Jump to content


pglovethai

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 พฤษภาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2557 17:41
-----

#1074872 นายกฯยันไม่ผิดกรณีปปช.กล่าวโทษโครงการจำนำข้าว

โดย pglovethai on 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 13:05

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2557 ที่เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ได้โพสต์คำแถลงนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี ป.ป.ช.กล่าวโทษโครงการรับจำนำข้าว เนชั่นจึงขอคัดมาลงส่วนหนึ่งดังนี้ "พี่น้องประชาชนคะ ดิฉันขอยืนยันความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ว่า ดิฉัน มิได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และข้อกล่าวหาที่ว่า ทำไมดิฉันไม่ได้ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไปนั้น แม้จะถูกกล่าวหาเช่นนี้ดิฉันก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้ชัดแจ้งอีกครั้งว่า โครงการดังกล่าวมีเจตจำนงที่ดีต่อชาวนา และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน โครงการรับจำนำข้าวนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับชาวนา และแม้ว่าชีวิตดิฉัน จะต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา หรือรวมทั้งต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ตามความต้องการของผู้ล้มล้างรัฐบาลในปัจจุบัน แต่ดิฉันก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง โดยดิฉันหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. และหวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยอมรับฟังคำชี้แจงและพยานหลักฐาน ของดิฉันให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะชี้มูลความผิดกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมนั้น ย่อมต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเองเสมอ

ที่สำคัญหากการอำนวยความยุติธรรมต่อตัวดิฉันมีจริง โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆแล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ควรรีบเร่ง รีบร้อน ในการไต่สวนและชี้มูลความผิด ให้เป็นไปในลักษณะที่จะถูกสังคมกล่าวหาได้ว่า เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประสงค์ล้มล้างรัฐบาล และหากจะเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ กลับได้รับโอกาสในการได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่ นับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับคำร้องที่มีการกล่าวหา ดังที่ดิฉันได้กล่าวไว้เบื้องต้นในกรณีการทุจริตในโครงการระบายข้าว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน รวมทั้งคดีที่ยื่นและการค้างพิจารณาอยู่อีกเป็นจำนวนมากมาย เช่น กรณี ปรส.

ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนต่อสาธารณชนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ใช้อำนาจของตนอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม และเป็นไปตามหลักนิติธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้วหรือไม่"

 

http://breakingnews....p?newsid=712707

 




#757658 จำนำที่ "รัฐบาลไม่กล้าพูด" เจ๊งแล้ว

โดย pglovethai on 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:02

วันนี้-๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นวัน "คล้ายวันเกิด" นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกอย่าง ทั้งลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข ท่านมีพร้อม ดังนั้น ขอส่งความปรารถนาบริสุทธิ์มอบแด่ท่าน ด้วยมงคลแห่งกำเนิดชีวิตวัน จะเป็นวันเสี่ยงทาย "ทางเดินข้างหน้า" ซึ่งนับจากนี้ไป คนอื่น ก็คือคนอื่น ตัวแห่งเรา ก็คือตัวเรา "ใจ" เป็นผู้กำหนดสรรพสิ่ง สัมมาทิฏฐิ คือฟากฝั่ง มิจฉาทิฏฐิ คือหุบเหว สิ่งมีอยู่ทั้งหมดจะรักษาไว้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ "ใจพุทธะ" หรือ "ใจอธรรม" ในวันนี้...นำทาง?

    แต่ก็หนักใจแทน ในเมื่อ "วันโกนไม่ยอมละ-วันพระไม่ยอมเว้น" ทั้งที่สถานภาพรัฐบาลคลอนแคลน แทนจะสำนึก อะไรที่เป็นการสลายศัตรู-เพิ่มมิตร อะไรที่เป็นการต่อชีวิต ปล่อยสัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้า ในวันเกิด ท่านก็ไม่ทำ

    กลับไปเชื่ออำมาตย์รอบชายกระโปรง "สร้างเวรต่อ" ด้วยการให้อุทธรณ์คดีที่ศาลปกครองกลางสั่งคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช. ให้กับ "นายถวิล เปลี่ยนศรี"!

    นี่แหละ เขาถึงว่า เมื่อถึงคราชะตาตก-อกช้ำ ก็เหมือนมีม่านดำบังตา-บังใจ เรื่องง่ายๆ อันสว่างเป็นทางยาว ในเขตแดนอำนาจตัดสินใจตัวเองแท้ๆ กลับเลือกทางขวากหนามและมืดมิดที่ตัวเองต้องแพ้พ่ายในสถานเดียว

    ฟังนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกฯ อ้างเหตุที่ต้องอุทธรณ์ มีแต่คนถอนใจ ตอนทำกับคนอื่น ก็ไม่นึกถึงประเด็นที่ยกมาอ้าง ครั้นถึงคราวตัวเอง กลับยกประเด็นที่ทำกับคนอื่นไว้นั้น มาอ้างเป็นทางออก

    เออ...คนหนอคน!

    "...หากยึดแนวทางตามคำพิพากษาในประเด็นดังกล่าว จะไม่สามารถโอนย้ายข้าราชการในระดับเดียวกันจากตำแหน่งที่เป็น Actice Position ไปยังตำแหน่งที่เป็น Inactive Position ได้เลย เนื่องจากจะถือเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการโอนย้ายตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก รัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ

    หรือหากมีการนำประเด็นนี้ไปเทียบเคียงกับการบริหารงานในระดับกระทรวง จะเห็นว่ามีตำแหน่งงานที่มีอำนาจหน้าที่ หรือมีบทบาท มีระดับความท้าทายที่ต่างกันเช่นกัน อันจะทำให้ฝ่ายบริหารไม่อาจโอนย้ายผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีไปเป็นผู้ตรวจราชการ หรือตำแหน่งใดๆ ที่แม้มีระดับเดียวกัน แต่มีหน้าที่แตกต่างกันได้เลย

    สำหรับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นระดับ ๑๑ กับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ถือเป็นตำแหน่งที่ค่าของงานที่มีการประเมินของสำนักงาน ก.พ.ที่เท่ากัน เงินเดือนค่าตอบแทน และผลประโยชน์ต่างๆ เป็นค่าตอบแทนตามกฎหมายที่เหมือนกัน

     ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจึงเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ ที่เห็นเป็นการสมควรที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางในคดีนี้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เป็นการเฉพาะคดีนี้เท่านั้น แต่เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานและเป็นประโยชน์สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินโดย รวมต่อไป..."   

    ดูความเป็นไปในกลไกระบบ ข้า-ราชะ-การ ยุคนี้แล้ว ก็อดย้อนนึกถึงบางช่วง-บางตอนของประวัติศาสตร์ชาติโบราณไม่ได้ เอาที่เห็นง่ายๆ จากหลายราชวงศ์จีน ส่วนหนึ่งที่เป็นตัวบ่อนทำลายให้ล่มสลายไปแต่ละยุค

    ก็เพราะพวกประเภท "หลี่กงกง" นี่แหละ!

    เคราะห์ดีที่ประเทศไทยเราไม่มีหลี่กงกง มีแต่อำมาตย์ เสนาบดี หมีแพนด้า ก็พออุ่นใจได้ว่า ถึงมี หรือไม่มีคนชั่วช้าสามานย์ปานใด รากฐานรัฐก็ยังจะยืนหยัดค้ำประเทศไทยให้อยู่ได้-อยู่รอด!

    ตอนไล่ที่เอาเก้าอี้เลขาฯ สมช.จากนายถวิลไปให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เพื่อทำเก้าอี้ ผบ.ตร.ขณะนั้นให้ว่าง จะได้ให้น้องเมียทักษิณ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" ขึ้นมานั่ง

    นั่น...ทำไมท่านปลัดฯ ธงทองไม่ยกเหตุผลอันประเสริฐนี้ขึ้นมายึดเป็นทางปฏิบัติบ้างล่ะ เหตุผลประเด็นตำแหน่ง แอคถีบ กับ อินแอคถีบ ตามอ้างนั้น หลายคนเปรย...ฟังแล้ว

    ...อยากถีบ!

    การอ้างโดยไม่ละอาย เหมือนถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง ดูเหมือนตอนนี้ระดับนายกฯ ระดับรัฐมนตรีนิยมกระทำ เช่น เรื่องการลดราคารับจำนำข้าวเปลือก จาก ๑๕,๐๐๐ ลงมาเหลือ ๑๒,๐๐๐ ตอนหมื่นห้าสารพัดจะอ้าง

    แต่ตอนลด "ต้องการรักษาวินัยการเงิน-การคลัง!?"

    ถลุงกันทั้งในและนอกงบประมาณจนประเทศจะพัง เพิ่งสำนึกต้องการรักษาวินัยการเงิน-การคลัง ผมว่าเงินแผ่นดิน "หมดถัง-หมดตูด" แล้วมากกว่า

    ไม่ต้องไปดูที่ไหนหรอก ดูที่นายกสมาคมโรงสี "นายมนัส กิจประเสริฐ" เขาแฉทางรายการวิทยุอินไซด์ไทยแลนด์ ที่ "องค์การคลังสินค้า" กระทรวงพาณิชย์ มีคำสั่งไปตามจุดรับจำนำข้าวทุกแห่ง ก็จับไต๋ได้แล้ว

    อคส.มีคำสั่งให้โรงสีหรือจุดรับจำนำข้าวในโครงการด้วย "๕ มาตรการ" ว่า

    **********************************************
    ๑.ปรับราคารับจำนำข้าวเปลือก ๑๒,๐๐๐/ตัน มีผลตั้งแต่ ๓๐ มิ.ย.๕๖
    ๒.จำกัดวงเงินรับจำนำแต่ละครัวเรือน ครัวเรือนละ ๕ แสนบาท ตั้งแต่ ๒๐ มิ.ย.เป็นต้นไป
    ๓.ปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ ๒๐ มิ.ย.๕๖ เป็นต้นไป
    ๔.ชะลอการรับจำนำข้าวเปลือก ตั้งแต่ ๒๐-๓๐ มิ.ย.๕๖ เพื่อเตรียมสำหรับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ กขช. และห้ามทุกหน่วยรับฝากออกใบประทวนย้อนหลังโดยเคร่งครัด หากพบ จะถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง

    ๕.เพื่อให้ อคส.สามารถรับจำนำได้จนถึงวันที่ ๑๕ ก.ย.๕๖ (วันสิ้นสุดการรับจำนำของโครงการ) ให้จัดสรรให้ทุกหน่วยรับจำนำไม่เกินวันละ ๔๐ ตัน และไม่สามารถสะสมยอดได้

     เนี่ย...ก็สมควรให้ชาวนายกทัพวัว-ควาย และทัพอีแต๋นมาบุกทำเนียบฯ อยู่หรอก ขับเคลื่อนโครงการ ๑๕,๐๐๐ ทุกเมล็ดมาด้วยความเร็ว ๑๕๐ กม./ชม. จู่ๆ ก็เบรกพรวด

    คนที่ทำนาปรัง หวังจำนำหมื่นห้าอยู่เดือนหน้า-เดือนโน้น จะไม่โกรธจนยกทัพมาแหกอกรัฐบาลได้อย่างไร เพราะชาวนาแต่ละคนต่างมีเป้าหมาย ขายได้หมื่นห้ารอบนี้แล้วจะเอาเงินไปทำโน่น-ทำนี่ มันก็พังสลายหายวับไปกับตา!

    หายวับได้อย่างไร...ก็เห็นได้จาก ๕ มาตรการ อคส.บอกไว้ในข้อ ๕ ว่า รับจำนำได้ถึง ๑๕ กันยาก็จริง แต่ยอกย้อนซ่อนเงื่อนไว้ตั้งแต่ข้อ ๑, ๒, ๓, ๔ และ ๕ สรุปชัดๆ ในทางปฏิบัติจากทั้ง ๕ ข้อ คือ

    รัฐบาลหยุดรับจำนำ คือเลิกซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน (๒๐ มิ.ย.) ในทุกราคา!
    ถ้ายึดตามข้อ ๑ ในคำสั่ง จากวันนี้ ถึง ๒๙ มิ.ย. ยังสามารถเอาข้าวเปลือกไปจำนำได้ ๑๕,๐๐๐/ตัน จนถึง ๓๐ มิ.ย. จึงจะเปลี่ยนเป็น ๑๒,๐๐๐/ตัน

    แต่เมื่อดูข้อ ๓ บอกว่า "ปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ ๒๐ มิ.ย. "อ้าว...แล้วแบบนี้ จะให้ขนไปขายกับแม้วที่ดูไบหรือไง เพราะเท่ากับห้ามโรงสีในโครงการรับจำนำไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

    ยิ่งมาดูข้อ ๔ ให้โรงสีชะลอรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่ ๒๐-๓๐ มิ.ย. ซึ่งไม่ต้องบอกให้ชะลอหรอก เพราะข้อ ๓ สั่งให้หยุดรับจำนำไปแล้วแต่วาน

    แต่ประเด็นสำคัญคือ ตั้งแต่เมื่อวาน (๒๐ มิ.ย.) ห้ามโรงสี คือทุกจุดรับจำนำ "ออกใบประทวนย้อนหลัง" นั่นเท่ากับตอกย้ำว่า "รัฐบาลไม่รับจำนำแล้ว (โว้ย) เพราะหมดตูดแล้ว (โว้ย)!

    ที่บอกในข้อ ๒ จำกัดวงเงินรับจำนำแต่ละครัวเรือน ครัวเรือนละ ๕ แสนบาท เริ่มแต่ ๒๐ มิ.ย.เป็นต้นไป นั้นไม่มีความหมายเลย ก็จะไปจำนำใครที่ไหนล่ะ อย่าว่าแต่ ๕ แสนเลย ๕ บาท ก็ไม่มีที่จำนำ เพราะข้อ ๓ ให้ปิดโรงสีที่รับจำนำทั้งหมด แถมข้อ ๔ ห้ามออกใบประทวนย้อนหลังอีก

    และข้อ ๕ เป็นการ "ปิดฉากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ด-ทุกราคา" ไปเลย เพราะ อคส.สั่งว่า..."ให้ทุกหน่วยรับจำนำไม่เกินวันละ ๔๐ ตัน และไม่สามารถสะสมยอดได้"!

    ตรงตัว-ชัดเจน นอกจากปิดจุดรับจำนำไปตั้งแต่วานนี้แล้ว ถ้ามีโรงสีไหนตีความคำสั่งนี้ว่า ยังรับจำนำได้ โดยรับไม่เกินวันละ ๔๐ ตัน
    อย่างเก่งมีชาวนาจำนำได้รายเดียว หรือ ๒ ราย ก็ต้องหยุด เพราะแค่นั้นก็จะเกิน ๔๐ ตันแล้ว ส่วนชาวนาที่ขนใส่รถมาเข้าคิวรออยู่ล่ะ...จะทำไง ให้ขนกลับไปงั้นหรือ จะรับจำนำอีกก็ไม่ได้ เพราะ อคส.สั่งชัดเจน "ไม่สามารถสะสมยอดได้"

    สรุปแล้ว "ปิดโครงการรับจำนำ" ทั้งหมด ตั้งแต่เมื่อวาน (๒๐ มิ.ย.) คำสั่ง ๕ ข้อของ อคส.นี้ บอกตรงๆ อ่านแล้วอยากตะโกนถาม...พ่อคุณพ่อทูนหัว มั่วหรือเมาตอนเขียนคำสั่ง?

    แต่จาก "คำสั่งมั่ว" กลับประจานความจริงใสแจ๋ว "เงินหมดคลังแล้ว" เจ้าข้า!.

 

 

21 June 2556 - 00:00

 

http://www.thaipost.net/news/210613/75343




#756387 นิทาน ชาวนา กับ งูเห่า .. กลับมาเขย่าขวัญ สั่นประสาท สังคมไทย กันอีกครั้ง ..

โดย pglovethai on 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:19

นิทาน ชาวนา กับ งูเห่า .. กลับมาเขย่าขวัญ สั่นประสาท สังคมไทย กันอีกครั้ง ..

ภายหลังจาก รัฐบาลขี้ขังสมอง ของ ยิ่งลักษณ์น้องรักทักษิณ ประกาศตัวเลขราคารับจำนำข้าว ตัวเลขใหม่ จาก 15,000 บาท ต่อ ตัน รับจำนำทุกเมล็ด มาเป็น 12,000 บาท ต่อ ตัน ไม่จ ำนำทุกเมล็ด เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา การขาดทุนจำนำข้าวเน่า และ โยนบาปกรรมการกระทำความผิดทุจริตคอรัปชั่นทั้งหมดทั้งมวล ที่โดนกระแสสังคมรุมสกรัมหนักอยู่ในขณะนี้ ให้ตกไปรวมไว้อยู่บนหัวกระบาลชาวนาผู้ยากจนข้นแค้น .. ทั่วประเทศ !! ..

นี่คือ .. ความทุเรศที่สุด หน้าด้านที่สุด กะล่อนตอแหลที่สุด และ ชั่วช้าสามานย์ สุดๆ จริงๆ !!

ความจริง ชาวนาไม่เกี่ยว จะโครงการจำนำข้าว จะโครงการประกันราคา ชาวนา คือ ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เรื่องของ ตัวเลขเงิน แต่มันอยู่ที่ระบบที่นำมาใช้ว่า ระบบใดจะแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ตอดเล็กตอดน้อย จากเหล่า พ่อค้า ข้าราชการ นักการเมือง และ ทุนสามานย์ ได้ชะงักกว่ากัน ..

โครงการจำนำข้าว หรือ โครงการประกันราคา มันคือ โครงการประชานิยม ที่รัฐคิดค้นขึ้นมาเพื่อเอาไปช่วยเหลือชาวนาเหมือนกัน มีผลลัพธ์ คือ การขาดทุนเหมือนกัน แต่มันจะแตกต่างกันในเรื่องของ การขาดทุนมาก และ ขาดทุนน้อย และ เรื่องของ เงินที่ตกไปหาปากท้องชาวนาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือ โดนซิกแซกเข้ากระเป๋า .. แก๊งโกงข้าว !!..

