Jump to content


kisa

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 พฤษภาคม 2553
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2557 13:01
-----

#716303 มหา'ลัย มหาหลอก? เมื่อป.ตรีเตะฝุ่นทะลุแสน!

โดย จันทรา อุษาคเนย์ on 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 16:09

556000006139401.JPEG

 

ทะลุแสน! คนไทยจบปริญญาตรีเตะฝุ่นมากที่สุด...เป็นหัวข้อข่าวที่กลายเป็นประเด็นทางสังคม และถูกตั้งคำถามต่อระบบการศึกษา และทวงถามการเรียนรู้ที่แท้จริงของมนุษย์ เพราะที่ผ่านมา การศึกษาไทยมีแนวโน้มจะดําเนินงานในเชิงธุรกิจที่มุ่งแสวงหากําไรมากขึ้น ทำให้มหาวิทยาลัยหลาย ๆ แห่งได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณภาพการเรียนการสอน และถูกมองว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นเรื่องเงินตรามากกว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยแห่งปัญญาอย่างที่ควรจะเป็น
       
        ร่ำเรียนแทบตาย สุดท้ายตกงาน!
       
        "มหาลัย มหาหลอก เด็กชายบ้านนอก เด็กหญิงบ้านนารํ่าเรียนรู้ในวิชา แต่จบออกมายังไม่มีงานทํา ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ออกเดินเดินเดินยํ่าสมัครงานสอบเท่าใดยังสอบไม่ผ่าน มันหัวปานกลาง เขาเอาแต่หัวดีๆ มีความรู้สู้เขาไม่ได้ เส้นเล็กเส้นใหญ่ เส้นก๋วยจั๊บไม่มี นามสกุลไม่สง่าราศี เป็นลูกตามี เป็นแค่หลานยายมา อนาคตคงหมดความหมาย"
       
        บทเพลง "มหาลัย" ของคาราบาว ที่สะท้อนถึงหัวอกบัณฑิตหลาย ๆ คนในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
       
        ล่าสุด มีข้อมูลที่น่าตกใจจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา ตกงานมากที่สุดถึง 1.13 แสนคนเลยทีเดียว
       
        ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อาจบอกเป็นนัยๆ ว่า ใบปริญญาไม่สามารถเอาไปเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สมัครงานซึ่งทำได้ง่ายๆ เหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
       
        นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกระแสวิจารณ์ของผู้จ้างบัณฑิตถึงการไม่มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นเมื่อเข้าไปทํางานจริง ทําให้วันนี้สังคมไทยเริ่มตั้งคําถามเรื่องคุณภาพบัณฑิตของมหาวิทยาลัยว่าสูงขึ้นหรือตกต่ำลงท่ามกลางปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากของผู้จบการศึกษา ซึ่สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ได้กลายเป็นประเด็นปัญหาของระบบการศึกษาไทยในยุคปัจจุบันไปแล้ว
       
        ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ กรรมการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ ในฐานะนักวิชาการด้านการศึกษา ให้ข้อมูลว่า ทุกวันนี้มีคนจบปริญญาตรีประมาณปีละ 5 แสนกว่าคน (ปี 2554 เป็นยุคปริญญาล้นประเทศ ซึ่งมีมากถึง 6 แสนคนเลยทีเดียว) ปัจจุบันมีบัณฑิตจบใหม่มากมายที่หางานทำไม่ได้ หรือบางคนที่รองานไม่ไหวก็ต้องไปทำงานไม่ตรงวุฒิ หรือต่ำกว่าวุฒิแทน 
       
        สำหรับสายที่ผลิตบัณฑิตล้นตลาดมากที่สุดคือ สายศิลป์ เช่น สังคมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น รองลงมาเป็นสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งคนที่เก่งจริง ๆ ถึงจะหางานได้ ส่วนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ เป็นสาขาที่จะมีตลาดงานรองรับแน่นอน เช่น แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ พยาบาล เป็นต้น
       
        แย่ที่มหา'ลัย หรือห่วยที่ตัวบัณฑิต
       
        ปัญหาที่เกิดขึ้น มีหลายความเห็นแตกต่างกันออกไป บ้างก็โทษไปที่มหาวิทยาลัยว่าไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะผลิตบัณฑิตให้จบออกมาอย่างสอดคล้องกับตําแหน่งงานที่มีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ หรือตัวเลขว่างงานจำนวนมาก ๆ ในแต่ละปี เป็นเพราะบัณฑิตเองที่ไม่ขวนขวาย และพัฒนาคุณค่าให้ตัวเอง
       
        มาดูกันที่มหาวิทยาลัย หากมองในภาพความเป็นจริง หลาย ๆ แห่งมีการปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่รูปแบบธุรกิจการศึกษามากขึ้น ซึ่งบางแห่งเราคงต้องยอมรับว่า มีการฉวยโอกาสที่จะแสวงหากําไรจนบางครั้งอาจส่งผลต่อ คุณภาพทั้งระบบการเรียนการสอน ผู้เรียนและตัวบัณฑิตที่จบการศึกษา
       
        ดร.วิริยะ ชี้ให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อย แย่ง และแข่งกันรับนักเรียนให้เข้ามาเรียน แต่ไม่ได้พิจารณา และให้ความสำคัญกับรากฐานปรัชญาของความเป็นสถาบันแห่งสติปัญญาของสังคมที่จะผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาดงานอย่างมีทักษะ
       
        "บางแห่งผลิตบัณฑิต 2 ล้อ เน้นแค่จำ และวิเคราะห์เป็น แต่ไม่ได้ออกแบบการเรียนการสอนให้เด็กรู้จักวิธีสื่อสาร คิดสร้างสรรค์ ไม่แปลกที่บัณฑิตยุคใหม่หลายคนจะมีคุณสมบัติเป็นบัณฑิตที่เชื่อฟังอย่างยิ่งยวด เป็นหุ่นยนต์ที่ต้องคอยป้อนคำสั่งอย่างเดียว จบออกมาก็แบบซิกแซ็ก หวังว่าใบปริญญาจะช่วยการันตีได้ แต่เข้าไปทำงานแล้วกลับทำไม่ได้ตามคุณค่าที่การันตีในใบปริญญา เมื่อทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ ตรงนี้อันตรายมากๆ" นักวิชาการด้านการศึกษาขยายความ
       
        คุณภาพไม่ถึง ใครเขาจะเอา!
       

        กระนั้น ใช่ว่าจะโทษมหาวิทยาลัยเพียงฝ่ายเดียว เพราะผู้ชี้ชะตาว่าจะตกงานหรือไม่ คือตัวผู้เรียนเอง โดยปัญหาใหญ่ ที่นักวิชาการด้านการศึกษาท่านนี้เป็นห่วง ก็คือ บัณฑิตหลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไร นี่คือตัวการสำคัญว่าทำไมบัณฑิตหลาย ๆ คนตกงาน และไม่มีงานทำ
       
        "เข้าปี 1 ก็หางานทำได้แล้ว แต่ปัญหาคือ หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีดีอะไร ประมาณว่า รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องตัวเอง ทางที่ดี ไม่ใช่มัวแต่ เรียน สอบ และ เที่ยวไปวันๆ แต่ต้องรู้จักพัฒนาคุณค่าในตัวเองด้วย" นักวิชาการด้านการศึกษาคนเดียวกันเผย
       
        แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนจะตกงานหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การเลือกสาขาไม่ตรง แต่อยู่ที่ตัวบัณฑิตเองว่า มีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ต่อความต้องการในโลกการทำงานเพียงพอแล้วหรือไม่ เช่น ความขยัน ความอดทน ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
       
        ทางออก ลดบัณฑิตเตะฝุ่น
       
        สำหรับทางออกของเรื่องนี้ ดร.วิริยะ พยายามพูด และนำเสนอมาตลอดว่า อุดมศึกษาไทยต้องมองตลาดงานในประเทศในภูมิภาค และในโลก แล้วร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรสาขาใหม่ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับตลาดงาน ไม่ใช่เดินผิดที่ผิดทาง มุ่งแต่จะแย่งรับนักศึกษา หรือแย่งกันแข่งขัน โดยขาดการมองไปข้างหน้า
       
        "เปิดรับกันมากมายในสาขาที่เหมือนๆ กันทุกมหาวิทยาลัย พอจบมาแล้วบัณฑิตจะไปทำอะไรกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่กระเตื้องกันนะ อย่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็เริ่มตระหนักแล้ว แต่มหาวิทยาลัยหลายแห่งยังมีอิสระกันอยู่มาก ต่างคนต่างสบาย ไม่เห็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร นี่แหละปัญหา เรียนแบบเดิม ๆ จดกันเข้าไป เน้นแต่การแข่งขัน แข่งกันไปตาย (ในโลกการทำงาน) จบออกมาก็ไม่มีทักษะอื่น ๆ ไว้นำไปใช้ในการทำงาน" นักวิชาการด้านการศึกษาให้ทัศนะ พร้อมกับฝากไปถึงมหาวิทยาลัยไทยหลาย ๆ แห่งว่า
       
        "ส่วนตัวคิดว่า เงินเพื่อการอยู่รอด มันเป็นอดีตไปแล้ว ยุคนี้ มีคุณค่าถึงจะอยู่รอด โดยสร้างคุณค่าให้แก่มหาวิทยาลัย และตัวนักศึกษา เน้นให้ปัญญา ไม่ใช่รับเงินแล้วจบ เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่มีใครทิ้งคุณหรอก แต่ถ้ามัวแต่มุ่งปั้มใบปริญญาแจก แจก สักวันสังคมทิ้งคุณแน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ อีก 30 ปี คนไทยจะไปใช้แรงงานในพม่าก็อย่ามาว่าก็แล้วกัน" 
       
