Jump to content


ทรงธรรม

Member Since 23 April 10
Offline Last Active 30 May 14 11:46
-----

#292575 เล่น สรท ต้องทำใจ...

Posted by ทรงธรรม on 11 June 2012 - 15:18

ผมคิดว่า ความเห็นของคุณ hentai อาจจะเหมารวมไปสักหน่อยนะครับ
อย่างน้อยที่สุด ผมคิดว่าคงมีคนเป็นอย่างผมอยู่หลายคน ที่ต้องการสมาชิกเสรีไทย ที่มีความเห็นต่างจากตน มาโต้แย้งในเหตุผล
ทุกวันนี้ผมดีใจ ที่มีความคิดหลากหลาย จากคุณ hentai คุณ TFEX ,POOKLOOK หรือแม้แต่ phat21 เอง ดั่งที่คุณ hentai จะสังเกตได้ว่า ผมมักจะชอบตอบประเด็นต่าง ๆ ของผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพราะอยากฟังคำโต้แย้ง และก็อยากโต้แย้งด้วย ไม่ถือเป็นการทะเลาะกันนะครับ แค่แสดงความเห็นที่ต่างกัน
ถ้าบอร์ดของเราไม่มีผู้เห็นต่าง ก็ไม่มีความหมาย จะชมกันเองก็ไม่ได้พัฒนาความคิดของตน บางครั้งผมก็แวะไปดูที่บ้านราชดำเนิน เพราะอยากเห็นความเห็นที่ต่างว่าเขาคิดอย่างไร แม้จะไม่กล้าไปสมัครสมาชิก เพราะคิดว่ายังไม่มีความรู้มากพอจะโต้แย้งคนที่เดียวหลาย ๆ คน

สรุปแล้ว ผมยังอยากให้สมาชิกทุกท่านที่แม้มีความเห็นต่าง อยู่กับเราต่อไปครับ จะได้ช่วยพัฒนาความคิดของสมาชิกท่านอื่นด้วยครับ


#292558 คุณเชครับ ใกล้ที่ไหนเชิญที่นั่นครับ

Posted by ทรงธรรม on 11 June 2012 - 15:11

ผมก็ขอฝากความเห็นให้คุณ TFEX ด้วยครับ คือในการสมัครเป็น สส. ผมว่าคุณสมบัติที่คุณ TFEX มีนั้นยังขาดไปบ้างครับ
คือ คุณ TFEX ต้องไม่ปรามาสผู้อื่น โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ นะครับ เพื่อนสมาชิกที่นี่หลายคนอาจทำเช่นนั้น แต่สำหรับคุณ TFEX ที่ตั้งใจเป็นผู้แทนที่ดีของประชาชน ข้อนี้ขาดไม่ได้เลยครับ แม้ว่า สส.บ้านเมืองเราหลายคนขาดอยู่ แต่ก็เพราะพวกเขาไม่ใช่ สส.ที่ดียังไงครับ คุณ TFEX ก็ไม่ควรไปเอาอย่าง
อีกกรณีหนึ่งคือความใจเย็นครับ สส.ที่ดีต้องมีความอดทนและควบคุมอารมณ์ของตนได้อย่างสม่ำเสมอนะครับ เพราะจะมีประชาชนมาร้องเรียน หรือขอความช่วยเหลือ ในเรื่องมากมาย ยกตัวอย่าง ญาติข้างบ้านผมเขาก็ให้จัดการเรื่องแมวจรจัดเป็นต้น ซึ่งอาจเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ สส. แต่ประชาชนคิดว่า สส.เป็นผู้แทนของตน จึงมักคิดเอาว่าสามารถช่วยเหลือได้ทุกเรื่อง หากไม่ใจเย็นค่อยพูดค่อยจา กับทุก ๆ คน ก็เห็นว่าจะทำงานได้ลำบากครับ

เอาเป็นว่า แม้ท่านเชจะกล่าวค่อนข้างแรง แต่ถ้าคำพูดแรง ๆ นี้ทำให้คุณ TFEX สามารถปรับปรุงให้เป็นคนที่มี คุณสมบัติที่ดีขึ้น ผมก็หวังว่าคุณ TFEX จะไม่ท้อ และพยายามปรับให้เป็นคนที่ดีขึ้น อย่างน้อยถ้าไม่สามารถเป็น สส.ได้ ก็สามารถเป็นทีมงานที่ดีให้ สส.ได้ครับ


#288483 ความจริงอันเจ็บปวด กับข้อเสนอให้ ปชป.