คอนเซ็ปต์ ของ ประกันราคา ของ อดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่เขาขาดทุนน้อย แค่ 6 หมื่นล้านบาท ต่อ 1 ฤดูกาลผลิต นั้นเพราะเขา มองไปที่ ชาวนาได้ผลประโยชน์เต็มๆ การโกง การกดราคา การเอารัดเอาเปรียบ มีน้อย ปัญหาข้าวค้างสต๊อกมีน้อย ปัญหาการระบายขายข้าวไม่มี ขายได้ตลอด เพราะขายตามราคาตลาดโลก มันเลยไม่เกิดปัญหาเงินหมุนเวียนในโครงการ หรือ ค่าใช้จ่าย เบี้ยหัวแตก และ การแดกเปอร์เซ็นต์ของพวกข้าราชการ นักการเมือง และ นายทุนสามานย์ เกิดขึ้น..

การจ่ายเงินของ นโยบายประกันราคาข้าว ของ พรรคประชาธิปัตย์ มันดูเหมือนเขาจ่ายให้ชาวนา น้อยกว่า ราคาจำนำข้าว ของ พรรคเพื่อไทย ของ ยิ่งลักษณ์ ของ ทักษิณ แต่จริงๆมันไม่ใช่ นโยบายประกันราคาเขาจ่ายให้เหมาะสมตามราคาตลาด ทั้งตลาดภูมิภาค และ ตลาดโลก มันเลยไม่มีปัญหาอื่นๆตามมา คนขาย หรือ ชาวนาไม่เดือดร้อน คนรับซื้อก็ไม่เดือดร้อน ไอ้พวกที่มัน *** เดือดร้อนในตอนนั้น ก็คือ พวกชาวนาฐานเสียงพรรคเพื่อไทย ที่รับจ้างมาก่อม็อบประท้วงราคาข้าว เพราะโดนปั่นหัวว่าจะให้มากกว่า จะให้มากกว่า จาก ขี้ข้าทักษิณ แต่จริงๆชาวนาไทยทั่วประเทศส่วนใหญ่ เขาพอใจ นโยบายประกันราคากันทั้งนั้น เพราะมันรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ขาดทุน มีเงินหมุนเวียนคล่องตัว ไม่เป็นหนี้เพิ่ม !!..

ต่างกันกับโครงการจำนำข้าว ที่ในอดีตมันก็โกงกินกันสะบั้นหั่นแหลกมาแล้วโครงการระยำนี้น่ะ ไอ้บริษัทที่มันเข้ามาโกงตอนนี้ ในอดีตมันก็เคยโกงมาแล้วในโครงการเดียวกัน แต่รัฐบาลทุนสามานย์ผลาญแดกประเทศชุดนี้ มันก็เอาโครงการระยำจำนำข้าวเน่าพวกนี้ มาประโคมข่าว ขายฝัน เพื่อหาเสียงกับชาวนา เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝงร่วมกันกับพวกนายทุนค้าข้าวเจ้าใหญ่ๆ..

ตัวเลขที่ให้มากกว่า คือ ทีเด็ด เพราะคนพวกนี้รู้ดีว่า ชาวนา คิดไม่ทัน คำนวณไม่ทัน กว่าจะรู้ว่าโดนหลอกกัน ก็โดนสวมสิทธิ์ ก็โดนกดราคาหน้าโรงสี ก็แบกรับราคาต้นทุน ปุ๋ย น้ำมัน ค่าจ้าง ที่แพงบรรลัยหูฉี่ และ มีแค่ใบประทวนเอามาถือไว้ต่างเงินอยู่นานหลายเดือน ทำให้เงินหมุนไม่คล่องตัว กว่าจะได้เงินจำนำข้าวกลับมาก็รอเป็นชาติ ต้องไปกู้หนี้ยืมดอกเขามาหมุน ชาวนาที่มีฐานะดั่งเดิมดีอยู่ก็พอไปไหว ..

แต่ชาวนาจนๆทั่วๆไป .. ไม่ไหวก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะดันไปเลือกเขามาเป็นรัฐบาลเอง ..ก็ทนจน ทนเป็นหนี้ ดูทีวี ช่อง 3 เห็นหน้า สรยุทธ ตุ๋นข่าวเช้านี้ โปรโมตรัฐบาล อยากจะอ้วกก็อ้วกไม่ออก เพราะอ้วกออกมาหมดตอนขายข้าวเจ๊งไปหมดแล้ว พอหันไปดูจอแดงแสนรัก เห็นหน้าพวกขี้ข้าทักษิณ แกนนำแดง โผล่หัวออกมาเชลียร์ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ว่าทำเศรษฐกิจดี ชาวนารวย ชาวนารวย ก็แทบจะเป็นลมม้วยมรณา เพราะว่า .. มันรวยแต่เครือ.. กันไปหมดทั้งประเทศแล้วตอนนี้ !!

ขั้นตอนที่เงินงบประมาณจำนำข้าว มันเทหาย เทหาย ไปจริงๆ มันอยู่ที่ ขั้นตอน การรับซื้อข้าว การกักเก็บข้าว และ การระบายขายข้าว มันไม่ได้อยู่ที่ขั้นตอนการผลิต ที่เป็นขั้นตอนที่ ชาวนาลงทุน ในที่นาของพวกเขา ขั้นตอนที่มีการโกงกินกันมากๆจนทำให้ จำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขาดทุนย่อยยับเกิน 2.6 แสนล้านบาท มันอยู่ที่ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับ โรงสี โกดัง และ ที่ระบายข้าว ที่ส่งออกข้าว ที่มันเกี่ยวกับ พ่อค้าคนกลาง โรงสี ข้าราชการ นักการเมือง และ ทุนสามานย์พวกพ้องรัฐบาล เข้าไปมีเอี่ยวเกี่ยวข้อง..

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่าไปลดราคาจำนำข้าว เพื่อโยนบาปไปให้ชาวนา และ สร้างกระแสโยนความผิดไปให้เป็นเรื่องของการเมือง ไปโบ้ยว่าเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาคัดค้านโครงการจำนำข้าว หรือ ไปสร้างอุปาทานเป่าหัวชาวบ้านว่า อำมาตย์ อยู่เบื้องหลัง ไม่อยากให้ ชาวนาร่ำรวย หรือ ไม่อยากให้ชาวนาลืมตาอ้าปาก ตามที่ยิ่งลักษณ์ ชอบแหกปากพล่ามหลอกลวงชาวบ้านเขา เพราะจริงๆ จำนำข้าว ของ ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ชาวนารับกรรมนั้น มันออกนโยบายมาเพื่อตอกย้ำทำให้ ชาวนาไทย จนลงๆ หนักกว่าเดิม !!

ชาวนาไทยส่วนใหญ่ของประเทศ คือ ฐานเสียงของ ตระกูลชินวัตร .. อย่าทำตัวเป็น พวกงูเห่า ลืมบุญคุณของพวกเขา ชาวนาเขาไม่เกี่ยว ทางออกของปัญหานี้ ถ้าตระกูลชิน ไม่ขี้ขลาด หรือ ขี้โกง จนเกินไป ควรที่จะลดความหนา ความด้าน ความดันทุรังลงมา แล้วกลับไปหา โครงการประกันราคา แบบที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้ซะ หากบริสุทธิ์ใจจริงต้องกล้าที่จะทำ เพื่อตัดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นของข้าราชการ นักการเมือง และ การเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าคนกลาง โรงสี ..

นี่คือ วิธีช่วยชาวนาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ ไปลดราคาจำนำลงมา ปกติ บอกหมื่นห้า ก็รับซื้อเขามาแค่ หมื่นกว่าๆ ตอนนี้มาบอก หมื่นสอง คงรับซื้อเขาจริงๆไม่เกิน แปดพัน เงินให้ชาวนาน่ะลด แต่เงินจะเอามาแบ่งกันโกง แบ่งกันแดก ทั้งในส่วนของ พ่อค้าขี้งก ข้าราชการขี้ฉ้อ นักการเมืองขี้โกง และ ทุนสามานย์ขี้งก ขี้ฉ้อ ขี้โกงนั้น มันไม่มีวันลดกันลงมาหรอก หักเปอร์เซ็นต์เข้าพุงหมาพุงมาร เคยหักเท่าไหร่ ? เคยฉกไปเท่าไหร่ ? มันก็ฉกเอางาบเอาเท่าเดิม หรือ มากกว่าเดิมนั่นแหละ..

บทลิเกชั่วๆ มั่วไปโยนบาปให้ฝ่ายค้าน และ ผลักดันให้ชาวนาไปด่าฝ่ายค้านแทนการด่ารัฐบาลเจ้าของโครงการนั้น หยุดกระทำความระยำสิ้นคิดพวกนี้ได้แล้ว คนเขารู้ทันไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ม็อบทุกม็อบโผล่มาหมดแล้ว อย่าให้ม็อบสุดท้ายที่จะโผล่มาเป็น ม็อบชาวนา เลย .. เดี๋ยวจะ ฉิบหาย ดูไม่จืด !!

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากไปถึงพวกควายแดง ที่แต่งตัวเป็น ชาวนาปลอม ไปป่วนฝ่ายตรงข้ามทั้งหลาย หัดมีสามัญสำนึกกันบ้าง หากยังแดกข้าวกันอยู่นะ ไม่ได้แดกหญ้า โปรดคิดถึงผลประโยชน์ของชาวนาให้มากๆ อย่าเล่นการเมืองแลกเศษเงินไม่กี่บาทอีกต่อไปเลย มันน่าละอาย ..

นี่มันเรื่อง ข้าว นะ ไม่ใช่ เรื่อง หญ้า อย่าทำตัวเป็น วัว เป็นควาย ..

ให้เขาหลอกเสี้ยม ใช้งานอยู่เลย .. มันบาป เข้าใจไหม ??

พวกเครือข่ายชาวนา ฐานเสียงพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เก็บข้อมูลกลโกงของพรรคการเมืองที่ตัวเอง รักใคร่ ชื่นชอบ ไว้จนล้นโกดัง เหม็นคลุ้งไปทั่ว ก็ยังเสือกจะมามั่วข้อมูลสนับสนุนโครงการหลอกโกงพี่น้องเครือข่ายชาวนาของ ตัวเองอีก หัดมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หลงเหลือเอาไว้บ้าง เป็นขี้ข้านักการเมืองน่ะมันง่าย ไม่ต้องไปสมัคร แค่รับเงินมาป่วนอย่างเดียวก็เป็นขี้ข้าได้แล้ว..

แต่จะเป็น ไท เป็น ชาวนาไทย ที่มีคุณค่า มีจิตวิญญาณ มีศักดิ์ศรี ในวิชาชีพ ชาวนา ของตนจริงๆ..

มันก็ต้องกล้าพูดความจริง และ กล้าที่จะสู้กับ ความไม่ถูกต้อง ความทรยศ คดโกง ของ รัฐ และ นายทุน ..

แม้ว่า เราจะเลือกพวกเขามากับมือ แต่ถ้าเขามาโกงเรา เราก็ต้อง .. ไม่ยอมให้เขาโกง ..

ไม่ใช่ ปล่อยให้เขาโกง เขาหลอก พี่น้องชาวนาของตัวเอง แบบ เต็มใจให้หลอกซ้ำซาก ..

เพื่อแลกกับการเป็น ขี้ข้าทาสบริวาร ฐานเสียง ทุนสามานย์ แบบ มาราธอน ..

มันสะท้อนให้เห็น .. ความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ได้ ..

ที่ไม่ใช่ คุณสมบัติของ ชาวนาที่ดี และ มีศักดิ์ศรี !!


วินเซนต์ 20 มิถุนายน 2556

 




#749371 ประกันรายได้เกษตรกร VS จำนำข้าว

โดย pglovethai on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:33

ประกันรายได้เกษตรกร VS จำนำข้าว

 

11%2843%29.jpg

 

 

จำนำข้าวกันต่อเนื่องเลยแล้วกันนะครับ

 

สัปดาห์ที่แล้วสรุปให้เข้าใจกันง่ายๆ ไปว่านโยบายสนิมกัดกร่อนประเทศไปเรื่อยๆ รัฐบาลเองเป็นอย่างไร คราวนี้ ก็เริ่มมีประเด็นคนเอาไปเปรียบเทียบกับนโยบายเรื่องข้าวของรัฐบาลชุดที่แล้ว ผิดบ้าง ถูกบ้าง ในฐานะที่ทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อน ทางเราขออธิบายประกอบภาพตามนี้เลย

 

ประกันรายได้เกษตรกร : ประชาธิปัตย์ VS จำนำข้าว : เพื่อไทย

 

เปรียบเทียบจำนวนเงินงบประมาณจากภาษีประชาชนที่ใช้ไปกับรายละเอียด โครงการ ดังที่เห็นในแผนภาพ ประชาธิปัตย์บริหารแผ่นดิน 2 ปีกว่า ใช้เงินงบประมาณเรื่องข้าว ปีละประมาณ 6 หมื่นล้าน สองปีก็ 1.2 แสนล้านกว่าๆ ย้ำว่า นี่ไม่ใช่ผลขาดทุน แต่เป็นตัวเลขค่าใช้จ่ายเงินงบ ประมาณ แต่แท่งใหญ่ด้านขวา เพื่อความแฟร์ เราจึงเอาเลขค่าใช้จ่ายเงินงบประมาณมาเทียบเช่นกัน จะเห็นว่า แค่ 1 ปี 10 เดือนของการบริหารงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เงินผลาญภาษีประชาชนไปแล้วทั้งสิ้น สูงถึง 6.6 แสนล้านบาท ย้ำว่านี่ไม่ใช่ผลขาดทุน เพราะตัวเลขขาดทุนที่กระทรวงการคลัง รายงานคือ 2.6 แสนล้าน และผลขาดทุนนี้ ก็เยอะกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่รัฐบาลที่แล้วใช้จ่ายทั้งโครงการด้วยซ้ำไป ลงราย ละเอียดกันดีกว่าครับ

 

พรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

 

มีนโยบายเรื่องข้าว คือ “ประกันรายได้เกษตรกร” ไม่ใช่ ประกัน “ราคา” สินค้าเกษตร หลายคนเข้าใจผิดบ่อยครั้งว่าคือสิ่งเดียวกัน แต่หลักการประกัน ราคา คือจำนำนั่นเอง

 

รัฐบาลอภิสิทธิ์มีแนวคิดคือ ปล่อยให้การค้าขายข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด และไทยก็ทำได้ดีเรื่อยมาเป็นแชมป์ ส่งออกข้าว ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณ แต่เราเห็นว่า เกษตรกรยังมีรายได้ต่ำกว่าที่ควรจะใช้ชีวิตอยู่ได้ จึง “ประกัน” ว่าชาวนากระดูกสันหลังของชาติทุกคนจะต้องมี “รายได้” เพิ่ม ขึ้นจากจำนวนข้าวที่ปลูก โดยมีสูตรการคำนวณโดยรัฐ แล้วโอนส่วนต่างตรงเข้าไปยังบัญชีชาวนาผ่านทางธ.ก.ส. ไม่รั่วไหล ไม่ผ่านโรงสี ไม่มีนักการเมืองท้องถิ่นยุ่งเกี่ยว ชาวนาเข้าโครงการแทบทุกคนกว่า 4 ล้านครัวเรือน ใช้งบประมาณปีละแค่ 6 หมื่นล้านบาท และแน่นอน “ไม่มีขาดทุน” เพราะรัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับระบบ การซื้อ-ขายข้าวแต่อย่างใด

 

ที่กล้าพูดว่า นโยบายข้าวของรัฐบาลที่แล้วไม่มีผลขาดทุนเป็นเพราะว่า เราปล่อยให้กลไกการค้าเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ชาวนาปลูกข้าวได้ ก็เอาไปขายโรงสี โรงสีก็มีหน้าที่สีข้าว ให้เป็นข้าวขาวใส่ถุงใส่กระสอบแล้วส่งออกตามปกติ ข้าวไทยคุณภาพดีกว่าก็ขายได้มากกว่า แพงกว่าของประเทศที่ผลิตข้าวได้คุณภาพต่ำ และเราก็ขึ้นชื่อด้านคุณภาพมาช้านาน

 

ขอย้ำอีกครั้งครับว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรนี้ ไม่ได้วุ่นวายกับ “ราคา” ของข้าวแต่อย่างใดเราต้องการแก้ปัญหาข้าว ที่ตัวคนปลูกหรือเกษตรกร เขาปลูกของเขาได้ดีอยู่แล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตาม ธรรมชาติ ไม่ต้องไปแทรกแซงกระบวนการใดทางราคาทั้งสิ้น แต่ที่บอกว่าแก้ปัญหาที่ตัวคน คือ ไปเพิ่มรายได้ให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแทนและการปลดแอกจากการตกเป็นทาส ของนายทุนข้าว ก็จะเป็นผลในอนาคต เมื่อชาวนาลืมตาอ้าปากได้เอง แต่...