        คล้ายกันกับแนวทางของ รศ.ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เคยออกมาเผยถึงแนวทางแก้ปัญหาบัณฑิตปริญญาตรีตกงานกว่า 1 แสนคนต่อปีว่า ระบบอุดมศึกษาไทยในปัจจุบันใช้เวลาเรียน 4 ปี ทั้งนี้ ช่วงที่เรียนชั้นปีที่ 1-2 มหาวิทยาลัยต่างๆ จะต้องจัดการศึกษาโดยเน้นพัฒนาความรู้ความสามารถของนักศึกษาเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน เช่น ความรู้และทักษะอาชีพในสาขาวิชาที่เรียน ทักษะภาษาอังกฤษและภาษาอาเซียน หลังจากนั้นเมื่อเรียนชั้นปีที่ 3 จะต้องสำรวจว่าถึงความต้องการของนักศึกษาแต่ละคนแต่ละสาขาภายในมหาวิทยาลัยว่า เมื่อเรียนจบแล้วต้องการจะไปประกอบอาชีพอะไรบ้าง
       
        เมื่อได้ข้อมูลข้างต้นแล้วทางมหาวิทยาลัยก็ประสานไปยังสถานประกอบการด้านต่างๆเพื่อหาข้อมูลว่าสถานประกอบการต้องการบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะอาชีพอย่างไรบ้างแล้วเติมเต็มความรู้ในการประกอบอาชีพดังกล่าวให้แก่นักศึกษาเมื่อเข้าสู่ชั้นปีที่ 4 เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถรอบด้านและสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ เพื่อที่เมื่อเรียนจบแล้ว จะสามารถทำงานได้ทันที สถานประกอบการไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกงานให้เพิ่มเติม
       
        "การแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาล ศธ.และสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ควรร่วมมือกับภาคธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆปรับแผนการผลิตบัณฑิตจากปัจจุบันสัดส่วนการผลิตบัณฑิตสายศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์อยู่ที่ 70% และสายวิทยาศาสตร์อยู่ที่ 30% เปลี่ยนเป็นผลิตบัณฑิตสายศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์ให้อยู่ที่สายละ 50% โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการวิจัยให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพและภาษาต่างประเทศและภาษาอาเซียนให้แก่บัณฑิตปริญญาตรีและแรงงานไทยในทุกสาขาด้วย" 
       
        ถึงตอนนี้ ไม่เพียงแต่มหาวิทยาลัยไทยที่จะต้องกลับมาตระหนักเพื่อทบทวนการทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตอย่างจริงจังมากกว่าจะไปมุ่งแสวงหากําไรอย่างเดียวเหมือนที่บางแห่งคิดผลิตหลักสูตร “เรียนง่ายจบเร็ว” ตัวผู้เรียนที่กำลังจะออกไปสู่โลกของการทำงานเองก็ต้องปรับตัวด้วยเหมือนกัน 
       
        ...เพราะถ้าคิดเพียงอยากได้ใบปริญญาแต่จบออกไปอย่างคนที่ไม่มี "ปัญญา" เตรียมสะกดคำว่า "ตกงาน" รอไว้ได้เลย
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live




#639083 อีกะล่อน.......!

โดย ปุถุชน on 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:57

ผู้หญิงคนนี้เดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น...

เหมือนใช้เงินของตนเองจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด...

ไม่มีสำนึก ความรับผิดชอบว่าต้องเข้าประชุมสภาเพื่อรับรู้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถาม...

 

ผู้หญิงคนนี้ชื่นชอบเมื่อมีคนสอพลอว่าแต่งกายสวยงาม shopping เก่งมากกว่าจะให้นักข่าวถามเรื่องเหตุการณ์ร้ายแรง ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต บาดเจ็บ พิการ บ้านพัง ร้านค้าพินาศในสามจังหวัดภาคใต้...

 

ถามถึงการนำเรื่องกม.ล้างความผิดของคนแดนไกลเข้าสภา....

หล่อนตอบว่าเป็นเรื่องสภานิติบัญญัติ ไม่เกี่ยวกับหล่อน ไม่เกี่ยวกับพรรคของหล่อน ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของหล่อน...ฯลฯ

 

ถามถึงโครงการจำนำข้าว ความเสียหายของโครงการ...

หล่อนโบ๊ยให้ไปถามรัฐมนตรีประจำสำนักนายกชื่อนามสกุลยาวกว่าคนไทยทั่วไป....

 

 

ถามเรื่องราวต่างๆที่วิญญูชนคิดว่าเป็ฯหน้าที่ของหล่อน....

หล่อนจะโบ๊ยไปถึงคนร่วมคณะรัฐมนตรีของหล่อน....

ไม่เคยบอกว่าเป็นเรื่องของหล่อน เป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบของหล่อน.....

 

 

สุจริตชน วิญญูชนได้ฟัง ได้รับรู้คำตอบของหล่อน....

นับหนึ่งถึงสิบ ก่อนจะอุทานว่า "อีกะล่อน".....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

แม้แต่"ปรองดอง" การออกกฏหมายล้างความผิดให้พี่ชายของหล่อน ซึ่งอยู่แดนไกล.....

ก็เป็น"ขี้ข้าคนแดนไกล" ไม่ใช่หน้าที่ของหล่อน.....!

 

 

 

ขออภัยสุจริตชน สาธุชนทั้งหลายที่ต้องอ่านกระทู้นี้ครับ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

 

 

 

 


 




#656286 ไอ้ขี้ข้าแม้วไปฮ่องกง บอกไม่เจอไอ้แม้วทั้งๆที่อยากเจอจนตัวสั่น

โดย Redbuffalo010 on 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:33

ไอ้ขี้ข้าแม้วเพิ่งกลับจากฮ่องกงหลังจากไปสองวัน อ้างไปเที่ยวและไม่ได้พบแม้วทั้งๆที่อยากพบใจจะขาด 

 

ปลายปีก่อนก็ทีนึงแล้ว ไอ้ขี้ข้าบอกว่าไม่ได้บินไปพบแม้วที่ฮ่องกง แค่ไปเที่ยวกับครอบครัว แม่มโกหกไม่เนียน มีรูปหลุดออกมาว่าไอ้ขี้ข้าไปเมากับไอ้แม้ว สุดท้ายข่าวก็เงียบไป

 

ภาระกิจหน้าที่ของมัน มันเคยมีความรับผิดชอบมั้ย ไอ้ขี้ข้าเก่งแต่ปาก เอะอะก็อ้างว่าเคยเป็นตำรวจกองปราบฯ แต่โทษทีมีแต่ตาขาว ไม่มีตาดำ มีกระปู๋เท่านั้น ที่บอกว่ามันเป็นตัวผู้ ไอ้ขี้ข้าแม้วเลยไม่กล้าลงใต้ 

 

ปฏิวัติ รสช ไอ้ขี้ข้าแม้ว ยังจำวันที่วิ่งหางจุกตูดหนีตายออกจากเมืองไทยได้หรือเปล่า 

ไอ้ขี้ข้าแม้วยังบอกอีกว่า "ผมจะไม่ยุ่งการเมืองอีกแล้ว" เห็นสีหน้าไอ้ขี้ข้าตอนนั้น ยางตายมันออก ราชสีห์กลายเป็นหมาขี้เรื้อนดีๆนี่เอง :lol:  :lol:  :lol:

 

 




#581039 ดาวเรือง ดาวรวย นะจ๊ะ....ลัทธิกาละมังบิน เพี๊ยน เว่อร์ ของธัมมเทวี !!...

โดย wewe on 27 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:03

555555 ภาพจากเพื่อนเฟซบุ๊ค 

 

1359249990-5554551020-o.jpg




#550296 นักข่าวเกาหลีเรียกชื่อ ในหลวง ว่า

โดย son on 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 23:57

เสรีไทย....ไม่มีเหลิมไทย...ก็ตั้งที่นี่แหละ...

มอดอยากย้าย...ไปไหน....ก็ย้าย...............

 

http://www.pantip.co.../A13107456.html

 

A13107456-0.png

 

A13107456-47.jpg

 

A13107456-43.jpg

 




#550474 แฉความลับ สัมปทานน้ำมันไทย โดย “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี”

โดย wat on 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 09:45

IMG_16362-620x465.jpg

 

“วันนี้ราคาพลังงานขึ้น เราควรจะดีใจเพราะเรามีพลังงานเยอะ แต่เรากลับไม่เคยรวยขึ้นเลย คำว่าโชติช่วงชัชวาลนี่ขอทวงหน่อยเถอะ มันอยู่ไหน หรือมันจะโชติช่วงแค่คนในกระทรวง หรือโชติช่วงแค่บริษัทพลังงาน”

 

ด้วยเหตุที่เคยทำหน้าที่วางท่อน้ำมันในอ่าวไทยเมื่อครั้งเรียนจบใหม่ๆ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการกองทุนให้กับสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง ทำให้ “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยอมเปิดหน้าชนอย่างเต็มตัวกับระบบการให้สัมปทานปิโตรเลียมในเมืองไทย ด้วยเพราะเขา “กังขา” ในเรื่องของ “ตัวเลข” ทั้ง “ตัวเลข”ที่เป็น “รายได้” ของรัฐจากการให้สัมปทาน ซึ่งมีความแตกต่างจาก “ตัวเลข” ที่ไหลเข้ากระเป๋าบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ และ “ตัวเลข” ราคาน้ำมันและก๊าซในประเทศที่มีจำนวนสูง ในขณะที่ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตปิโตรเลียมติดอันดับโลก

 

สำนักข่าวไทยพับลิก้า ได้พูดคุยกับ “มล.กรกสิวัฒน์” ในห้องประชุมคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน ในคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มีเขาเป็นเลขานุการ ในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง...

