Jump to content


isa

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2557 14:07
-----

#1156994 ทำไมถึงมีคนสนับสนุนให้ทำแท้ง?

โดย isa on 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 20:26

สำหรับความเห็นของผม เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นความเสื่อมและความเพี้ยนของสังคมปัจจุบันครับ

 

ทำไมถึงต้องทำแท้ง ก็เพราะมีท้อง ทำไมถึงมีท้อง ก็เพราะมีเพศสัมพันธ์ และที่ต้องทำแท้งเพราะมีเพศสัมพันธ์โดยที่ยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตคนทั้งชีวิต

 

ก็ต้องไปตั้งคำถามใหม่ว่า "เรื่อง Sex กลายเป็นความบันเทิงของคนทั่วไปตั้งแต่เมื่อไหร่?"

 

ผมไม่คิดว่าแต่เดิมที Sex จะถูกใช้เพื่อความบันเทิงสำหรับคนทั่วไปนะ เพราะ Sex เป็นเรื่องที่สัมพันธ์โดยตรงกับการสืบเผ่าพันธ์ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ และเกี่ยวพันกับภาระหน้าที่ต่างๆมากมายของเจ้าตัวและของครอบครัวในการเลี้ยงดูทายาทคนใหม่ที่อาจจะเกิดมา ตลอดจนญาติกลุ่มใหม่ๆที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยผ่านการแต่งงาน และในยุคไม่กี่สิบปีก่อน คนเรายังไม่ค่อยรู้จักการคุมกำเนิด เรียกว่าเสียบเข้าไปเมื่อไหร่ โอกาสท้อง 50/50 ดังนั้นแม้ Sex จะเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ แต่ผมไม่คิดว่าการ Sexual Intercourse จะเป็นความบันเทิงสำหรับคนทั่วไป เว้นแต่คนเจ้าชู้ไร้ความรับผิดชอบ คนไม่มีความคิด และคนที่ฐานะมั่งคั่งพอที่จะ Support เมียหรือทายาทได้ทีละหลายๆคน

 

และเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการนี้จะไม่ถูกละเมิด สังคมถึงต้องสร้างค่านิยม ขนบประเพณีหลายๆอย่างมาช่วยปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพรหมจรรย์ เพื่อให้แน่ใจว่าทายาทที่กำเนิดมา และตระกูลนั้นต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบ จะเป็นทายาทแท้จริง ไม่ใช่กาฝากนอกตระกูลที่จะสร้างความวุ่นวายสับสนในอนาคตทั้งต่อวงศ์ตระกูล ทั้งต่อตัวเด็ก

 

 

การที่สังคมสมัยก่อนไม่ค่อยมีการทำแท้ง เพราะเขาไม่ฝ่าประเพณีกันไงครับ ถ้ามีการฝ่ากันก็คือรักกันจริงแต่พ่อแม่ไม่ยอมรับ ถึงต้องพากันหนี แล้วค่อยอุ้มหลานไปกราบขอขมาพ่อตาแม่ยายทีหลัง อีกอย่าง คนสมัยก่อนเขารู้จักบาปบุญคุณโทษ เขาไม่ทำแท้งกันหรอกครับ ถ้าจะมีทำ ก็อยู่เฉพาะในหมู่ผู้หญิงขายตัวจำนวนน้อยในสังคมเท่านั้น ไม่ใช่ในสังคมปกติ

 

 

เป็นความไร้ความรับผิดชอบของสื่อปัจจุบันหรือเปล่า ที่สร้างภาพให้ Sex กลายเป็นความบันเทิงที่ใครก็ได้สามารถเข้าถึงได้ แม้จะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังรับผิดชอบตัวเองก็ยังไม่ได้ โดยตัดภาพเรื่องของภาระสังคมที่อาจจะตามมาไปโดยสิ้นเชิง

 

อย่างหนังเรื่อง Hormone ที่เป็นที่ถกเถียงกัน ผมก็ไม่เห็นด้วยกับผู้กำกับนะ แน่นอนว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามี Sex ในเด็กวัยเรียนจริง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มีนักเรียนมัธยมใจแตกเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ต่อโรงเรียนเท่านั้น ที่มีเพศสัมพันธ์กันในวัยเรียน และปกติทางโรงเรียนหรือครอบครัวก็ควรสามารถที่จะจัดการกับมันแบบ Case by Case ได้ แต่พอพวกสื่อยกมันขึ้นมาอยู่หน้าฉาก  ราวกับมันเป็นเรื่องปกติที่ใครๆก็ทำกัน มันก็จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสังคม ซึ่งจะเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กที่เคยอยู่พ้นเส้นมาตรฐานให้ต่ำลงไป ผลก็คือโรงเรียนและครอบครัวต้องรับมือกับปัญหาเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเพิ่มมากกว่าเดิม และแน่นอนว่าเมื่อมาตรฐานกลางมันต่ำลง พฤติกรรม Bottom line ที่มันเคยเลวร้ายอยู่แล้ว มันก็จะยิ่งตกต่ำเลวร้ายลงกว่าเดิม นั่นแหละคือสิ่งที่เหล่าครูเขากลัวกัน และเราก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสังคมไทยคือสังคมเลียนแบบกันแบบไม่ค่อยมีความคิดเท่าไหร่หรอก

 

ดังนั้นการสนับสนุนให้ทำแท้งกันโดยเสรี ก็เท่ากับว่าเราสนับสนุนให้เด็กมี Sex กันโดยไร้ความรับผิดชอบ ทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย ซึ่งการมี Sex กันโดยอายุยังน้อย รับผิดชอบตัวเองไม่ได้ แถมไม่ป้องกัน แค่นี้มันก็สะท้อนความไม่รับผิดชอบพออยู่แล้ว และการทำแท้ง มันก็คือการ "ฆ่าคน" ดีๆนี่เอง ดังนั้นคนที่ทำแท้งได้โดยไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะฝั่งผู้หญิง (เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง) ผมก็ไม่ชัวร์กับมาตรฐานคุณธรรมในจิตใจเท่าไหร่หรอกนะ ลองคิดดูแล้วกันว่าอนาคตที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่ที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่น จะเป็นอย่างไร