 

พรรคเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

มีนโยบายจำนำสินค้าเกษตรสืบเนื่องมาจากรัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชน ที่มีผลภาระทางภาษีเรื่อยมา กระทั่งในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังต้องตั้งงบชดเชยจำนำข้าวสมัยรัฐบาลไทยรัก ไทยด้วยซ้ำ แต่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งนี้สาหัสที่สุด เพราะดันไปจำนำข้าวทุกเม็ด จนทำให้ ภาระการคลัง ผลาญเงินภาษีปีกว่า บานไป 6.6 แสนล้านบาท หนำซ้ำยังทำลายกลไกตลาดการค้าข้าวของทั้งประเทศ ลดศักยภาพตัวเอง เสียแชมป์ตกไปอันดับ 3-4 ในปีที่ผ่านมาข้าวเน่าเหลือล้นในโกดัง และระบบจำนำข้าวนี้ ทำให้มีผลขาดทุนจากการคำนวณ mark-to-market หรือเทียบราคาให้เป็นปัจจุบัน แล้ว “ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท” จากตัวเลขกระทรวงการคลังโดยรัฐบาลเอง

 

แต่ที่เป็นปัญหา เพราะกระทรวงพาณิชย์ที่มีหน้าที่ขายข้าวแล้วส่งเงินกลับมาไม่ยอมรับความ จริง เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องถกเถียงอย่างแพร่หลายในวงสังคม เพราะตัวเลขของทุกคนไม่ตรงกันเสียที คลัง พาณิชย์นักวิชาการ อดีตรมว.คลัง และฝ่ายค้าน ต่างมีข้อมูลตัวเลขในมือทั้งสิ้น ฝ่ายรัฐบาลแทนที่จะออกมากล่าวหาว่าคนอื่นมีตัวเลขใส่ร้าย แต่ตัวเองก็ไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนชี้แจงเสียที เปลี่ยนตัวคนดูแลตัวเลขจำนำข้าว ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ช่วยอะไร นายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถึงเวลาก็ไม่เข้าประชุม เหมือนจะสะท้อนกลายๆ ว่า ไม่ได้แคร์หรอกว่า 2.6 แสนล้านที่เป็นผลขาดทุนจากภาษีคนไทยทั้งชาตินั้น อยู่ในมโนสำนึกในความรับผิดชอบของนายกฯ ที่เป็นทั้งประธานนโยบาย และประมุขฝ่ายบริหาร ลอยตัวไปวันๆ แบบนี้ มาตรฐานของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยจะมีแต่ต่ำลงทุกๆ วัน

 

ย้อนกลับไปในหลักการนิดนึงครับ สาเหตุที่บอกตอนต้นว่า หลักการ “ประกันราคา” คือ “จำนำข้าว” นั้นคือ มีการบอกว่า จะรับจำนำ ซึ่งจริงๆ คือ รับซื้อโดยราคาที่ประกันขั้นสูงไว้ที่ 15,000 บาท ดังนั้นนโยบายทางการข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือการเอาข้อเสียของทั้งระบบ “จำนำ” และ “ประกันราคา” มารวมไว้ด้วยกัน โดยไม่สนใจหลักกลไกตลาด และความสามารถในการแข่งขัน...ขอย้ำอีกครั้งครับว่า ของประชาธิปัตย์คือ “ประกันรายได้เกษตรกร”ไม่ใช่ ประกันราคา ไม่ใช่ จำนำ

 

ทั้งหมดที่พยายามอธิบายก็เพื่อให้เข้าใจในพื้นฐานหลักการของสองนโยบายของสอง พรรคใหญ่ก่อน เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขและถกประเด็นกันอย่างถูกต้องในอนาคต ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ของชาวนาไทย และเพื่อคนไทยที่เสียภาษีทุกคนได้รู้เท่าทันจำนำข้าว นโยบายสนิมของรัฐบาล

 

 

พัสณช เหาตะวานิช

 

http://www.naewna.co.../columnist/7172




#749367 "ดร.เสรี" โพสต์ 10ข้อ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" กำลังดิ่งเหว!

โดย pglovethai on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:26

15 มิ.ย.56 ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า หากจะบอกว่ารัฐบาลนี้กำลังอยู่ในขาลง อาจจะมีคนถามว่ามีอะไรที่บ่งชี้ ก็อยากจะบอกว่า มีทั้งปรากฏการณ์เชิงประจักษ์ และมีเหตุผลทางทฤษฎี

1. รัฐบาลนี้เริ่มกีดกันเสรีภาพของการแสดงออกของคนที่คิดต่าง

2. รัฐบาลนี้ปกปิดความจริง ไม่กล้าเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับความผิดพลาดของโครงการและนโยบายต่างๆ

3. คนที่เคยเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลที่เคยปากดีทั้งหลาย สงบเสงี่ยมไปเยอะเริ่มพูดแก้ต่างหรือแก้ตัวให้รัฐบาลยากขึ้น

4. มีกลุ่มที่พร้อมจะให้ความจริงเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลมากขึ้น อันเนื่องมาจากกลุ่มหน้ากากขาว

5. จำนวนคนเสื้อแดงที่มีชุมนุมมีจำนวนน้อยลงในทางตรงกันข้ามคนที่ต่อต้านรัฐบาล เริ่มมีมากขึ้น ทั้งในด้านจำนวนกลุ่มและจำนวนคนที่อยู่ในกลุ่ม

6. กลุ่มคนที่เป็นhard core ของกลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรง เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เหมือนพยายามข่มขู่แบบเชือดคอไก่ให้ลิงดู ซึ่งก็คงไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก

7. การกรำทำของผู้บริหารบางคนเพลี่ยงพล้ำทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย รัฐมนตรีสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีกระทรวงเดียวกัน รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาและรัฐมนตรีกระทรวงเดียวกัน แต่ละเรื่องยากที่จะชี้แจง

8. แม้แต่พวกแดงด้วยกันก็เริ่มไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล มีแดงตำหนิแดงลำพูนที่ใช้ความรุนแรงกับพรรคประชาธิปัตย์ มีแม่ของคนตายไม่พอใจกฎหมายปรองดองของรองนายกรัฐมนตรี

9. สื่อมวลชนข้างรัฐบาลเริ่มบิดเบือนช่วยรัฐบาลไม่ไหว เพราะเจอสถานการณ์ "ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด" ทำให้แผ่วไปเยอะ ขณะที่สื่อตรงข้ามกับรัฐบาลกลับมีประเด็นมาเขียนตำหนิรัฐบาลมากขึ้นอย่างน่า สนใจ

10. รัฐบาลพ่ายสงครามไซเบอร์โดยสิ้นเชิง เพราะข้อความใน social media ประณามรัฐบาลอย่างรุนแรง และส่วนใหญ่คนก็เชื่อข้อความนั้นด้วย และหลายคนที่เชื่ออาจจะเคยเป็นคนที่เคยรักพรรคเพื่อไทยและรักทักษิณมาก่อน ด้วย

ถ้ารัฐบาลตระหนักในข้อนี้ก็น่าจะพิจารณาว่าควรจะทำอะไรให้เมืองไทยมีความสงบ สุขและเจริญก้าวหน้า และหลุดพ้นจากการปะทะกันระหว่างคนไทยด้วยกัน

Untitled-1%28308%29.jpg

 

 

 

http://www.naewna.com/politic/55804




#749361 ถึงยุค 'ประชาธิปไตยออนไลน์'

โดย pglovethai on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:20

๒-๓ วันมานี้ ศาลทำบุญปล่อยสัตว์ใหญ่ไปหลายตัว เท่าที่ดู เป็นสัตว์อายุมากแล้ว ให้ไปตายเองตามบุญ-ตามกรรม ดีกว่าเอามากักขัง เผลอๆ มันเกิดตรอมใจตายขึ้นมา ก็จะเข้าทางหางแดงที่กำลังหาเหตุยุแยงตะแคงแหย่ ยกขึ้นมากล่าวร้ายป้ายโทษต่อศาล ตามแผน "ระบอบทักษิณ" ที่กำลังปฏิบัติการเขย่าคลอน ด้วยหวังถอนอำนาจตุลาการ

    ก็เป็นไปตามวงรอบที่เคยคุยกันไปจนรำคาญทั้งผมและท่านนั่นแหละครับว่า สังคมไทย-สังคมโลก อยู่ในเทอมหมุนรอบตามช่วงเวลาของ "ยมทูตใต้พิภพ" คือดาวพลูโต

    ดังนั้น กลุ่มแพทย์ กลุ่มวิทยาศาสตร์ กลุ่มผู้ใช้กฎหมาย กลุ่มประวัติศาสตร์/โบราณคดี กลุ่มสำรวจทรัพยากรแผ่นดิน กลุ่มนิยมด้านจิตวิญญาณ กลุ่มนักบวช กลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุ นี่แหละ บุคคลในกลุ่มเหล่านี้ จะเป็นผู้มีบทบาท อำนาจ/อิทธิพล ต่อการ....

    เปลี่ยน "อนาคตประเทศไทย"!

    ก็ทนกันอีกนิดเถอะน่า ทนกันมาได้ตั้ง ๕-๖ ปี ทนกันอีกซัก ๒ ปี เกล็ดกระดี่มันจะขึ้นรอบสะดือก็ให้มันรู้ไป ดูพระมหาชนกซิ ทะเลไม่เห็นฝั่ง ด้วยตบะและความเพียร ท่านยังว่ายด้วยหวัง ถึงฝั่งไม่มาหา ก็จะมีนางมณีเมขลาอุ้มไปมิถิลานครเอง

    แล้วพวกเรา ไม่ต้องว่าย ไม่ต้องตะกายตึก แค่นั่งจิ้มหน้าคอมพ์ หิวก็กิน อิ่มก็นอน หนาว/ร้อนก็บ่น เจอคนตะกวดก็ยี้ แค่นี้ทนไม่ได้ ก็ไปอยู่เขาจิงโจ้โน่น...ไป๊!

    พวกพ่อหม้าย/แม่หม้าย จะหม้ายแบบตายจาก หรือหม้ายแบบย้ายที่นอน พวกตัวเปล่าเล่าเปลือย คือเป็นชาย/หญิงเชิงเดี่ยว พวกไม่มีครอบครัวเป็นผัว/เมีย พวกถนอมความเป็นหนุ่ม-เป็นสาวเอาไว้ ไม่ยอมใช้จนกลายเป็นสินค้าหมดอายุ

    บุคคลประเภทเหล่านี้ จากกลุ่มคนที่ผมบอกไปข้างต้น  คือคนที่จะมาเปลี่ยนชะตาอนาคตประเทศไทย ถ้าอยากเห็นหน้าก็พยายามรักษาลมหายใจให้สม่ำเสมอกันไว้ ๕๘-๕๙ ก็จะเห็น แต่ถ้าใคร หูไว-ตาไว กลางปี ๕๗ ก็จะเห็นไหวๆ

    นี่ถ้าไม่รักกันจริง จ้างก็ไม่บอก!

    เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็จงเชื่อผม อย่าไปตอแยทหาร อย่าเอาการเปลี่ยนผ่านด้วยสิ่งที่วางบนพานรัฐธรรมนูญไปวางทูนไว้บนรถถัง อย่าไปตั้งหวังจะให้ทหารออกมาจับปูดำ-ขยำปูแดง

    ขึ้นชื่อว่าปู ใช้อักษร ป. ฉะนั้น ก็ต้องให้คนในหมวดอักษร ป.เขาทำหน้าที่ เช่น ป.ป.ช. ถ้าเป็นอักษร ย.ก็ต้องให้คนในหมวด ย.ทำหน้าที่ เช่น ยุติธรรม ได้ยิน "ต่าย อรทัย" เธอร้องมั้ย...คนที่ไม่ใช่แฟน เรื่องในวงแขน ทำแทนกันไม่ได้ น่ะ

    เรื่องที่ไม่มีในกรอบกฎหมายให้ทำ อย่าไปร้องขอ-เคี่ยวเข็ญให้ทหารเขาทำ ไม่ได้หมายความว่า ให้ทหารรับใช้อำนาจการเมืองบริหาร โดยไม่สนใจรับใช้อำนาจประชาชนบริหาร แต่ผมหมายถึงว่า อย่าทะลึ่งให้ต้นกล้วย "ลัดขั้นตอน" ออกเป็นกล้วย

    ในโลกนี้ ไม่มีต้นกล้วยพันธุ์ไหนออกเป็นเครือกล้วย/หวีกล้วย

    มีแต่ ออกเป็น "หัวปลี" ก่อน

    แล้วจาก "หัวปลี" มันจะไปเป็นหัวปลา หรือหัวอะไรที่ไม่ใช่กล้วยไปไม่ได้หรอก...คุณเอ๋ย!

    พวกเราชาวบ้าน เหมือนคนนอกวง อย่าไปคิดแทน-ทำแทนเขา...ขอย้ำ ทหารเขามีหน้าที่อะไรอยู่ในวงแขน เขายืนตะโกนกรอกหูเขาเองทุกเช้า-ทุกเย็น

     ฉะนั้น อย่าไปยุ่งกับเขา ปล่อยให้เป็นเรื่องในวงแขนเขา แล้วทุกอย่าง เมื่อถึงเวลา....จ.ด.อ.

    "จะ-ดี-เอง!"

    นี่...กขช.ที่ไม่ได้แปลว่า "โกงกินข้าวจนสิ้นชาติ" หากแต่ย่อมาจากคำว่า "คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ" เขาสรุปโดยหาความสุจริตที่จะสรุปยังไม่ได้ว่า ตกลงแล้วการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ผลาญจน "ขาดทุน" ไปแล้ว ๒.๖ แสนล้าน โดยประมาณการเบื้องต้น ใช่หรือไม่?

    เพราะเอาเอกสารการบัญชีมากางบนโต๊ะประชุมแล้ว ปรากฏว่า จากยอดใช้ไป ๖ แสนกว่าล้าน บัญชีกระทรวงคลังระบุขาดทุนด้วยตัวเลขหลักแสน แต่บัญชีกระทรวงพาณิชย์ ขาดทุนหลักหมื่นต้นๆ

    เรื่องตัวเลขอัปลักษณ์เช่นนี้ ก็คงมีเฉพาะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มันน่าอายขายขี้หน้า ระดับชาติ-ระดับรัฐบาล กางบัญชีออกมา "บริษัทเดียวกัน" กำไร-ขาดทุนไม่ตรงกัน รู้ถึงไหนก็อายหมาถึงนั่น

    เพราะนี่มัน "ส่ออสัตย์" ต่อชาติโดยตรง!

    เอาหละ...เมื่อส่อโกงกินกันบิดผันตัวเลขจนหลังโก่ง ก็ยังเกิด "ตัวเลขโกง" ปิดหีบไม่ลง เอางี้ละกัน ในเมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกิตติรัตน์ นายบุญทรง คือทั้งก๊ก-แก๊งเพื่อไทย เถียงว่าขาดทุนไม่ถึง ๒.๖ แสนล้าน ก็เอาเป็นว่า

    ขาดทุนแค่ ๒๕๙.๙๙๙ ล้านบาท ก็แล้วกัน!

    ยังไงก็ไม่ถึง ๒.๖ แสนล้าน ถูกทั้งฝ่ายคลัง-ฝ่ายพาณิชย์ และฝ่ายรัฐบาล เอาอย่างเลขประมูลโครงการน้ำนั่นไง งานเป็นแสนล้าน ลดบาท-สองบาท ท่านปลัดแพนด้าก็ให้ชนะประมูลใสๆ เหมือนไส้ลงหำ

    เรื่องพรรค์นี้ ตรรกะคิดของคนรอบกระโปรงยิ่งลักษณ์แต่ละคนเขาเจ็บๆ ทั้งนั้น...ตอนบาทแข็ง นายกิตติรัตน์บอก...อยากปลดผู้ว่าฯ แบงก์ชาติวันละร้อยหน เพราะไม่ยอมลดดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้สินค้าส่งออกไทยแย่

    นายบุญทรง นายหมู-นายแมวระบอบแม้ว จีบปาก-จีบคอ เงินบาทแข็ง ทำลายตลาดส่งออก ข้าวขายไม่ได้ เพราะทำให้ราคาแพงขึ้น

    ครั้นตอนนี้ เงินบาทอ่อน แล้วดูมันพูด...แบงก์ชาติต้องดูแลอย่าให้มีความผันผวน เงินบาทอ่อนทำให้กระทบต่อผู้นำเข้า ข้าวก็ขายลำบาก!

    แบบนี้...มันน่าชวนไปคุยที่พัทลุง?

    เรื่องสถานที่พูด-ที่คุยนี่ก็สำคัญ ดูอย่างทีมเลขาฯ สมช.ไปพูดจาภาษาสันติภาพกับโจรบีอาร์เอ็นที่มาเลย์ฯ ๒ ครั้งก่อน เปิดเผยสถานที่คุยโจ่งแจ้ง แต่วานซืน ครั้งที่ ๓ คุยที่มาเลย์ก็จริง แต่แอบไป "คุยหะ" คือคุยในที่ลับ ไม่มีใครรู้

    ได้ยินว่าบรรลุข้อตกลง "โจรจะลดรอบฆ่าและเผา" ให้!

    คุยในที่ลับไม่มีปัญหา แต่เมื่อวาน (๑๔ มิ.ย.) พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญจร แก้วสรร-ขวัญสรวง อติโพธิ ตัวแทนกลุ่ม "ไทยสปริง" ไปแถลงข่าวเปิดตัว "การประกาศการชุมนุมทางออนไลน์" ที่รัฐสภา...ปรากฏว่า มีปัญหาโดยพลัน

    คือพวกรัฐบาลเพื่อไทยพากันเจี๊ยวเล็ก-เจี๊ยวใหญ่ อ้างว่ารัฐสภาของพวกเขา ใครที่ไม่ใช่สมาชิกจะมาใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะพวกที่ใช้ระบบนอกสภาฯ มาล้มรัฐบาล อย่างนายแก้วสรรงี้...เหลืองอ๋อย

    มันก็ถูกของเขานะ....!

    ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยมาใช้สถานที่รัฐสภาแถลงข่าวล้มรัฐบาลได้ไง พวกเพื่อไทยไม่เคยทำแบบนี้........

    เคยแต่ยกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เผาบ้าน-เผาเมือง ไล่ล่าตามฆ่านายกฯ สไนเปอร์ทหาร ถล่มกองบัญชาการกองทัพบก วินาศกรรมสถานที่สำคัญ บุกทำเนียบฯ ล้อมศาล บุก กกต.ล่าหัวประธาน บุกอาคารรัฐสภา ไล่ล่าถลกหนังหัว ส.ส.และ ฯลฯ

    พูดถึงการเปิดตัว "ชุมนุมทางออนไลน์" ของ พล.ต.อ.วสิษฐ กับแก้วสรร ผมว่า ทึ่ง-เท่-เก๋-เริด คือแปลกใหม่ แหวกมิติสังคมการเมืองว่าด้วยเรื่องประชาธิปไตยต้องเดินด้วยตีนที่จำเจ มาเป็นการเมืองว่าด้วยเรื่อง

    "ประชาธิปไตยออนไลน์ชุมนุม"!

    มีชื่อซะด้วยนะ "แข็งข้อพวกทรยศ" หรือไทยสปริง ๒ เจตนาเขามีว่า...

    "ความเคลื่อนไหวการชุมนุมครั้งนี้ผ่านสื่อออนไลน์ หวังสร้างอาวุธทางปัญญาร่วมกัน ก่อนถึงเดือนสิงหาคม ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ thai spring forum ร่วมกับเฟซบุ๊กการเมืองหลักๆ ในฐานะพันธมิตร จากนั้นจะมีการถ่ายทำคลิปชุมนุมเป็นจำนวน ๖ ครั้ง ครั้งละ ๑ หัวข้อ นำมาทยอยเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๘.๐๐ น. โดยจะเริ่มตั้งแต่ อาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน - วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กรกฎาคม การชุมนุมแต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลา ๒ ชั่วโมง เป็นการชุมนุมแบบปิด"

    ก็อย่าลืมเตือนพวกให้พก "หน้ากากขาว" ติดตัวด้วยละกัน เผื่อเหลิมเขาระดมกำลังทางออนไลน์ ยิงแก๊สน้ำตาอัดเข้าไปทางออนไลน์สลายวงชุมนุม จะได้งัดออกมาคลุมหน้าได้ทัน.