 

ไทยพับลิก้า : ที่เคยบอกว่า ใต้พื้นพิภพของแผ่นดินไทยมีพลังงานจำนวนมาก มีหลักฐานอะไรบ้าง

 

ต้องบอกว่ามีหรือไม่มีเราก็ไม่ควรพูดเอง เราควรจะเอาข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ผมถามว่าเราเชื่อโอเปก (The Organization of the Petroleum Exporting Countries: OPEC) ได้ไหม อย่างโอเปกทำรายงานออกมาทุกปี ที่เรียกว่า Annual Statistical Bulletin 2010/2011 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ปริมาณของก๊าซธรรมชาติเราชนะประเทศที่เป็นสมาชิกของโอเปก ไปทั้งหมด 8 ประเทศ นี่คือกำลังการผลิตต่อวัน เขาเขียนไว้เลยว่าเราผลิตได้สูงกว่าอิรัก คูเวต ลิเบีย เวเนซุเอลา แองโกลา มันก็ชัดว่าเรามีเยอะ

 

ไทยพับลิก้า : ที่บอกว่าผลิตได้จำนวนมาก มาจากการนำเข้าน้ำมันดิบด้วยหรือไม่

 

ไม่ใช่ แต่เป็นที่ผลิตจากประเทศไทยล้วนๆ จากหลุมในประเทศไทย โอเปกเขาจะไม่พูดเรื่องนำเข้าส่งออก แต่จะพูดแค่ว่าประเทศไหนผลิตได้เยอะได้น้อย หน่วยงานที่สองที่ผมเอามายันคือหน่วยงานที่เรียกว่า Energy Information Administration หรือ EIA ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านพลังงานที่อยู่ใต้รัฐบาลสหรัฐ เป็นหน่วยงานหลวงนะ เขามาสำรวจข้อมูลพลังงานของทั่วโลก และสหรัฐเขาให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานมาก ดังนั้น เขาต้องรู้ว่าในโลกมีพลังงานอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งมีการจัดอันดับเช่นกัน และเราอยู่ในอันดับที่ 24 ของ 200 กว่าประเทศ เราผลิตน้ำมันดิบ จริงๆ ใช้คำว่าน้ำมันดิบมันไม่ตรง เพราะสิ่งที่กลั่นเป็นน้ำมันได้ไม่ใช่แค่น้ำมันดิบเท่านั้น แต่จะมีสิ่งที่เรียกว่า “ก๊าซโซลีนธรรมชาติ” หรือ “คอนเดนเซท” อีก ซึ่งอันนั้นคือหัวกะทิ เป็นของแพงและเขาไม่อยากให้เรารู้ เพราะเขาใช้ผลประโยชน์กันอยู่ ได้ผลประโยชน์กันอยู่ ตรงนี้อีไอเอของสหรัฐจัดเราอยู่อันดับที่ 33 ของโลก ตรงนี้ถามว่าผมเอาแค่สองแหล่ง ผมไม่ได้เคยบอกเลยนะว่าให้เชื่อผม ผมเอาข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้มาวาง ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงานไม่เถียงแล้วว่ามันไม่จริง แต่คำตอบคือใช้ไม่พอ เมื่อเรามีทรัพยากรแบบนี้ สิ่งที่จะเสนอให้ประชาชนต้อง "ตระหนัก” ก็คือว่า แล้วเราได้ส่วนแบ่งที่เป็นธรรมไหมจากทรัพยากรเรา ก็ต้องบอกว่าประเทศอื่นที่อันดับ 30-40 กว่า เขาได้ส่วนแบ่ง 100 บาท เขาเอามา 80 หรือ 90 แต่ประเทศเราบอกไม่เอา ขุดเจาะยาก เอามา 30 พอ คำว่า “ขุดเจาะยาก” กระทรวงพลังงานเคยแสดงอะไรให้ดูบ้างครับเวลาเขาอ้าง ไม่เคยเลย

 

ไทยพับลิก้า : กระทรวงพลังงานมักจะบอกว่า แหล่งปิโตรเลียมของไทยเป็นแหล่งขนาดเล็ก

 

คือ…อย่างนี้ครับ สิ่งที่เขาพูดเขาเคยให้หลักฐานอะไรดูบ้างล่ะ ผมให้หลักฐานทุกอย่างนะ แต่ว่าเวลากระทรวงที่เป็นหน่วยงานของรัฐ กินเงินภาษีประชาชน พูดทุกอย่างให้เชื่อฉัน แต่ไม่มีข้อมูลให้ดูเลย ถามว่าใครจริงใจ ผมว่าท่านพยายามจริงใจ แต่ข้อมูลอยู่ไหนละ ข้อมูลที่พบผมเชื่อถือได้ว่ามันเล็กจริง มันยากจริง ประเทศนี้ดูว่าใต้ดินมีเยอะหรือน้อยไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศจำนวนน้อยมากในไม่กี่ประเทศในโลกที่ให้สัมปทานโดยที่ตัวเองไม่เคยสำรวจเลยว่าเรามีหรือเปล่า ดังนั้น คำพูดที่กระทรวงพลังงานบอกว่ามีน้อย กระทรวงพลังงานไม่เคยมีข้อมูล อย่างกัมพูชา ก่อนให้สัมปทานปิโตรเลียมเขาจ้างที่ปรึกษา 2 รายไปสำรวจ แล้วเอาค่ากลางของ 2 บริษัท บอกว่าหลุมนี้มีเท่านี้ ทีนี้ก็เรียกมาทำสัมปทาน เขาก็เรียกได้เยอะ 70-80 เปอร์เซ็นต์ เชื่อไหมครับ ประเทศไทยไม่เคยทำ แล้วประเทศไทยมาบอกว่าหลุมเล็กไม่มี กระทรวงพลังงานเคยทำหรือครับ เคยไปสำรวจด้วยหรือ เราเคยถามเขาไป 2 ครั้งว่าเคยสำรวจไหม บอกว่าไม่เคย สุดท้ายจบว่าไม่มีงบประมาณ แต่คุณมาพูดปาวๆ ว่าเราหลุมเล็ก พูดได้อย่างไรครับ และต้องถามไปด้วยว่าเบื้องหลังที่มาพูดกันอย่างนี้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานบ้าง ที่สำคัญที่สุด บอกไม่คุ้มในเชิงพาณิชย์ เคยแสดงหลักฐานไหมครับ ผมมีหลักฐานว่าบริษัทที่มารับสัมปทานน้ำมันในประเทศไทยส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ลอนดอนกับนิวยอร์ก พอเปิดงบ เปิดรายงานผู้ถือหุ้น จะตกเก้าอี้ เพราะกำไรกันมหาศาล มันชัดเจนมากกว่ารายงานบางเล่มของบริษัทระดับโลก ทั้งหน้าปกและรูปมีแต่ประเทศไทยเพราะมันคือคีย์ไฮไลต์ของเขา ผมว่ามันไม่ถูกนะ เราเกิดบนแผ่นดินไทย เราควรจะทดแทนแผ่นดินไทย เห็นคนไทยเป็นพี่เป็นน้อง ทุกวันนี้ข่าวของ Upstream ซึ่งจะเป็นเรื่องของน้ำมันและแก๊ส เข้าไปดูข่าวที่เกี่ยวกับบริษัท Coastal Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่อังกฤษ ก็ต้องบอกว่าบริษัทนี้จะมีข่าวแต่เรื่องดีๆ ของพลังงานในประเทศไทย เช่น เจออีกแล้ว ไหลมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ มีแต่ข่าวแบบนี้ ไม่เห็นได้ยินข่าวแบบที่กระทรวงพลังงานบอกว่ากระเปาะเล็ก

 

ไทยพับลิก้า : เพื่อปั่นหุ้น?

 

ไม่ได้ ติดคุกสิครับ ต้องเข้าใจ ตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์กกับลอนดอนเขาเคร่งครัดการให้ข่าวมากนะกับ ให้ข่าวเท็จไม่ได้ ให้ข่าวเกินความจริงไม่ได้ ไปค้นว่ามีข่าวแบบนี้จริงไหม รู้ไหมผมเอาข่าวนี้ขึ้นมาในการพิจารณาของ กมธ. ตัวแทนกระทรวงพลังงานบอกบริษัทนี้โชคดี อ๋อ แล้วที่เหลือนี่เหลือโชคร้ายกันหมดหรือ อยากดูบริษัทอื่นอีกไหม เดี๋ยวจะให้ดู ที่ร้ายไปกว่านั้น เราทราบกันดีว่าชอบพูดว่าพลังงานจะหมดแล้ว แต่ต้องทราบกันด้วยนะว่า หลุมที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ขุดมาจะเกือบ 100 ปีแล้ว และมันยังไม่หมดเลย ต่อมาที่ลานกระบือ กรรมการผู้จัดการของ ปตท.สผ. บอกเข้าไปขุดวันแรกนี่ได้ 1 หมื่นบาร์เรลต่อวัน วันนี้ขุดได้ 3 หมื่นกว่าบาร์เรลต่อวัน คือบอกว่าตอนนั้นเชื่อว่าจะหมด แต่ในที่สุดเราพบมากขึ้น แสดงว่าที่จริงแล้วตามที่คิดว่าจะหมดหรือไม่หมด หนึ่ง ขึ้นอยู่กับพื้นที่สัมปทานที่คุณเปิด มันยังมีพื้นที่ใหม่ที่คุณยังไม่ได้อีกนะ สอง ความลึกที่คุณเจาะ คุณขุดไป 1 กิโล ตรงนี้หมดแล้ว แต่เจาะไปอีก 2 กิโล คุณอาจจะเจออีก ฉะนั้น เวลาที่เขาบอกว่าหมดคือหมดเท่าที่ตรงนี้ แต่ถ้าเจาะไปอีกก็เจอ และสาม เทคโนโลยีที่ใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ ราคาถูก คุ้มทุนเลย เช่น เมื่อก่อนเจาะตรงๆ แต่เดี๋ยวนี้เจาะเอียงไปได้ ทำไมไม่พูดเรื่องนี้ ผมพูดเรื่องนี้ใน กมธ. ก็ดิสเครดิตผมในที่ประชุม ผมเลยบอกว่าไม่ทราบหรือครับว่าผมเคยเป็นคนวางท่อน้ำมันมาก่อน ถ้าคนไทยตื่นรู้เมื่อไหร่ ผมว่ากระทรวงท่านแย่เลยนะ วันนี้ท่านจะให้ข้อมูลแบบนี้ไม่ได้นะ คือเราเป็นข้าราชการมีตำแหน่งสูง ใส่สายสะพาย มีอะไรทุกอย่าง เราจะทำแบบนี้กับประชาชนไม่ได้ แล้วทรัพย์นี้เป็นทรัพย์ของประชาชน ท่านทำแบบนี้กับประชาชนไม่ได้ นี่เหมือนกับเรื่องมรดก ที่ผู้จัดการมรดกไม่ให้เรารู้ แต่วันนี้เรารู้แล้วท่านยังไม่เปลี่ยนอีกหรือ คือวันนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าของแผ่นดินมากนะ ถ้าประเทศเรามีแต่ทรายไม่มีต้นไม้สักต้น ผมเชื่อว่าทรัพยากรปิโตรเลียมจะถูกบริการจัดการได้ดีกว่านี้ เพราะเป็นทรัพยากรเดียวที่เรามี แต่พอดีวันนี้เราอยู่ดีกินดี ให้คนมาจัดการเขาก็อยากจัดการแบบที่เขาอยากจะจัดการ