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดก็คือ การโยนกลองความผิดพวกนี้ให้ผู้ชาย ผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงก็มีอยู่มากมาย แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว คนที่ตัดสินใจมี Sex กับผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบก็คือตัวผู้หญิงเองไม่ใช่หรือ แถมมีข้อมูลสนับสนุนด้วยซ้ำว่า ผู้หญิงจะไม่ค่อยเลือกผู้ชายที่สงวนท่าที แต่จะเปิดใจให้ผู้ชายที่เจ้าชู้มากกว่า เพราะท่าทีชัดเจนกว่า และแน่นอนว่าเรื่องคุยเรื่องเข้าหาผู้หญิงก็จัดเจนกว่าด้วย ดังนั้นถ้าจะป้องกัน คนในอดีตเขาทำถูกแล้วที่ให้ไปป้องกันที่ผู้หญิง เพราะเขารู้ว่าผู้ชายดีๆ มันคิดเยอะอยู่แล้วก่อนจะมีอะไรกับผู้หญิงสักคน แต่ผู้ชายเจ้าชู้ มันมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว เวลาเขาสอน ผู้ชายกับผู้หญิงสมัยก่อนเขาถึงสอนต่างกัน เวลาสอนผู้หญิง เขาจะสอนให้รับผิดชอบ ดูแลตัวเอง แต่สอนผู้ชาย เขาจะสอนให้รับผิดชอบคนอื่น (เว้นในครอบครัวคนจีนบางบ้านที่มองลูกชายเป็นเทพฯนะ)

 

ไม่รู้นะ เวลาที่เห็นครอบครัวที่มีลูกสาว เลี้ยงดูลูกแบบทำใจว่า ก็เลี้ยงเท่าที่จะทำได้ อะไรจะเกิดก็ต้องให้เกิด แล้วค่อยมาปะรอยร้าวกัน แล้วก็รู้สึกหดหู่ว่าสังคมเราทุกวันนี้มันมาถึงจุดนี้ได้ไง  -_-




#1046032 คนขับแท็กซี่ 20,000 คันเสี่ยงโดนยึด-ไร้เงินผ่อน

โดย isa on 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 11:45

ราวสองปีก่อนที่ผมจะรำคาญแท็กซี่แดงจนต้องซื้อรถมาขับเอง ผมก็นั่งแท็กซี่ประจำอยู่ทุกวัน

แยกออกเลยว่าแท็กซี่คันไหนประสบความสำเร็จในอาชีพ คนไหนไม่

 

คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ พวกนี้จะพยายามถอยรถเองกันทุกคน

เพราะค่าเช่ากับค่าผ่อนแทบไม่ได้ต่าง แต่ถ้าคุณมีรถของคุณเอง คุณมีสิทธิ์เก็บผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน

ทั้งช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ  ขณะที่พวกเช่าขับกะ จะเก็บได้อย่างมากก็แค่สองช่วง แล้วเขาจะรู้ด้วยว่า

ช่วงไหนจะมีผู้โดยสารแบบไหน อย่างช่วงเช้าจะเป็นพวกนักเรียน พนักงานบริษัท ช่วงสายกับบ่าย เป็นพวกเซลส์

แล้วก็อาจมีพนักงานบริษัทแว้บหนีเข้าห้างมากินข้าวเที่ยง ช่วงเย็นก็พนักงานบริษัทกลับบ้าน ช่วงค่้ำ

เตรียมไปหน้าห้าง หน้าโรงหนัง หรือแหล่งบันเทิง ฯลฯ

 

 

พวกนี้จะรู้ลู่ทางถนนดีมาก แต่งตัวสุภาพ พูดจาสุภาพ และมีนามบัตร และที่สำคัญก็คือจะเป็นสมาชิก

วิทยุแท็กซี่ เพราะทำให้เขาวางแผนเส้นทางรับลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเมื่อพูดจาสุภาพ ทำตัวให้น่าไว้วางใจ

ก็จะได้ลูกค้าประจำ โดยเฉพาะบ้านคนชั้นกลางที่มีรถคันหรือสองคัน แต่ไม่มีปัญญาจ้างคนขับรถประจำ

ก็อยากได้แท็กซี่ที่ไว้ใจได้มาขับส่งลูกหลานไปเรียน ตัวเองจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเองอยู่แล้ว 

ดังนั้นลูกค้าประจำไม่ได้หายากมากมาย ช่วงเช้าได้ลูกค้าประจำสองสามราย ก็คุ้มค่าแก๊สแล้ว ส่วนที่เหลือก็กำไรล้วนๆ

 

นอกจากนี้เขาก็รับงานลูกค้าประจำออกต่างจังหวัดด้วย อาทิตย์นึงออกครั้งสองครั้งก็เท่ากับได้โบนัสพิเศษ

บางคนถึงกับออกรถคันที่สอง ให้พี่น้องช่วยขับก็มี และบางคน มีเมียอยูต่างจังหวัด มีรายได้มาก็ส่งให้พ่อตาแม่ยาย

ปลูกพืชยืนต้นบ้าง ทำบ่อเลี้ยงปลาบ้าง ไม่ให้อยู่เฉย ผมก็เห็นว่าเขามีความสุขกับงานของเขาดีนะ

เคยเลียบๆเคียงๆถามคนขับคนหนึ่งเรื่องม็อบ เขาหัวเราะแล้วบอกว่า จะม็อบแดงหรือม็อบเหลืองน่ะ ผมไปทั้งสองม็อบแหละ

ผมทำมาหากิน ไม่เข้าข้างใคร มีม้อบแหละดี เรารู้จุดหมายว่าเขาจะไปที่ไหน แล้วขากลับออกมา เราก็ได้คนติดออกมาทุกครั้ง

ฟังแล้ว อืมม์...พี่เค้าเป็นมืออาชีพจริงๆ

 