 

 

15 June 2556 - 00:00

http://www.thaipost....ws/150613/75039




#748972 ท่าทาง.. แก๊งอุ้มการเมือง จะลำบากเสียแล้วล่ะครับงานนี้ ?..

โดย pglovethai on 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 08:58


ยิ่งอำมหิต ยิ่งอันธพาล ยิ่งถ่อย .. คนยิ่งจำ ยิ่งเกลียด และ ยิ่งโกรธ ..

เผด็จการป่าเถื่อน อุ้มฆ่า โหดร้ายกว่านี้ .. ในหลายๆประเทศ ที่มีรัฐบาลเผด็จการ เก่งกาจ มากอิทธพลมืดกว่านี้ ..

มันก็ ..ล่มสลายฉิบหายมาแล้ว และ .. ล่มสลาย เพราะกระแสคนทนไม่ไหว คนไม่ยอมก้มหัวยอมจำนน..

ที่เกิดอาการไม่กลัวตายรวมหมู่ ออกไปต่อสู้ร่วมกัน จำนวนเรือนแสน เรือนล้าน ..เพื่อขับไล่ รัฐบาลมารครองเมือง ทั้งนั้น !!..

คนไทย จะปล่อยให้ มาเฟีย *** ห่า และ โจรอันธพาล ครองเมือง บ้านเมืองจะอยู่กันไหวหรือ ??..

จากโกงจำนำข้าว มาฉาวต่อที่มัลดีฟส์ มาเกิดคดีอุ้มฆ่าอำมหิต มาปิดคดีอำมหิตด้วยฆ่าชิงทรัพย์ .. นี่นับว่าประเทศไทย ใกล้จุด กลียุค เข้าไปทุกทีทุกขณะ ยิ่งมาเจอ ม็อบอันธพาลแดง ระดมพล ไปเที่ยวอาละวาด ไล่ทุบตี ประชาชนชาวเชียงใหม่ ที่รวมพลังสวมหน้ากากขาว ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แบบป่าเถื่อนในวันนี้เข้าไปอีกเนี่ย ..

บ่องตง .. รัฐบาลผีอีเน่า เหม็นฉาวเนี่ย .. ใกล้วันอวสานเข้าไปทุกขณะแล้วล่ะ !!

อาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน นี้ .. เขาไม่กลัวกันหรอก ยังไงๆ เขาก็นัดชุมนุมทั่วประเทศแน่ๆ !!

ตอนนี้ มีหลากหลายกลุ่มประชาชน ออกมาเดินชนรัฐบาลชั่วมากขึ้น ตามข่าวเนี่ย พอผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญอุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่ทันไร ..กลุ่มไทยสปริง ของ แก้วสรร และ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร ก็ออกแถลงข่าว เปิด เพจไทยสปริง ใน facebook ระดมพลต่อต้านระบอบทักษิณกินเมือง ให้ลั่นโลกกันไปเลย แบบท้าทายไปเลยตรงๆว่า .. กูไม่กลัว*คุณ*..ไม่กลัวโดนอุ้มฆ่าแบบเอกยุทธ !!

แถมดูท่าจะจุดติดไวด้วย .. เพราะแถลงวันเดียว คนเข้าไป like ร่วมๆหมื่นไปแล้ว !!

อีกด้านหนึ่ง เกี่ยวกับคดีความ ทาง หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่เพิ่งโดนเด้งไปก่อนเกิดเหตุการณ์ อุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่นาน .. เมื่อวาน และ วันนี้ก็ออกมาแสดงความคิดเห็น เสียงดังฟังชัดว่า ..คดีเอกยุทธนั้น มันเป็น ฆาตกรรมอำพราง ตำรวจรีบปิดคดี เจ้าหน้าที่ชันสูตร พิสูจน์หลักฐาน เก็บหลักฐาน ไม่ละเอียด..มันมีขั้นตอนการทำงานที่น่าสงสัยเต็มไปหมด โดยเฉพาะ ขั้นตอนการเก็บหลักฐาน เก็บศพ เพราะ ตำรวจ สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่กลับไม่ทำ ..

มันตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า คดีนี้มันมีเงื่อนงำจริงๆ เพราะผู้เชี่ยวชาญที่ชาวบ้านทั่วประเทศไว้วางใจ อย่าง หมอพรทิพย์ มองแว้บเดียวก็รู้แล้วว่า คดีเอกยุทธนั้น เข้าอีหรอบเดียวกันกับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร เป๊ะ .. คือ ตำรวจ และ รัฐบาล ตั้งใจทำลาย และ มองข้าม พยาน หลักฐานสำคัญๆ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ..เพื่ออำพรางคดี !!

ทางฝ่าย กรรมการสิทธิมนุษยชน วันนี้ก็ออกโรงเตรียมประชุม เพื่อตั้งคณะกรรมการเข้าไปร่วมติดตามตรวจสอบ คดีการเสียชีวิตของเอกยุทธ แม้หลายฝ่ายจะมองว่า คดีเอกยุทธ อาจจะเดินรอยเดียวกันกับคดีทนายสมชาย ที่ท้ายสุด เอาผิดคนบงการไม่ได้..แต่การที่กรรมการสิทธิมนุษยชน เข้ามาสนใจคดีนี้ ก็ทำให้เห็นแล้วว่า อนาคต คดีอุ้มฆ่าเอกยุทธ ไม่จบแค่ ลมปากฆ่าชิงทรัพย์ ของ เหลิม แจ๊ส และ อดุลย์ แห่ง สตช. แน่นอน !!

ยุคนี้มันยุคดิจิตอล กรรมมันมาไว เพราะข่าวสารมันไวทันกรรมไม่เหมือนยุคสมัยทนายสมชาย โดนอุ้มหาย ที่ข้อมูลข่าวสารมันโดนปิดเอาไว้เงียบอยู่นาน จากรัฐบาลทักษิณ และ พวกสื่อขี้ข้า รวมถึงพวกตำรวจไพร่สีกากี ..

สมัยนั้นกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ผ่านไปตั้งนาน ต่างกันกับ คดีเอกยุทธ ที่คนสนใจมากล้นเพียงชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่ดังกระหึมต่อเนื่อง จนคนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั่งก้นไม่ติด หลายๆคนที่มีชื่อถูกพาดพิง ต่างวิ่งแก้ตัวกันพัลวัน บางคนเคยนั่งมาดนิ่ง เงียบเฉียบ เย็นเยียบปานน้ำแข็ง ก็ยังต้องมาออกแรงแก่แก้ข่าวกันระนาว ..

ดังนั้น นี่มันคือ นิมิตรหมายอันดี ที่ชี้ชัดว่า คดีเอกยุทธ ยังไงๆก็จะไม่พบปลายทางอันมืดมนเหมือนคดีทนายสมชาย แน่นอน..

ดีไม่ดี อาจจะกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ ที่นำไปสู่การล้างบาง อันธพาล มาเฟียอุ้มฆ่า ..

และ รัฐตำรวจ ของ รัฐบาลเผด็จการ.. โคตรชั่ว ..

ที่ชั่วยกโคตรได้ !!


วินเซนต์ 14 มิถุนายน 2556



#748115 ปมปริศนาคดีฆ่าพิสดาร

โดย pglovethai on 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:01

ความตายของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เหมือนยกภูเขาออกจากอกใครหลายคน...

 

โดยเฉพาะฝ่ายระบอบทักษิณที่เป็นคู่ปฏิปักษ์ชัดแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น นายใหญ่ นักการเมืองและข้าราชการที่นายเอกยุทธกุมความลับว่าไปฟอกเงินตามเกาะเลี่ยง ภาษีต่างๆ รวมถึงผู้มีอำนาจรัฐ จาก ว.5 โฟร์ซีซั่น-เกาะสวาทหาดสวรรค์ น้ำทะเลกระฉอกที่มัลดีฟด์ หรือแม้แต่นายตำรวจคู่พิพาทของนายเอกยุทธ ฯลฯ

 

ไม่ว่าใครลงมือฆ่านายเอกยุทธ คนเหล่านี้ก็คงอยากให้คดีปิดลงไวๆ และถ้าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับการจ้างวาน ไม่มีปมขัดแย้งอื่นๆ ก็จะยิ่งสบายใจ

 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ประกาศตนว่าเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” พยายาม กล่าวตอกย้ำหลายครั้งในทำนองว่า คดีไม่มีอะไรซับซ้อน มาจากฝีมือคนขับรถ เป้าประสงค์คือเรื่องเงิน 5 ล้านบาทเป็นแรงจูงใจ ผู้ก่อเหตุเตรียมการตั้งแต่จับตัวเอาไป เอาไปเบิกเงิน ลงไปใต้ ไม่เกี่ยวกับการเมืองอย่างแน่นอน ไม่มีเสธ.ไหนมาเอี่ยวทั้งสิ้น

 

เช่นเดียวกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( ผบช.น.) ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในทิศทางเดียวกัน ดูเหมือนจะเห็นคล้อยตามเรื่องราวแห่งคำรับสารภาพของนายสันติภาพ คนขับรถของนายเอกยุทธ และยืนยันว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างแน่นอน

 

แต่แนวทางแห่งคดีที่ปรากฏต่อสาธารณชนขณะนี้ ถูกสังคมตั้งข้อครหาสงสัยเป็นอันมากว่า มันสอดคล้องกับข้อเท็จจริง สมเหตุสมผล มีพยานหลักฐานรองรับแน่นหนาเพียงใด

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะไม่สามารถกลับคำให้การ หรือมีอคติเจือสม ประกอบการยืนยันแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ลายนิ้วมือ วัตถุพยาน ผลชันสูตรศพ ฯลฯ

 

มิฉะนั้น หากผู้ต้องหาที่รับสารภาพในวันนี้ แต่ไปกลับคำให้การในชั้นศาล ก็อาจจะไม่สามารถเอาผิดได้

หรือแย่ยิ่งกว่านั้นคือ อาจจะมีผลทำให้ให้คนร้ายตัวจริงลอยนวล เป็นการตัดตอนการสืบสาวเอาผิดผู้เกี่ยวข้องที่อาจจะมีมากกว่าที่ปรากฏในข่าว

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพฤติกรรมของผู้ต้องการ ตอนแรกปฏิเสธหน้าตาย เล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะรับสารภาพว่าวางแผนร่วมกันกับพวกอีก 3 คน ประสงค์ ต่อทรัพย์ แต่ก็ยังไม่วายโกหกอีก เช่น บอกว่าใช้ปืนฆ่า เปลี่ยนมาเป็นบีบคอ เปลี่ยนมาเป็นใช้เชือกรัดคอ ฯลฯ ยิ่งไม่น่าไว้วางใจได้เลย

 

ลำพังแค่ใช้สามัญสำนึก ตั้งคำถามกับ “เรื่องเล่า” ที่เป็นโครงเรื่องแห่งคดีสังหารโหดนายเอกยุทธ ก็จะพบพิรุธ ข้อสงสัย ประเด็นสำคัญ และตัวละครที่ยังเป็นปริศนาดำมืดอยู่อีกมากมายหลายจุด เช่น

 

1) อุ้มนายเอกยุทธเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร?

 

นายสันติภาพอ้างว่า ก่อเหตุในกรุงเทพฯ กับเพื่อนอีกหนึ่งคน คือ นายเบิ้ม ไม่ว่าจะเป็นการจี้ตัว ใส่กุญแจมือในรถตู้ เอาตัวไปเค้นเอาทรัพย์ บีบบังคับให้เซ็นเช็ค หรือแม้กระทั่งการฆ่านายเอกยุทธ ทั้งหมดทำกันสองคนเท่านั้น

น่าสงสัยว่า กระทำเพียงสองคน จริงหรือไม่?

 

การล็อกตัวนายเอกยุทธ โดยกระทำในรถตู้หน้าร้านกระแต เป็นการกระทำอุกอาจ ผู้กระทำจะแน่ใจว่าสำเร็จได้น่าจะต้องมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่านี้ นายสันติภาพขับรถ นายเบิ้มคนเดียว จัดการนายเอกยุทธในสถานที่สุ่มเสี่ยง มันเป็นไปได้อย่างไร?

 

มีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อะไรมายืนยันได้ เช่น ลายนิ้วมือ เส้นผม ร่องรอยบนรถตู้ การเก็บหลักฐานบนรถตู้กระทำอย่างถูกต้องแค่ไหน พบอะไรบ้าง บ่งชี้ว่ามีกี่คน แค่สองคนจริงหรือ?

 

ก่อนลงมืออุ้ม นายสันติภาพโทรหาใครบ้าง บันทึกการใช้โทรศัพท์มือถือ นัดหมายใคร? รายงานใคร?

 

2) รีดเค้นเอาทรัพย์สินที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร?

 

ขั้นตอนนี้ ก็มีพิรุธหลายจุด เช่น

 

เมื่อจี้ตัวนายเอกยุทธไปที่บ้านย่านทาวน์อินทาวน์ เกิดอะไรขึ้นในบ้าน ถูกบันทึกเหตุการณ์โดยกล้องวงจรปิด กระทั่งมีการถอดเซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลออกไป ปรากฏภาพใครบ้าง แค่สองคนหรือไม่?

 

ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว ถือเป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ตำรวจติดตามมาได้หรือยัง

 

กล้องวงจรปิดรุ่นใหม่สามารถเรียกดูภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ ยังสามารถเรียกดูข้อมูลภาพเหตุการณ์ที่อื่นใดอีกหรือไม่ นอกจากข้อมูลที่บันทึกไว้ที่บ้าน

 

นอกจากนี้การพาตัวไปเค้นเอาเงิน 5 ล้านบาท การรับเอกสารเช็ค การบังคับเซ็นต์เช็ค เอาปืนจี้หัวให้นายเอกยุทธยืนยันการเบิกจ่ายเงินจากเช็คกับเจ้าหน้าที่ ธนาคารทางโทรศัพท์ อ้างว่าเกิดขึ้นในรถตู้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็น่าสงสัยว่ามีหลักฐานอะไรมายืนยันบ้าง

กล้องวงจรปิดในสนามบินสุวรรณภูมิปรากฏรถตู้ไปจอดอยู่ที่ไหน? นานเพียงใด? มีใครเดินเข้าออก? บันทึกภาพนายสันติภาพไปรับเอกสารเช็คแล้วเดินไปไหน อย่างไร? นายเอกยุทธอยู่รถตู้จริงหรือไม่? หรือมีคนอื่นช่วยกำกับแผน ดูต้นทาง อำนวยการ?

 

สอบปากคำคนที่เอาเช็คมาให้นายสันติภาพ และเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้วเป็นอย่างไร?

 

รถตู้ออกจากสนามบินก่อนจะกลับมารับเงินอีกรอบหนึ่ง ไปไหน ทิ้งช่วงนานเพียงใด   

คนนำเงิน 5 ล้านบาทมาให้นายสันติภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิให้การอย่างไร?

 

เป็นไปได้หรือที่นายเอกยุทธจะอยู่บนรถตู้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะสถานที่สุ่มเสี่ยง และ/หรือไม่มีรถคันอื่นหรือบุคคลอื่นช่วยกำกับ คุมเชิง ป้องกันระหว่างที่จัดการเรื่องเช็คและเงิน?

 

3) ฆ่านายเอกยุทธที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร?

 

ตามท้องเรื่องนั้น เล่าว่า หลังจากได้เงินสด 5 ล้านบาทแล้ว นายสันติภาพก็ขับรถออกจากสนามบิน นายเบิ้มคุมตัวอยู่ในรถตู้ ทำกันเพียงสองคนเท่านั้น กำลังจะย้อนกลับมาที่บ้านพี่สาวอีกครั้ง ปรากฏว่า เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ขณะที่รถติดอยู่บริเวณย่านลาดพร้าว นายเอกยุทธสบจังหวะเปิดประตูรถตู้วิ่งหนีออกมา ทั้งๆ ที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ แต่นายสันติภาพก็วิ่งไล่ตามจับนายเอกยุทธ ลากตัวมาขึ้นรถ และบีบคอ ส่วนนายเบิ้มก็ถอดเชือกรองเท้าออกมาฆ่ารัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิต จากนั้นนำศพขึ้นรถขับเอาไปทิ้งที่จังหวัดพัทลุง

การสังหารตามท้องเรื่องยิ่งนับว่าพิสดารแบบไม่เกรงใจใคร

 

เป็นไปได้แค่ไหน และมีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ใดมายืนยันเรื่องนี้บ้างไหม?

 

โดยเฉพาะที่นายเอกยุทธหนีออกจากรถตู้ได้ช่วงรถติด หนึ่งทุ่ม ย่านลาดพร้าว สภาพการจราจรคับคั่งอย่างที่สุด จะต้องมีคนเห็นเหตุการณ์จำนวนมากอย่างแน่นอน

 

มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้บ้างไหม ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ดังกล่าว หรือแม้แต่ภาพรถตู้ในช่วงเวลานั้น ณ บริเวณที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง

ผลการชันสูตรศพของนายเอกยุทธพบร่องรอยบาดเจ็บที่ข้อเท้า อาจสันนิษฐานได้ว่าตกจากที่สูง ก็อาจเกิดจากการกระโดดสะพาน หรืออื่นใด? (มีร่องรอยถูกทรมานหรือไม่?)

 

การสังหารโหด บีบคอ รัดคอ บนรถตู้ บนถนนในเมืองหลวง เวลาหนึ่งทุ่ม โดยก่อเหตุกันเพียงสองคนนั้น ยากจะเชื่อถือจนกว่าจะมีหลักฐานมายืนยัน

 

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างบางประเด็นที่ยังเป็นช่องโหว่ รอให้ตำรวจค้นหาหลักฐานที่ “กลับคำให้การไม่ได้” มายืนยันแน่นหนาเสียก่อน มิใช่รีบเร่งสรุปคดี กระทั่งออกมารับรองว่าไม่มีเรื่องการเมือง หรือไม่มีเหตุจูงใจอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมพิสดารครั้งนี้

 

สารส้ม

 

http://www.naewna.co.../columnist/7155




#743217 ระบอบทักษิณ ใกล้แตกแล้ว .. แม้ว รับทราบ !!.. vincent

โดย pglovethai on 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 08:00

ท้าทายใครไม่ท้า ดันไปท้าทาย พลังของประชาชน มันก็ต้องเจอประชาชนออกมาแสดงพลังต่อต้านแบบนี้นี่แหละ !!..