Posted by ทรงธรรม on 8 June 2012 - 12:15

เห็นด้วยกับท่านสมาชิก "blue" พอดี like หมด

ยกตัวอย่าง สส.ที่ต้องสลัดตัวขี้เกียจออกเป็นคนแรกเลย คือ อภิมงคล โสณกุล สส.บางคอแหลม บ้านผมเอง เป็น สส.แต่กลับไม่มาถามสารทุกข์ สุขดิบ ของประชาชนให้เขาได้เห็นหน้าค่าตากันหน่อยครับ ผมเห็นแต่ สก.อภิมุข ฉันทวานิช(ปชป เหมือนกัน)

ขณะที่ พงษ์พิสุทธิ จินตโสภณ ที่เป็นคู่แข่ง จากเพื่อไทย ลงพื้นที่ ลงแล้วลงอีก ถึงจะหนักไปทางเอาหน้าก็เถอะ มันก็ได้ให้ชาวบ้านเห็นหน้าบ้าง ได้พูดคุยบ้าง

ทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวสักทีเถอะครับ ถึงจะมี สก.อยู่แล้ว แต่ สส.เองไม่ได้มีตำแหน่งอะไร ในสภา ก็มาช่วยดูชาวบ้านหน่อยเถอะ ทำอะไรเพื่อพวกเราคนที่เลือกมาบ้าง ฝากพรรค ปชป ช่วยพิจารณาด้วยครับ

ปล. ยังเลือก ปชป อยู่นะ ตราบที่ทักษิณยังอยู่ แต่ถ้ามัน...ไปแล้ว ปชป ยังไม่ปรับปรุง มีตัวเลือกใหม่แน่ ๆ


#284198 เปิดเว็บฯ"ศาลรัฐธรรมนูญ" ระบุเอง! รับคำร้องวินิจฉัย รธน.มาตรา 68...

Posted by ทรงธรรม on 5 June 2012 - 15:51

ประเด็นนี้ อยู่ที่เงื่อนเวลาจ๊ะ pook
เนื่องจากถ้าทำตามขั้นตอนโดยผ่านสำนักงานอัยการ เพื่อการสืบสวน ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ก่อนยื่นต่อศาลรัฐธรรรมนูญ จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้อัยการได้เรียกผู้ร้อง และผู้ถูกร้องมาให้ข้อมูล เพื่อการตัดสินใจที่จะส่งหรือไม่ส่งเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ปัญหาอยู่ที่ ผู้ถูกร้องคือสมาชิกสภาที่ลงชื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ดำเนินขั้นตอนอย่างเร่งรีบ มาถึงวาระที่ 3 ของการลงมติในวันที่ 6-7 มิ.ย.2555 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่ได้ให้เวลาต่อการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ประกอบกับ สำนักงานอัยการไม่ทำงานของตนเองอย่างเต็มที่ จนเกิดความล่าช้า ขัดต่อเงื่อนเวลา อันอาจส่งผลกระทบให้เกิดความได้เปรียบกับ ผู้ถูกร้อง เนื่องจากเมื่อผ่านวาระที่ 3 ไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถวินิจฉัยตามมาตรา 68 ได้ทันการณ์ เพราะเมื่อผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว วุฒิสภา มีสิทธิเพียงประวิงเวลาไป 180 วัน แล้วสภาผู้แทนก็สามารถนำมายืนยันด้วยเสียงข้างมากได้
ขั้นตอนการตราพระราชบัญญัติ

http://www.senate.go...erandduties.pdf
ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่วินิจฉัยกรณีขัดแย้งดังกล่าว ทราบความตามที่ผู้ร้องได้ยื่นเรื่องโดยตรงไว้ที่ศาลด้วย จึงต้องระงับการดำเนินการอันเป็น สาระสำคัญ(การลงมติวาระ 3)ดังกล่าวไว้ก่อน เพราะถ้ารอเวลาให้อัยการสูงสุดส่งเรื่องมา ย่อมไม่ทันการณ์ อันเป็นเหตุให้ไม่เป็นธรรมกับผู้ร้อง และเป็นการเอื้อประโยชน์กับผู้ถูกร้อง ซึ่งย่อมขัดต่อเจตนารมณ์ของการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญ

สรุป เงื่อนเวลา และ การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างทันท่วงทีของสำนักงานอัยการ จึงเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องรับคำร้องไว้ก่อนเพื่อ มิให้เรื่องผ่านไปจนไม่สามารถวินิจฉัยอีกต่อไปได้


#284014 คมชัดลึก 4-6-55 ตอน ศาลรัฐธรรมนูญ...ศาลรัฐประหาร?