ในทางตรงกันข้าม แท็กซี่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่างที่เห็นแหละครับ ถนนก็ไม่รู้จ้ก ขนาดปรินท์แผนที่ให้ดุยังต้องลุ้น

มีทัศนคติลบต่ออาชีพ ต่อผุ้โดยสาร บ้าเปิดวิทยุแดงที่มีแต่ยุให้คนฆ่ากัน โก่งราคา จ้องรับแต่ฝรั่ง ใกล้ไม่ไป ไกลไม่ไป ฝนตกไม่ไป

พูดจาหยาบคาย หน้าหม้อจ้องจะล่อผุ้โดยสาร ขี้เกียจ ฝนตั้งเค้านิดหน่อยก็หนีเข้าบ้านไม่รับผู้โดยสาร ไม่มี Service Mind
ฯลฯ พวกนี้เป็นส่วนใหญ่ของแท็กซี่ที่ขับๆกันอยู่ในปัจจุบัน 

 

โดยทั่วไปแท็กซี่ศูนย์จะเจอพวกแบบแรกเยอะ แต่แท็กซี่จรส่วนนใหญ่จะเป็นแบบที่สองครับ  -_-




#1003910 เห็นโปสการ์ดใบนี้แล้วสะดุ้ง ตกลงคนทำต้องการอะไรเนี่ย

โดย isa on 13 มกราคม พ.ศ. 2557 - 11:23

243984ae9.jpg

ไม่รู้ว่าอาจารย์คนนี้เคยชายตามองตรามหาวิทยาลัยบ้างหรือเปล่า ว่ามันคือตราธรรมจักร 

รัฐธรรมนุญที่อยู่ในพานก็หมายถึงการปกครอง เมื่อรวมกันก็คือการปกครองโดยมีธรรมกำกับ

 

ในอดีตวิชาปกครองจะถูกเรียกว่าวิชาพระธรรมศาสตร์ ซึ่งรวมเอาทั้งวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เข้าด้วยกัน

พร้อมทั้งสอนธรรมะของผู้ปกครองไปด้วยพร้อมๆกัน คนที่จบมาจึงเป็นคนเต็มคน มีความรู้ทางโลกและมีความรู้ทางธรรม

สร้างความสุขให้ผู้อยู่ใต้ปกครอง และสร้างความเจริญแก่แผ่นดิน

 

แต่ปัจจุบันแยกรัฐศาสตร์ออกจากนิติศาสตร์ ซ้ำยังแยกธรรมะออกจากการศึกษา

จึงผลิตคนที่มีแต่ข้อมูลจากหนังสือสักว่าจำใส่หัว วิชานิติศาสตร์ก็เอาไว้รับใช้คนรวยที่ทำผิดกฎหมาย

วิชารัฐศาสตร์ก็เอาไปประสานผลประโยชน์กับนักกินเมือง

 

...และคำว่า "และการเมือง" ที่ต่อท้ายก็ไร้ความหมาย เพราะการเมืองคือเรื่องของผลประโยชน์

ถ้าไม่มีวิชาพระธรรมศาสตร์กำกับ วิชาการเมืองก็เป็นแค่การแย่งชิงผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างต่ำทราม

 

อาจารย์คนนี้ยังมีวาทะ "มหาวิทยาลัยเกิดมาเพื่อฆ่าศาสนา" ไม่รู้บ้างหรือว่าการศึกษาของไทยนั้นมีวัดโอบอุ้มมาแต่อดีต

แม้แต่การศึกษาแผนใหม่ในยุคเริ่มต้นตั้งแต่สมัยร.5 ก็ต้องอาศัยวัดช่วยอุปการะ ไม่ว่าจะอำนวยพื้นที่ก่อสร้าง ช่วยระดมทุนชาวบ้าน 

ช่วยเรื่องครู จนยืนหยัดได้จนป่านนี้ ...พวกนักการเมืองใหญ่ๆในปัจจุบัน คนใหญ่คนโต เคยอาศัยข้าวก้นบาตรก็มากมาย

จนมีรัฐมนตรีศึกษาต่างศาสนาเข้ามาแทรกแซง (ขอปกปิดชื่อ) แยกวัดออกจากโรงเรียน ทั้งวัดทั้งโรงเรียนจึงเสื่อมลง

อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

 

นั่นคือนักวิชาการเจ๊ก ที่ไม่เคยสัมผัสสังคมไทยจริงๆ อาศัยท่องตำรามาเอ่ยอ้าง สิ่งที่พูดก็ไปอ้างมาจากสังคมตะวันตกล้วนๆ

สมควรจะพิจารณาตัวเองว่าควรจะเป็นครูบาอาจารย์ต่อไปหรือไม่? 




#957926 เค้าว่าเป็นการปฏิวัตโดยชนชั้นกลางเมืองหลวงและปชป...วาทะกรรมเยาะหยันพวกกรรมกรก...

โดย isa on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 10:02

การปฺฏิวัติครั้งไหนๆในประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็มาจากชนชั้นกลางอยู่แล้วล่ะครับ

อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีสัดส่วนของชนชั้นกลางเป็นผู้นำอยู่

 

ถามว่าเลนิน  สตาลิน ทร็อตสกี้ หรือแม้แต่เจ้าพ่อลัทธิคอมฯอย่างมาร์ค & แองเกลส์ เป็นรากหญ้าหรือไง ก็เป็นคนชั้นกลางน่ะแหละ

 

การปฏิวัติใดๆที่มาจากชนรากหญ้า จะทำลายตัวมันเองอย่างรวดเร็ว สาเหตุก็ง่ายๆ "คนรากหญ้าขาดความรู้ในการบริหารบุคคล

และบริหารทรัพยากร" ไม่งั้นก็คงจะไม่เป็นรากหญ้าตลอดชาติหรอก

 

สิ่งที่คอมมิวนิสต์พยายามจะปกปิดและบิดเบือนก็คือ ความล้มเหลวในการบริหารบุคคลและทรัพยากรในยามสันติ