 

ไทยพับลิก้า : ตอนนี้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของไทยเหลืออยู่ที่ไหนบ้าง

 

ผมว่ามันทั้งประเทศเลยนะ (หัวเราะ) ที่เป็นแหล่งใหญ่ บนบกที่มันใหญ่มากๆ ก็คือแหล่งสิริกิติ์ ครอบคุลม 4 จังหวัด นครสวรรค์ พิษณุโลก กำแพงเพชร สุโขทัย ต้องบอกว่ามันใหญ่มาก ที่จังหวัดเหล่านี้มีหลุมผลิตน้ำมันทั้งหมด 300 กว่าหลุม ต้นทุนก๊าซแอลพีจี ผมได้ไปดูมาต้นทุน 1 บาทกว่า แต่อยากจะขึ้นราคาให้คนไทยใช้ราคาแอลพีจีตลาดโลก ค่าภาคหลวงคือ 10 เปอร์เซ็นต์ของบาทกว่า คุณได้ 10 กว่าสตางค์ แต่คุณไปขายคนไทยในราคาตลาดโลกคือ 30 บาท ถามว่าใจคุณทำด้วยอะไร

 

ไทยพับลิก้า : กระทรวงพลังงานบอกว่าอยากให้คนไทยประหยัดพลังงาน

 

เรื่องประหยัดพลังงานผมเห็นด้วย เพราะเราใช้พลังงานเปลืองก็ทำให้ผู้ค้าพลังงานรวย แต่ประเด็นที่ผมกำลังจะพูดก็คือว่า ขายแพงก็ได้ แต่เงินต้องเข้าหลวงนะครับ ต้นทุนบาทกว่านี่คุณบวกกำไรไปแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะขายเราในราคาตลาดโลก 30 บาท เงิน 29 บาท ก็ต้องเข้าประเทศนะครับ ไม่ใช่เข้าบริษัทพลังงานแล้วบอกว่าเพื่อการประหยัดพลังงาน มันเป็นเรื่องตลกนะ วันนี้ราคาพลังงานขึ้นเราควรจะดีใจเพราะเรามีพลังงานเยอะ แต่เรากลับไม่ได้เคยรวยขึ้นเลย คำว่าโชติช่วงชัชวาลนี่ขอทวงหน่อยเถอะ มันอยู่ไหน หรือมันจะโชติช่วงแค่คนในกระทรวง หรือโชติช่วงแค่บริษัทพลังงาน อย่าลืมว่าสัมปทานที่เราให้นี่เป็นสัมปทานที่ถูกที่สุดในอาเซียน ขุดที่ไหนไม่ถูกเท่านี้อีกแล้ว คือเอาผลประโยชน์น้อยที่สุดในอาเซียน บูรไนขุดน้อยกว่าเรา 3 เท่า นะครับ ทั้งน้ำมันและแก๊ส อันดับโลกห่างจากเราเยอะ แต่เขาได้ผลประโยชน์เยอะกว่าเรามาก จะบอกว่าประเทศไทยกระทรวงรู้น้อยหรือเปล่า ผมไม่ทราบ เพราะอะไรครับ มีทุจริตหรือเปล่า ให้ตั้งข้อสังเกตนะ สิ่งที่น่าตกใจก็คือว่า กระทรวงพลังงานชอบพูดว่าต้นทุนในการขุดเจาะมันสูง เราต้องเห็นใจผู้ขุดเจาะ แต่ไปดูงบสิครับ เขากำไรแสนกว่าล้าน และเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 30 เปอร์เซ็นต์ ผมว่ากระทรวงมีปัญหาแล้วนะ เราเคยพูดเรื่องบริษัทของเพิร์ลออย เอนเนอร์จี้ กระทรวงพลังงานรู้จักดี สนิทกัน แต่พอผมพูดเรื่องนี้ปุ๊บ ข้อมูลในเว็บไซต์หายเลย แต่ก่อนนี้เขาจะพูดเลยว่าในเมืองไทยเจ๋งมาก แต่ตอนนั้นหน้าของเมืองไทยไม่มีแล้ว ถามว่าถ้ามันเป็นเรื่องที่ดีทำไมต้องปกปิดละ บางบริษัทลงไว้ให้ผู้ถือหุ้นรู้ว่าต้นทุนการขุดเจาะในเมืองไทยต่ำที่สุดในโลก โดยมีต้นทุนน้ำมันลิตรละบาท 1.60 บาท เช่น ที่อเมริกา 15 เหรียญ ยุโรป 17 เหรียญ แอฟริกา 12 เหรียญ ไทย 8 เหรียญต่อบาร์เรล เห็นข้อมูลอย่างนี้กระทรวงพลังงานยังบอกว่าข้อมูลผิดเลย ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์ก ไม่ว่าข้อมูลจะมาทั้งจากผู้ขุดเจาะ ตลาดหลักทรัพย์ กระทรวงพลังงานบอกผิดหมด แล้วที่ถูกว่าอย่างไร ท่านไม่เห็นแสดงตัวเลขให้ผม

 

untitled.png

 

ทั้งนี้ กราฟที่แสดงข้างต้น เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของกระทรวงพลังงานที่รายงานเรื่อง “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายได้ที่ประเทศได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียม”

จากกราฟข้างต้น ส่วน “สีชมพู” คือการนำเข้าน้ำมัน ส่วน “สีฟ้า” คือเรามีเอง แต่ข้อมูลเป็น “เท็จ” ทั้งสองอัน ผมไม่อยากใช้คำว่า “เท็จ” แต่ที่แสดงว่าเรามีเอง 1.5 แสนบาร์เรล จริงๆ มีเกือบ 3 แสนบาร์เรล เขาเอาคอนเดนเซทกับก๊าซโซลีนธรรมชาติออกไป อย่าลืมว่า 2 สิ่งนี้คือหัวกะทิน้ำมันดิบ เพราะคอนเดนเซทมันแยกตัวเองอยู่แล้ว ตอนอยู่ใต้ดินลึก 2 กิโลเมตร ความร้อนเป็น 100 องศา มันเป็นไอ เป็นก๊าซตอนอยู่ใต้ดิน แต่พอมันขึ้นมาเจออุณหภูมิปกติที่ 30 กว่าองศา มันกลั่นตัวกลายเป็นของเหลว คุณสมบัติใกล้เคียงเบนซิน ตัวมันถ้าเอามากลั่นจะได้ก๊าซหุงต้มเยอะ เบนซินเยอะ และได้ดีเซลบางส่วน ดังนั้น สิ่งที่กลั่นเป็นน้ำมันได้มันไม่ใช่แค่นี้ไง เห็นไหมครับว่าเขากำลังเล่นกับความไม่รู้ของคนไทย ชัดเจนไหม

 

ส่วนในปี 2555 ที่แสดงจำนวนการนำเข้าน้ำมันดิบ 8 แสนบาร์เรลนั้น (แท่งกราฟสีชมพูริมขวาสุด) ในจำนวนนี้มี 2.3 แสนบาร์เรลเป็นการนำเข้าเพื่อการส่งออก ถามว่ากระทรวงนำมารวมในกราฟนี้ทำไม ตัวเลขนี้ไม่ใช่คนไทยใช้ทั้งหมด 8 แสนบาร์เรลนะ เพราะตัวนี้คุณนำเข้าเพื่อการส่งออก ก็คือนำเข้ามากลั่นให้ฝรั่งใช้แล้วคุณบอกคนไทยใช้เปลือง ทีนี้ ใน 8 แสนบาร์เรล คนไทยใช้ประมาณ 6 แสนบาร์เรล ไม่เกินนี้ แต่เรามีเองที่ผลิตได้ 3 แสนบาร์เรล จริงๆ แล้วเรานำเข้าแค่ 3 แสนบาร์เรล ที่ให้คนไทยใช้ “เห็นความผิดปกติหรือยัง” นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นคอนเดนเซทอีก 1 แสน ที่มีการนำเข้าเพื่อไปทำปิโตรเคมีซึ่งไม่ใช่เรื่องของเรา แต่กระทรวงพลังงานก็นับตรงนี้เป็นของเราอีก

 