Posted by ทรงธรรม on 5 June 2012 - 14:01

ว่ากันตามตัวบทกฎหมายล้วน ๆ ก็จริงอย่างที่คุณ moo3storey ว่าล่ะครับ เหมือนที่ผมพูดไปแล้วในกระทู้ ม.68

แต่การตีความของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการปกป้องหน้าที่ของตนเองครับ คือเมื่อมีเรื่องที่ต้องวินิจฉัย แต่คนเสนอคืออัยการไม่ส่งเรื่อง(เรื่องมาอยู่ที่ศาลแล้ว เพราะผู้ร้อง ๆ ไว้ 2 ที่) เป็นคนทั่วไป ถ้าตามหลักของคนถือตัวหนังสือ จะไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่สำหรับคนที่รู้หน้าที่ของตนเองดี(มีธรรมะกับหน้าที่) จำเป็นต้องตัดสินใจกระทำการออกมา คั่นเรื่องไว้ก่อนครับ ก่อนที่จะมีการลงมติวาระ 3 มิเช่นนั้นจะไม่ทันการณ์ และจะไม่ยุติธรรมกับคนร้อง ผลการตัดสินยังเป็นเรื่องที่ต้องรอ แต่กระบวนการจะสะดุดไม่ได้
อัยการซะอีกที่ต้องกลับไปทบทวนบทบาทของตน ว่าได้ทำตามหน้าที่รับผิดชอบของตนเองดีแล้วหรือยัง

ส่วนเรื่องที่ว่าหาก มีกรณีขอแก้เป็นบางข้อ ผมว่าศาลก็ต้องพิจารณาว่าเป็นข้อที่มีสาระสำคัญอย่างไร จะมีผลกระทบต่อประชาชนรุนแรงหรือไม่ แต่กรณีของเพื่อไทย ยังไม่มีความชัดแจ้ง ว่าจะแก้ในเรื่องใด แต่โดยหลักแล้วการตั้ง สสร.ขึ้นมาบ่งชี้ว่า ต้องมีการแก้ในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งเมื่อไม่มีกรอบที่ชัดเจน ก็จำเป็นที่ศาลต้องการความกระจ่าง

สรุปแล้ว ศาลนอกจากต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเองแล้ว ยังต้องเป็นผู้รู้ทันต่อสถานการณ์ จึงจะธำรงความเป็นธรรมไว้ได้


#283770 มาตรา 68 วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่ง "ยุบพรรคการเมือง" ได้

Posted by ทรงธรรม on 5 June 2012 - 10:41

เห็นด้วยกับ อาจารย์ คมสัน โพธิ์คง อย่างมากครับ
โดยความเห็นส่วนตัว ผมว่า นิติราษฎร์ พูดถูกที่สิทธิในการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องที่อยู่ภายใต้มาตรา 68 เป็นของอัยการสูงสุด
แต่ปัญหาคือ เรื่องถูกดองอยู่ที่สำนักงานอัยการ ซึ่งคงเป็นเพราะว่า ความไม่กระตือรือร้นที่จะทำงานในหน้าที่ ของคนในสำนักงานอัยการ จะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่ ถ้ายังเป็นอยู่เช่นนี้ พรรคการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ตามแบบที่ตัวเองต้องการโดยที่ไม่ได้กำหนดถึงขอบเขตของการแก้ไขเนื้อหาในรัฐธรรมนูญอย่างเด่นชัด ให้เห็นว่าถ้ามีการแก้ไขไปแล้ว จะกระทบกระเทือนถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการชี้แจงให้แจ้งแก่ความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญก่อน ในกรอบของการแก้ไข
ดังนั้น เมื่อเรื่องราวยังไม่กระจ่าง โดยหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องขจัดความเห็นที่ไม่ตรงกัน และข้อสงสัยว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงจำเป็นต้องรีบเข้ามาดำเนินการ เพราะกำลังจะมีการลงมติให้ผ่านวาระที่ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งถ้ามีการตัดสินกันภายหลัง จะมีข้อขัดแย้งกันเพิ่มขึ้น เนื่องจากฝ่ายสภาจะอ้างได้ว่า เหตุใดจึงไม่มีการวินิจฉัยให้เสร็จสิ้น ก่อนกระบวนการพิจารณาในสภาจะเสร็จลง