จนทำให้เกิดการอดหยากล้มตายของประชาชนจำนวนมหาศาล  ยิ่งเป็นคอมมิวนิสต์ที่พยายามกำจัดชนชั้นกลางออกไป

จากองค์กรของตัวเอง อย่างสมัยเหมา เลนินยุคต้นๆ สตาลิน ...สิ่งเหล่านี้นักรัฐศาสตร์เอียงซ้ายไม่เคยฝันถึง

เพราะขาดความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์อย่างรุนแรง ขนาดที่ตาเหม่งพิชญ์ออกมาพูดว่า "ราคาก๋วยเตี๋ยวขึ้น เกี่ยวอะไรกับน้ำมัน

คุณเอาน้ำมันใส่ก๋วยเตี๋ยวหรือยังไง" นั่นแหละ

 

ความสามารถในการบริหารงาน บริหารบุคคล ของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล บางคนมีความสามารถแค่บริหารกรมกอง บริษัทเล็กๆ

มีเพียงน้อยคนที่สามารถบริหารองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ระดับประเทศ เรื่องนี้ทุนนิยมรู้ดี แต่คอมมิวนิสต์ ไม่เคยปรับเปลี่ยนความคิด

 

แค่เอาคนระดับเต้น เพ้ง ฯลฯ มาบริหารงานระดับประเทศ เราก็เห็นความเฟลจะๆต่อหน้าแล้ว ลองนึกดูว่าถ้าลองเอาตาสีตาสา

มานั่งกระทรวง งานจะเละเทะขนาดไหน

 

...อยากบอกนักวิชาการพวกนี้ว่าคนชั้นกลางก็เป็นประชาชน และเป็นประชาชนที่เป็นแกนหลักของทุกประเทศ

ถ้าจะมีเฉพาะคนรากหญ้า ก็ควรจะย้ายไปอยุ่เขมรสมัยพลพตนะ (คนพวกนี้น่าจะเกิดทัน)  -_-




#956294 นางฟ้าในหมู่มวลมหาประชาชน ขจัดอำนาจชั่วปฏิรูปประเทศไทย

โดย isa on 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 10:10

บอกตรงๆ การเมืองยุคนี้ทำให้ผมแปลกใจกับพัฒนาการของสังคมไทย

 

ผมเป็นนักสิทธิบุรุษ (แต่งตั้งตัวเอง) ที่ค่อนข้างขัดใจกับสังคมไทยที่ให้สิทธิ์ผู้หญิงเยอะมาก และฝั่งเฟมินิสต์ก็ยังเรียกร้องไม่เลิก ทั้งๆที่ผมมีความเห็นว่าสังคมไทยโดยพื้นฐานนั้น "ผู้หญิงเป็นใหญ่" เพราะสังคมไทยเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นกลาง เหนือ อีสาน ใต้ แต่งผู้ชายเข้าบ้านผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นครอบครัวคนจีนที่จะแต่งผู้หญิงเข้าบ้านผู้ชาย  สังคมไทยจริงๆ ผู้หญิงจึงเป็นคนกุมปัจจัยการผลิต กุมเงินครอบครัว ทำให้มีสิทธิ์มีเสียงเหนือกว่าคนอื่นๆในบ้าน แถมยังมีประเพณีอื่นอย่างพวกสินสอดที่เยอะและฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรับ เรือนหอที่ต้องไปปลูกในที่ดินฝ่ายหญิง ฯลฯ ที่ทำให้ฝ่ายผู้หญิงกุมอำนาจเงินในครอบครัวแบบเบ็ดเสร็จ ฝ่ายชายจึงเป็นแค่ "ทาสเทวี" ที่ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว แถมบางครั้งพ่วงครอบครัว และญาติโกโหติกาฝ่ายหญิงไปด้วย

 

แต่พอเห็นการแสดงออกทางการเมืองหนนี้ ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายไทยส่วนใหญ่ถึงต้องเป็น "ทาสเทวี" ลองดูในม็อบ เราจะพบผู้หญิงเยอะมาก แสดงว่าผู้หญิงไทยมีความตื่นรู้ทางสังคมและเข้าร่วมกับสังคมอย่างคึกคัก ในทางตรงกันข้าม พอเข้าไปหาผู้ชายไทย กลับไปหมกอยู่กับแฟนเพจมอมเมาอย่างพวกเพจศาสดา โหดสัส เพจจ่าฯ หรือเพจมึนๆแบบสมรัก หรือตัดต่อ ฯลฯ เพจพวกนี้มีลูกเพจเป็นแสนๆ และดูจากความคิดความอ่านของพวกผู้ชายพวกนี้ก็แสดงว่าเสพย์ข้อมูลครึ่งเดียว และไม่มีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือพูดให้ตรงก็คือ ต่อให้มีข้อมูลใหม่ให้ ก็ปฏิเสธที่จะรับข้อมูลเพิ่ม ด้วยซ้ำ

 

ไม่ใช่แค่ในเพจ ในสังคมทำงานรอบตัว พวกหนุ่มๆในออฟฟิศผมก็เป็นแบบนี้ซะเยอะ แค่ทำงาน เที่ยวเล่นไปวันๆ พอมีกระแสอะไรมาก็ผสมโรงด่าไปกับเขา อธิบายอะไรให้ฟังก็ขี้เกียจฟัง พวกนี้จึงกลายเป็นเหยื่อให้กับการปล่อยข่าวลวงง่ายมาก ขณะที่พวกผู้หญิง แม้จะทำงาน เที่ยว เหมือนกัน แต่กระตือรือร้นที่จะแสวงหาและรับรู้ข่าวสารมากกว่า

 