ดังนั้น นำเข้าเกินมา 5 แสนบาร์เรล แล้วก็โทษคนไทย ถามว่าอย่างนี้คือข้อมูลเท็จใช่ไหม ไม่เท็จ แต่มันจริงครึ่งเดียว ถามว่าข้อมูลถูกไหม ถูกแต่ผิด เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ปตท. เอาไปใช้เอง นำเข้าเพื่อการส่งออก เอาไปให้ลูกใช้ก็มารวมว่าเป็นความต้องการของประชาชน แล้วบอกว่าประชาชนใช้เปลือง ประชาชนก็เป็นแพะไป

 

ไทยพับลิก้า : ที่มีปัญหาจริงๆ คือ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม

 

ปัจจุบันประเทศไทยได้ผลประโยชน์จากส่วนแบ่งสัมปทานปิโตรเลียมต่ำที่สุดในอาเซียน แต่การที่ผลิตพลังงานไม่ได้ต่ำที่สุดในอาเซียน เราผลิตพลังงานได้มากกว่าบูรไน 3 เท่า เราผลิตพลังงานได้มากกว่าเขมร มากกว่าพม่า แต่เราได้ผลประโยชน์ต่ำกว่าทุกประเทศ แปลว่าอะไรครับ กฎหมายปิโตรเลียมเราใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2514 วันนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ 3.56 เหรียญต่อบาร์เรล วันนี้ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ท่านก็ไม่แก้กฎหมายนะครับ ท่านก็ยังยืนว่ากฎหมายที่ออกตอนที่น้ำมัน 3 เหรียญต่อบาร์เรล ใช้ได้จนน้ำมันเป็นร้อยเหรียญแล้ว ต้องบอกว่าสิ่งเหล่านี้ประเทศอื่นเขาเห็นว่า เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงจากเพียงไม่กี่เหรียญต่อบาร์เรลเป็นร้อยเหรียญ บริษัทพลังงานก็จะกำไรเยอะมาก ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของของทรัพยากร เราก็ต้องได้ส่วนแบ่งที่มากขึ้น เขาทำกันแบบนี้ทั้งนั้น ประเทศเราไม่เคยคิดที่จะแก้ไขกฎหมายตัวนี้เลยตั้งแต่ 2514 นาน 40 กว่าปีแล้ว น้ำมันอยู่ 3 เหรียญต่อบาร์เรลจนไป 100 เหรียญ ก็ไม่แก้กฎหมาย แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2532 ตอนนั้นแก้แล้วด้วยเหตุผลที่ว่าท้าย พ.ร.บ. เขียนว่า เนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำจึงต้องลดค่าภาคหลวงลง คือเวลาน้ำมันลงท่านรีบแก้กฎหมาย แต่น้ำมันราคาขึ้นท่านไม่แก้เลย ตอนนั้นเราได้แค่ภาคหลวงอยู่ 12.5 ของใหม่ได้ 5-15 เปอร์เซ็นต์ เป็นขั้นบันได ดังนั้น น้ำมันที่มีประมาณ 50 ล้านลิตรต่อปี หลุมน้ำมันแบบนั้น เดิมจาก 12.5 วันนี้แค่จาก 5 เท่านั้น นี่คือแย่ลง ผมสังเกตว่าเวลานั้นราคาลงท่านก็ขยันแก้ไขกฎหมาย วันนี้น้ำมันขึ้นเป็น 100 เหรียญแล้ว ถามใน กมธ. 3-4 ครั้ง ก็ยืนยันว่าไม่แก้ อ้างว่าต้นทุนสูง ผมอยากจะถามกลับไปว่า วันที่น้ำมัน 20 เหรียญต่อบาร์เรล 5 หรือ 3 เหรียญต่อบาร์เรล อะไรก็ตาม ต้นทุนมันก็อย่างนี้ไม่ใช่หรือครับ ตอนที่น้ำมันราคาเท่านั้นบริษัทก็มีกำไรแล้ว พอน้ำมันเป็นร้อยเหรียญท่านก็ไม่แก้กฎหมาย ยิ่งแพงขึ้นเขาก็มีกำลังเพิ่มมากขึ้น คำว่าต้นทุนสูงมันไม่ใช่ต้นทุนเพิ่งสูง ที่บอกว่าประเทศไทยขุดเจาะยากก็ขุดเจาะยากมานานแล้ว วันนี้น้ำมันขึ้นมาจากปี 47 จำนวน 400 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการขยับเขยื้อนการแก้ไขกฎหมายใดๆ เลย ทั้งที่กฎหมายปิโตรเลียมเก่ามากถึง 20-30 ปี กฎหมายอื่นแก้ได้ รัฐธรรมนูญแก้ได้ แต่กฎหมายปิโตรเลียมแก้ไม่ได้ น้ำมันเบนซิน 95 ราคา 100 บาท 30 กว่าบาทเป็นมูลค่าน้ำมันดิบ 40 กว่าบาทไปบริษัทผู้ค้าน้ำมัน และ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ก็เป็นภาษี ไม่มีบริษัทผู้ค้าน้ำมันที่ไหนในโลกทำได้แบบนี้นอกจากบริษัทน้ำมันประเทศไทย

 

ไทยพับลิก้า : นอกจากแหล่งสิริกิติ์แล้วมีบ่ออะไรที่ใหญ่ๆ อีกบ้าง

 

เพชรบูรณ์ใหญ่มากเลยครับ แต่คนเพชรบูรณ์ไม่รู้เรื่องเลย เพชรบูรณ์ผู้ขุดเจาะได้รายงานต่อผู้ถือหุ้นว่ามีน้ำมันอยู่ใต้ดิน115 ล้านบาร์เรล มีมูลค่ากว่า 3.6 แสนกว่าล้านบาท นี่คือจังหวัดเดียวนะ ถามว่ากระทรวงพลังงานเคยบอกเราไหม ผมต้องไปเอารายงานของผู้ถือหุ้น ที่ จ.สงขลา ขุดขึ้นมา ปีละ 25,000 ล้านบาททุกปี คนสงขลาไม่รู้เรื่อง นี่ยังขุดไม่หมดพื้นที่นะครับ ยังมีอีกเยอะ แต่วันนี้ขุดอยู่ปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท คนสงขลาก็ไม่รู้เรื่อง ถ้าขุดอีก 20 ปี จะเป็นเงินเท่าไหร่ มหาศาล คนสงขลาไม่รู้เรื่อง คนหาดใหญ่ไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลย

 

ไทยพับลิก้า : อดีต รมว.พลังงานคนหนึ่งบอกว่า ความหวังหนึ่งเดียวของพลังงานไทยคือบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

 

คือ พื้นที่ทับซ้อนนี่มันเป็นพื้นที่ของไทยตามกฎหมายทะเล เพราะตรงนั้นมีเกาะกูด พื้นที่ทับซ้อนตรงนั้นได้มาจากการแลกดินแดนฝั่งซ้าย แม่น้ำโขงที่มีเสียมเรียบ มีนครวัด รัชกาลที่ 5 ยอมแลกและเอาจันทบุรีกับตราดมา แต่ที่ตราดมีเกาะกูดอยู่เกาะหนึ่ง เกาะกูดต้องมี 12 ไมล์ทะเล แล้วถ้ารัฐบาลนั่นไปยอมเกี้ยเซียะแล้วบอกว่าร่วมกันนะ รัฐบาลนั้นยกดินแดนให้เขาแล้ว บางคนก็ยังไปเถียงอีกว่าทะเลไม่ใช่ดินแดน ทะเลคืออาณาเขต ถูกไหม ผลประโยชน์ทางทะเลต้องเป็นของเรา รัชการที่ 5 ยอมเสียน้ำตาแลกมา เอาทะเลผืนใหญ่มา คุณก็ไปยอมยกให้เขา

 

ไทยพับลิก้า : มีความพยายามในการสื่อว่ากัมพูชาไม่มีโรงแยกก๊าซ ประชากรน้อยกว่าไทย เราจะรับประโยชน์มากกว่า

 

แม้เราได้ใช้เราก็ต้องจ่ายราคาตลาดโลก ไม่เห็นต้องขุดตรงนี้เลย ไปเอาที่อื่นก็ได้ ผลประโยชน์ก็ไม่เคยเข้าหลวง จะทำทำไมครับ วันนี้สัมปทานน้ำมันดิบเลิกให้หมด วันนี้คุณเติมน้ำมันราคานำเข้าจากสิงคโปร์ คุณจะขุดน้ำมันทำไม วันนี้ขุดบางกระบือลงมาบางจากเป็นราคาสิงคโปร์แล้ว แล้วจะขุดกันทำไม ก็นำเข้าไปเลย เพราะใช้ราคาสิงคโปร์แต่มากลั่นที่นี่ แล้วมลภาวะล่ะ พื้นที่ทับซ้อนคุณไม่ต้องขุดหรอก เพราะคนไทยจะไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เราใช้ราคาแพงอยู่แล้ว เก็บไว้ให้ลูกหลานในวันหน้าคิด จะตกลงผลประโยชน์ได้เมื่อไหร่ ราคาได้เมื่อไหร่ ให้ทำวันนี้ “คิดไม่ได้ ไม่ต้องทำ”

 

http://thaipublica.o...ew-kornkasiwat/




#452647 อดีต ผบตร.ท่านนี้เลวกว่าที่คิดเยอะ!!!