ซึ่ง ถ้าจะโทษในกรณีนี้ จำเป็นต้องโทษ สำนักงานอัยการที่มีความล่าช้าในการตรวจสอบหาหลักฐานข้อเท็จจริง และไม่มีความมุ่งมั่นที่จำทำงานในความรับผิดชอบให้ทันต่อสถานะการณ์ และที่ต้องโทษอีกฝ่ายคือฝ่ายสภาที่เมื่อเห็นว่ามีข้อสงสัยให้วินิจฉัย แต่ยังรีบเร่งดำเนินการ โดยไม่รอผลก่อน

ดังนั้นการที่ผู้ร้อง เมื่อยื่นเรื่องต่ออัยการแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะมีการล่าช้าจนไม่ทันการณ์หรือไม่ ก็จำเป็นต้องยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกคำรบเพื่อให้แน่ใจ ว่าเรื่องที่ต้องการให้วินิจฉัย ถึงมือผู้มีหน้าที่โดยตรง

การกระทำของศาลรัฐธรรมนูญนี้ เปรียบไป ก็เหมือนกับ ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศ และมีหน้าที่ในการตัดสินความเป็นธรรมให้แก่ราษฎร ที่ต้องลงมาดำเนินการ เพื่อความเป็นธรรมกับประชาชนด้วยตัวเอง โดยมิอาจรั้งรอ ให้ประชาชนรู้สึกเสื่อมศรัทธากับกระบวนการยุติธรรม อันอาจไม่ยุติธรรมด้วยความล่าช้าและไม่ใส่ใจในการดำเนินงานของข้าราชการที่มีหน้าที่โดยตรง

ดังคำขวัญของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ว่า "ความล่าช้าคือความไม่เป็นธรรม"


#274095 จากเหตุการณ์แย่งเก้าอี้ปธ.สภาฯ มันเกิดอะไรขึ้นกับ ปชป. และ พวกเราครับ

Posted by ทรงธรรม on 31 May 2012 - 09:17

ตามหลักการที่ว่ามา คุณ moo3storey ก็พูดถูกนะครับ
แต่ผมกลับเห็นด้วย กับ สส.รังสิมา เหตุผลเพราะ ในสภา กลุ่มเพื่อไทยและผู้สนับสนุน ไม่ยอมรับฟังความเห็นที่เห็นต่างแล้ว อภิปรายอะไรก็ไม่ได้ประโยชน์ครับ มีธงมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าต้องดัน พรบ.นี้ให้ผ่านไปให้ได้

กรณี สส.อภิชาติ ขึ้นไปไหว้แล้วพยายามจูง สมศักดิ์ ลงจากที่นั่งประธาน เพราะสมศักดิ์ทำตัวไม่เหมาะกับคนที่ต้องวางตัวเป็นกลาง ส่วน สส.รังสิมาที่ดึงเก้าอี้ไปเก็บ เพราะไม่อยากให้มีการดึงดันจะผ่านเรื่องให้มีการลงมติในวันรุ่งขึ้น
ทั้งสองคน มีเหตุผลที่จะทำ เพราะต้องเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก แม้อาจจะผิดในด้านระเบียบกฎเกณฑ์ แต่ก็ถือว่าทำเพื่อรักษา กฎหลักของประเทศ ไม่ให้ถูกย่ำยีด้วย พรบ.อันไร้หลักการ และพวกที่พยายามดัน พรบ.ก็เป็นพวกไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น ป่วยการที่จะใช้วิธีอย่างสุภาพชนแล้ว

สรุป แม้ สส.อภิชาติและ สส.รังสิมา จะทำผิดในครั้งนี้ ผมจะขอรับผิดกับ สส.ทั้งคู่ด้วย เหมือนที่เคยบอกว่าจะร่วมรับบาปกับรัฐบาล กรณีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 คนเราบางครั้งก็ยอมทำบาป เพื่อรักษาสิ่งที่ควรจะเป็นไว้ ไม่สำคัญว่า เราจะลงนรกหรือไม่ แต่สำคัญที่เราได้รักษาสิ่งที่เรายึ่ดมั่นไว้ได้หรือไม่