ถ้าเทียบกับในอดีต ดูจากข้อเขียนของนักประวัติศาสตร์ต่างชาติ ก็บันทึกตรงกันว่า ชาวอุษาคเณย์นั้น ผู้หญิงจะเป็นคนพายเรือเอาผลผลิตที่บ้านมาขายในตลาดชุมชน แต่พวกผู้ชายนอนอยู่บ้าน ผู้หญิงจึงมีส่วนร่วมกับสังคมมากกว่า รับรู้ข่าวสารมากกว่า และกุมเศรษฐกิจของบ้าน (เว้นแต่ในภาคใต้ ที่มีวัฒนธรรมร้านโกปี้ปากซอย ทำให้มีแหล่งชุมนุมสนทนาการเมือง ทำให้ผู้ชายค่อนข้างมีส่วนร่วมกับสังคม และผู้หญิงสมัครใจที่จะถอยไปเป็นช้างเท้าหลัง)

 

จนยุคปัจจุบัน ผมก็ยังแปลกใจที่เห็นพฤติกรรมหญิงชายไทยเป็นแบบนี้ เหมือนกับขณะที่ผู้หญิงเข้าสู่ความเป็นชนชั้นกลาง ปฏิบัติตัวสมกับเป็นชนชั้นกลางกันเป็นส่วนใหญ่ แต่พวกผู้ชายจำนวนมากยังติดอยู่กับพฤติกรรมแบบสังคมไพร่ดั้งเดิม มึนชา ไม่กระตือรือร้นกันอยู่เลย (นี่ผมหมายถึงพวกคนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นไทยเฉย ไม่ได้หมายถึงพวกรากหญ้าหรือพวกแดงนะครับ)

 

เพราะงั้น ผมล้มเลิกความคิดที่จะเรียกร้องสิทธิบุรุษให้ชายไทยแล้วล่ะ ก็พฤติกรรมเป็นกันแบบนี้นี่แหละ (สมน้ำหน้าเมิงแล้ว )  <_<




#946134 ถ้าระบอบทักษิณ-เผด็จการชินวัตรพลิกเอาชนะได้ จะเกิดอะไรขึ้น

โดย isa on 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:10

ภาคใต้แสดงออกชัดเจนแล้วครับว่าไม่เอาทักษิณ

ถ้ารัฐบีบมากกว่านี้ โมเดลสามจังหวัดอาจจะขึ้นมาถึงประจวบ

และอย่าลืมว่าคนชั้นกลางปักษ์ใต้ก็อยู่ในกรุงเทพฯก็มีไม่น้อย

ที่มีพลังในสังคมสูงพอสมควร และในภาคใต้นั้น แดงมีจำนวนน้อยมาก

และคนใต้นั้น เขารักก็รักจริง เกลียดก็เกลียดจริง อย่าลืมว่าไอ้พวกนี้

ไปทำเขาไว้เยอะ ทั้งเรืองน้ำท่วม เรื่องยาง ฯลฯ และผู้ปกครองที่บุคลิกอันธพาลสไตล์เพื่อไทย

แบบจารุพงศ์ แบบเหลิม คนใต้ยิ่งเกลียดเข้าไส้ เพราะเขาต่อสู้กับ

คนชนิดนี้มานานตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก

 

คนกรุงเทพฯ ถ้าไม่ใช่คนรากหญ้า หรือพวกกลวงไปวันๆ

ก็เริ่มเรียนรุ้อะไรเยอะแล้ว 

 

แม้แต่ในภาคเหนือ หรือภาคอีสานเอง คนที่ตื่นรู้และไม่เอาด้วยกับมันก็เยอะมาก

เพียงแต่ว่าถ้าเทียบกับพวกที่ยังแดงอยู่แล้ว เป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยกว่าเท่านั้น

 

คนที่ไม่เอาทักษิณ ไม่เอาแดง ผมว่าน้อยคนจริงๆที่จะหันไปยอมรับแดงได้ ถ้าไม่ใช่คนสิ้นคิด

แต่ขณะที่พวกแดงที่ตาสว่าง จะเยอะขึ้นทุกทีๆ ระบอบทักษิณก็เหมือนนาฬิกาทราย

ที่ทรายกำลังไหลออกเรื่อยๆ เพียงแต่ว่า กว่าทรายจะหมด กว่าทรายด้านหนึี่งจะมากกว่า

ทรายอีกด้านได้ ประเทศชาติจะเสียหายไประดับไหนเท่านั้นเอง

 

และเรื่องการสู้รบกับคนเสื้ือแดงนั้น คนเสื้อแดงที่กล้าชนตอนนี้มีอยู่แค่สองส่วน

คือกลไกรัฐ กับเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ซึ่งรวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ และแท็กซี่ ซึี่งจำนวนมาก

ก็แยกตัวออกมาแล้ว เราจะเห็นว่าคนเสื้อแดงกลุ่มนี้มีน้อยมาก อย่างโกตี๋นี่ต้องวิ่งงานเยอะมาก

ไปโผล่โน่นนี่ตลอด แสดงว่ากำลังพลฮาร์ดคอร์ของแดงมีน้อยเต็มที จนต้องเอากำลังต่างชาติมาเสริม

 

ในทางตรงกันข้าม กองกำลังของฝ่ายเกลียดชัง จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นมาทุกที จะกลายเป็นโมเดล

คอมมิวนิสต์แบบย้อนกลับ ยิ่งปราบก็ยิ่งเพิ่ม ดูอย่างสามจังหวัดภาคใต้สิครับ ทหารตายกันเป็นรายวัน

ชาวบ้านเขาก็เฉยๆกันไปแล้ว ถือว่ารัฐรบกับพวกผู้ก่อการร้าย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา นั่นแหละคือความอันตราย

 

และทุกวันนี้ จากหลายๆเหตุการณ์ก็แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านกลัวตำรวจจนหายกลัวไปแล้ว

อย่างคลิปเหตุการณ์ที่ตำรวจไปยิงขู่พ่อค้าแผงลอยจนโดนเด็กท้าชก หรือขู่เด็กสาวเข้าโรงแรม

จนโดนพี่ชายกับเพื่อนไล่กระทืบจนต้องขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อนหนีหัวซุกหัวซุน

จะจับเด็กยัดยา แต่เด็กเอากล้องวิดีโอจับได้ ด่าซะเสียหมา ฯลฯ

 