โดย juemmy on 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 22:09





Posted Image



Posted Image

จากเพจของSiriwanna Jill



ร้อนๆจ้าาา แฉ วีรบุรุษนาแก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เด็กในคาถาทักษิณ ที่ส่งลงสมัคร ผู้ว่า กทม.คุณสมบัติตามสเปค ที่วางไว้ ห้าว และ*** (ม) ส่งลง 2 คนเพื่อความชัวร์ และหวังตัดคะแนน ปชป. หลังจากทำสำเร็จ ส่ง ชูวิทย์ ลงสนามใหญ่

เสรีพิศุทธ์ ชื่อเดิม แค่ เสรี แต่มาเพิ่ม นัยว่าเอาเคล็ด หลังเพื่อน พล.ต.มนูญเปลี่ยนชื่อเป็น “มนูญกฤต” พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส เปลี่ยนเป็น ชื่อ –สกุลเป็น “เสรีพิศุทธ์ เตมี

ยาเวส”... ดังที่เห็น

ถ้าย้อนไปเมื่อประมาณ 10 -15 ปีก่อน ใครต่อใครจะเชื่อกันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะต้องไปถึงดวงดาว ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ..การที่รัฐบาลทักษิณให้บทบาท ให้ความสำคัญ แก่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ทำให้ “วีรบุรุษนาแก” ผู้นี้มีความโดดเด่นขึ้นมา อีกครั้ง และหากมองความจริง หลังพล.ต.อ.โกวิทเกษียณ ปี 2550 ก็เหลือเพียงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์เท่านั้นที่อาวุโสสูงสุด...

มาดูกันดีกว่า ว่าจะ "พิศุทธ์ " สมชื่อไหม เรื่องนี้คนที่ ให้คำตอบดีที่สุดคือ เสธ แดง ลูกน้องชายใจดำ ??

เรื่องแรก ที่มาของฉายา "วีรบุรุษ นาแก" และ" เหรียญรามา " รับประกันความ ฮา เลย เสธ.แดงเล่าว่า ปี 2519 เสรี บรรจุสารวัตรนาแก เดินทางไปประชุม ที่นครพนม ตำรวจกำลังล้อมจับโจร ในธนาคาร แกจอดรถเข้าไปเสือก อยู่นอกพื้นที่ไปยิงทางช่องแอร์ ในธนาคารโจรไม่มีปืน สักกระบอก ผกค.ห่าอะไร มาถอนเงินอยู่ในธนาคาร ทำเรื่องขอเหรียญรามาฯเอาเรื่องอื่นบ้าๆบอๆผสมไปด้วย นายอำเภอสุนทร จาตุชัย กอ.รมน.ระดับอำเภอ เซ็นออกไป เมื่อหน้าด้านทำผ่าน กอ.รมน.จังหวัด กองทัพผ่าน กอ.รมน.ที่สวนรื่นฯก็เสนอให้ พันโท ณรงเดชทหารเสือราชินี เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 8 รุ่นเดียวกัน ช่วยดันเรื่องจึงได้ ต่อมาผู้ว่าจังหวัดนครพนม นายพิศาล มูลศาสตร์สาคร ทำโล่ให้ว่าเป็นตำรวจดีเด่นมอบเป็นทางการ บางคนตั้งชื่อให้
เป็นวีระบุรุษนาแกจึงเพลินสำคัญตัวผิดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เรื่องที่สอง เสรีทำไร่จิตรี อยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ เป็นพันไร่ โกงมาจากชานนท์พี่ชายแท้ๆ คนละแม่ ถมหินถึง 3,000 เที่ยวลงแม่น้ำแควน้อย หินและดิน เอามาจากถ่ำวัดจันทร์เดย์ (ภาษากระเหรี่ยง) และเนินเขาหลังร้านข้าวแกงร้อยหม้อ ไร่อยู่ก่อนถึงทาง แยกข้ามสะพานเข้าอำเถอทองผาภูมิ ซ้ายมือ ถมรุกล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อย ถือเป็นที่สาธารณะ อยู่ในความ
ดูแลของ กรม.เจ้าท่า

เรื่องที่สาม เปิดบ่อนลอยฟ้า อยู่คอนโดปิ่นเกล้าชั้น 8 ตั้งอยู่ในซอยข้างโรงพยาบาลเจ้าพระยาก่อนถึงสายใต้ มีประตูเหล็กสร้างปิดระหว่างตึก ก่อนเข้าคอนโด เหมือนกำแพงเมืองจีน ประตูเหล็กต้องใช้ปืนใหญ่ รถถังยิงประตูจึงเข้าได้ จ่ามนัสอดีตลูกน้องเก่า อยู่กองปราบคุมบ่อน มีรองผู้การวิทยา
ตำแหน่งปกติ รองผู้การนนท์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ของจเรตำรวจเก็บส่วยส่ง

เรื่องที่สี่ ทำธุรกิจกลางคืน ร่วมกับไอ้เทวาและเทวัญ สองพี่น้อง ทำร้านบาหลีอยู่ซอย 8 ร้านทาสีเหลือง ตรงข้าม ป.กุ้งเผารัชดา มีรูป เสรีติดอยู่ในห้องอาหาร เปิดเกินเวลาถึงตี 5 เด็กอายุ 14-15 เข้าได้ และพี่น้องที่มีหุ้นกับเสรี คู่นี้ยังทำร้านด้านซ์ฟีเวอร์ ในซอยเดียวกันติดเทคฮอลี่วูด และยังทำร้านคาเฟ่ มีนักร้องมีอีตัวชื่อ แฮปปีอาว์ อีก 3 สาขา ทำธุระกิจค้ากาม แบบชู
วิทย์ เมื่อมีนักร้องเด็กมีเสิรฟ ก็ต้องมีอีตัว เสรีไม่ต่างอะไรชูวิทย์

เรื่องที่ห้า.... เสรีพยายามบีบคนเล่นไพ่ที่ถูกจับ 33 คน หลังจากศาลปรับคนละ 500 ก็ควรจบ พยายามข่มขู่ให้ 33 คนปรักปรำ ปอ ประตูน้ำ เพื่อจะฟาดด้วย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 อั้งยี่ซ่องโจร ปปง.จะเข้าตรวจสอบ เสรีได้รางวัล 40 เปอร์เซนต์ ตามกฎหมาย ปปง. เสรีจะเล่นเงินปอ 2 เด้ง ทนายไปช่วย 33 คน พาแจ้งจับ เสรี โมโหด่าประชาชน
ว่า ระวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ด่าทนายว่ากุ้ยจะจับทนายด้วย ทนายเลยแจ้ง
จับพี่เสรี และร้อง โกวิทย์สอบสวนทางวินัยว่า ข่มขู่ทนาย เสรียังไปด่านาย
ตัวเองว่ารับเงินบ่อน ไม่มีสิทธิ์ลงโทษ

เรื่องที่หก...เสรีโวย ทักษิณฟ้องศาลปกครอง ทั้งครม.เมื่อเอาเพียวพันธ์ ขึ้นรอง ผบ.ตร เพียวพันธ์พึ่งติดพลตำรวจโทอาวุโส ไม่ถึงปรับข้ามหัวเสรี ทักษิณส่ง วงกรต มณีอินทร์มาเจรจาไม่ยอม ส่ง ชุมพล มุ่งหมาย มาเจรจาก็ไม่ยอม ทักษินต้องเจรจาเองว่าจะให้ขึ้น ผบ.ตร.โดยปรับให้เป็น จเรก่อนขอให้ถอนฟ้องศาลปกครอง แต่วันนี้เมื่อรัฐบาลทำท่าสั่นคลอน ก็ต้องทวง สัญญา หั่นขารุ่นพี่เพื่อโชว์ผลงาน เดี๋ยวรัฐบาลล้มเสียก่อน เลยจับ ปอ ประตูน้ำ ในกรุงเทพฯ เพราะมันดังแล้ว ตีข่าวให้ โกวิทย์ฉิบหาย

เรื่องที่เจ็ด .... ภารกิจหาลำไยอบแห้งหาย กับไปจับชาวบ้านลำพูน ติดคุก 1,000 กว่าคน รัฐบาลตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อสั่งเอาลำใยอบแห้ง ที่รัฐบาลรับซื้อจากประชาชน โดย อตก.ไปแลกเรือรบราคา 6,000 ล้าน ปรากฎว่าหายไปจาก โกดังของ บริษัท ป.เฮง ที่รับจ้างอบลำใย และเก็บรักษา อตก.รับซื้อจากชาวบ้านเชียงใหม่ และลำพูน แต่แอบเอาไปขายหมด กลายเป็น กล่องดินแทน รัฐบาลรีบส่ง เสรีไปสืบ อาศัยชื่อเสียง แต่แท้จริงมีต้นสนกลใน กับผู้มีอำนาจรัฐ และนายทุน วันนี้ประชาชนชาวลำพูน ที่ขายลำใยให้ อตก.ติดคุกคนละ 6 เดือน 1,000 กว่าคน ศาลชั้นต้นลำพูนตัดสิน ส่วนศาลเชียงใหม่อีก 1,000 กว่าคน รอลงอาญา เพราะเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยจำเลยสารภาพ เพราะรู้เท่าไม่ถึงการ เมื่อ เสรีเข้าไปแทนที่ จะไปจับนายทุน ร้านป.เฮง กลับไปจับประชาชน คนปลูกลำใย ว่าแจ้งความเท็จ ชาวบ้านทุกคนกลัว ก็รับสารภาพ แต่ศาลลำพูนกับศาลเชียงใหม่ ตัดสินไม่เหมือนกัน
ศาลเชียงใหม่แค่รอลงอาญา แม้สารภาพแต่ศาลลำพูนขัง 6 เดือน งานนี้ประชาชนร้องไห้ กระจองอแงน้ำตาท่วมสวนลำใย แต่ลำใยหลวงยังหายอยู่
ร้านป.เฮง ไม่ถูกดำเนินคดี แต่คนจนเกษตรกรติดคุก

มันสส์ไหมคะ มีเวลาจะเล่าอีก



#510771 1ความคิดจากคนใกล้ตัวที่น่าเอาไปคิดต่อ

โดย Alone on 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 02:49

จากที่เล่ามาผมว่าแฟนจขกท. จะมองการเมือง "ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง"
ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้นักการเมืองที่นั่งกันอยู่ในสภานี่แหละสามารถบันดาลความซวย
แผ่ซ่านไปทั่วทั้งประเทศอย่างบูรณาการได้ เดี๋ยวนี้คนที่คิดแบบนี้ก็มีเยอะซะด้วย
คงต้องรอเขาโดนยื่นซองขาวหรือธุรกิจเจ๊งคามือซะก่อนมั้งครับถึงจะตาสว่าง