#270777 ม๊อบพันธมิตร..........กำลังช่วย..........ยิ่งลักษณ์

Posted by ทรงธรรม on 28 May 2012 - 15:36

ผมในฐานะที่ มีพี่สาวเป็นพันธมิตรเข้มข้น แต่ตัวเองไม่ได้เป็นพันธมิตรแบบเต็มตัวแล้ว แค่ดูอยู่ห่าง ๆ คิดว่าจะแนะนำเพื่อน ๆ แบบนี้ครับ

ไปชุมนุมได้ครับ แต่ขอให้ไปอย่างคนมีสติ คือถ้าเห็นท่าไม่ดี จะมีเรื่องเกิดขึ้นก็แนะนำให้ถอยกลับบ้านครับ อย่าไปรุนแรงตามกระแสในที่ชุมนุม
การออกไปครั้งนี้ อยากให้เป็นการไปแสดงตัวว่า ไม่เห็นด้วยกับการนำ พรบ.นี้ไปใช้ เพราะเนื้อหา ทำลายหลักความยุติธรรมอย่างรุนแรง
สุดท้าย แนะนำว่าอย่าไปค้างคืนเลยนะครับ อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน ยังไงก็แล้วแต่ชีวิตของท่านสมาชิกสำคัญที่สุด ถึงจะบอกว่าประเทศชาติสำคัญ แต่ถ้าไม่มีพวกท่าน ผมก็คงเสียใจมากแน่นอน
  • OSR likes this


#248601 ต่อสัญญาบีทีเอส โยงญาติมาร์ค ส่งดีเอสไอสอบ

Posted by ทรงธรรม on 10 May 2012 - 16:43

ผมขอตอบในประเด็น รศ.ประพันธ์พงศ์ ที่เป็นญาติคุณอภิสิทธิ
ผมเห็นว่า บริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นของ กทม. 99% ดังนั้นค่านายหน้า 1,800 ล้านบาทจะเป็นของ กทม. 1,782 ล้านบาท ผมไม่เห็นว่า รศ.ประพันธ์พงศ์ จะได้ประโยชน์ส่วนตัวตรงไหน ก็ในเมื่อ กรุงเทพธนาคม เป็นบริษัทลูกของ กทม.อยู่แล้ว
ส่วนในหัวข้อข่าว ที่ระบุว่า กทม.ได้ส่วนแบ่งเพียง 1.1 แสนล้าน ขณะที่ BTS ได้ไป 1.9 แสนล้าน ภายใน 30 ปี ผมว่าควรมองด้วยว่า BTS ยังมีสัญญาสัมปทานเดิม ถึงปี 2572 หรืออีก 17 ปี ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบในรายละเอียดว่า 1.9 แสนล้านนั้น เป็นส่วนแบ่ง ของ 17 ปีแรกเท่าไร 13 ปีหลังเท่าไร จึงระบุไม่ได้ว่า กทม.เอื้อประโยชน์ใน 13 ปีหลัง ให้แก่ BTS ตามที่เพื่อไทยระบุว่า BTS ไม่ได้ลงทุนในส่วนขยาย
และก็อย่าลืมว่า BTS มีหน้าที่ต้องหาหัวรถจักรมาเสริม ตามจำนวนที่ตกลงกันอีกด้วย
ประเด็นอื่นขอสงวนความเห็น เพราะยังไม่ทราบในรายละเอียด


#248330 ปชป. เปิดตัว"แอน"กัลยกรณ์ สู้ศึกสนามเลือกตั้ง เชียงใหม่ เขต 3 ชน"...

Posted by ทรงธรรม on 10 May 2012 - 13:17

คุณแอน แพ้ก็ไม่เป็นไรนะ ยังไงสนามนี้ ฐานเสียงก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่ส่วนตัวนับถือ วิหคเรดิโอมาก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนเสื้อแดง ที่รู้ ๆ กันว่า ดีเจอ้อมและสามีเป็นพวก ไร้เหตุผลและค่อนข้างป่าเถื่อน ถึงขนาดเคยไปล้อมหมู่บ้านของคุณเทอดศักดิ์ และทำร้ายคุณพ่อของคุณเทอดศักดิ์ จนเสียชีวิตไปแล้ว
ความกล้าของตระกูล เจียมกิจวัฒนา ผมขอคารวะจากใจจริงเลย และหวังว่าถึงแพ้ก็จะไม่ท้อ เพราะถ้าไม่มีคุณคอยต่อสู้ อยู่ในจุดนี้ เชียงใหม่คงถูกกลืนไปด้วย วิทยุชุมชนของคนเสื้อแดงไปแล้ว

ปล.คุณแพน(pinkpanda) สาวสันกำแพง คนกล้าประจำบอร์ด ก็นับเป็นหญิงเก่งเช่นเดียวกับ คุณแอนครับ


#245527 ของแพงแล้วไง คิดว่าประชาชนจะหันไปเลือก อภิสิทธิ์กับสุเทพ มาแก้ปัญหาของแพง เหร...