ต้องยอมรับว่า .. หน้ากากขาว แรงดีไม่มีตกจริงๆ ยิ่งนัดชุมนุมคนยิ่งมาร่วมชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ และ ชุมนุมแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครด้วย ไม่ได้ไปปิดถนน ไม่ได้ไปป่วนจนห้างร้านเขาต้องปิดบริการ นัดชุมนุมกันโดยสงบปราศจากอาวุธ มีเพียงป้ายประท้วงหลากหลายคำประณามรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ..ที่ชักจะมีออกมาหลากหลายรูปแบบมากขึ้นเรื่อยๆ ..

งานนี้.. เชื่อแน่ว่า ..จะต้องมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นำข่าวนี้ไปเผยแพร่มากขึ้นอย่างแน่นอน ..

และ มันจะทำให้ .. รัฐบาลผีอีเน่า ยิ่งลักษณ์ .. ส่งกลิ่นเน่าจนต่างชาติเขาสำลักกลิ่นโกงกันไปทั่วโลก แน่นอน !!..

เฉพาะ.. ในกรุงเทพฯเนี่ย มากันเต็มลานหน้าห้าง ล้นขึ้นไปบนสะพานลอย ยิ่งเย็น ยิ่งค่ำ คนยิ่งล้น พูดง่ายๆ มากมายกว่ารอบก่อน ที่ชุมนุมกัน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ..หลายเท่าตัว !!..

นี่ไม่นับรวม ..หน้ากากขาว ต่างจังหวัดอีกหลายจังหวัดนะ ที่นัดชุมนุมพร้อมกันวันนี้ อาทิเช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พิษณุโลก ราชบุรี ขอนแก่น และ อีกหลายๆจังหวัด ที่คนออกมาพร้อมใจกันสวมใส่หน้ากากขาว มาเดินขบวน มาแห่ป้ายประท้วงรัฐบาลกันอย่างสงบ .. เป็นภาพ สีสัน ของ ผู้รักใน สิทธิ เสรีภาพ และ ประชาธิปไตย ที่งดงาม น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง !!..

นี่แหละ ..คนไทยขนานแท้ และ ดั้งเดิมล่ะ .. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีพ !!!..

ยามศึกพร้อมรบ ยามสงบพร้อมเฝ้าระวัง ไม่มีใครยอมนั่งนิ่งเฉยเป็น พวกไทยเฉย ขี้ขลาด ยอมจำนน ปล่อยให้คนชั่ว คนเลว นายทุนนักธุรกิจตระกูลขี้โกง มันมาโกงกินชาติบ้านเมือง ไปได้ง่ายๆหรอก .. พลังรักชาติที่จุดติดร่วมกันในครั้งนี้ของมวลชนหน้ากากขาว มันคือ ก้าวย่างสำคัญ .. ที่จะนำพาพวกเขา ..ไปสู่ฝันที่เป็นจริง .. คือ ถีบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตกเก้าอี้ และ ล้มล้าง นักการเมืองเดรัจฉานบูรณาการ ชั่วช้าสามานย์ จำพวก โกงยกโคตร ชั่วยกตระกูล ของ ระบอบทักษิณ ให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินไทยได้อย่างแน่นอน ในอนาคตอันใกล้ !!..

ตอนนี้ ยิ่งลักษณ์ ทำอะไรไม่ถูกล่ะ .. เมื่อวาน ก็ส่งพวกสมุนอันธพาลควายแดง ไปดิสเครดิตตัวเอง ด้วยการไปป่วนเวทีปราศรัยของพรรคการเมืองคู่แข่ง จนชาวบ้านเขาหัวร้างข้างแตก เพราะโดนยิงหนังสติ๊กเข้าใส่ เรื่องนี้รู้ถึงไหน ขายขี้หน้าถึงนั้น .. ประชาธิปไตย โคตรพ่อมันซิ ทำกันอย่างนั้น !!..

มันทำให้ พวกแดงหมดสภาพ ของ นักสู้เพื่อประชาธิปไตย กลายเป็นพวกอันธพาล*** .. ***นิยม ไปในพริบตา ที่ขนาดพวกแดงด้วยกันเอง มันยังต้องออกมาตำหนิ พฤติกรรม น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ของพวกเดียวกัน เพราะมันต่างก็ สุดๆ และ เอือมระอา ต่อ พฤติกรรมสันดาน ดิบ เถื่อน ถ่อย และ สถุล ของพวกควายแดงอันธพาลทั้งนั้น ..

ยิ่งลักษณ์ .. วันนี้ สื่อกระแสหลัก ก็พยายามจะ ปั้นข่าว ยิ่งลักษณ์ กลบกระแสหน้ากากขาวกันอย่างเต็มที่ โดยมีความพยายาม ที่จะโชว์ภาพขยันทำงานผิดปกติ ของ ยิ่งลักษณ์ ที่ดัดจริต ออกอาการผีขยันเข้าสิง มาลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ..ในวันหยุด เพื่อจะหนีปัญหา ม็อบหน้ากากขาวออกมาประท้วง และ หนีการตอบคำถามสื่อ เรื่อง ..จำนำข้าวเน่า ที่มีตัวเลขขาดทุนที่สุดจะประเมินได้ .. เพราะมันถูกทำให้เป็น เรื่อง ลับเฉพาะ ..คนขี้โกง ไปเรียบร้อยแล้ว !!..

เหตุที่ยิ่งลักษณ์ จำเป็นต้องลากสังขารเหี่ยวๆเรี่ยวแรงน้อยของพวกติดนิสัยเกียจคร้านการงาน ด้วยการลงพื้นที่พบประชาชน สร้างภาพ สร้างข่าว ในช่วงนี้ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจเรื่องงานบ้านงานเมือง และ งานชาวบ้านมานาน เพราะมัวแต่ไป เดินสายท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง สะเดาะเคราะห์ ตามต่างประเทศ หลายประเทศ จนสนุกสนานเพลิดเพลินเกินพอดี จนไม่มีกระจิตกระใจ ไปใส่ใจแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านนั้น !!..

มันมีประเด็นสำคัญ แค่นี้นี่แหละ .. มันอยู่ที่เรื่องของ กระแสความนิยม ของ ยิ่งลักษณ์ ที่ตอนนี้ชักจะตกต่ำสุดตีนจริงๆ กระแสประณาม โจมตี ล่าสุด .. กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ เขาไม่ได้ โจมตีเรื่องความโง่จนขี้เกลือจับ ของ ยิ่งลักษณ์ เท่านั้น..แต่เขาโหมใส่หนักๆ ไปที่ จุดอ่อน ..จุดดับ ..จุดเดิม ของ ยิ่งลักษณ์ เต็มๆ..

นั่นก็คือ เรื่องของ.. การโกงกินแบบบูรณาการ ย้อนรอยชั่ว ของ รัฐบาลทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายหนีคุกอยู่ในขณะนี้ !!..

ที่ ยิ่งลักษณ์ .. ไม่ว่าจะ งัดวิชามาร วิชาตอแหล วิชาแถ และ วิชาตะแบง อะไรมาสู้ก็ตาม ..

รับประกันซ่อมฟรี.. ยิ่งลักษณ์ .. มีแต่ แพ้ กับ แพ้ แน่นอน !!!..


วินเซนต์ 9 มิถุนายน 2556

— กับ สาวคอนถม ถึงแดน พระอาทิตย์ตกน้ำ ภูเก็ต

 

 


  • wat likes this


#742266 เจ๊ง บ๊ง ..เรียบร้อยโรงเรียนเจ๊ ด.รอแดกไปแล้ว สำหรับโครงการอภิมหาระยำจำนำข้าว...

โดย pglovethai on 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:53

เจ๊ง บ๊ง ..เรียบร้อยโรงเรียน เจ๊ ด.รอแดก ไปแล้ว สำหรับโครงการอภิมหาระยำจำนำข้าว ที่ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ คนไทย 60 กว่าล้านคน รับเวร รับกรรม แบบ รับเละหมด ทั้งปัญหาหนี้เน่า ทั้งปัญหาข้าวเน่า และ ปัญหาข้าวแพง ที่มันเริ่มส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความ เป็นอยู่ เรื่องของค่าครองชีพ หนี้สินครัวเรือน หนี้สินสาธารณะ ที่จะส่งผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งระบบในอนาคต ..

โดยเฉพาะ ..จากสัญญาณเตือนของ มูดี้ส์ ที่เป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศต่างๆทั่วโลก ..ที่แสดงความกังวล และ ห่วงใย ต่อตัวเลข การขาดทุนย่อยยับ ของ โครงการจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ภายหลังจากที่ข้อเท็จจริง เรื่อง ตัวเลขขาดทุนยับ 2.6 แสนล้านบาท ในโครงการจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ถูกเปิดเผยผ่าน น.ส.สุภา ปิยจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลฤดูการผลิต 2554/55 เมื่อเร็วๆนี้ ก่อนที่เธอจะโดนย้ายออกจากตำแหน่งไป ..

ซึ่งล่าสุดนี้ น.ส.สุภา ปิยจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลฤดูการผลิต 2554/55 คนนี้ เธอก็ยังคงออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าว และ ยืนยันข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ที่ประเมินผลเสียหายของโครงการออกมาจากข้อมูลที่เป็นจริง เหมือนเดิมว่า ...

"ผลขาดทุนจากการปิดบัญชีที่เสนอไปให้นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการคำนวณบนพื้นฐานข้อมูลที่ปรากฏจริง ไม่ได้ต้องการมีปัญหากับใคร หรือทำร้ายประเทศชาติ แต่ต้องการให้นายกฯรับทราบความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง" .. !!!!..

ดังนั้น การที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ เป็นผู้ดูแลโครงการจำนำข้าวทั้งหมดโดยตรง ส่งพวกขี้ข้าสมุนรับใช้ ระดับตัวจำอวดหน้าม่าน 2 ตัว อย่าง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เจ้าของฉายา จีทูจีลวงโลก กับ รมช.พาณิชย์ ที่ชื่อ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ หรือ ท่านอำมาตย์ไพร่เต้นส้นตีนแดง ออกมาตะแบงแก้ตัวแก้ต่างเพื่อแก้ข่าวเมื่อวานนี้นั้น มันก็แค่ ..ฉากปาหี่ชั่วร้าย ของ พวกขุนโจรวายร้ายใส่สูท ที่เที่ยวพูดตอแหลน้ำไหลไฟดับ เพื่อจะรักษา โครงการปล้นชาติ ปล้นประชาชน โครงการนี้ต่อเท่านั้นเอง ..ตามใบสั่งของ ..นายใหญ่หน้าเหลี่ยม นายหญิงน้อยหน้าด้าน และ นายหญิงอ้วน..หน้าซาลาเปา !!..

คนเราเป็นถึงระดับผู้บริหาร ระดับรัฐมนตรี ถ้ามันไม่โง่อยู่ในระดับสมองหมาปัญญาควายจริงๆ ไอ้ตัวเลข กำไร ขาดทุน หรือ ตัวเลขข้อมูลเกี่ยวกับ จำนวนข้าวในสต๊อก จำนวนข้าวที่กำลังระบายขายออกไป ทั้งที่ขายภายในประเทศ หรือ ส่งออกขายต่างประเทศ หรือ ส่งออกไปขายแบบจีทูจี ที่เป็นสัญญาระหว่าง รัฐบาล กับ รัฐบาล หรือ แม้แต่จำนวนตัวเลขขาดทุนโครงการ ของ ฤดูการผลิต 2554/2555 โดยประมาณ ที่มันผ่านมาเป็นชาติแล้วนี่ มันต้องมีข้อมูลบันทึกไว้ในหัวสมองหมดแล้ว ..ยกเว้น มันเป็นข้อมูลที่พูดออกมาไม่ได้ ถ้าพูดออกมาตามข้อเท็จจริงตามข้อมูลที่เป็นจริง .. รัฐบาลมันจะพัง เข้าอีหรอบที่ว่า .. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ .. มาเพราะไข่ แต่จะไปเพราะ..ข้าว !!..

เที่ยวไล่โจมตีอดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์ เรื่องไข่ชั่งกิโล เรื่องไข่แพงจนชาวบ้านโง่หลงเชื่อ พอมาถึงยุคตัวเอง ไข่ไก่ ผีอีเน่า *** โคตรแพงหูฉี่ทุบสถิต ไข่แพงของทุกรัฐบาลที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทยไปแล้ว และ พอมาเป็นรัฐบาลจริงๆ ยิ่งลักษณ์ได้ทำโครงการจำนำข้าว 15,000 บาท ต่อตัน สมใจอยาก แต่ทำไปทำมาอะไรๆที่ ยิ่งลักษณ์ คุยโม้ไว้ว่า มันจะทำให้ชาวนามีฐานะมีชีวิตดีขึ้น มาถึงตอนนี้นอกจากชาวนาจะไม่มีฐานะดีขึ้นและชีวิตดีขึ้นตามโม้แล้ว ในอนาคตชาวนาไทยอาจจะฉิบหายตาม โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และ ธ.ก.ส. ที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ที่ถูกดึงมาเข้าร่วมโครงการโกงกิน “เดรัจฉานบูรณาการ” นี้ด้วย..

อย่าลืมว่า .. 80 % ของ พี่น้องเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาไทย พวกเขาฝากชีวิต เครดิต การเงิน ไว้ กับ ธ.ก.ส. ทั้งนั้น พี่น้องเกษตรกรชาวไร่ชาวนาไทย ส่วนใหญ่ เป็น ลูกหนี้ ธ.ก.ส.ทั้งนั้น ..เมื่อ ธ.ก.ส. รอเจ๊ง เพราะโครงการเฮงซวยจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มันเจ๊งบ๊งขาดทุนระยำป่นปี้ไปแบบนี้ .. ในอนาคตอันใกล้นี้ ..มีหรือที่ ..ชาวนาไทย จะรอดพ้นหายนะใหญ่ครั้งนี้ไปได้ ..หากเศรษฐกิจไทยเกิดหายนะเพราะโครงการจำนำข้าว ..คนที่จะฉิบหายก่อนเพื่อน ก็คือ ชาวนาไทยนั่นแหละ จากนั้น คนไทยอาชีพอื่นๆก็จะค่อยๆทยอย ฉิบหายตามชาวนาไป จนหมดประเทศ !!..

โครงการจำนำข้าวของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มันมีลักษณะ เอื้อต่อการคอรัปชั่นแบบบูรณาการมากๆ มันมีลักษณะของการทุจริตกันมาเป็นทอดๆ ..โกงมาตั้งแต่ขั้นตอนของ เจ้าหน้าที่รัฐ กับ เกษตรกร ในเรื่องของการออกใบประทวน การสวมสิทธิ์ โกงกินกันตั้งแต่ขั้นตอนของ เจ้าหน้าที่รัฐ กับ โรงสี พ่อค้าคนกลาง ในเรื่องของ การกดราคาข้าว ที่บอกว่าได้ หมื่นห้าๆ น่ะ เอาเข้าจริงๆ ไม่ถึงหรอก หักความชื้น หักโน่นนี่ เหลือราคาซื้อขายจริงๆ แค่ตันล่ะ หมื่นกว่าๆ ..

โกงกินต่อมาจนถึงช่วงของการ จัดเก็บข้าว ที่มี องค์การคลังสินค้า ที่เป็นหน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่มันจะมีเรื่องของ การเช่าโกดังจัดเก็บข้าวด้วยงบประมาณมหาศล ที่รัฐบาลต้องจ่ายเป็นเบี้ยหัวแตก มากขึ้นๆเรื่อยๆทุกๆปี ตามจำนวน ข้าวค้างสต็อก ตามจำนวนข้าวที่ระบายขายไม่ทัน หรือ ขายไม่ได้ เพราะไม่มีคนซื้อ เพราะว่ามันแพงแสนแพง ..

โกงกินต่อมาจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ที่เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพราะรัฐบาลรับผิดชอบเต็มๆ ก็คือ ขั้นตอนการระบายขายข้าว ที่จะมีกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพใหญ่เข้าไปจัดการ จะขายข้าวให้ใคร ? จะระบายข้าวขายในประเทศเท่าไหร่ ? จะส่งออกเท่าไหร่ ? จะมีการขายแบบจีทูจีกับประเทศไหนบ้าง ? จำนวนเท่าไหร่ ??.. จะแบ่งไปทำข้าวบรรจุถุงขายสักกี่มากน้อย ? .. เรื่องพวกนี้กระทรวงพาณิชย์รับจัดการทั้งนั้น !!..

โครงการอภิมหาระยำจำนำข้าว มันถึงมีเรื่องของการ เทงบประมาณลงไปสูงมากมายถึง 5 – 6 แสนล้านไปแล้ว ตลอดช่วง 3 โครงการ ที่ผ่านมา เพราะมันมีการผลาญแดก แดกผลาญในทุกระยะของโครงการแบบนี้นี่แหละ มันเติมเข้าไปยังไงก็ไม่พอหรอก และ นอกจากมันจะทำให้ รัฐบาลขาดทุนย่อยยับ ในโครงการแรก ปีการผลิต 2554/2555 สูงถึง 2.6 แสนล้านบาทแล้ว ..

ล่าสุด ..กับตัวเลข ข้าวค้างสต๊อก ที่องค์การคลังสินค้าแจงตัวเลขมามันก็มากมายมหาศาลเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย ถึง 17 – 18 ล้านตัน เข้าไปแล้ว ที่มันระบายขายไม่ทัน และ ตัวเลข ปริศนา? ข้าวบรรจุถุง เพื่อขายให้ประชาชน ถุงละ 70 บาท อีกหลายร้อยล้านถุงที่หายไป ที่ นพ.วรงค์ เดชวิกรม พรรคประชาธิปัตย์ ถามหานั้น มันล้วนแต่เป็น หายนะใหญ่ และ ตัวเลขสูญเสียมหาศาล ที่รอแดกหัวกระบาลคนไทยทั่วประเทศทั้งสิ้น !!..