มันแสดงให้เห็นว่าในสายตาผุ้คนส่วนใหญ่ ตำรวจไทยตกต่ำขนาดไหน

และถ้าลงไปถึงจุดหนึ่ง มันอันตรายนะครับ  อย่างเด็กแว้น ทุกวันนี้มันกลัวตำรวจซะเมื่อไหร่

ไปขวางจะจับมัน มันชนเอาดื้อๆ เจ็บตายไปหลายนายแล้ว

คุณไปตั้งด่านดึกๆ โดนคนหมั่นไส้ขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น

จากเดิมที่ผู้ถือกฎหมาย มีแต่คนกลัว แค่เอาไปขู่เด็ก เด็กก็หยุดร้อง

แต่ทุกวันนี้กลายเป็นเป้าเกลียดชัง กลายเป็นตัวตลก อะไรที่คนเกลียด แล้วคนไม่กลัว แถมเหยียดหยามด้วยเนี่ย

ถือว่าอยู่ในสถานะที่อันตรายต่อตัวเองสุดๆแล้ว

 

ผมว่าตอนนี้มันก็ใกล้ภาพนั้นเข้าไปเต็มทีแล้วนะ  -_-




#945643 นักวิจารณ์ต่างชาติฉีกสหรัฐ+ทักษิณเป็นชิ้นๆ "ชื่นชมยูเครนแต่กลับประณามไทย...

โดย isa on 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 10:25

ดูจากแฟนเพจของสถานทูตสหรัฐก็รู้ครับ

บางครั้งก็หมั่นไส้ อยากจัดหนักให้สักทีเหมือนกัน




#944505 อำมาตนี่มันชั่วร้ายจริงๆ

โดย isa on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 16:33

บังอาจทำภาพล้อเลียนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มาจากการเลือกตั้ง

นี่ NHK คงต้องถูกอำมาตซื้อไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆเลยฮะ

เตรียมโดนประชาธิปไตยถล่มได้เลย :angry: :angry: :angry:

 

บังอาจทำภาพล้อเลียนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มาจากการเลือกตั้ง

นี่ NHK คงต้องถูกอำมาตซื้อไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆเลยฮะ

เตรียมโดนประชาธิปไตยถล่มได้เลย :angry: :angry: :angry:

 

แปล :

:ซ้ายบน "เกินขีดความอดทน"

: ป้ายในมือนางยก : ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม

: มุมบนขวา - จับตามองตรงนี้

: ที่ลูกกลมด้านล่าง : ได้เวลาเลยขีด




#943187 สภาประชาชนคือ???

โดย isa on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 09:43

จริงๆแล้วผมว่าเรื่องสภาประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้ และต้องให้เห็นภาพชัดๆตอนนี้ และเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ถ้าสามารถจะทำได้!

 

สาเหตุหนึ่งที่กันมวลชนส่วนหนึ่งออกจากการเข้าร่วมผู้ชุมนุม ก็คือมองไม่เห็นภาพว่าจากนี้การเมืองไทยจะไปต่อยังไง จะก้าวไปยังไง จะบริหารยังไงต่อ จะจัดการกับปัญหาที่รัฐบาลนี้ขี้เปรอะเปื้อนทิ้งไว้ยังไง ถ้ายังไม่เห็นภาพนี้ แล้วจะให้คนทั่วไปยอมเดินตามไปด้วยอย่างไร

 

สถานการณ์ในตอนนี้ก็เหมือนโมเสส ที่นำคนจะหนีจากอียิปต์ กำลังจะข้ามภูเขา แต่เทือกเขาบังภูมิประเทศอีกฟากไว้มองไม่เห็นว่ามันคืออะไร อาจจะมีคนส่วนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวผู้นำ อีกส่วนหนึ่งที่กล้าหาญพอที่จะเสี่ยงที่จะข้ามเทือกเขาไปด้วยกัน ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้ แต่อย่าลืมว่ามวลชนส่วนใหญ่นั้น เคยชินกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ จะมีกี่คนที่จะกล้าเสี่ยงกับสิ่งที่ไม่รู้ ถ้าไปแปะป้ายให้เขาว่า "ไทยเฉย" ไปด้วย ก็จะเสียมวลชนไปเปล่าๆ อย่าลืมว่ามวลชนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมในวันนี้ก็คือคนที่ออกมากันมืดฟ้ามัวดินเมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา ทางฝ่ายกปปสก็ต้องเตรียมคำตอบให้กับมวลชนส่วนนี้ หรือมวลชนที่อยู่กลางๆด้วย อย่าผลักเขาไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม

 

การรบต้องมีทั้งบู๊และบุ๋นไปพร้อมๆกัน ในสงครามเวียดนาม ขณะที่โง เหวียน เกี๊ยบ พะบู๊กับสหรัฐ ก็เดินการทูตไปพร้อมๆกัน เล่นสงครามข่าวสารไปพร้อมๆกัน จริงๆแล้วเวียดนามเหนือโดนบี 52 บอมบ์ฮานอยจนจะแพ้อยู่แล้ว แต่รัฐบาลสหรัฐโดนประชาชนกดดันจนต้องถอนกำลัง หลังจากนั้นผลเป็นยังไงเราก็รู้ๆกันอยู่ การสร้างภาพที่เป็นไปได้ของสภาประชาชนก็คือสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในสงครามแย่งชิงมวลชน แต่ตอนนี้เหมือนทุกคนจะบู๊จนเลือดเข้าตา ลืมบุ๋นไปแล้ว ซุนวูกล่าวว่า "สงครามที่ชนะโดยไม่ต้องรบ นั่นแหละคือยุทธ์วิธีที่ดีที่สุด" อย่าลืมสิ

 

ทางกปปส.ไม่จำเป็นจะต้องคิดเอง แต่ต้องมีผู้ประสานงานให้มีการสร้างรูปแบบของสภาประชาชนให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็กำหนดรูปแบบของ

 

1. กำหนดตัวคณะกรรมการที่จะทำหน้าที่ประสานงานในการเผยแพร่ข่าวสาร กำหนดคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิกสภา และคัดเลือกตลอดจนแจ้งผลผู้สมัคร ซึ่งอาจเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้ทรงคุณวุฒิ