ส่วนเรื่อง "ถ้ามันไม่ดี รอบหน้าคนก็จะไม่เลือกเอง" ผมเกรงว่าเธอคงลืมคิดไป
ว่า "มันอาจจะไม่มีรอบหน้ามาให้เลือกกันอีกแล้ว" แค่นี้ประเทศเราก็จะกลายเป็น
เผด็จการทั้งในและนอกสภาแล้ว ในสภาก็มีเสียงเยอะยกมือกี่ครั้งก็ชนะ นอกสภาก็
มีกองกำลังส่วนตัวเที่ยวไปข่มขู่ไล่ฆ่าคนเห็นต่าง ต่อไปประเทศเราอาจเป็น
ประชาธิปไตยแบบเขมรก็ได้ (หรือไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็คือ ยังมีคนอีกมากที่เจ็บแล้ว
ไม่จำ พอเจอคำสัญญาว่าจะให้นู่นให้นี่ก็ซมซานกลับไปเลือกเขามาอีก ก็วนลูปนรก
เหมือนเดิม)


และอีกอย่าง..ถ้าทุกคนนั่งอยู่บนรถคันเดียวกันที่ชื่อ "ประเทศไทย" หากเราเห็นอยู่ชัดๆ
ว่าคนขับมันตั้งใจจะขับลงเหว ขอถามว่าเราจะรอให้รถไปจอดที่ท่าก่อนแล้วค่อยเลือกคนขับใหม่
หรือถีบคนขับลงแล้วให้คนสติดีๆ ขึ้นไปขับแทนครับ?


#510557 1ความคิดจากคนใกล้ตัวที่น่าเอาไปคิดต่อ

โดย Maruay on 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:26

ขออภัยที่ต้องพูดตรง ๆ ว่า นี่เป็นนิสัยของคนไทยส่วนใหญ่
คือ "เอาตัวรอด" "หยวน ๆ ให้อภัยกัน"
อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา เราก็ไม่ยุ่ง เพิกเฉย ไม่สนใจ
จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเรา บ่งบอกได้ว่า เรามักทำอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองมีความสุข และไม่ค่อยคำนึงถึงส่วนรวม

ดังนั้น ผมถึงอยากให้รัฐบาลอยู่นาน ๆ รอให้ถึงวันที่เรือหาย จะได้เห็นกัน
ฝากไว้นิดเดียวครับ "เจ็บแล้วจำคือ คน เจ็บแล้วทนคือ ค-ว-า-ย" ถ้าถึงวันที่ล่มจมขึ้นมาผมอยากรู้ว่าคนส่วนใหญ่จะกลับมาเป็นคน หรือจะทนเป็นค-ว-า-ย ต่อไปครับ


#510526 1ความคิดจากคนใกล้ตัวที่น่าเอาไปคิดต่อ

โดย ragnarokbeta1 on 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 23:04

เอายังงี้นะ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบรรษัท จ้างซีอีโอ เดือนละล้าน สัญญาการทำงาน4ปี ทำงาน2ปีทุนสำรองเกือบหมด แถมก่อหนี้สูงกว่ารายได้ของบรรษัท คุณจะรอให้หมดสัญญาก่อนไหม
การชุมนุมเป็นสิทธิของหุ้นส่วนเล็กๆอย่างเรา เพราะเราไม่ใช่เจ้าของบรรษัท ไม่มีอำนาจไปเลิกจ้างพวกกาลีบ้านกาลีเมืองได้ เราก็เรียกประชุมผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อมาตกลงกัน ซาวเสียงว่าคนที่เห็นด้วยกับเราเยอะไหม
การประท้วงครั้งนี้จบลงค่อนข้างสวยงาม ไม่ได้ตั้งเป้าจะเหยียบศพคนขึ้นยึดอำนาจเหมือนการประท้วงครั้งก่อนๆ ขอขอบคุณเสธอ้ายอีกครั้งครับ
ประท้วงครั้งนี้ผมไม่ออกไปเพราะผมไม่ต้องการเป็นศพให้ใครเหยียบขึ้นไปครองอำนาจหรือผลประโยชน์ แต่ครั้งหน้าถ้าเสธอ้ายจัด หรือให้การรับรองผมจะไป


#511506 ผิดหวังผู้นำฝ่ายค้านจริงๆ

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:22


ชอบตอนผู้นำฝ่ายค้านยิ้มตาหยี ตอนนางยกบอกว่าเรามีเว็บไซต์ให้ประชาชนตรวจสอบ
แล้วผู้นำฝ่ายค้านส่ายหัวว่าไม่มี ไม่มี เปิดไม่ได้

55555555 ตาหยีเลยพี่มาร์คผม

โอ๊ยยยยย อยากเห็นรูปอ่ะค่ะ คุณผึ้ง ><


ง่า...ทำไงดีจะคร๊อปภาพได้ ถ้ามีคนอัพคลิปลงยูทูบ เดี๋ยวผมจะมาแปะให้นะครับ
กล้องจับเต็มๆเลยครับ ยิ้มตาหยี :lol: :lol:


ดิทเพิ่ม...

งงล่ะซิ เจอตอบแบบนักบริหาร เนื้อหาล้วนๆ ไม่ได้ตอบแบบนักวาทะกรรม
แล้วข้อไม่มี มาตราไหนบอกนายกฯต้องตอบให้ตรงคำถาม เข้าใจไหม


ตอบแบบนักบริหาร??????...............
ขอนิดนุงนะ...ขำกลิ้งไปมา.gif


#458800 นังจิตกร บุษบา ด่านายกปู เรื่องเหยียบฐานพระธาตุ ตอนนี้ปิด facebook เผ่นไปแล้ว

โดย wat on 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:46

facebook จิตกร เขาเอารูปนี้ มาตำหนิ แล้วด่านายกว่าเป็นเปรต ตอนนี้ face เขา หายไปใหน


^_^ ก็ถูกแล้วนี่ฮะ แต่คงไม่ใช่เพราะไปเหยียบฐานเจดีย์ ไปใส่รองเท้าเดินกันหรอกฮะ...อันนั้นเค้าเรียกไม่มีมารยาท ไม่รู้กาละเทศะฮะ เป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้คนบ้านไหนเมืองไหนเค้าก็มีสำนึกกันฮะ...

...แต่เปรตนี่ คงจะกรรมที่มันและตระกูล, พวกพ้องทำไว้กับแผ่นดินล่ะฮะ...ชั่วขนาดนี้คงจะเทวดาไม่ได้หรอกฮะ...

^_^


#440979 อยากเล่า...เช้าวันนี้

โดย ตะนิ่นตาญี on 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 08:48

หนึ่งในตัวละครหลายหลายตัวที่ ตะนิ่นตาญี ชื่นชอบ

ในมหากาพย์ รามายณะ นารายณ์ อวตาร ปาง รามสกุลจันทร์

หรือที่ใครต่อใครพากันเรียกว่า รามเกียรติ์ นั่นเอง ก็คือ พาลี

พาลี เป็นตัวละครที่แสดงถึงความซับซ้อนในจิตใจ มีทั้ง ความดี-ความชั่ว

ปะปนอยู่ในตัวเอง ถึงขนาดไปแย่ง นางมณโฑ จาก ทศกรรฐ์ เอามาเป็นเมีย

ก็เคยมาแล้ว โดยให้เหตุแห่งการแย่งนั้นว่า ทศกรรฐ์ พา นางมณโฑ เหาะข้ามหัวตัวเอง

ต้องบอกว่า ตะแก แถ ได้สุดสุด จะเอาเป็นเมียเสียอย่างใครจะทำไม

ดังนั้น จะเรียกว่า กึ่งธรรมะ-กึ่งอธรรม ก็ว่าได้ แต่ที่ ตะนิ่นตาญี ชอบ แก นั้น

ก็เห็นจะเป็นเพราะว่า ความ ยะโส-โอหัง ในความสามารถของตนเอง

ก่อนตายแกได้สั่งสอน สุครีพ ผู้เป็นน้องชาย ไว้ว่า...

เลือดพี่มีค่ากว่าตน.....เสียเลือด-เสียชนม์ ดีกว่า

โลหิตติดปลายโลมา.....อับอายขายหน้าฟ้าดิน


มีการผจญภัย ของ พาลี อยู่ตอนหนึ่งอ่านแล้วก็เพลินดีให้ ความคิด แก่คนที่คิดเป็นอยู่

นั่นก็คือตอนที่ พาลี ไปสู้กับ ทรพี ตรงนี้ต้องอนุญาตเพื่อนเพื่อนเกริ่นย้อนนำก่อนจะถึง

สงครามระหว่าง ลิง กับ ควาย เสียก่อน ทรพี เป็น ควาย ครับ...

พ่อของ ทรพี ชื่อ ทรพา แต่ก่อนนั้นสัญชาติของ ทรพา ไม่ใช่ ควาย นะครับ

หากมีสัญชาติดั้งเดิมเป็น ยักษ์ ทำหน้าที่เฝ้าประตู เหมือน ยักษ์วัดแจ้ง กับ ยักษ์วัดโพธิ์ นั่นประไร

วันดี-คืนดี ไม่รู้ แก ไม่รู้แกไป เมาเหล้า อีท่าไหน ดันทะลึ่งไปไล่ปล้ำ นางฟ้า เข้า

นางฟ้า วิ่งหนี สบง-สไบ ให้หลุดกระเจิง ไปฟ้อง พระอิศวร...พระอิศวร ท่านก็โมโห เข้าน่ะสิครับ

ก็เลยสาปเอา ให้ไปเกิดเป็น ควายป่า และเมื่อมี ลูก ก็ให้ ลูก นั้นเป็น ผู้ฆ่า เมื่อนั้นแหละจึงจะพ้นคำสาป

ควาย ทรพา เป็น ควาย ขี้ขลาด แต่ เจ้าชู้ ครับ มีเมียควาย หลายตัวอยู่

มีลูกเป็น ตัวผู้ เมื่อไหร่แกฆ่าทิ้งหมดเลย เฮ้อ...นรกแท้แท้ ไอ้พวก ควาย ใจต่ำเนี่ย.....