อย่าได้แปลกใจ เหตุใด ?? .. กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว. คลัง ในช่วงสมัยเป็น รองนายกฯ พ่วงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ สมัยนั่งดูแลเรื่องข้าวและการระบายขายข้าวโดยตรงเมื่อปี 2554 ถึงกล้าคุยโม้ว่า จะไม่ทำโครงการจำนำข้าวขาดทุนเกินกว่าโครงการประกันราคาของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขาดทุนอยู่ที่ตัวเลขราวๆ 6 หมื่นล้านบาท แต่พอมานั่งเป็นรัฐมนตรีคลัง ที่ขึ้นมาดูแลเรื่องงบประมาณภาษีประชาชนที่จะเอาใช้ในโครงการจำนำข้าว พอมีตัวเลข เจ๊งบ๊ง 2.6 แสนล้าน ออกมา กิตติรัตน์ รมว.คลัง คนเดิมคนนี้ ก็หน้าด้านตอแหลปฏิเสธทำนองว่า .. มันไม่เคยพูดเรื่องที่ว่า หากโครงการจำนำข้าวขาดทุนมากกว่าโครงการประกันราคาแล้วรัฐบาลจะต้องรับผิด ชอบ หากใครมีคลิป มีหลักฐานก็เอาเปิดเผย อย่ากล่าวหามันลอยๆ อะไรประมาณนั้น ..

ซึ่งเรื่อง ตอแหล โกหกสีขาว ของ กิตติรัตน์ เนี่ย มันเป็นสันดานติดตัวมันไปแล้วล่ะตอนนี้น่ะ มันโกหกจนชิน จะให้มันไปยอมรับคำพูดชุ่ยๆของมันนั้น ฝันไปเถอะ คนมันเลวยันเงาขนาดนี้ มันมีสำนึกซะที่ไหน ?? ..มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่ มันจะต้องออกมาตอแหลปฏิเสธสิ่งที่มันเคยพูดโม้ออกไป เนื่องเพราะว่า .. มันเกี่ยวข้องกับ เกมการเมือง และ คะแนนนิยมทางการเมือง .. โดยตรง !!..

จะว่าไปแล้ว นโยบายรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ของ พรรคเพื่อไทย กับ นโยบายประกันราคาผลผลิตทางการเกษตร ของ พรรคประชาธิปัตย์ มันก็ล้วนแต่เป็น นโยบายประชานิยม เหมือนกันหมดนั่นแหละ ที่ต่างก็คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวนา ในเรื่องของการแบกภาระขาดทุน เพื่อช่วยเหลือ ชาวไร่ ชาวนา ด้วยกันทั้งนั้น ..โครงการประชานิยมช่วยชาวบ้าน ชาวนา ชาวไร่ พวกนี้นั้น .. ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องขาดทุนทุกปี ..มันจะต่างกันก็แค่เรื่องที่ .. ใครทำขาดทุนมาก ใครทำขาดทุนน้อย เท่านั้นเอง !!..

อย่าได้แปลกใจ เหตุใด ?? ตัวเลข ขาดทุนจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขี้ข้านอมินี่ทักษิณ เพียงโครงการเดียว ช่วงปีการผลิต 2554/2555 ทำไมมันถึงขาดทุนฉิบหาย สูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งมันเป็นตัวเลขขาดทุนที่สูงมากกว่า ตัวเลขขาดทุนของโครงการประกันราคา ของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ มากมายมหาศาลถึง .. 2 แสนล้านบาท หรือ...พูดให้เข้าใจง่ายๆ .. ตัวเลข ขาดทุน จำนำข้าว ของ ผีอีเน่า ..เพียงโครงการเดียว 2.6 แสนล้านบาท เอาไปทำโครงการประกันราคาข้าว เพื่อช่วยชาวนา ได้มากมายถึง 4 โครงการ ด้วยซ้ำไป !!..

นโยบายประกันราคา ของ พรรคประชาธิปัตย์ เขาไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ทำไม? ยิ่งลักษณ์ ไม่กลับไปทำล่ะ หากบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ได้คิด ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ก็ต้องกล้าที่จะยุติโครงการจำนำข้าว และ กลับไปใช้โครงการประกันราคา ที่มันขาดทุนน้อยกว่าหลายเท่าซิจริงไหม ??.. นโยบายประกันราคามีมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนาโดยเฉพาะ พี่น้องชาวนาเกษตรกร ทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุน เงินไม่ขาดมือด้วย ไม่ต้องไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ระหว่างรอเงินจำนำข้าวเหมือนโครงการรับจำนำด้วย .. ทำไม ยิ่งลักษณ์ ที่บอกว่า รักชาวนา อยากเห็นพี่น้องชาวนา ลืมตาอ้าปาก เรื่องง่ายๆแค่นี้.. คิดไม่ได้ !!..

ทำไม ? ยิ่งลักษณ์ เมื่อเห็นตัวเลขขาดทุนของจำนำข้าวมันมากมายขนาดนี้แล้ว ..หาก ยิ่งลักษณ์ คิดถึง ชาวนาจริงๆ หาก ยิ่งลักษณ์ อยากช่วยเหลือชาวนาจริงๆ ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องคิดถึง อนาคตของชาวนาไทย และ อนาคตของคนไทยอาชีพอื่นๆทั่วประเทศด้วยว่า ยิ่งลักษณ์ จะต้องไม่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนกันหมดทั้งประเทศ เพราะโครงการจำนำข้าวอัปรีย์ ตลกแดก โครงการเดียวนี้ ของยิ่งลักษณ์ ?? ..

ไม่ใช่ ..ไปแอบอ้างชาวนา อยากช่วยเหลือชาวนา แต่กลับปล่อยให้มีการ ทุจริตคอรัปชั่น ในโครงการจำนำข้าว จนส่อแววว่า ในอนาคต ทั้งชาวนาไทย และ คนไทยอาชีพอื่นๆ จะต้องพบกับความวิบัติฉิบหาย ของโครงการจำนำข้าวเน่านี้ร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ..

เพราะว่า ..โครงการจำนำข้าวเน่า ของ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ขี้ข้านอมินี่ทักษิณนี้ .. มันไม่ได้ดีจริง ตามโม้ !!..

มันไม่ได้ทำให้ชาวนาไทยรวยขึ้นจริงเพราะขายข้าวได้แพง ตามที่มันคุยเอาไว้ !!....

เพราะ ทักษิณ และ โคตรเหง้าเหล่าตระกูล กับ พวกพ้อง นายทุนสามานย์ ของพวกมันนั้น ..

ผูกขาดข้าวทั้งระบบ เอาไว้ในกำมือของพวกมันหมดแล้ว ..

ผ่านโครงการอภิมหาระยำจำนำข้าวเน่า..ผลาญชาติ !!..


วินเซนต์ 8 มิถุนายน 2556

 




#739993 Go So Big .. ฉิบหายไปกันใหญ่ ข้าวไทย ไข่ไทย ..ฉิบหายเละตุ้มเป๊ะ ด้วยน้ำมือ ที...

โดย pglovethai on 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:10

Go So Big .. ฉิบหายไปกันใหญ่ ข้าวไทย ไข่ไทย ..ฉิบหายเละตุ้มเป๊ะ ด้วยน้ำมือ ทีมเศรษฐกิจสมองอนุบาล ของ รัฐบาลผีอีเน่า มันไม่โดนเผารอบนี้ มันจะโดนเผารอบไหน ? อยากจะรู้เหมือนกัน .. คนไทยทั้งหลายจะทน รัฐบาลระยำหมา เซียนโกหกตอแหลพวกนี้ไปได้สักกี่น้ำ ..ก็ในเมื่อ นักการเมืองชั่วๆ นายทุนสามานย์เลวๆ มันโกงแดก แดกโกง จนผลกระทบจากการโกงกินของพวกมัน ..ส่งผลฉิบหายยับ มาถึง ครัวเรือนของเราขนาดนี้เนี่ย ..จะทนกันต่อไปไหวเหร๊อ ??..

ข้าวก็เน่า ไข่ก็แพง ค่าครองชีพแพงขึ้นทุกวี่ทุกวัน.. แถมยังทำ ภาษีประชาชน เจ๊งตามไปเป็น ..แสนๆล้าน เพื่อโยนเข้าพุงหมา พุงมาร นายทุนสามานย์พวกพ้องไปอีกเนี่ย .. มันโดน ระเบิดข้าวเน่า ระเบิดไข่เน่า ..ถล่มแน่ๆ !!..

จริงๆ ข้อมูลของ มูดี้ส์ ที่แสดงตัวเลข เจ๊งบ๊งจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประจำฤดูกาล 2554 -2555 เอาไว้ที่ตัวเลข 2 แสนล้านบาท เนี่ย .. มันยังเป็น ข้อมูลอันตราย หรือ เป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลไทย ในระดับพื้นๆ ตามน้ำมาจาก ข้อมูลของ สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานคณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ที่เพิ่งโดนปลัดกระทรวงการคลัง ย้ายออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากที่ สุภา ปิยะจิตติ ออกมาเปิดเผยตัวเลข เจ๊งบ๊ง จำนำข้าว 2.6 แสนล้านบาท ที่เป็นข่าวโด่งดัง เมื่อช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์ที่ผ่านมา..

ทว่า .. ในความเป็นจริงแล้ว .. โครงการมหาระยำจำนำข้าว ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์รับกรรม แต่..เจ๊ ด. รอแดก แอนด์ ขแมร์ฮุนเซน รับทรัพย์ เพราะข้าวเขมรขายดี ข้าวไทยขายไม่ออกเนี่ย .. มันโดน องค์กรระดับโลก อย่าง WTO หรือ องค์กรการค้าโลก และ เวิลด์แบงก์ ออกโรงเตือนมานานแล้ว และ การเตือนขององค์กรข้ามชาติเหล่านี้นั้น มุ่งเน้นไปที่เรื่องของ ความไม่โปร่งใสของโครงการจำนำข้าวเน่าทั้งระบบทั้งสิ้น ..

ทั้งเรื่องราคารับจำนำที่แพงเว่อร์ ทั้งวิธีการจัดเก็บ ทั้งคุณภาพข้าว เรื่องข้าวเน่า ข้าวเสื่อมสภา และ ที่สำคัญที่สุด ที่ต่างชาติเขาสนใจมากสุดๆ ก็คือ ..ขั้นตอนการระบายข้าวขาย !! ..

โดยเฉพาะ .. องค์การการค้าโลก หรือ WTO เนี่ย ตัวตั้งตัวตีในการกดดันให้ รัฐบาลไทยชี้แจงขั้นตอนการระบายข้าวว่า จะส่งออกเท่าไหร่ ? หรือ จะระบายขายในประเทศไทยเท่าไหร่ ? เนี่ย มันล้วนแล้วแต่เป็น ประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น อาทิเช่น อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และ สหภาพยุโรป โดยเฉพาะ อเมริกา เขาตามติดติดตามเรื่อง โครงการจำนำข้าวเน่า ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แบบติดเป็นตังเมด้วยซ้ำไป เพราะเขากลัวว่า โครงการจำนำข้าวของไทย มันจะไปทำให้การค้าข้าวในตลาดโลก ฉิบหาย และ ปั่นป่วนตามไปด้วย เพราะอเมริกา เขามีข้อมูลวงใน ไส้ในไส้เน่าของเราดี เขาเลยไม่ไว้วางใจ และ เขาเห็นว่าโครงการนี้ รัฐบาลผีอีเน่า ขี้ข้าทักษิณ มันตั้งใจ คิดโครงการขึ้นมาเพื่อทุจริตคอรัปชั่น .. โดยเฉพาะ !!..

แน่นอนว่า .. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มันต้องตอแหลแก้ตัวแก้ต่าง เพื่อจะผลักดันโครงการต่ออยู่แล้ว เพราะโครงการนี้มันทำให้ การโกงแดก แดกโกง ของ พวกมันนั้นทำกันได้ง่าย และ ฟาดผลประโยชน์ ฟาดเปอร์เซ็นต์ กันเต็มเม็ดเต็มหน่วย และ กว่าคดีความฟ้องร้องใน ป.ป.ช. จะสะเด็ดน้ำ ก็รออีกนานหลายเดือน หรือ เป็นปีๆ ธรรมดาที่มันจะรีบมาตอแหลบอกว่า มันจำเป็นต้องผลักดัน หรือ ดันทุรังลากโครงการจำนำข้าวเน่าต่อไป .. แม้จะเจ๊งฉิบหายยังไงก็จะ ลากแดก ต่อไป ..

ด้วยข้ออ้างคำตอแหลเดิมๆเก่าๆ ที่บอกว่า โครงการนี้ดีต่อพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรชาวนา ทำให้ชาวนารายได้ดี และ โครงการจำนำข้าว ไม่ได้ขาดทุน หรือ เจ๊งยับ 2.6 แสนล้าน ตามที่โดนแฉ และ ประจานออกมาจนเป็นข่าวโด่งดัง เพราะ ยิ่งลักษณ์ มันคิดว่า ..มันยังมีเวลาให้โคตรเหง้า และ พวกพ้องทุนสามานย์ พ่อค้าข้าว ทั้งชาวไทย และ ชาวเขมร ของพวกมัน ..หลอกแดกคนไทยทั้งประเทศได้อีก ..หนึ่งฤดูกาลผลิตเต็มๆ !!..

หรือ .. พูดง่ายๆ มันยังมีโอกาสแดกทิ้งทวน ก่อนที่รัฐบาลของมัน..จะม้วนเสื่อจบเห่กันไปนั่นเอง !!..

ที่ มูดี้ส์ เขาส่งสัญญาณเตือนมา แล้ว ไอ้ติ๊กผิด กิตติรัตน์ รมว.คลัง เสือกส่งเหล่าสมุนในกระทรวงการคลัง ออกมาโต้ตอบ มูดี้ส์ ด้วยคำพูดโง่ๆ โดยไปกล่าวหาว่า มูดี้ส์ พยายามจะดิสเครดิตรัฐบาลไทยเนี่ย มันเป็นพฤติกรรมของพวกงี่เง่า แทนที่จะรับเอาคำเตือนของเขากลับมาพิจารณา เพื่อหาทางแก้ไข หรือ ยกเลิกโครงการนี้ไป เอาโครงการประกันรายได้กลับมาใช้ .. มันเสือก ไปโวยวายเขาหาว่า เขากลั่นแกล้ง เขาดิสเครดิตพวกมัน .. ท่าจะบ้าหนัก !!..

ใครเขาจะมา กลั่นแกล้ง หรือ ดิสเครดิต มันด้วยคำพูดลอยๆ หากมันไม่เป็นข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ใครเขาจะกล้ามาโจมตีมันได้ เรื่องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำโครงการจำนำข้าว เจ๊งยับ 2.6 แสนล้านบาทนั้น ก็หน่วยงานของรัฐบาลทั้งนั้น ที่ออกมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ในเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ มูดี้ส์ เขาไปปั่นน้ำเป็นตัว เพื่อมาใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เสียที่ไหน ?? เขาเตือนด้วยความหวังดี เพราะประเทศไทยของเรามีโอกาสโดนลดความน่าเชื่อถือ ..เพราะโครงการมหาระยำจำนำข้าว ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ในอนาคต !!..

โดยเฉพาะ ..ในราวๆ ปี พ.ศ. 2560 ที่ มูดี้ส์ ประมาณการว่า จำนำข้าว มันจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขความน่าเชื่อถือของประเทศไทยนั้น มันก็เคยมี นักเศรษฐศาสตร์ ผู้รู้ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ หลายต่อหลายคน เขาก็ประเมิน และ ทำนายเอาไว้ว่า ..ช่วงประมาณ ปี 2560 เป็นต้นไปนี่แหละ เฉพาะ หนี้ขาดทุนสะสม จากโครงการมหาระยำจำนำข้าว โครงการเดียวนี้เนี่ย มันก็สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยเจ๊งบ๊ง และ เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ เจริญรอยตาม ประเทศกรีซได้แล้ว !! ..

ทว่า ..ความจริงวันนี้ ประเทศไทย มันไม่ได้มีโครงการผลาญแดกแดกผลาญอยู่โครงการเดียว ที่จำนำข้าว นี่ ??..จริงไหม ??..มันยังมีอีกหลายโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อผลาญงบประมาณแผ่นดิน ที่มันก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ หนี้ภาคครัวเรือน ที่มีตัวเลขสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกหลายโครงการยักษ์ใหญ่ ที่ล้วนต่างโกงกินกันบรรลัยไม่แตกต่างกัน ทั้งนั้น !!..

ดังนั้น .. โอกาสเศรษฐกิจของไทย จะเจ๊งยับ และ เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะโครงการประชานิยมโกงกินสนุกสนานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น มันอยู่ไม่ถึง ปี 2560 หรอก ..ช่วงประมาณ ปี 2558 หรือ อีก 2 ปี ข้างหน้านี้เนี่ย หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ และ โครงการประชานิยมทั้งหลายของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังเดินหน้า หลอกแดก แหกตา โกงกิน งบประมาณแผ่นดินอย่างเช่นทุกวันนี้ต่อไป .. เราคนไทยเจอวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ใหญ่กว่า..ต้มยำกุ้ง แน่ๆ !!..

อย่าลืมว่า .. มันยังมีตัวเลขหนี้เน่า ตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือน ตัวเลขหนี้พอกหางหมูจากโครงการประชานิยมอื่นๆ รวมถึง หนี้สินของสถาบันการเงินของรัฐบาลอีก ที่จะทยอยโผล่ออกมาเป็นปัญหาในอนาคตข้างหน้า ไม่ต้องไปนับรวมหนี้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่มันจะกู้มาสร้างรถไฟความเร็วสูงเอาไว้ ขนผักไปแดกที่เชียงใหม่เลย เอาแค่ หนี้เน่าที่มันซุกๆไว้ เหยียบๆไว้ ในช่วง 1 ปี 8 เดือน ที่มันบริหารประเทศมานี่ก็พอ ..เดี๋ยวเห็นผลกันแน่นอน !!..

มันจะค่อยๆโผล่มาเรื่อยๆ และ มันก็จะค่อยๆไปลดความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยทั้งระบบไปเรื่อยๆ ..สุดท้าย ท้ายสุดเราก็จะโดน องค์กรข้ามชาติ สถาบันต่างชาติทั้งหลายเนี่ยแหละ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวเตือน โจมตี จนอาจจะถึงขั้น ..ลดความเน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุด ..

ซึ่งมันจะเป็น จุดอันตรายสุดท้าย ก่อนเราจะค่อยๆ นับถอยหลังเข้าหา คำว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ !!..

