันลมมาตรงๆ ได้ก็จริง
แต่จะมีลมและฝุ่นหวนข้ามาในช่องว่างระกว่างแว่นและตาเรา
ทำให้ฝุ่นเข้าตาได้ครับ
แถมของผมเป้นแว่นดำ พอมืดหน่อยก็ใช้ไม่ได้แล้ว
จึงต้องเปิดหน้าเปิดตา รับลมรับฝุ่นเต็มที่ครับ
ช่างน้ำหนักดูเล่นๆ ปรากฏว่าน้ำหนักผมลดลงไปจากก่อนปั่นเกือบ 2 กิโล
ทั้งที่ไปกินมาตั้งเยอะครับ
แต่ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ไปกินชดเชยมาแล้ว
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#197
Posted 8 October 2013 - 09:59
เสาร์ที่จะถึง ผมก็กะจะไปกันอีกครับ
จะพาเพื่อนไป
ไม่ทันคุณมูนซะแล้ว
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#199
Posted 9 October 2013 - 11:37
เมื่อวาน ปั่นมาทำงานด้วยความจำเป็นครับ
เพราะแฟนไปธุระที่อื่น
เลยถือโอกาสปั่นเลยไปร้านจักรยานแถวพัฒนาการด้วยซะเลย
เพราะเคยเห็นร้านนนี้มีตะแกรงหลังขาย
ก็เลยไปสอบตะแกรงหลังแบบหลบดิสก์มาอันนึง
(ตรงนี้ หากใครจะติด ต้องดูด้วยนะครับ ว่ารถเราใช้ดิสก์เบรครึปล่าว
ถ้าใช่ ต้องใช้ตะแกรงหลังแบบหลบดิสก์ คือตรงบริเวณดิสก์
เค้าจะทำโค้งๆ งอๆ ไม่ให้ขาตะแกรงเข้าไกล้กับดิสก์ครับ)
รอๆ ให้เค้าเปลี่ยนให้จนจะ 11 โมง รอไม่ไหวเลยบอกว่า
จะเอากลับมาติดเองที่บ้าน ทางร้านเค้าก็ขอโทษขอโพยเสียใหญ่โต
ถึงเวลา นึกขึ้นได้ว่าแล้วผมจะเอากลับยังไงล่ะหว่า
คนขายเค้าเลยเอาตะแกรงใส่ถุงใหญ่ๆ แล้วเอาเชือกผูกอ้อมหลังสะพายแล่งให้
อัฐยาศัยดีเหลือเกินครับ แนะนำร้านนี้ครับ
ราคากลางๆ ครับ
ตอนแรก ว่าจะติดบาร์เอ็นเลย แต่เมื่อไม่ทันก็คงต้องไว้วันหลังครับ
เห็นเค้าว่า มันจะช่วยเรื่องการพักมือ หรือเปลี่ยนท่าจับได้บ้าง
ทำให้เราเมื่อยมือน้อยลง แต่กรรมวิธีติดเห็นว่าดูจะยุ่งยากครับ
เพราะต้องเลื่อนอะไรที่เราติดบนแฮนด์เข้ามาเพื่อให้ติดบอร์เอ็นตรงติ่งสุดของแฮนด์ได้
เลยยังต้องรอไปก่อน (คนขายเค้ากระซิบว่า แบบที่มึที่รับอุ้งมืออยู่ด้านล่าง
จะไม่ค่อยสวยเท่าแบบที่เป็นเส้นตั้งขึ้นมาอย่างเดียว
แต่ผมบอกว่าผมไม่สนความสวยตั้งแต่คิดจะติดตะแกรงแล้ว
แต่เอาความสะดวกสบายเวลาปั่นดีกว่า
สนนราคาอันนึงก็ไม่กี่ตังค์ครับ มีตั้งแต่ 3-400 ไปครับ
ส่วนราคาตะแกรงหลังที่ซื้อมา เค้าลดเหลือ 650 เท่านั้นเอง
เป็นแบบมีที่หนีบด้วยครับ ตอนนี้ เอากลับมาติดเองก็เรียบร้อยดีครับ
แต่ตะแกรงเป็นแบบโปร่ง ผมกะว่าจะหาแผ่นพลาสติกสีดำๆ มาติดรองไว้
จะได้ทำหน้าที่บังโคลนไปในตัวด้วย
หน้าฝนแบบนี้ บังโคลนมีประโยชน์สุดๆ ครับ (ดูตัวอย่างได้ในความเห็นบนๆ)
เดี๋ยวไว้ถ่ายรูปมาลงให้ดูครับ ว่าติดตะแกรงแล้วขี้เหร่ขึ้นมั๊ย
แต่คิดถึงการปั่นไปไหน เวลาจะลงไปกินข้าว ผมต้องถอดกระเป๋านั่นนี่
เพราะแยกมือถือ กระเป๋าตังค์ ยางอะไหล่ เครื่องมือซ่อม กล้องถ่ายรูป
แบตสำรองโทรศัพท์ โทรศัพท์ ถุงพลาสติก ใส่กระเป่าโน่นนี่แล้ว
กว่าจะได้ไปกินข้าว ดูวุ่นวายมากครับ
เลยเอากระเป๋าใบใหญ่ใบเดียวไว้ตะแกรงหลังดีกว่า
เพื่อนผม มีกระเป่าทัวร์ริ่งใบใหญ่ ในกระเป่ามีของกินด้วยนะครับ
มีกระทั่งแอปเปิลและมีดปอกผลไม้ด้วยซ้ำ (เพราะเค้ากินมังสวิรัตครับ)
เห็นแล้วอยากได้มั่ง แต่ไม่ถึงกะใบใหญ่เท่านั้นหรอกนะครับ
ดูเทอะทะไปหน่อย เอาแค่กระเป่าที่วางบนตะแกรงได้
ไปดูไว้แล้ว อันละประมาณ 8-900 ครับ
คันนี้ ผมไปตั้งกระทู้ถามเรื่องความเหมาะสมในการติดตะแกรง
บังเอิญมีคนนึงที่ใช้รถรุ่นเดียวกะผม แต่เค้าคิดเสียใหญ่โต
ซึ่งก็ดูโอเคดีนะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#200
Posted 10 October 2013 - 10:11
โห พึ่งมาเห็นของคุณมูน
เสาร์ที่จะถึง ผมก็กะจะไปกันอีกครับ
จะพาเพื่อนไป
ไม่ทันคุณมูนซะแล้ว
อย่าลืมดูกระบอกไม้ไผ่ให้เค้าด้วย ฮิฮิ
- tonythebest likes this
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users