2. ระบุรูปแบบของสภา คุณสมบัติของผู้สมัคร โดยอาศัยการระดมสมองของคณะกรรมการข้างต้น

3. กำหนดแนวทางการทำงานโดยคร่าวๆของสภา และคณะกรรมการบริหารที่จะมาดำเนินการในการบริหารงานต่อจากรัฐบาลชุดนี้

4. กำหนดรูปแบบของการแบ่งการทำงาน เช่น คณะทำงานในการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง  คณะทำงานในการแก้ไขปัญหาจากการดำเนินการของรัฐบาลปัจจุบัน  คณะกรรมการดำเนินการในการทำความเข้าใจกับประชาชน ตลอดจนคณะกรรมการกำหนดรูปแบบของนโยบายที่จะครอบคลุมการคัดกรองนโยบายที่ประกาศในการเลือกตั้งของนักการเมือง การตรวจสอบคุณสมบัติของนักการเมือง การติดตามเอาผิดและลงโทษนักการเมือง  การปฏิรูปสำนักงานตำรวจ ฯลฯ

 

...เท่าที่คิดได้ในตอนนี้มีแค่นี้ อยากเสนอให้พิจารณาดูครับ  :mellow:




#939749 ทอม เครือโสภณ ออก MCOT ช่วงภาษาอังกฤษ บอกคนตาย 4 คนเป็นเสื้อแดง

โดย isa on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:04

นี่แหละครับ ความโง่ของสื่อ

 

ผมว่าโดยทั่วไปพิธีกรไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องคุยกับใคร "เด็ก" สต๊าฟเป็นคนติดต่อให้

แล้วก็ให้บทพูด พิธีกรก็มีหน้าที่พูดๆไปตามสคริปต์ที่ได้

 

แล้วไอ้เด็กสต๊าฟนี่ก็ไม่ได้ดีประเสริฐเลิศลอยมาจากไหน ก็มักจะหากินง่ายๆ

จับเอาคนที่รู้จักกันดี เราก็จึงได้เห็นคนหน้าเดิมๆอย่าง บก.ลายด่าง สุขุม นวลสกุล 

หรือนักวิชาการแดงส่วนใหญ่ที่หากินทางออกสื่ออยู่แล้วซ้ำๆซากๆ หรือบางที่มีคนเสนอตัวมา

เห็นว่าเข้าท่า ไม่ต้องทำอะไรเยอะ ก็เอามาออก จะได้ไม่ต้องลำบากตามคนโน้นคนนี้มาออกรายการ

ซึ่งถ้าเป็นคนหน้าใหม่ที่ไม่เคยออกรายการมาก่อนก็จะติดต่อยาก คุยยาก เสี่ยงที่จะรายการล่มหรือเสียนัด

 

สื่อก็เลยกลายเป็นกระบอกเสียงให้กับนักวิชาการแดงขาประจำไปด้วยประการฉะนี้  -_-




#939726 ยิ่งยืดเยื้อ ไทยเฉยยิ่งเกลียดม๊อบ

โดย isa on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 21:57

เท่าที่เห็น พวกกลางกลวงแบบนี้ก็จะคิดว่าตัวเองฉลาดเสียเต็มประดา แล้วก็จะเชื่อแบบนี้ครับ

 

1. คนที่ไปม็อบ เพราะถูกนักการเมืองหลอก และนักการเมืองไม่ว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็เลวพอๆกัน สรุปว่าคนไปม็อบโง่

2. คนไปม็อบมีอยู่แค่สองสี คือสีแดง กับสีเหลือง หรือไม่ก็อาจจะมีสีสลิ่มโผล่มาอีกสี อันนี้เป็นความปัญญาอ่อนอย่างไม่น่าให้อภัยของสื่อ

ที่ทะลึ่งไปลอกวาทะแบ่งแยกมวลชนของพวกฝ่ายซ้ายหรือพวกแดงมา พอเวลาเห็นม็อบโน้นมานี้มา ก็จะแปะป้ายให้หมด แทนที่จะมองว่า

เขามาเพราะอะไร พวกกลางกลวงก็จะเชื่อตามที่สื่อบอก

3. พวกนี้ไม่สนใจเรื่องการเมือง เพราะเชื่อว่าพรรคการเมืองไหนๆมาก็เหมือนกัน โกงแบบเดียวกัน แต่ทีเรื่องซุบซิบในรั้วในวังละก็ หูผึ่งเข้ามาทันที

จึงเป็นเหยื่ออย่างดีของพวกเว็บล้มเจ้า

 

ทางที่อาจจะเป็นทางแก้ก็คือ

 

1. บอกมันเรื่องพรบ.เงินกู้สองล้านๆ แล้วถามมันว่า เมิงอยากจะผ่อนเงินจำนวน 5 ล้านๆไปจน 50 ปีที่เหลือในชีวิตของมเมิงหรือเปล่า? (รวมดอกเบี้ย)

เพราะรัฐบาลนี้กู้มาโกงโดยไม่มีการตรวจสอบ และขนาดของการโกง มันเกินกว่าที่นักการเมืองไหนๆเคยโกงมา และเมิงกับลูกหลานเมิงนั่นแหละ

จะต้องเป็นคนรับภาระ และด้วยการกู้ขนาดนี้ เป็นไปได้ที่เมิงจะต้องเข้า IMF รอบสอง ซึ่งจะทำให้เมิงตกงานทันทีที่เรียนจบ

 

2. บอกมันเรื่องที่สส.แก้กฎหมายตามชอบใจ แต่ไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมาย ตำรวจทำอะไรได้ตามชอบใจ กลายเป็นรัฐตำรวจ

และมีโอกาสที่มันจะเดินตามซอยเปลี่ยวๆ หรือขับรถไปแล้วโดนตำรวจยัดยารีดเงิน หรืออย่างน้อย โดนปล้น โดนฉุด แต่โทรหาตำรวจ