ดูหนังหน้า ..ทีมเศรษฐกิจ ที่เรียงหน้าออกมา โชว์ทุย ..ปฏิเสธเรื่อง จำนำข้าว เจ๊งยับ 2.6 แสนล้านบาท แต่ละตัวล่ะ ปวดหัวแทนคนไทยทั้งประเทศจริงๆ .. โดยเฉพาะ ไอ้ ต. ตอแหล 2 ต. ทั้ง ต.เต้น และ ต.โต้ง *** เกิดมาตอแหล และ แหกตาชาวโลกโดยเฉพาะจริงๆ ..ตัวเลขพวกนี้ใครเขาจะไป เมคขึ้นมารายงานกันได้ ..มันเจ๊งกันจริงๆ เจ๊งกันเห็นๆ ..เจ๊งจน ธกส. ร่อแร่ๆ จะเจ๊งตามอยู่แล้ว ส่วน ยิ่งลักษณ์ นั่นน่ะ ..ไม่ต้องไปบรรยายสรรพคุณสมอง สถานการณ์แบบนี้ คิดอะไรไม่ทันหรอก ..เบลอหมด !!..

สุดท้าย ..ก่อนจากกันไป ..อย่าลืม จับตา ตามติด ติดตาม ไข่แพง ของ ผีอีเน่า ให้ดีๆ ตอนนี้ ชาวอีสาน ร้องโอ๊ยๆ กันออกมาแล้ว ..รับไม่ได้กับ ราคาข้าวของแพงแสนสาหัส ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขนาดรักกันปานจะแหกตูดดมกันขนาดนี้ เรื่องปากท้อง เรื่องของแพงนี่ เขายอมกันไม่ได้นะ ..

หลอกใครหลอกได้ แต่อย่าไปหลอกแดก คนอีสานมากเกินไปล่ะ ..เดี๋ยวจะฉิบหาย สูญพันธุ์กันไปทั้งโคตร !!!..

ฐานเสียงสำคัญ ของ ตัวเองแท้ๆ ..ยังแก้ปัญหาเรื่องข้าวยากหมากแพงให้พวกเขาไมได้เลย เอะอะ เอะอะ ไอ้พวกรัฐมนตรีสมองหมาปัญญาควาย อย่าง ไอ้เต้น รมช.พาณิชย์ ก็ออกมาโม้ว่า ..คนไทยฐานะดีขึ้น เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมา แหกปากมั่วๆโง่ๆ ย่ามใจๆ คิดว่า คนอีสาน จะให้ใจเต็มร้อยเหมือนเดิม นั่นน่ะ ..

ระวังดีๆ ตอนนี้กระแสไม่พอใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในภาคอีสาน เริ่มก่อตัวรุนแรงขึ้นมาทีละนิดๆ ..

ไม่นานหรอก .. บึ้มกันแน่ๆ เรื่องข้าวยากหมากแพง ไข่ไก่ *** โคตรแพง นี่แหละ ..

ไม่นานหรอก เมิงงงงง..ระเบิดไข่ มีหวังแตก ..ใส่หน้า ผีอีเน่า แน่นอน !!!..


วินเซนต์ 5 มิถุนายน 2556

 




#737400 มารยาทไม่เคร่ง คุณธรรมไม่แคร์ ...สารส้ม

โดย pglovethai on 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:05

มารยาทไม่เคร่ง คุณธรรมไม่แคร์

 

image001%2844%29.jpg
 
พฤติกรรมของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี สะท้อนวุฒิภาวะที่เตี้ยต่ำ
 
คนไทยจะต้องไม่นิ่งเฉยกับพฤติกรรมของนักการเมืองพรรค์อย่างนี้
 
1) ก่อนอื่น... ลองนึกถึงกรณีผู้เข้าแข่งขันรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ชื่อ "สิทธัตถะ เอมเมอรัล" ออกมาโชว์ร้องเพลงเปาบุ้นจิ้น โดยไม่ยอมทักทายผู้ชมและกรรมการ
 
พูดจาห้วนๆ ไม่มีหาเสียง ไม่มีคำว่า “ครับ”
 
กรรมการคนหนึ่งถามว่า “แม่ไม่สอนให้พูดครับใช่ไหมจ้ะ”
 
ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นเยาวชนคนนี้ตอบว่า “พอดีที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท เพราะเห็นว่าคุณธรรมสำคัญกว่า”
 
หลังเหตุการณ์ ปรากฏเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง โดยเฉพาะที่มีต่อรายการว่านำเยาวชนที่มีจิตไม่ปกติมาใช้เป็นเครื่องมือสร้าง เรตติ้งให้กับรายการ
 
และประโยคที่ว่า “ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท เพราะเห็นว่าคุณธรรมสำคัญกว่า” ก็กลายเป็นวลีที่ถูกนำไปล้อเลียนและวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปอย่างกว้างขวาง
 
2) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) ดูแลเงินกู้โครงการน้ำ 350,000 ล้านบาท ได้ขึ้นเวทีปราศรัยบนเวที "เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย" ซึ่งจัดโดยพรรคเพื่อไทย ที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
 
บางตอน กล่าวถึงประชาชนต้องการชุมนุมประท้วงในช่วงที่มีการประชุมน้ำด้วยถ้อยคำหยาบคาย กักขฬะ
 
 “ช่วงที่ประชุมน้ำ มีไอ้พวกบ้าบอคอแตกไปประท้วง แล้วท่านทั้งหลายจัดคณะไปเก็บขยะ มันก็โกรธผมนะ ว่าไปด่ามันว่าขยะ ที่จริงยังน้อยไปนะ ในใจ อยากจะด่า ไอ้*** ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ได้ด่า เพราะกลัวเขาฟ้องนะครับ
 
นอกจากนี้ นายปลอดประสพยังกล่าวบริภาษคนที่คิดต่างจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ กู้เงิน 2 ล้านล้าน เงินเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยบอกว่า “ไอ้พวกนี้ชิงหมาเกิด ถ้ามันตายขอให้เกิดมาเป็นหมาจริงๆ หรือถ้าไม่เป็นหมา ให้เกิดปีจอแล้วกัน”
 
พฤติกรรมของรองนายกรัฐมนตรี ที่ด่าประชาชนว่า “ขยะ” - “ไอ้***” และ “ไอ้พวกชิงหมาเกิด” เยี่ยงนี้ สะท้อนถึงมารยาทต่ำทรามของผู้พูดอย่างหมดเปลือก
 
สงสัยว่า “ที่บ้านจะไม่เคร่งเรื่องมารยาท”
 
โตจนแก่ป่านนี้แล้ว ถึงได้มีพฤติกรรมหยาบคาย หยาบช้า และกักขฬะ ถึงเพียงนี้
 
3) ยิ่งกว่านั้น รองนายกฯ ปลอดประสพ ยังกล่าวเปิดเผยวิธีคิดในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่าง โล่งโจ้ง ประเด็นที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยกเลิกโครงการศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ตอีก ด้วย
 
“วันนี้ไนท์ซาฟารีกลับมาอยู่กับพวกเราแล้ว กลับมาอยู่กับผม ภายใต้ชื่อใหม่คือ พิงคนคร มีศูนย์ประชุมซึ่งสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นคนสร้าง ผมและ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเลือกที่ดิน สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์บอกว่าเชียงใหม่ไม่เข้าท่า จะไปสร้างที่ จ.ภูเก็ต แต่เราก็สร้างที่เชียงใหม่จนสำเร็จ มันก็ทวงให้เราไปสร้างที่ภูเก็ต ยังไม่สร้างให้จะมีปัญหาไหม วันหน้าจะสร้างแน่นอนเมื่อภูเก็ตเห็นความดีของพวกเรา และเลือกคนของเรา วันนั้นผมจะไปทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำ”
 
                สะท้อนความไร้คุณธรรมของผู้บริหารประเทศที่คิดและพูดออกมาเยี่ยงนี้
 
ในความเป็นจริง โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ได้รับอนุมัติงบประมาณไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มูลค่า 2,600 ล้านบาท คนละส่วนกับงบก่อสร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ แต่กลับมาถูกยกเลิกไปโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
 
นายปลอดประสพโกหก เพื่อหวังสร้างความเกลียดชัง แบ่งแยกประชาชน โดยใส่ร้ายว่ารัฐบาลพรรคคู่แข่งขัดขวางการสร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัด เชียงใหม่ ทั้งๆ ที่ ไม่เป็นความจริง
 
                ยิ่งกว่านั้น ยังเหิมเกริม ย่ำยีความรู้สึกประชาชน โดยประกาศกึ่งๆ สารภาพว่า เหตุที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตนั้น ก็เพียงเพราะคนภูเก็ตไม่เลือกคนของพรรคเพื่อไทย
 
                ทั้งๆ ที่ จังหวัดภูเก็ตสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 180,000 ล้านบาท รองจากกรุงเทพฯ ที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยว 400,000 ล้านบาท และโครงการนี้ได้รับการคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยว และดึงดูดการจัดการประชุมให้มาลงที่ภูเก็ตอีกจำนวนมาก
 
การยกเลิกโครงการไปแบบนี้ ก็เสมือนปล้นโครงการไปซึ่งๆ หน้า
 
                นักการเมืองที่กระทำเยี่ยงนี้ “สงสัยพรรคจะไม่แคร์เรื่องคุณธรรม” รัฐบาลจึงได้บริหารราชการแผ่นดินโดยไร้คุณธรรม ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน แต่เอาตัณหาทางการเมืองของพรรคพวกตนเป็นใหญ่
 
4) ***เจ้านายเป็นอย่างไร ขี้ข้าก็มีพฤติกรรมอย่างนั้น?
 
                เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2548 ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
 
บอกว่า “ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้”
 
หลังจากแสดงพฤติกรรมเหิมเกริมเช่นนี้ เมื่อทับถมเข้าไปกับความเลวทรามของระบอบทักษิณในอีกมากมายหลายเรื่อง ประชาชนที่ทนไม่ไหวก็ลุกฮือ การต่อต้านรัฐบาลทักษิณก็ขยายวงกว้างมากขึ้น และมากขึ้น
 
สุดท้าย ก็เดินไปถึงจุดจบของรัฐบาลทักษิณ!
 
***นักการเมืองและจุดจบของนักการเมือง เจ้านายกับขี้ข้า มันจะซ้ำรอยเหมือนกันหรือไม่?
 
 



#737395 ข่าวมูดี้ส์ จะปรับลดเรทติ้ง ไม่มีใครคุยบ้างหรือ

โดย pglovethai on 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:01

คลัง-พาณิชย์ดิ้นพล่าน

ไม่มีข้อมูล

แจงมูดี้ส์เจ๊งจำนำข้าว โทษกันนัว”หมก”ตัวเลข “ปู”ปรี๊ดแตกใส่”บุญทรง” ธปท.-เอกชนผวา”หายนะ”

 

หลังสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสระบุ ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554-2555 และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการที่รัฐบาลยืนยันเดินหน้าโครงการ ดังกล่าวต่อไป ทำให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุลภายในปี 2560 ได้ยาก และเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของไทย ซึ่งแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 

นายกฯสั่งคลังส่งข้อมูลแจงมูดี้ส์

 

               น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนว่า ได้ยินจากข่าวและสั่งให้กระทรวงการคลังติดตามการวิเคราะห์ของมูดี้ส์อย่าง ใกล้ชิด เราพร้อมให้ข้อมูล โดยจะให้หน่วยงานต่างๆส่งข้อมูลไปให้ครบถ้วนในวันที่พิจารณา ซึ่งไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาอย่างไร

 

                ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงไม่ชี้แจงตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการ ต้องรอกระทรวงพาณิชย์ส่งรายงานมา

 

อ้าง“บุญทรง”ยันตัวเลขเคลื่อน

 

                ถามต่อว่าก่อนหน้านี้มีข่าวโครงการจำนำข้าวขาดทุนถึง 2.6 แสนล้านบาทจริงหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ได้ยืนยันในที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่าตัวเลขไม่ตรงกัน ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ  เพราะอย่างไรก็ต้องทำสรุปมาทีหลัง

 

                เมื่อถามย้ำว่านายกฯสนใจตัวเลขขาดทุนโครงการจำนำข้าวหรือไม่ และรายงานมาที่นายกฯหรือไม่ นายกฯกล่าวเสียงเข้มว่า “ก็ยังไม่มีไงค่ะ ต้องให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องตรวจสอบก่อน”

 

“ปู”ฉุนบุญทรงหมกเม็ดจำนำข้าว

 

            หลังประชุมครม. รท.หญิงสุนิสา เลิศภควัต  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้ทุกกระทรวงที่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงระหว่างการประชุม พิจารณา ร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2557 รวบรวมข้อมูลแถลงต่อสื่อมวลชน เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

 

          แหล่งข่าวจากทำเนียบฯเผยว่า ก่อนประชุมครม. นายกรัฐมนตรีมีท่าทีเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และระหว่างประชุมได้สอบถามรมว.พาณิชย์ว่า ได้แถลงชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้าน และมูดี้ส์โจมตีโครงการจำนำข้าวหรือยัง พร้อมถามหาเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยว่าส่งมาให้หรือยัง ซึ่งนายบุญทรงไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่กล่าวว่า “จะเร่งส่งมาให้ครับ” ทำให้นายกฯไม่พอใจมาก  เมื่อให้สัมภาษณ์หลังประชุมในเรื่องจำนำข้าว นายกฯชี้แจงเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ได้รับรายงาน

 

           แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า  การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยวันก่อน  ได้ขอให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านโจมตีโครงการจำนำข้าวขาด ทุนถึงขั้นย้ายรองปลัดกระทรวงการคลังที่ดูแลข้อมูลตัวเลขส่วนนี้  แต่เลขานุการ รมว.พาณิชย์ก็ไม่มีการแถลงข่าวหักล้างประเด็นฝ่ายค้านแต่อย่างใด

 

เปิดทำเนียบฯให้ชาวนาเข้าพบ

 

                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังประชุมครม. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรฯนำผู้นำชาวนาจากทั่วประเทศ เข้ารับฟังนโยบายข้าวจากนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ปี 2556 ที่ทำเนียบฯ โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับชาวนา พยายามยกระดับความเป็นอยู่ และรายได้ให้ดีขึ้น โดยนำระบบจำนำข้าวมาใช้ เพื่อให้ราคาข้าวเหมาะสมกับต้นทุนการผลิต ชาวนาได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพัฒนานโยบายที่เป็นประโยชน์

 

                จากนั้นนายกฯเดินพบปะพูดคุยกับตัวแทนชาวนาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง ขณะที่ตัวแทนชาวนาได้ขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการรับจำนำข้าว และสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการต่อ พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลผลักดันพ.ร.บ.ส่งเสริมการประกอบอาชีพชาวนาไทย พ.ศ. .....ซึ่งนายกฯได้รับไว้พิจารณา

 

 “บุญทรง”พล่านสั่งเช็คข้อมูลจำนำข้าว

 

                ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงถึงตัวเลขโครงการจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทว่า  นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ มีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูล หลังกระทรวงการคลังรายงานและจัดทำข้อมูลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวแล้ว โดยระบุผลการดำเนินโครงการขาดทุนสะสมกว่า 2 .6 แสนล้านบาท  นอกจากนี้ ได้ขอให้รมว.คลังจัดส่งข้อมูลดังกล่าวมาให้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำมาตรวจสอบและเปรียบเทียบข้อมูล คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจน ทั้งนี้ แต่ละหน่วยงานใช้ฐานการคำนวณที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูลปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว จึงต้องนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน

 

“เต้น”โต้ขาดทุนไม่ถึง2.6แสนล.

 

                ส่วนรายงานสรุปของกระทรวงการคลังที่ระบุโครงการจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเนื้อหารายงานดังกล่าว แต่ยืนยันได้ว่า ไม่เป็นตัวเลขที่คำนวณได้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงของโครงการ  เพราะจนถึงขณะนี้สามารถคืนเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากการระบายข้าวไปแล้วประมาณ 1.4 แสนล้านบาท บวกกับปริมาณข้าวที่อยู่ในโกดังของโครงการที่กำลังเร่งเจรจาขาย ก็น่าจะได้ตัวเลขอีกจำนวนหนึ่ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่โครงการรับจำนำข้าวจะขาดทุนสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลัง  ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่า พยายามขอข้อมูลมาตลอด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไม่ได้เป็นความลับ จะมีแต่เพียงคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าโครงการจำนำข้าว ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับรายงานของกระทรวงการคลังอ้างถึง ทำให้ตนแปลกใจทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงรู้ข้อมูลได้รวดเร็วขนาดนั้น

 

ชงจำนำข้าวสัญจรกลบกระแสเจ๊ง

 

                นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวมาจากหลายฝ่าย  ทำให้สังคมสับสน ตนจึงหารือกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสนอโครงการรับจำนำข้าวสัญจร จับเข่าคุยเกษตรกรชาวนาไทย โดยรัฐบาลจะตระเวนลงพื้นที่ทั่วประเทศ ชี้แจงข้อมูลโครงการจำนำข้าว ซึ่งนายกฯเห็นชอบอนุมัติแล้ว โดยจะเริ่มโครงการนี้ที่จ.พิษณุโลกแห่งแรก เพราะจะมีประชุมครม.สัญจรวันที่ 9-10 มิถุนายนนี้

 

คลังกุมขมับไม่มีข้อมูลแจงมูดี้ส์

 

            ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลโครงการรับจำนำข้าว เพื่อชี้แจงต่อมูดี้ส์ที่สอบถามเข้ามา โดยระบุว่าอาจมีผลต่อการปรับลดเครดิตของประเทศไทย เพราะเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นภาระการคลัง ทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้น

 

            แหล่งข่าวกระทรวงการคลังยอมรับว่า ข้อมูลจำนำข้าวจะเป็นปัญหากับเครดิตของประเทศหากไม่เปิดเผยก็ถูกสถาบันจัด อันดับมองด้านลบ หากเปิดเผยว่าเสียหายมาก ทำให้สถาบันจัดอันดับใช้เป็นเหตุผลลดเครดิตทันที    สำหรับตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวปีแรกที่มีข่าวระบุสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่าเป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริง และการจำนำข้าวปีที่ 2 ของรัฐบาลก็ยังไม่มีรายงานผลขาดทุน ทำให้กระทรวงการคลังไม่มีข้อมูลชี้แจงมูดี้ส์

 

แฉพณ.-ธ.ก.ส.อ้างความลับปิดข้อมูล

 

            แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ การรวบรวมข้อมูลโครงการรับจำนำเป็นเรื่องยาก เนื่องจากกระทรวงการคลังรู้แต่ข้อมูลเงินกู้ที่ใช้ในโครงการนี้จำนวน 4.1 แสนล้านบาท และสภาพคล่องของธ.ก.ส.อีก 9 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 5 แสนล้านบาท  ต่อมาธ.ก.ส.ใช้เงินเกินสภาพคล่อง ที่ได้รับความเห็นชอบจากครม. แต่ไม่ยอมเปิดเผยจำนวนเงิน เพราะอยู่ระหว่างเสนอให้ครม.เห็นชอบการใช้เงินย้อนหลัง ทำให้คลังไม่มีข้อมูลแท้จริงว่าโครงการจำนำข้าวใช้เงินไปเท่าใด