Posted by ทรงธรรม on 8 May 2012 - 14:56

ถ้าของแพงเกิดจาก กลไกตลาด เพียงอย่างเดียว ผมเองก็เห็นว่าไม่ควรจะโทษรัฐบาลครับ
แต่ประเด็นคือ นโยบายค่าแรง และนโยบายพลังงานครับ
เริ่มจากนโยบายค่าแรงนะครับ ค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 215 เพิ่มเป็น 300 บาท เพิ่มขึ้น 85 บาท คิดเป็น 39.53% ของค่าแรงเดิมนะครับ
จริงครับที่ค่าแรงขั้นต่ำ 215 น้อยเกินไป ผมคิดว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 230-240 บาท ซึ่งควรจะได้ขึ้นทันทีในปีนี้อย่างน้อย 15 บาท และปีต่อไป อีก 10 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับ กลไกตลาด ซึ่งของจะขึ้นราคาเกือบทุกปีอยู่แล้ว แต่จะขึ้นประมาณ 1-2% ของราคาเดิม ซึ่งจะสอดคล้องกับค่าแรง ที่ควรจะขึ้น ประมาณ 3-5% ของค่าแรงเดิม
แต่ นโยบายของเพื่อไทยกลับทำให้ กลไกตลาด ผันผวนอย่างรุนแรง ด้วยการขึ้นของค่าแรงแบบฉับพลันใน เปอร์เซนต์ที่สูงมาก จนผู้ประกอบการปรับตัว ให้เข้ากับค่าแรงใหม่นี้ไม่ทัน อันมีผลให้ต้องเพิ่มราคาสินค้าในทันที เพื่อรองรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็ต้องลดปริมาณของสินค้านั้นลงเพื่อให้ขายได้ในราคาเดิม หรือในกรณีเลวร้ายที่สุด คือลดจำนวนพนักงาน โดยให้พนักงานที่เหลืออยู่ทำงานมากขึ้น
ต่อไปคือ นโยบายพลังงานนะครับ จะเห็นได้ว่า เพราะการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ในช่วงแรกคือประมาณ ส.ค.-ก.ย. ไม่เก็บเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงทันทีอย่างมาก แต่เพราะกรณีนี้เอง ที่ทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันอยู่ในขั้นที่ไม่สามารถรองรับ ราคาดีเซล และราคาก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ในเวลาต่อมา รัฐบาลจำเป็นต้องปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ และปล่อยให้น้ำมันดีเซล สูงเกินกว่า 30 บาท ซึ่งเมื่อเกิน 30 บาท ก็กระทบกับต้นทุนการขนส่งสินค้า และขนส่งมวลชน ทำให้ราคาสินค้าต้องขึ้นตามต้นทุนขนส่ง และประชาชนต้องมีภาระกับค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้น
นั่นยังไม่พอ เพราะเมื่อราคาอาหารซึ่งเป็น สินค้าที่จำเป็นที่สุดต่อการดำรงชีพเพิ่มสูงขึ้น จากนโยบายค่าแรงและนโยบายพลังงาน ก็กระทบต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน นั่นคือ ประชาชนจะหันมาคำนึงถึงการเก็บออมมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าปัจจัยสี่ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตสูงขึ้น หากไม่เก็บออมในตอนนี้ อนาคตข้างหน้าเมื่อราคาสินค้าส่วนใหญ่ถีบตัวขึ้นอีกจากแรงกดดันของค่าแรงที่จะขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศ อาจส่งผลต่อราคาของสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ เสื้อผ้า ยารักษาโรค ค่าซ่อมบำรุงที่อยู่อาศัย หรือค่าเช่า(ในกรณีไม่มีที่พัก) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องระมัดระวังอย่างมาก ถ้าไม่อยากต้องกู้หนี้ยืมสินในภายหน้า
จึงเกิดภาวะ รัดเข็มขัดแบบฉับพลันทันที ซึ่งจะกระทบกับการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ อย่าเห็นว่านี่เป็นเรื่องเล็กนะครับ ผมยกตัวอย่างเพื่อนร่วมงานของผม เขาประกอบอาชีพค้าขายเสริมจากอาชีพหลัก ซึ่งปรากฎว่า สินค้าที่เขาขายเป็นประเภทสินค้าคงทน ทำให้ยอดขาย ณ ปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหาย จนถึงกับขาดสภาพคล่องในธุรกิจ เกิดความไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจ เมื่อเกิดจากหนึ่งธุรกิจก็กระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อมาเป็นลูกโซ่ อันทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้นักธุรกิจที่จะเกิดใหม่ ไม่มั่นใจและไม่กล้าทำธุรกิจ ขณะที่นักธุรกิจรายเก่าก็ไม่กล้าขยายธุรกิจในช่วงนี้