ไม่มีใครรับแจ้งอย่างทุกๆวันนี้ อยากเป็นแบบนี้ใช่ไหม

 

3. บอกมันเรื่องสามจังหวัดภาคใต้และการก่อปัญหาของหน้าเหลี่ยม แล้วบอกว่าอยากจะให้กรุงเทพเป็นแบบสามจังหวัดมั้ยล่ะ 

ถ้าตำรวจยังเป็นแบบนี้ วันดีคืนดี มันอาจจะโดนวางระเบิดตายคาหน้าห้างก็ได้

 

4. ถามมันว่าอยากได้น้ำมันลิตรละ 60 บาทมั้ย อยากจ่ายค่าไฟเดือนละ 5000 มั้ย ถ้ารัฐบาลยังบริหารงานแบบนี้ หนี้ประเทศจะล้น และมันจะหาเรื่องขายไฟฟ้า ประปา แล้วก็สาธารณูปโภคอื่นๆ อนาคต จะมีแต่คนรวยจริงๆที่ขึ้นรถไฟฟ้า นั่งเครื่องบินได้ เล่นเกมคอมได้ อยากเอาแบบนั้นมั้ยล่ะ

 

5. อยากให้พ่อแม่มันตายเพราะไม่มีการรักษามั้ย เพราะนโยบายรัฐบาลนี้ ฮุบโรงพยาบาลเอกชน และพยายามจะเข้าไปครอบงำโรงพยาบาลรัฐ รักษา 30 บาทแค่ตัวหลอก อนาคต ถ้าเป็นอะไรที่เกินกว่าพาราจะรักษาได้ เมิงจะต้องปล่อยญาติเมิงให้ตาย

 

6. บอกมันว่ารัฐบาลทักษิณให้ต่างชาติถือสิทธิ์ในที่ดินได้ถึง 90 ปี และอนาคตอาจจะยิ่งกว่านี้ อนาคตต่างชาติจะมาถือครองที่ดินมากขึ้นด้วยเงินที่ใหญ่กว่า ถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ อนาคตเมิงจบมาอาจมีปัญญาอยู่ห้องเท่าแมวดิ้นตาย แต่ต้องผ่อนกันชั่วชีวิต

 

7. บอกมันว่า ยังอยากได้บังยีเป็นนายกสมาคมฟุตบอลไทยชั่วชีวิตหรือเปล่า บังยีเป็นคนพรรคเพื่อไทย และถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่

เมิงก็ทนบังยีกันไปเถอะ

 

 

ถ้ามันยังไม่บรรลุ ก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรมเหอะ...นะ  -_-




#938948 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย isa on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:55

 

 

I Support PM Abhisit

@tigeryellowlive: ภาพสาวๆกลุ่มนี้ที่ราชมังคลา แต่สังเกตุภาษาที่เค้าใช้

999641_725911457421799_674988828_n.jpg

 

เวียดนามครับ ไม่ใช่เขมร

 

  กะหรี่อิมพอร์ต

 

น่าจะเป็นพวกเวียดนามอพยพ หรือเวียดนามอิมพอร์ตจากเขมรหรือเปล่าครับ?

 

เคยเห็นสาวเวียดนามตอนไปเที่ยวฮานอย ตัวเล็กๆ แต่หุ่นดีมาก ผิวดี อกบึ้มทุกคน

อันนี้มันดูตันๆยังไงก็ม่ายรุ? 




#938946 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย isa on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:54

ลบ




#938497 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย isa on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 12:24

 

 

ล่าสุด ...มีรายงาน ไทยพีบีเอส ยอมจอดำ อารยะขัดขืนละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวชน สั่งพนักงานกลัีบบ้าน ปิดสถานี #exitTH

 

เช็คด้วยครับ!!!

 

 

ตอนนี้ TPBS ยังไม่จอดำครับ แต่มี บก.ลายจุดออกมา พล่าม จ้อแอบกัดม็อบอยู่ครับ

 

ดิทนิดนึง // หยาบไปหน่อย

 

เพื่อนนักข่าวบอกมาว่า TPBS เอียงซ้ายอยู่แล้วครับ 

ขนาดหย่องยังคุมไม่อยู่  ดังนั้นเรื่องที่เขาจะ Favor แดง ไม่ใช่เรื่องแปลก




#936885 มีคนฝากถาม ม็อบหัวแตก

โดย isa on 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - 21:34

ปกติพัดแบบนี้เป็นพัดโปรโมชั่นสำหรับแจกฟรีไม่ใช่เหรอครับ

เพื่อเป็นการแนะนำสินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะบริการอินเตอร์เน็ต

การเอามาแจกที่ในรามซึ่งวัยรุ่นปกติก็เป็นคนใช้บริการอินเตอร์เน็ตอยู่แล้วก็ไม่น่าจะแปลก

ปกติของแบบนี้ก็แจกกันเป็นประจำอยู่แล้วตามสถานศึกษา หรืออาคารออฟฟิศทำงาน

ที่น่าจะเป็นกลุ่มลูกค้า บางครั้งมีพริตตี้มาแจกด้วยซ้ำไป

 

สำหรับคนทำธุรกิจ ยิ่งมีคนถือพัดพวกนี้ไปทั่วๆยิ่งดี ถือว่าเป็นไวรัล มาร์เก็ตติ้ง แบบไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา

 

แต่ถ้าไอ้หนุุ่่มค์นุนี้อุตส่าห์บุกไปถึง CAT เพื่อจะเอาพัดกลับมารามนั่นสิ มันออกจะอุตสาหะเกินจำเป็นไปมั้ย

อีกอย่าง ของส่งเสริมการขายแบบนี้ ปกติมันจะอยู่ที่คลัง หรือไม่ก็ฝ่ายการตลาดมากกว่า ไม่ได้วางเพ่นพ่านให้ทั่วตึก

แล้วพนักงานเองก็ไม่ค่อยจะเอาของพรรค์นี้มาใช้ด้วย

 

ผมว่าเป็นเรื่องจับผิดกันของคนหาประเด็นมากกว่า  -_-