 

            ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าว โดยอ้างเป็นความลับ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังเสนอให้กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อมูลการรับจำนำข้าว ให้ครม. รับทราบทุกสัปดาห์เหมือนโครงการไทยเข้มแข็ง แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่เห็นด้วย ทำให้การติดตามความคืบหน้าของโครงการเป็นไปได้ยาก   อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังต้องหาข้อมูลชี้แจงมูดี้ส์ให้ได้ว่า การรับจำนำข้าวรอบใหม่จะใช้เงินเท่าใด เพราะมูดี้ส์จับตามองว่าถ้าต้องกู้เงินเพิ่ม ทำให้ฐานะการคลังของประเทศมีปัญหา ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ลดเครดิต แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร

 

แบงค์ชาติผวาภาคเอกชนอ่วม

 

                ทางด้านนางผ่องเพ็ญ  เรืองวีรยุทธ  รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หากมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ผลจากโครงการจำนำข้าวขาดทุน ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท  รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เพราะการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหมายความว่าไทยมีความเสี่ยงทาง เครดิตเพิ่มขึ้น ต้องถูกชดเชยด้วยผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คงต้องรอฟังผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการ

 

หอค้า-สภาอุตฯชี้โดนหั่นพังแน่

 

                มีความเห็นจากนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยว่า หากมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยจะมีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเงิน ของประเทศและภาคเอกชน ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น เพราะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในไทย เนื่องจากนักลงทุนจะใช้อันดับความน่าเชื่อถือเป็นตัวชี้วัด ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยด้วย ซึ่งในบริษัทเอกชนก็มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ถ้าบริษัทใดได้ความน่าเชื่อถือระดับ A จะทำให้การขอสินเชื่อได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าระดับ B

 

                สอดคล้องกับ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศมีผลต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะความเชื่อมั่นที่ดีกว่าจะทำให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่า แต่ต้องรอดูประกาศอย่างเป็นทางการของมูดี้ส์ก่อนว่าใช้เหตุผลอะไรในการ พิจารณา

 

ปชป.แฉไอ้โม่งจ้องฟันส่วนงบรถตู้

                วันเดียวกันนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวพร้อมนำใบเสนอราคาของรถตู้โดยสาร 16 ที่นั่ง หลังคาสูง รุ่นคอมมูเตอร์ อยู่ที่ราคาคันละ 1,164 ,000บาท และรถตู้หลังคาเตี้ย 12 ที่นั่ง รุ่นไฮแอท อยู่ที่ 962,000บาท มาแสดงกับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า ราคาถูกกว่าที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณา โดยตั้งราคาครั้งแรกไว้สูงถึงคันละ 2.3 ล้านบาท แต่รมช.ศึกษาธิการชี้แจงว่าพิมพ์ผิด ข้อเท็จจริงราคาคันละ 1,232,400 บาท เมื่อเทียบราคาตลาดอยู่ที่คันละ 962,000 บาท พบว่าราคาต่างกันถึงคันละ 270,000 บาท พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากส่วนต่างจากการจัดซื้อรถตู้จาก โครงการนี้หรือไม่ และขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาดูแล อย่าลอยตัวเหมือนปัญหาอื่น

 

http://www.naewna.com/politic/54406




#737344 ระบอบแม้วกินตัวเอง !!

โดย pglovethai on 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:43

 00 แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า "ของปลอม" ต่อให้อำพรางหรือทำเลียนแบบให้เหมือนจริงแค่ไหนก็ตามแต่ในที่สุดแล้วเมืื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง อาจสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับการ "สังเกต"เห็นหรือจับได้ไล่ทันเมื่อไหร่ แต่ในที่สุดก็ต้องรู้ความจริงจนได้แหละน่า เหมือนกับ "ระบอบทักษิณ" ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เมื่อสังคมเริ่มมองเห็นถึงความห่วย ไร้ประสิทธิภาพ คอรัปชั่นเป็นเผด็จการที่อำพราง"ซ่อนรูป"มากับประชาธิปไตย ที่สำคัญ "โคตรคอรัปชั่น"ตัวพ่อเลยละ เพียงแต่ว่า "เนียน"กว่า ใคร เพราะซื้อสื่อ ปบ่งเศษเงินให้กับข้าราชการไม่ให้โวยวาย อีกทั้งใช้การโฆษณาชวนเชื่อจนได้ผล ซึ่งในระยะแรกก็ยังใช้ได้ผล แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยความด้อยประสิทธิภาพ ไม่ใช่ของจริงดังกล่าวมันก็ต้องประจานตัวเองออกมาให้เห็นเรื่อยๆ จะโบ้ยโทษใครก็ไม่ได้แล้ว
       
       00 แรกๆก็อ้างว่า "อำมาตย์"กลั่นแกล้งขี้อิจฉากลัวว่าชาวบ้านรากหญ้าจะรวย น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 54 เห็นได้ชัดที่สุด มีสาเหตุมาจากความห่วยของคนในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วน ที่บริหารจัดการน้ำผิดพลาด ถัดมาก็เป็นเรื่องจำนำข้าว ที่เวลานี้เจ๊งยับ ส่วนตัวเลขไม่รู้แน่ชัดว่าเท่าไหร่กันแน่ เพราะทั้งพาณิชย์ กระทรวงการคลังกำลังช่วยกันปิดบัง ข้าราชการคนไหนที่บังอาจนำความจริงมาเปิดเผยก็ต้องถูกย้ายเซ่นสังเวยซะ เรื่องจำนำข้าวนี่แหละที่ทำท่าว่าจะ "บานปลายไม่หุบ"เพราะล่าสุด "มูดี้ส์"ออกมาแจมโดยเตือนว่าหากยังดันทุรังก็จะเสี่ยงต่อการถูก "ลดเครดิต" อีกทั้งก่อนหน้านี้มีเสียงเตือนว่าจะกระทบต่อเรื่องการ "อุดหนุนสินค้า"ผิดกฎองค์การการค้าโลก นี่แหละจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม "เสี่ยโต้ง"กิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลังในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลต้องยืนยันเสียงแข็งว่าไม่จริง ขณะที่ รมว.พาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ เพิ่งกลับจากร่วมคณะไป "อาบแดด"ที่มัลดีฟส์กับคณะนายกฯคนสวยยังไม่หายงัวเงียส่งลูกน้อง อย่างปลัดฯพาณิชย์ วัชรี วิมุกตายน มาประสานเสียงว่าไม่จริ๊งไม่จริง ก็จะลองดูว่าจะปิดบัง แข็งขืนไปได้อีกนานเท่าไหร่
       
       00 มาถึงเรื่องใหญ่อย่าง "ของแพง" ที่เวลานี้โดนเข้าไปเต็มๆ งานนี้คงไม่เกี่ยวกับถูกแกล้ง หรือผลงานของพวกขัดขวางประชาธิปไตยแน่นอน เพราะนอกจาก "ไข่แพง" แล้วสินค้าทุกอย่างมันขยับขึ้นไปพรวดพราดแบบ "แพงทั้งแผ่นดิน" จริงๆ แต่สินค้าเกษตรฯตัวหลักที่อยากให้แพงกลับตรงข้าม ที่โม้ว่า จะกระชากค่าครองชีพลงมา ด่าคนอื่นว่าดีแต่กู้ หรือ กู้มาโกง แล้วเป็นไง เสียงโวยวาย"ร้อยชัก30" ดังกระหึ่ม และนี่เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น หายนะกว่านี้ให้รออีกนิดหนึ่ง ทุด!!
       
       00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เริ่มมีสารพัดม็อบสารพัดรูปแบบ"ร้องยี้"ออกมาต่อต้าน ล่าสุดในสัญลักษณ์ "หน้ากากขาว" ที่ออกจากโลกไซเบอร์ลงมาเดินบนถนนในย่านธุรกิจสีลม แม้วัดจากปริมาณที่เห็นยังน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากอาการหวั่นไหวของพวก "ระบอบทักษิณ"โดยพยายามดีสเครดิตฟันธงมาจาก เฉลิม อยู่บำรุง เจ้าเก่าว่าเปลี่ยนรูปมาจากพวก "เสื้อเหลือง" รวมไปถึงลิ่วล้อในรัฐบาลที่ออกมา "เรียกแขก" ว่าเป็นพวกยั่วยุการรัฐประหาร ก็ขอให้ประเมินแบบนั้นจริงๆก็แล้วกัน พูดถึงพวกหน้ากากขาวแล้วเชื่อว่าในสุดสัปดาห์นี้น่าจะมีการนัดหมายเคลื่อน ไหวกันอีก ก็ต้องจับตาว่าจะถูก "อำนาจรัฐ-หน้ากากแดง"ขัดขวางอีกหรือไม่ ทุกอย่างกำลังงวดเข้ามา แต่ที่หวั่นไหวก็มีแต่ ทักษิณ ชินวัตร เพราะไม่รู้จะได้"กลับบ้านอย่างเท่วันไหน" เชื่อใครไม่เชื่อดันไปเชื่อ คนปากบอน เอ้ยคนบางบอน !!
       
       00 เริ่มทะ***ทันทีหลังจาก อธิบดีดีเอสไอ ธาริต เพ็งดิษฐ์ แอ่นเข้ามาจับคดี "นำเข้ารถหรู" หลัง จากเกิดเหตุไฟไหม้ระหว่างทางขณะขนส่งไปจดทะเบียนที่จังหวัดศรีสะเกษแล้ว เรื่องราวบานปลายทำให้เห็นขบวนการโกง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกันคนรวยในฟากรัฐบาลอีกนั่นแหละ หากินกันเป็นแก๊ง ล่าสุด ไชยา สะสมทรัพย์ ออกมาปฏเสธว่าหลานชายคือลูกของรมว.แรงงาน เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ซึ่ง เป็นน้องชายไม่ได้เกี่ยวข้อง แม้ว่าหนึ่งในรถหรูดังกล่าวที่เกิดไฟไหม้มีหมายเลขทะเบียนเคยเป็นของหลานชาย คนดังกล่าวก็ตาม เพราะมีการเปลี่ยนทะเบียนใหม่ เพราะไม่ชอบหมายเลข ไม่เกี่ยวกับขบวนการผิดกม.แต่อย่างใด ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ว่ากันไป แต่ที่บอกว่าทะ***ก็เป็นเพราะความ "ไร้ราคา"ของ ธาริต นั่นแหละ ทำให้เกิดความสงสัยทันทีว่าที่ลงมาทำคดีเพื่อ "ตัดตอน"ไม่ให้สาวไปถึงใครหรือเปล่า อีกไม่นานก็คงได้พิสูจน์กัน !!

 

 

http://www.manager.c...D=9560000067353




#737264 หน้ากากขาวทำเอาสะท้าน

โดย pglovethai on 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 05:40

                ยังไม่มีความชัดเจนเท่าใดนักสำหรับท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อกรณี "กลุ่มหน้ากากขาว" ที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

                หากแต่เป็นในส่วนของรัฐบาลที่ส่ง ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลง (จริงๆ น่าจะเรียกว่า "ฉะ" เสียมากกว่า) ตอบโต้การเคลื่อนไหวดังกล่าว

                บทสรุปของรัฐบาล (ผ่านปากรองโฆษกรัฐบาล) ก็คือ สังคมยังมีการปะทะกันระหว่างความคิด 2 ขั้ว คือ 1.ประชาชนที่รักประชาธิปไตยและสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 2.ตัวแทนกลุ่มอำนาจเก่าที่กลัวจะเสียอำนาจและเคยออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณมา แล้ว

                ก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เคยพูดๆ มาแล้วในก่อนหน้านี้ แล้วก็ตอกย้ำอีกครั้งในรูปแบบเดิมๆ

                “น่าแปลกว่า สังคมบ้านเรายังมีคนที่ตั้งข้อรังเกียจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่เคยรังเกียจการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่เป็นวงจรอุบาทว์ ขอถามว่า ประเทศไทยยังบอบช้ำไม่พออีกหรือ..."

                ถึงแม้ว่าตอนท้ายจะยืนยันว่า รัฐบาลเคารพสิทธิการชุมนุมของทุกคน แม้จะคิดต่างจากรัฐบาล...นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้คนที่ฟังถ้อยแถลงที่เจือด้วย ความขุ่นเคืองรู้สึกเป็นอย่างอื่น

                ถึงแม้ว่ายังจับความรู้สึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลนั้น ชัดเจนว่า กำลัง "รู้สึก" ถึงการเคลื่อนไหวของ "กลุ่มหน้ากากขาว" และอาจรวมไปถึง "ไทยสปริง" ที่ออกมาก่อนหน้า

                เพราะการที่พยายามลากโยงให้กลุ่มผู้คนที่ชิงชังรัฐบาลว่าเป็นกลุ่มที่สนับ สนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เห็นว่าเป็นเรื่องของ "เกม" การเมือง ก็เพื่อจะทำให้เห็นว่า ผู้ชุมนุมนั้นมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่

                สิ่งที่แสดงออกมาจึงดูเหมือนว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง จนต้องยอมเสี่ยง

                ยอมเสี่ยงที่จะเปิดโปงจุดนี้กับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

                โดยทั้งที่รู้ว่า กลุ่มหน้ากากขาวนั้น จนวันนี้ยังหาแกนนำ ผู้ริเริ่มไม่เจอเลย

                แต่สิ่งที่ปรากฏก็คือ จำนวนผู้ชุมนุมนั้น เริ่มมีมากขึ้น

                ยิ่งมากเท่าใดก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพี่ชาย ได้สูญเสียกลุ่มคนชั้นกลางของเมืองหลวงไปมากเท่านั้น

                สูญเสียกลุ่มสำคัญในโลกโซเชียลมีเดียที่จะเป็นผู้ลงคะแนนให้ไปมากขึ้นทุกขณะ

                กลุ่มผู้ชุมนุม "ไม่เอารัฐบาล" ครั้งนี้อ าจจะแตกต่างจาก ม็อบสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วพัฒนาการจนมาเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อหลายปีก่อน

                นั่นก็เพราะต่างคนต่างมา แต่ทุกคนมีความรู้สึก มีความต้องการทางการเมืองเฉกเช่นเดียวกัน

                แทบทุกคนใช้ช่องทางการติดต่อสื่อสาร นัดหมายการชุมนุมจากโลกโซเชียลมีเดียเช่นเดียวกัน

                เมื่อไร้แกนนำ ก็ไร้รูปแบบ

                เมื่อไม่มีรูปแบบก็ยากที่จะรับมือ-จัดการ

                พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท. ที่ดูแลเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประกาศตั้งวอร์รูมเพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ใช้ช่องทางการสื่อ สารผ่านโซเชียลมีเดีย จึงเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้

                แม้จะอ้างถึงคนโรคจิตที่ไปโพสต์ข้อความข่มขู่ว่าจะเกิดเหตุระเบิดอีกครั้ง ภายหลังเหตุระเบิดที่หน้าซอยรามคำแห่ง 43/1 มาแล้ว ว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องตั้งวอร์รูมขึ้นมาจับตาเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ด้วยเหตุปัจจัย-บรรยากาศการเมือง ทำให้ยากที่จะคล้อยตามโดยไร้คำถาม

                เอาแค่นั้นจริงเหรอ ?

                อย่างที่รู้กัน โซเชียลมีเดียนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก ก็สามารถสื่อสารถึงกันได้หมด ตราบใดที่ยังมีคลื่นสัญญาณ

                การตั้งวอร์รูมเอาไว้ก่อนอาจจะแสดงให้เห็นว่า "ไม่ประมาท" แต่การนัดชุมนุม นัดพบปะกันที่นั่นที่นี่ ย่อมเป็นการยากที่จะจัดการได้อย่างไร

                ต่างจากการเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร ที่ยากก็แค่สั่งการให้กำนันผู้ใหญ่บ้านพาลูกบ้านมาพบปะกับนายกฯ ได้ชนิด บอกปุ๊บได้ปั๊บ

                ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยมั่นใจว่า ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งรัฐบาลนี้ได้

                แม้กระทั่งกองทัพ ที่สุดท้ายตกอยู่ในวงล้อมของการเมือง จนวันนี้ก็ยากที่จะขยับตัว หรือสลัดพันธนาการบางอย่างที่ถูกร้อยรัดเอาไว้

                รัดจนถูกมองว่า กองทัพไม่ทันเกมการเมือง!

                แต่นั่นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้กลุ่มหน้ากากขาว รวมทั้งกลุ่มไทยสปริง ออกมาขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน

                เพราะสุดท้ายพวกเขาก็เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ หาได้เกิดจากผู้อื่น หรือกองกำลังอื่นใดไม่

                แม้กระทั่งการเคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงเพื่อมาให้กำลังใจ ถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการ ที่เพิ่งได้รับคำพิพากษาจากศาลปกครองกลางสั่งให้รัฐบาลคืนความยุติธรรม กลับไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

                ให้กำลังใจ ก็เพื่อให้ต่อสู้กับอำนาจการเมือง

                เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า เมื่อเกิดเรื่องลักษณะเช่นนี้ไม่ว่ากับใคร กลุ่มใด มวลชนกลุ่มที่ "ไม่เอารัฐบาล" จะเดินทางไปให้กำลังใจ ขยายเครือข่ายกลายเป็นพลังต่อต้านรัฐบาลมากยิ่งขึ้น

                ถึงแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีแกนนำ ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อน เพราะไม่สามารถผนึกแน่นจนต่อกรกับรัฐบาลได้ แต่ในอนาคต แม้จะไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นเช่นใด แต่สัญญาณก็พอจะเห็นแล้วว่า "ความไม่พอใจรัฐบาล" นั้น ได้เพิ่มขึ้น และกล้าแสดงตัวมากขึ้น

                รอเพียงว่า วันใดที่เกิดจุดผิดพลาดบกพร่องของรัฐบาลที่ยิ่งใหญ่จนคนที่เหลือทนไม่ไหว รับไม่ได้ พร้อมใจกันลุกขึ้นมาเท่านั้น

 

 

 

 

ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา http://www.komchadlu...ำเอาสะท้าน.html