สรุป นโยบายใดก็ตาม ที่ออกมาโดยไม่คำนึงถึง สภาวะกลไกตลาดที่ควรจะเป็น จะทำให้เกิดผลกระทบต่อ ความเชื่อมั่นของธุรกิจและความมั่นคงในการใช้ชีวิตของประชาชน ผู้บริหารที่ดีไม่ควรฝืนใช้นโยบาย ทั้งที่ไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้
พรรคการเมืองที่ใช้นโยบาย ที่คำนึงถึงข้อเท็จจริง โดยไม่ฝืนต่อหลักกลไกตลาดเช่น พรรค ประชาธิปัตย์ ย่อมได้รับการไว้วางใจมากกว่า เมื่อคำนึงถืงจุดนี้


#227209 “ปานเทพ” เผยพันธมิตรฯ ขอเดินหน้าปฏิรูปการเมือง แนะพวกหวังตีกินจัดชุมนุมเอง

Posted by ทรงธรรม on 23 April 2012 - 16:24

การปฏิรูปการเมือง ที่น้องพัฒน์ว่า มันเป็นเชิงอุดมคติมากเกินไปครับ ไม่อาจปฏิบัติได้ในความเป็นจริงครับ
น้องต้องเข้าใจนะครับ ว่าทุกอย่างจะเริ่มไม่ได้เลยถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย การที่พันธมิตร ไม่ได้เป็นกลุ่มบุคคล ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ทำให้การปฏิบัติต่าง ๆ ของพันธมิตร ดูขาดน้ำหนัก ทำได้เพียงย้ำเตือนกับประชาชนที่เห็นด้วยอยู่แล้ว ไม่ให้ลืมเท่านั้น
สาเหตุที่พันธมิตรไม่อาจ จูงใจของผู้คนได้มากพอ เพราะแกนนำใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลนะครับ การตอบโต้ผู้ไม่เห็นด้วย ควรทำแต่ในกรอบที่เป็นการแย้งกันซึ่งเหตุและผล แต่ในทางปฏิบัติ พันธมิตรกลับกระทำไปโดยใช้อารมณ์พาไปมากกว่า
ส่วนที่พันธมิตรไม่ตอบรับพรรคการเมือง เพราะมีแต่นักการเมืองที่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง นั้นก็เห็นด้วยระดับหนึ่งครับ แต่น้องต้องไม่ลืมนะครับว่า ทุกอย่างเกิดเพราะประชาชนที่เลือกเอง ก็ใช้ระบบเลือกที่รักมักที่ชัง ทำให้ไม่ได้คนที่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง แต่จะตอบสนองต่อกลุ่มฐานเสียงของตนเป็นส่วนมาก ผมไม่พูดว่าพรรค ปชป เป็นพรรคที่ดี 100% แต่อย่างน้อยที่สุด นโยบายของพรรคนี้ ก็เป็นประโยชน์ และดูสมเหตุสมผล และคำนึงถึงความเป็นจริงมากกว่าพรรคอื่น รวมถึงพรรค การเมืองใหม่ ที่ผมแอบเชียร์ด้วย เพราะเอาเข้าจริง กมม.กลับไม่มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมดีพอ มักจะอาศัย เชิงอุดมคติมากกว่า
การที่เราไม่รับระบบการเมืองแบบนี้ แล้วคิดจะเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ โดยละทิ้งวิธีการที่คาดว่าจะปฏิบัติได้ในความเป็นจริง ก็เปรียบเสมือนกับ เราก่อร่างสร้างบริษัทสักแห่ง โดยขาด ความรู้ความชำนาญในการประกอบกิจการนั้น ๆ รวมถึงไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ที่จำเป็น มีเพียงหัวจิตหัวใจ ก็ไม่อาจทำให้บริษัทก้าวต่อไปได้ แม้เพียงก้าวเดียว