แต่ก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่หลุดรอดมาได้ เพราะเมียของ ทรพา ตัวหนึ่งชื่อ นิลา แอบท้องขึ้นมา

ผัวถามว่าท้องรึ นางนิลา เธอก็บอกว่า เปล่า...พักหลังฉันกิน หญ้า เยอะขึ้นมันก็เลยดูอวบขึ้นมาเฉยเฉย

พอผัวเผลอ นิลา ก็แอบไปคลอดลูกให้ชื่อว่า ทรพี แล้วฝาก เทวดา ๔ ตน เลี้ยงไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ส่วนตัวแกหลังจากเอา ไข่ ไปทิ้งก็กลับมา ออดอ้อน-ออเซาะ-ฉ้อเลาะ ผัวต่อไป

เทวดาใจดี ทั้ง ๔ ตน ก็เลี้ยงไป และทำหน้าที่สั่งสอน ยุทธวิธี ในการรบ และคอยดูแลอารักษ์

จน ทรพี นั้น เติบโต-เติบใหญ่ เป็น ควายเลว ไร้ คุณธรรม-จริยธรรม ไม่ต่างกับสื่อใหญ่ในทุกวันนี้.....

ความเลว ของ ควายทรพี นั้นเป็นชัดยิ่งขึ้น ในทุกทุกวัน

มันจะเอาไม้เมตร ไปวัด รอยตีน พ่อ ครับ เห็นว่า ตีน ตัวเองยังเล็กเท่าฝาหอยอยู่ก็ยังไม่ไปท้ารบ

จนเห็นว่า ตีน ตัวเองใหญ่เท่า พ่อ แล้วนั่นแหละจึงไปไล่ขวิด พ่อ-ทรพา จนตาย…..

ทรพี เป็นควายนรกส่งมาเกิดครับ คิดว่าตัวเอง เจ๋ง ตัวเอง นั้นแน่ ก็เที่ยวไปท้าไล่ขวิด

ไม่เลือก หน้าอินทร์-หน้าพรหม เทวดา ท่าน ไม่อยากยุ่งกลับ ควาย ครับ ท่านก็เลยบอกว่า

เออ...เอ็งแน่- เอ็งเก่ง-เอ็งเจ๋ง-ห้าวป้าง ถ้าอยากโชว์พาวนัก ละก้อ นู่นแน่ะ แน่จริงไปท้า พระอิศวร ดิ

*** ทรพี นี่นอกจากจะชั่ว แล้วยังโง่อีกด้วยครับ ทะลึ่งไปท้ารบกับ พระอิศวร ครับ

พระอิศวร ท่านก็ ยั้ว เอาน่ะสิครับ หนอยแน่...ไก่อ่อนพึ่งสอนขัน ดันทะลึ่งมาท้าประชัน

ก็เลยบอกว่าแน่จริงไปเอาชนะ เจ้าครองนครขีดขิน ให้ได้เสียก่อนเถอะ ไอ้หนู...

*** นี่ก็เชื่อครับ เพื่อนเพื่อน ไปท้า พาลี ผู้เป็น เจ้านครขีดขิน รบ พาลี ก็เอาสิครับ

ไม่ได้ ตบเกรียน มาเสียตั้งนาน อยู่ดีไม่ว่าดีก็มี เกรียน มาให้ตบ

รบกันอยู่ ๗ วัน ๗ คืน พาลี ก็ยังไม่ชนะเสียที ก็เลยถาม เก่งเพราะอะไร?

ไอ้ควายทรพี มันเป็น ควาย จอมเนรคุณ ครับ มันประกาศเลย “กูเก่งเพราะตัวกู”

เทวดาทั้ง ๔ ตน ที่สั่งสอนไอ้ควายนี่ให้เติบใหญ่ เป็นผู้-เป็นคน มาได้จนถึงทุกวันนี้

ปปช. เอ๊ย เทวดา ท่านได้ยินครับ ก็เลยสุมหัวกัน และมีมติเป็นเอกฉันท์ ๔ ต่อ ๐

ว่า ไอ้นี่มันคบไม่ได้ พวกเราเห็นทีจะ ดูแล-อารักษ์ มันไม่ได้เสียแล้ว

ไปดีกว่า-ไม่คุ้มครองมันดีกว่า เท่านั้นเองครับ ทรพี ก็เลย ถูก พาลี ฆ่าตาย

ที่มาเล่ามาทั้งหมดนี้ เห็นทีเป็นเพราะ อึดอัด-คับข้องก็ท่าทีของ สื่อใหญ่ ที่ให้สัมภาษณ์

ในรายการหนึ่งทางช่อง TNN. ที่ คุณโจโฉฯ ท่านแนะนำให้ดู...ดูแล้วก็ต้องรีบปิด

ปิดเพราะเมื่อ สื่อใหญ่ เช่น คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เธอถูกถามว่า...เก่งเพราะอะไร-ดังเพราะอะไร

เธอ ตอบประมาณว่า เก่งเพราะตัวฉันเอง-ดังเพราะตัวฉันเอง.....เฮ้อ คุณสรยุทธฯ ครับ

ดูเหมือนว่า คุณฯจะลืมไปหรือเปล่าว่าที่เก่งได้ดังได้เพราะคุณฯได้รับโอกาส -ได้รับโอกาสจาก

คนที่ชื่อ สุทธิชัย หยุ่น จำได้ไหมครับ? จะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสเหมือนอย่างที่คุณฯเคยได้รับโอกาสมา

กตัญญู นั้นคือความยิ่งใหญ่ในหัวใจของมนุษย์ กตัญญู นั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องตอบแทน

แต่เป็นสิ่งที่ มนุษย์ เราต้องรู้สำนึก รู้ สำนึก ด้วยความเป็น มนุษย์ เท่านั้นเองครับ

กตัญญู ไม่ใช่การตอบแทน ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะต่างอะไรกับ การทวงบุญ-ทวงคุณ

หรือการสร้างบุญคุณเพื่อหวังสิ่งตอบแทน เหมือนดังที่ ช่อง ๓ โดนเผา

เพราะมีคนบอกว่า ช่อง ๓ และ คุณฯ เนรคุณกู-กูเลยเผา กตัญญู ไม่ใช่การตอบแทนเยี่ยงนั้นครับ

และที่สำคัญ คุณฯ รู้จัก กตัญญู ต่อแผ่นดินนี้บ้างหรือไม่? แผ่นดินนี้ที่ได้ให้โอกาสทุกสิ่งทุกอย่างกับ คุณฯ

ตะนิ่นตาญี

วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๘.๔๘ นาฬิกา


#434920 บท บ.ก. ไทยรัฐบอกว่าใครเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย ระวังฝ่ายติปตัยเค้าขวิดเอานะ

โดย Can Thai on 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 19:04

กระสุนทองก็ดีครับ อ่านเพลิน ซี 12 กิเลน ประลองเชิง ฯลฯ เยอะครับ เลือกอ่านได้

ส่วน ชัย ราชวัตร คุณภาพคับแก้ว


#433164 อยากรู้ความจริงเรื่องถุงทราย

โดย juemmy on 29 กันยายน พ.ศ. 2555 - 20:27

150135_475675132465759_754327832_n.jpg




Posted Image

จากเพจของดร. ธีระชน มโนมัยพิบูลย์




ถุงทรายใหม่ๆเขตมีนบุรีเบามากขนาดลอยไปอุดกลางท่อเป็นร้อยลูก
ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ ช่วยกันแชร์ความจริงให้ปรากฏด้วยนะครับ
เห็นข่าวเช้านี้ในมติชนแล้วอดไม่ได้ที่จะเอาความจริงทางวิศวกรรมมาเปรียบเทียบแบบง่ายๆให้คนกรุงเทพได้ฉุกคิดว่าความจริงคืออะไร ครับ

ประเด็นแรก ต้องถามชาวบ้านในซอยตามภาพข่าวว่า บ้านไหนทำ แล้วซอยนี้ฝาบ่อพักมันเบามากขนาดชาวบ้านเปิดได้ง่ายๆเลยนะเนี่ย



ประเด็นที่สอง อยากให้ชาวบ้านลองเอาทรายแค่สิบถุงหย่อนลงบ่อพักดูว่าด้วยน้ำหนักตัวถุงทรายจะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่บ้านผมปีที่แล้วตอนน้ำท่วมหนึ่งเมตรผมล้อมบ้านแล้วใช้ถุงทรายอุดบ่อพักกันน้ำย้อนเข้าบ้านครับ ไม่เห็นถุงทรายจะไหลตามน้ำไปง่ายๆ แถมถุงทรายที่อยู่หลังบ้านตะไคร่ขึ้นดำหมดแล้วครับ

ประเด็นที่สามถุงทรายเป็นร้อยๆลูกไปอยู่กลางท่อน้ำแถมพอเอาขึ้นมากองให้ถ่ายภาพดูใหม่มากมันไหลตามน้ำหรือมีใครแอบเอาไปซุกไว้รอสร้างภาพสาดโคลนใส่คนทำงานครับ

ประเด็นที่สี่งานของหน่วยงานท่ีรับผิดชอบตรง แถมผู้บังคับบัญชาสูงสุดเป็นรุ่นน้องคนสนิทของคนที่อยู่ดูไบจากประวัติการศึกษาทำให้อดคิดไม่ได้ว่าใคร fake ใคร fact ครับ