#226684 สวัสดีค่ะ ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะค่ะ ทนไม่ไหวจริงๆ กับเรื่องข้าวของแพง

Posted by ทรงธรรม on 23 April 2012 - 11:52

ตามประสา ของคนขายอาหาร ที่มีการปรุงจากวัตถุดิบ มักจะมีการบวกกำไรในอัตราที่สูงกว่า สินค้าชนิดอื่น โดยถือว่าเป็นค่าแรงของตนเองและลูกจ้าง ที่ร่วมกันปรุงขึ้นมาน่ะครับ ดังนั้นแม้วัตถุดิบ จะแพงขึ้นไม่มาก แต่ราคาอาหารที่ปรุงแล้ว จะมีราคาสูงขึ้นมาก จากมูลค่าเพิ่มของรสชาติที่มาจากฝืมือผู้ปรุง
และช่วงนี้ที่แพงกว่าปกติ เพราะผู้ปรุงเห็นว่า เมื่อค่าแรงขั้นต่ำ ของแรงงานไรฝีมือยังเป็น 300 บาทได้ แรงงานฝีมือ(ทำอาหารอร่อย) อย่างพวกเขาก็ควรจะได้ในอัตราที่สูงกว่า ประกอบกับ ราคาพลังงาน อันประกอบด้วย น้ำมัน(ในกรณีที่มีการใช้รถ ในธุรกิจด้วย) หรือ แก๊สหุงต้ม ที่พุ่งสูงขึ้น อย่างน่าใจหาย จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่ราคาอาหารจะพุ่งตามไปด้วย


#204074 ขอวัดระดับความรู้กันหน่อยครับ

Posted by ทรงธรรม on 5 April 2012 - 12:36

ลองตอบคุณ GOP ใหม่เรื่องหมี
ผมว่าหมี เดินลงเขาแล้วไปทางตะวันออกวนรอบเขา หนึ่งรอบ แล้วเดินขึ้นเขา ดังนั้น จุดที่ห่างจากจุดเริ่มต้นมากที่สุด ก็คือเส้นผ่าศูนย์กลาง รอบเขาบวกด้วยระยะทางที่เดินลงมาจากเขา
คำนวน จากสูตร 2พายr = เส้นรอบวง
2 x 22/7 x r = 5
r = 5/(2 x 22/7)
r = 0.79545454.....
เส้นผ่าศูนย์กลาง ก็ คือสองเท่าของ รัศมี = 1.59090909....
บวกด้วยระยะทางที่เดินลงมา 5
ก็เป็น 5 + 1.59090909... = 6.59090909....
  • Gop likes this


#202892 เฮนไตซินโดรม

Posted by ทรงธรรม on 4 April 2012 - 16:32

ขอแย้งคุณ hentai ในประเด็นการเลือกผู้นำที่ทำให้ประเทศสงบกว่า สักหน่อยครับ
ผู้นำปัจจุบันของเรา อยู่ในภาวะที่ประเทศสงบกว่าจริงครับ แต่เหตุผล ที่มันสงบ ต้องมานั่งคิดอีกทีครับ
ในประเทศพม่าก่อนที่จะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง รัฐบาลทหารพม่า ปกครองแบบเด็ดขาดใช้กำลัง ประเทศก็สงบ
ในประเทศเขมร รัฐบาลเผด็จการกัมพูชา ปกครองแบบครอบงำประชาชน ประเทศก็สงบ
ในประเทศมอนเตรเนโกร รัฐบาลของเขาเข้าข่ายโกงกิน แต่เนื่องจาก ประชาชนไม่กล้าลุกขึ้นตอบโต้ เพราะประเทศกำลังอยู่ในสภาพฟื้นตัวจากการ แยกประเทศ ประเทศก็สงบ
ในประเทศไทย รัฐบาลบริหารประเทศได้เข้าข่าย ทำเศรษฐกิจแย่ แต่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย ต้องการเห็นประเทศสงบ เพราะมีคุณธรรมเพียงพอ ประเทศก็สงบ
สรุป ประเทศสงบ ไม่ได้หมายความว่าผู้นำดี นะครับ การเลือกของคุณ hentai เป็นสิทธิส่วนตัวครับ ผมไม่ก้าวล่วง แค่จะชี้ว่า ประเทศสงบ ไม่ใช่คำตอบที่จะเลือก คุณสมบัติผู้นำของประเทศครับ